[KNB fic : Aokuro] Can you see your own shadow?   - [KNB fic : Aokuro] Can you see your own shadow?   นิยาย [KNB fic : Aokuro] Can you see your own shadow?   : Dek-D.com - Writer

    [KNB fic : Aokuro] Can you see your own shadow?  

    มันเหมือนกับเจอ....กล่องดนตรีที่เก็บไว้นาน เมื่อไขลาน ทำนองเพลงที่คุ้นเคยก็บรรเลงออกมา ทำนองเพลงที่บรรเลงโดยคนสองคน....เพื่อย้อนเวลากลับไปในอดีตที่หวนหา

    ผู้เข้าชมรวม

    1,955

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    1.95K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    57
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ก.ย. 57 / 21:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีค่ะ ยูเมะรินค่ะ ^^

    ฟิค Aokuro เรื่องแรกค่ะ ฝากด้วยนะคะ  เขียนเพราะอยากเห็นฉากอาโฮ่ง้อน้องครกโดยเฉพาะเลยค่ะ ><  ถ้าเรื่องนี้ทำให้ฟินจนม้วนตัวได้ก็จะยินดีมากเลยค่ะ   เรื่องนี้จะออกแนวดราม่าตามสไตล์ของคู่หูฟ้าดำค่ะ ส่วนชื่อเรื่องนี้ใช้ชื่อนี้เพราะว่าอยากจะประชดอาโฮ่ล้วนๆค่ะ (ฮา)


    Intro
     
    มันเหมือนกับเจอ....กล่องดนตรีที่เก็บไว้นาน  เมื่อไขลาน ทำนองเพลงที่คุ้นเคยก็บรรเลงออกมา ทำนองเพลงที่บรรเลงโดยคนสองคน....เพื่อย้อนเวลากลับไปในอดีตที่หวนหา
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title :  Can you see your own shadow?                                                          ~

      ~もうその手を離さないんだ~


      Type :  Romance, Drama, Yaoi

      Pair : Aomine Daiki x Kuroko  Tetsuya

      Rate : NC-17

      Writer : Yumerin

       

                      หนุ่มผิวดำ ร่างสูงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เค้าเคยจากมานาน เขาเดินผ่านสนามบาส  ได้ยินเสียงเลี้ยงลูกบาสเด้งกระดอนจากพื้นไปมาสลับกับเสียงรองเท้ากีฬาที่ไถไปกับพื้น  เสียงที่คุ้นเคยที่เค้าจะได้ยินเสมอสมัยครั้งที่เขายังเคยได้ใช้โรงยิมแห่งนี้เป็นที่ซ้อมบาส  เขาเดินขึ้นบันไดตึกเรียนไปจนถึงชั้นบนสุด  เมื่ออยู่หน้าประตูเหล็กชั้นดาดฟ้า  เขายิ้มที่มุมปาก ดีใจที่ประตูเหล็กเปิดอยู่ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคที่เขาจะเข้าไปบนดาดฟ้าได้ไม่ยาก  ที่จริง เขาค่อนข้างแน่ใจว่าประตูบานนี้ นานทีปีหนถึงจะมีการลงกุญแจล็อกซักที  ด้วยความเคยชินที่เขามักจะชอบแอบหนีเรียนขึ้นมานอนเล่นบ่อยๆ ทำให้ไม่ค่อยกังวลนักว่าจะขึ้นมาบนดาดฟ้าได้หรือไม่ได้  เขาเปิดประตูออกไป   และเดินออกไปจนสุดขอบตึกที่มีรั้วเหล็กกั้น  เขาทิ้งตัวลงนอน มองท้องฟ้าใสยามฤดูใบไม้ผลิ  เขาค่อนข้างมั่นใจว่าที่นี่เป็นที่ๆเขาจะได้พักผ่อนสบายโดยที่ไม่มีใครขึ้นมารบกวน สายลมอ่อนๆทำให้เขาเผลอหลับไปไม่รู้ตัว

                  “อาโอมิเนะคุง หนีซ้อมอีกแล้วเหรอครับ”

                  “ผมอยากจะลาออกจากชมรมบาสเก็ตบอลน่ะครับ....”

                  “อีกไม่นาน....คู่แข่งที่เก่งกว่าอาโอะมิเนะคุง  ต้องปรากฏตัวออกมาแน่ๆครับ”

                  “ผมเชื่อในตัวคางามิคุง.....”

                  “ผมจะล้มคุณให้ได้.....อาโอะมิเนะคุง”

                  “ยังไม่ได้ชนหมัดคืนให้ผมเลยนะครับ....อาโอมิเนะคุง”

                 

      อาโอมิเนะตื่นขึ้นจากฝัน   เป็นฝันที่ทำให้เขาแทบจะได้ทบทวนเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดกับเพื่อนสนิท   ความทรงจำของคุโรโกะทำให้เขารู้สึกเจ็บในอก ทั้งคำพูดที่อ่อนโยน และคำพูดที่แทงใจ จนมาถึงตอนนี้ถ้าไม่ได้แข่งและแพ้ให้กับทีมเซย์ริน  เขาก็คงไม่รู้สึกเลยว่า หมอนั่น....คุโรโกะเป็นห่วงและเสียใจกับเรื่องของเขามากมายขนาดไหน   ผลันอาโอมิเนะก็คิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา

      “เท็ตสึ” 

      อาโอมิเนะ เรียกคุโรโกะที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือ 

      “ว่าไงครับ  อาโอมิเนะคุง”

      “ปิดเทอม และเราออกไปจับจักจั่นกันไหม ที่หลังเขาน่ะ”

      “ปิดเทอมมีซ้อมใหญ่เพื่อจะแข่งกับโทไกนะครับ แล้วยังต้องเตรียมติวสอบเข้าม.ปลายอีก คงไม่มีเวลาออกไปจับหรอกครับ”

      “โธ่เอ้ย  ซ้อมน่ะแป๊บเดียวก็เสร็จ ไงๆโรงเรียนข้างๆก็ไม่ใช่ตัวเต็งอยู่แล้วนี่ จากข้อมูลของซัทสึกิก็ไม่มีใครที่น่ากลัวเลยด้วย ไม่ต้องเอาจริงเอาจังมากหรอก”

      “ยังไงก็ประมาทไม่ได้นะครับ   อาคาชิกำชับว่าบอกว่าให้ดูแลคุณให้ดี  เพราะว่าหนีซ้อมบ่อยแล้วด้วย”

      อาโอมิเนะทำหน้าหงุดหงิด

      “อะไรกันอาคาชิ เพิ่งจะได้เป็นกัปตัน ก็เริ่มอวดเบ่งซะแล้วหรอกเหรอ น่าเบื่อชะมัด”

      “เค้าเป็นห่วงคุณมากกว่านะครับ”

      คุโรโกะตัดบทอย่างใจเย็น

      “นายนี่ก็นะ เป็นหนอนหนังสือได้ทุกทีเลย  งานอดิเรกเยอะจริง”

      “อาโอมิเนะคุงก็พอๆกันแหล่ะครับ ถึงได้อยากหนีซ้อมออกไปจับแมลง”

      หนุ่มผิวดำถอนหายใจ  เค้าเริ่มเหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคู่หูตรงหน้า  ผู้เล่นตำแหน่งจ่ายลูกที่เข้าขากันได้ดีกับเค้าทุกอย่างในสนามบาสแต่เรื่องอื่นๆกลับเข้ากันไม่ได้เลย....ให้ตายสิ

      อาโอมิเนะชำเลืองมองคุโรโกะ

      “นี่ เท็ตสึ........”

                หนุ่มดวงตาสีฟ้าสดใสเลิกสบตากับอีกฝ่าย  หันมาจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือตรงหน้า โดยลืมไปเลยว่านั่งคุยอยู่กับใคร

                  อาโอมิเนะเปรยเรียกชื่อไปครั้งที่สอง  แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาเริ่มหงุดหงิดและลุกขึ้นมาโอบกอดคุโรโกะจากด้านหลัง

                  “อะ....อาโอมิเนะคุง”

                  คุโรโกะรู้สึกแขนที่โอบรัดมาจากด้านหลังทำให้เขาต้องหุบหนังสือในมือลง และหันไปมองอีกฝ่าย

                  “ปล่อยนะครับ....ผมอ่านหนังสือไม่ได้”  คุโรโกะเริ่มขัดขืน

                  “ก็ฉันเรียกแล้วนายไม่สนใจฉันนี่......”แขนแกร่งเริ่มโอบรัดเข้ามาแน่นขึ้น ทำให้คนตัวเล็กตรงหน้าเลิกขัดขืน อาโอมิเนะก้มลงจูบที่คอสีขาวนุ่มนิ่มของคนตัวเล็กตรงหน้าเบาๆ  หนุ่มผมฟ้าหน้าแดงขึ้นมา

                  “ลงโทษที่นายไม่สนใจฉัน....ถ้านายไม่เก็บหนังสือ ฉันจะชู้ตมันลงไปข้างล่างซะเลย”

                  “ทำกับหนังสือแบบนี้ เดี๋ยวยิ่งโง่ไม่รู้นะครับ....”   อาโอมิเนะทำหน้าเหมือนไม่ทุกข์ร้อน  คุโรโกะปิดหนังสือ แล้ววางไว้ข้างๆ พลางเอียงคอมามองคนที่กำลังกอดอยู่ข้างหลัง

                  “พอใจแล้วยัง.....”

                  หนุ่มผิวดำก้มลงจูบริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างโหยหา  ทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน   ลิ้นที่แทรกเข้ามาเร้าอารมณ์จนแทบทำให้ละลาย มือแกร่งเริ่มรุกเร้าสัมผัสผิวกายด้านในเสื้อ   คุโรโกะแนบหลังติดกับกำแพงรั้วเหล็ก  รับสัมผัสจากลิ้นที่รุกไล่เข้ามาในโพรงปาก  จูบที่ที่แสนหวานและรุกเร้า กับมือแกร่งที่โอบกอดเขาแน่น เหมือนจะแสดงความเป็นเจ้าของแก่เขาคนเดียวเท่านั้น  มือแกร่งเริ่มรุกเข้าสัมผัสที่ข้างในกางเกง จนอีกฝ่ายต้องจับมือห้ามไว้

                  “อะ...อาโอมิเนะคุง ไม่ได้นะครับ...ตอนนี้ยังเรียนอยู่ เดี๋ยวมีใครมาเห็น....”

                  “ไม่มีใครมาเห็นหรอก....ฉันอยากกอดนายนะ.....เท็ตสึ.....”

                  //// เห็นว่าวันนี้ซ้อมมาเหนื่อยทั้งวันนะครับ.....”

                  “อื้อ...ขอเข้าไปข้างในหน่อยนะ....”

                  “ไม่ได้ครับ.....” คนตัวเล็กเริ่มเสียงแข็ง 

                  คนตัวใหญ่เริ่มหงุดหงิด

                  “โอเค  จูบอย่างเดียวก็ได้  คนกำลังมีอารมณ์แท้ๆ  

                  อาโอมิเนะเกาหัวแกรกๆ 

                  คุโรโกะกลัวคู่หู่จะน้อยใจ ผลันเอียงคอหอมแก้มเพื่อนตรงหน้า

                  “งั้น.....ถ้า อาโอมิเนะคุงสาบานว่าจะไม่หนีซ้อมอีกตอนปิดเทอม.....”

                  “โอเค....ไม่หนีซ้อมแล้ว ฉันสัญญา”

                  “เชื่อใจได้นะครับ....”

                  “ฉันไม่น่าเชื่อใจ ขนาดนั้นเลยเหรอไงหะ”

                 “นิดหน่อยครับ”

                  “เฮ้อ.....เท็ตสึ”

                  อาโอมิเนะ คว้าตัวคุโรโกะเข้ามากอด และจูบที่ศีรษะ

                  “ตกลงยอมให้ฉันเข้าไปแล้วนะ เท็ตสึ”

                  ////......” คนตัวเล็กตรงพยักหน้าให้นิดๆ

                              หนุ่มผมฟ้าพนักหน้าให้ก่อนที่หนุ่มผิวดำจะกดคนตัวเล็กลงด้วยความดีใจ คนตัวเล็กหลังพิงติดกับรั้วเหล็กก่อนจะมือจะโดนมือแกร่งติดกับรั้วเหล็ก  ริมฝีปากบางที่โดนริมฝีปากหนาโถมเข้าหา  ลิ้นหน้าที่รุกเข้าควานหาความหวานในปากโดนรุกเร้าจนตัวอ่อน คุโรโกะโอบแผ่นหลังอาโอมิเนะแน่น   มือแกร่งรุกล้ำเข้าในไปกางเกงขายาวสีขาวของอีกฝ่ายก่อนจะใช้นิ้วบางลูบไล้แก่นกายของอีกฝ่ายเบาๆ  ร่างเล็กครางออกมาเบาๆ กระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากจะได้ยินเสียงหวานนั้นมากขึ้น มือและนิ้วแกร่งที่เคยเลี้ยงลูกบาสตอนนี้เขากำลังจะใช้นิ้วละเลงเข้าสู่ข้างในกายของคนที่เขารัก  นิ้วแกร่งสอดเข้าข้างในกายของคนตัวเล็กเบาๆ  และเมื่อเริ่มขยับ ร่างตัวน้อยก็ครางออกมา

                  “อา.....อาโอมิเนะคุง///

                “ไม่เจ็บนะ....เท็ตสึ”

                  คนตัวเล็กส่ายหน้า พลางกอดคนตรงหน้าแน่น

                  “ผมไม่ไหวแล้วครับ”

                  “ไม่ต้องกลั้นไว้หรอก  ปล่อยออกมาเลยนะ เท็ตสึ”

                  น้ำขุ่นสีขาวไหลออกมาเปื้อนมือของหนุ่มผิวดำ คนตัวเล็กรู้สึกอาย พลางควานหาทิชชู่ในกระเป๋า  แต่ถูกคนตัวใหญ่ห้ามไว้ก่อน

                  “แบบนี้แหล่ะ ดีแล้ว  เท็ตสึ”

                  “อือ//// ครับ”

                  อาโอมิเนะเริ่มขยับนิ้วอีกครั้ง  พลางอีกฝ่ายก็กอดอาโอมิเนะแน่น    แสงอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มสาดส่องมาสะท้อนเห็นเงาของคนสองคนพาดไปบนดาดฟ้า    เงายิ้มให้แสงเบาๆ  ก่อนที่แสงจะยิ้มตอบ  และก้มลงจูบประทับบนริมฝีปากของเงาตัวน้อยอย่างอ่อนหวานและละมุนที่สุด

                  เสียงออดเตือนโรงเรียนเลิกดังขึ้น เรียกสติของอาโอมิเนะกลับมา  เขาก้มหน้าลงก่อนจะมองลงไปยังโรงยิมข้างล่าง  จริงสินะ.....เขากับเท็ตสึไม่ได้อยู่ทีมเดียวกันอีกแล้ว เขาอยู่ทีมโทโอ ส่วนเท็ตสึอยู่ทีมเซย์ริน  สายสัมพันธ์ของพวกเขาจบลงแล้วตั้งแต่ฤดูหนาวปีก่อน....แม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะจบไปแล้ว   ทั้งความนุ่มนิ่ม และกลิ่นกายของคนตัวเล็กยังติดอยู่ในความทรงจำของเขาไม่จางหาย

                 เพราะอะไร หลังจากที่แข่งแพ้กับคุโรโกะเมื่ออาทิตย์ก่อน ในหัวของเค้ามีแต่เรื่องของคุโรโกะ  ทั้งๆที่หลังจากที่เขาย้ายมาอยู่โทโอ เขาไม่เคยคิดถึงเลย  เป็นอาการท้อใจของนักกีฬาหลังจากแพ้การแข่งขันรึเปล่าตัวเขาเองก็ยังสงสัยอยู่  ที่สำคัญคือ ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องของคุโรโกะ  เท็ตสึยะ  หัวใจของเขาจะเจ็บแปล๊บขึ้นมาทุกครั้ง    อาโอมิเนะเดินไปทางประตู  คงถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านซักที  แต่ทันใดเขาก็ได้เสียงฝีเท้าคนเดินสวนขึ้นมาทางบันได  เขาหลบหลังประตูเหล็ก ก่อนจะเหลือบไปเห็น  ร่างของคนตัวเล็กที่เขากำลังคิดถึง  เดินผ่านหน้าออกไปยังดาดฟ้า พร้อมกับคางามิ ชายตัวใหญ่ ผมแดง คู่หูคนใหม่ของเขานั่นเอง 

                  “คุโรโกะ  โรงเรียนนายนี่ โรงยิมนี่เยอะเป็นบ้าเลยนะ  มองจากตรงนี้  แล้วเห็นชัดเลย  แถมยังใหญ่อีกต่างหาก”  คางามิยิ้มยิงฟันพบางมองลงไปด้านล่าง

                  “ก็เทย์โค  เป็นโรงเรียนขึ้นชื่อเรื่องกีฬาบาสอยู่แล้วนี่ครับ  จำนวนนักเรียนในชมรมก็มีตั้ง 200 กว่าคน  โรงยิมเดียวคงไม่พอหรอก”

                  “ว่าแต่ นายรู้จักดาดฟ้าที่นี่ได้ยังไงเนี่ย  ดูเหมือนเป็นที่ลับตาคน ไม่น่าจะมีใครรู้ หรือว่านายจะแอบโดดเรียน”

                  “ก็มีบ้างน่ะครับ........”

                  “เหรอ...คุโรโกะ นายก็โดดเรียนเป็นเหมือนกันเหรอเนี่ย ตอนอยู่ที่อเมริกาฉันก็โดดเรียนไปเล่นบาสประจำเลยล่ะ!  คางามิยิ้มเห็นฟัน

                  ชายหนุ่มผมสีฟ้าอ่อนยิ้มบางๆ ตอบกลับ   คางามิไม่ได้เข้าใจเลยว่าเลยว่าคนตัวเล็กตรงหน้ายิ้มออกมาด้วยความรู้สึกยังไง ทำไมหนอนหนังสืออย่างเขาจะต้องโดดเรียน เพื่อขึ้นมาบนดาดฟ้าที่ลับตาคนแบบนี้ด้วย ถ้าไม่เพื่อมาพบใครบางคน....  คนที่เข้าใจได้คนเดียวก็คงมีแต่ อาโอมิเนะที่เฝ้ามองอยู่ด้านหลัง  เขารู้ว่าคุโรโกะกำลังคิดอะไร  และทำไมเขาถึงได้ยิ้มเศร้าๆออกมาแบบนั้น  มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตัวเขา ณ เวลานี้

               “เอาชนะโทโอได้  เหมือนปาฏิหาริย์เลยนะ  อาโอมิเนะนี่เป็นปีศาจจริงๆ” คางามิเอ่ยขึ้นมา

                  “ไม่ใช่ปาฎิหาริย์หรอกครับ  เพราะพวกเราแข็งแกร่งขึ้นต่างหาก  ผลจากการฝึกทำให้พวกเราพัฒนาขึ้น”

                  “อื้อ นั่นสินะ  คราวหน้าจะเป็นใคร คิเสะ! มิโดริมะ!  ฉันก็จะเอาชนะให้ได้! เออใช่...กัปตันทีมของนายด้วย ฉันจะต้องเอาชนะให้ได้  จะเอาคืนแผลที่หมอนั่นเอากรรไกรมาเฉือนหน้าฉัน!

                  “ครับ  มาพยายามกันเถอะ”

                  คุโรโกะกับคางามิออกหมัดมาชนกันเป็นคำสัญญาว่าต้องชนะให้ได้   อาโอมิเนะดูภาพของคนสองคนตรงหน้าแล้วถอนหายใจ 

                  เพราะยังติดใจทำให้ชายหนุ่มผิวเข้มยังกลับบ้านไม่ได้  เขาแอบเดินตามคางามิและคุโรโกะ ไปจนถึงร้านแม็คโดนัลด์  ชายหนุ่มตัวใหญ่ยังสั่งแฮมเบอร์เกอร์มาปริมาณโอเวอร์เหมือนเดิม พร้อมกับเฟรนฟรายที่มากกว่านั้นอีกหลายห่อ  ส่วนคนตัวเล็กสั่งแค่เฟรนฟรายและวานิลาเช็กของโปรดคู่ใจเค้าเหมือนเดิม ทั้งสองกินไปต่างหัวเราะต่อกระซิก  สร้างความหงุดหงิดให้หนุ่มผิวดำที่แอบมองอยู่นอกร้านเป็นอันมาก 

      ทำไมถึงไม่ใช่ฉันที่ไปยืนตรงนั้นนะ....เท็ตสึ

      คุโรโกะรู้สึกเหมือนมีใครมองเข้ามาในร้าน เขาจึงมองออกไป แต่หลังกระจกนอกร้านก็ไม่มีใคร  เค้าดูดวานิลาเช็กในมือต่อ รสหวานนุ่มๆ ทำให้จิตใจเค้าสงบลงอย่างประหลาด

                  สองวันต่อมา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้หนุ่มผิวดำคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับ  ที่จริงเค้าก็ไม่ค่อยถนัดใช้เทคโนโลยีเท่าไหร่ แต่เพราะโมโมอิรบเร้าว่าเค้าควรจะพกเอาไว้สักเครื่องหนึ่งเพื่อจะได้ตามตัวมาซ้อมได้ง่าย เค้าจึงต้องเจียดเงินค่าขนมที่น่าจะเอาไปซื้อนิตยสารรวมภาพโฮริคิตะ ไม ไอดอลสุดโปรดเค้ามากกว่ามาซื้อโทรศัพท์มือถือไว้เครื่องหนึ่ง  ซึ่งก็เอาไว้ใช้โทรยามจำเป็นจริงๆ    เค้าดูชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาแล้วก็ต้องรีบเปิดรับ

                  “......เท็ตสึ”

                  “ขอโทษนะครับ.......อาโอมิเนะคุง ผมมีเรื่องจะรบกวนนิดหน่อย ช่วยมาหาผมที่ลานบาสกลางแจ้งใกล้กับสวนสาธารณะได้มั้ยครับ”

                  เขาตอบรับและยิ้มที่มุมปาก  ไม่คิดว่าคนที่เค้านึกถึงมาตลอดทั้งอาทิตย์จะโทรมา เย็นวันนั้น เขาจึงออกจากโรงเรียนด้วยความรวดเร็ว       

                “มีอะไรเหรอ  เท็ตสึถึงได้เรียกฉันมา”

                  “อาโอมิเนะคุงช่วยสอนชู้ตให้ผมจะได้มั้ยครับ.....”

                “หะ....”

                  “ผมจำเป็นจะต้องชู้ตให้ได้ภายในสองวัน ก่อนจะแข่งกับโยเซ็น ช่วยสอนให้ผมด้วย”

                แม้ในใจของคนผิวดำจะรู้สึกดีใจที่คนตัวเล็กกว่าเรียกเขาออกมาภายในวันนี้ แต่เพราะว่าคิดออกมาเพราะอยากจะให้สอนชู้ตให้ ทำให้เรารู้สึกเซ็งไม่น้อย

                  “ไม่ล่ะ....ทำไมฉันจะต้องสอนนายด้วย” 

                  “งั้น....ดูอย่างเดียวก็ได้ครับ”

                  “หะ....”  อาโอมิเนะทำหน้าแปลกใจ

                  “ผมอยากให้อาโอมิเนะคุง ดูฝีมือการชู้ตของผมหลังจากที่ได้ร่วมทีมกับเซย์รินแล้วนะครับ”

      เจอคำขอร้องแบบนี้ ถึงเค้าจะรู้สึกเหนื่อยใจ  แต่อาโอมิเนะก็ปฏิเสธไม่ลง เขาพยักหน้าตกลงกับคุโรโกะ และเดินตามคนตัวเล็กไปยังสนามสตรีทบาส

                  ย้ายไปอยู่เซย์ริน  หมอนั่นจะพัฒนาไปถึงขนาดไหนกันนะ.....

      อาโอมิเนะคิดในใจ

                 คุโรโกะตั้งท่าและชู้ตลูกบาสลงในห่วง  แต่ลูกบาสก็ยังแค่แตะที่ขอบห่วงและเด้งกระดอนออกมาจากแป้น เมื่อเริ่มชู้ตเป็นครั้งที่สองผลก็กลับออกมาเป็นเหมือนเดิม

                  “นี่นาย....ไปอยู่เซย์ริน และได้พัฒนาอะไรบ้างเนี่ย! จะให้ฉันมาดูฟอร์มห่วยๆของนายเนี่ยน่ะเหรอ!” อาโอมิเนะตกใจกับฝีมือที่ยังชู้ตบาสห่วยแตกเหมือนเดิมของคู่หู

                  “แล้วจะสอนให้ได้มั้ยครับ”

                  “มีที่ไหน! จะให้คนที่เพิ่งแพ้ไปมาสอนชู้ตให้คนที่ชนะบ้างเล่า!

      หนุ่มตัวเล็กกว่าก้มหน้าเศร้า

                  อาโอมิเนะรู้สึกหนักใจ  พลางส่ายหน้าด้วยความเซ็ง  แต่พอมาคิดอีกที มันก็ทำให้เขาคิดว่า เท็ตสึ คนที่เขารัก ยังคงเป็นเหมือนเดิม แม้จะย้ายโรงเรียนไปอยู่ทีมใหม่ แต่ยังเป็นเงาของเขาที่ยังชู้ตบาสไม่แม่นเหมือนเดิม

                  อาโอมิเนะนั่งลงพิงเสาใต้แป้นบาส

                  “ตั้งแต่วันที่แพ้นาย ฉันนอนไม่หลับเลย  ฉันกลับบ้าน  กินข้าว แล้วก็นอน แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ   ไปโรงเรียน  แต่เหมือนกับซังกะตายไปวันๆ  ความทรงจำตอนที่ฉันแพ้ทีมของพวกนายมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันอยู่เลย   ร่างกายมันล้า  เจ็บที่อก และสมองก็เบลอไปหมด”

                  “อาโอมิเนะคุง....”

                  “บางครั้ง ฉันก็รู้สึกเหมือนหัวมันว่างเปล่า ไม่ยากจะคิดอะไร  คงเป็นอาการท้อแท้ของคนที่แพ้ล่ะมั้ง”

                  ใช่....ฉันแพ้แล้ว  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ฉันปล่อยให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเหล่านั้นมาครอบงำจิตใจฉัน....ทั้งที่บาสต้องเล่นเป็นทีมแท้ๆ....ทั้งๆที่บาสมันสนุกขนาดนี้แท้ๆ....แพ้เพราะความโง่เง่าของตัวเอง  แล้วยัง.....ปล่อยให้สิ่งสำคัญที่สุดหลุดมือไป.....มาเจอกันอีกทีนายที่อยู่ตรงนั้นก็ไม่ใช่ๆของๆฉันอีกแล้ว....

                  “เป็นเหมือนกันทุกคนแหล่ะครับ กรณีของอาโอมิเนะคุงอาจจะเจ็บหนักกว่าคนอื่นหน่อยเพราะคุณไม่เคยแพ้ใครเลย”

                  “นั่นสินะ....แต่ว่า  มันก็ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะเล่นบาสขึ้นมาใหม่ยังไงยังงั้นแหล่ะ....”

                  หนุ่มผมฟ้าอึ้งไปชั่วครู่กับคำพูดของคนตรงหน้า 

                  “อยากจะซ้อมบาสให้มากขึ้น และครั้งหน้าฉันจะเอาชนะทีมของนายให้ได้”

                  อาโอมิเนะยิ้มตรงมุมปาก ในที่สุดเค้าก็หาเหตุผลมาคุยกับคนตรงหน้าได้อย่างไม่เขินอาย แม้จะยังมีเรื่องที่ยังกังวลอยู่ก็ตาม

                  สายลมเย็นพัดผ่าน  ผมสีฟ้าของคุโรโกะปลิวเบาๆ  อาโอมิเนะคงไม่รู้หรอกว่าทั้งคำพูดและรอยยิ้มของเค้าเมื่อสักครู่ทำให้คนตัวเล็กตรงหน้ามีความสุขมากแค่ไหน

                  “ช่วยไม่ได้....ฉันจะสอนนายชู้ตบาสให้ล่ะกัน”

                  อาโอมิเนะถอดเสื้อแจ็กเก็ตออก  มือใหญ่สัมผัสผมนุ่มของคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านไป   คุโรโกะยิ้มบางๆให้ตัวเอง มันเป็นรอยยิ้มที่คู่หูปัจจุบันเค้าคงไม่มีวันได้เห็น  รอยยิ้มแห่งความสุขที่เขามีให้กับอาโอมิเนะ ไดกิเท่านั้น.....

                  “ยิ้มอะไรอยู่....เท็ตสึ!

                  “ตอนอยู่ประมัธยมต้นเราก็ชอบมาฝึกกันที่สนามด้วยกันแบบนี้นะครับ”

          //// มัวแต่พล่ามอะไรอยู่.......รีบมาเริ่มกันเร็วเข้า!  อาโอมิเนะขึ้นเสียงใส่ด้วยความอาย

                  หลังจากวันนั้นคุโรโกะก็นัดเจอกับอาโอมิเนะเพื่อซ้อมบาสตอนเย็นหลังเลิกเรียนทุกวัน   เจอกันหลังเลิกเรียน  ไปกินข้าว  ซื้อไอติมแท่งที่ร้านคอนวิเนี่ยนที่เคยซื้อเป็นประจำ และต่อด้วยการไปซ้อมบาส

                  มันเหมือนกับเจอ....กล่องดนตรีที่เก็บไว้นาน  เมื่อไขลาน ทำนองเพลงที่คุ้นเคยก็บรรเลงออกมา ทำนองเพลงที่บรรเลงโดยคนสองคน....เพื่อย้อนเวลากลับไปในอดีตที่หวนหา

               “นายกับคางามิ คบกันอยู่เหรอ......”

              คุโรโกะคนวานิลาเช็กในแก้วน้ำก่อนจะดูดขึ้นมาเบาๆ สีหน้านิ่งของเจ้าตัวยังคงไม่เปลี่ยน แม้จะได้ยินคำถามที่น่าตกใจจากอาโอมิเนะ 

                  “มองเห็นเป็นแบบนั้นเหรอครับ.....”

                  “ใช่...ตอนนั้นฉันเดินผ่านกระจกหน้าร้านแม็กโดนัลด์แล้วเห็นนายคุยกับคางามิท่าทางสนุก....ฉันก็เลยคิดว่าเป็นแบบนั้น”

                  “สโตรกเกอร์......” 

                  “ไม่ใช่เฟ้ย!  หนุ่มผิวดำปฏิเสธเสียงแข็ง

                  คุโรโกะพูดต่อไปด้วยสีหน้านิ่ง แต่เสียงดูมีน้ำหนัก

      “เค้าเป็นคู่หูที่ดีและเป็นแสงคนใหม่.....แต่เราไม่ได้คบกันหรอกครับ....”

                  อาโอมิเนะนิ่งไป ไม่คิดว่าคนที่เค้าเคยรักจะยังคงไม่มีใครจับจองเป็นเจ้าของ จนเค้าอดคิดไม่ได้ว่า เค้ายังมีโอกาสอยู่.....แม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่มีคุณสมบัติพอจะขอความรักกับคนตรงหน้าอีกก็ตามที

                  “เท็ตสึ.....”

                  “แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะครับ ที่ไม่ได้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครอีก....ผมกลัวการยื่นมือออกไปแล้วไม่มีใครคว้าไว้.....”

                  อาโอมิเนะนิ่งเงียบไป  เค้าไม่น่าพูดถึงเรื่องความรักขึ้นมาอีกเลย สำหรับเท็ตสึแล้วเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด  ตัวเขาก็ทำใจลำบาก   แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อตัวเขาเองก็ยังรักเท็ตสึอยู่  และก็อยากจะบอกความรู้สึกนี้ออกไปแม้จะไม่ได้รับการให้อภัยก็ตามที

      จากวันนั้นผ่านไป 1 อาทิตย์.........ค่ำคืนสุดท้ายก่อนที่วันแข่งขันกับโยเซ็นจะเริ่มขึ้น

               คุโรโกะชู้ตลูกลง 7 ครั้งใน 10 ครั้ง ทำให้อาโอมิเนะคิดว่าคุโรโกะพร้อมแล้วสำหรับการแข่งในวันพรุ่งนี้ 

                  “คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว พรุ่งนี้ก็หาจังหวะชู้ตอย่างที่ซ้อมกันมาล่ะกัน”

                  “ครับ.....ขอบคุณมากนะครับ อาโอมิเนะคุง”

                  “......ขอบคุณอะไรกันเล่า.....ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณนาย”

                  แม้จะเขินอายแต่อาโอมิเนะก็เอ่ยคำขอบคุณออกมา

                  “งั้น....ผมกลับบ้านก่อนนะครับ ขอบคุณหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา  ผมรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนกับตอนม.ต้นอีกครั้งเลย  แล้วก็ขอบคุณ......ที่กลับมาเล่นบาสด้วยรอยยิ้มอีกครั้งนะครับ”

                  คุโรโกะยิ้มเศร้าๆก่อนที่จะเดินออกจากสนามบาสไป

                  กล่องดนตรีหยุดเดินแล้ว  ไม่มีเสียงเพลงบรรเลงอีกต่อไป  เวลาไม่เคยคอยใคร นับจากวันพรุ่งนี้เค้าจะกลายเป็นคู่แข่งกันอีกเหมือนเดิม  เป็นเพื่อนที่นานๆแวะมาเจอกันที  ทั้งๆที่มีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดแท้ๆ  แต่กลับพูดไม่ออก  อาโอมิเนะกำมือแน่น  ความรู้สึกผิดบางอย่าง  ทำให้หนุ่มผิวดำกดดันจนเอ่ยปากออกมาไม่ได้  คำพูดสำคัญที่เขาอยากพูดกับเท็ตสึมาโดยตลอด  

                 ฉันยังรักนายอยู่นะ.........เท็ตสึ

                แผ่นหลังของหนุ่มผมฟ้าเดินผ่านรางรถไฟก่อนจะหายไปหลังจากที่ขบวนรถไฟหนึ่งวิ่งผ่าน

                เวลาล่วงเลยมาดึกมากแล้วอาโอมิเนะแวะซื้อของที่คอนวิเนี่ยนก่อนจะกลับบ้าน  ก็มาเจอกับคางามิเข้า

                  “ดึกมากแล้ว ยังไม่กลับอีกเหรอ”

                  “เมื่อกี้ฉันเห็นคุโรโกะ วิ่งผ่านไป  หมอนั่นร้องไห้ด้วย....”

                  “เท็ตสึเหรอ....”

                  “มันแปลกที่คนเฉยชาอย่างหมอนั่นจะร้องไห้ แล้วฉันก็ถามว่ามีอะไรเหรอ หมอนั่นก็ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก....”

                  เท็ตสึ.....

                  “ฉันทำให้หมอนั่น เสียใจอีกแล้ว....ฉันมันไม่ได้เรื่องจริงๆ”

                  “แล้วไง  จะตามคุโรโกะไปมั้ย”

                  “ไม่ล่ะ  ฉันไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น”

                  เพราะคำพูดที่ดูไม่ใส่ใจของอาโอมิเนะทำให้คางามิโมโหฉุนขาด  เขากระชากคอเสื้อของคางามิเข้าหาตัวเอง

                  “นายน่ะ เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวสักทีนะเจ้าบื้อ!  ไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ นายเห็นหมอนั่นร้องไห้ก็น่าจะเข้าใจดีแล้วไม่ใช่เหรอไง  หมอนั่นน่ะบอกฉันเสมอเลยว่าดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นนายกลับมาเล่นบาสด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง!

                  ขอบคุณที่กลับมาเล่นบาสด้วยรอยยิ้มอีกครั้งนะครับ...อาโอมิเนะคุง

      “ถ้ายังจะมีเวลามามัวพะว้าพะวง  ฉันว่ารีบตามหมอนั่นไปแล้วรีบไปปลอบหมอนั่นซะ! ไม่งั้นฉันจะอัดนายให้เละเลย!

      .....ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน”

      อาโอมิเนะปัดมือของคางามิทิ้งไป  และวิ่งไปหาคุโรโกะ

      จริงสินะ  เรามัวแต่กังวลกับความผิดในอดีต จนลืมมองความรู้สึกของเท็ตสึและตัวเองตอนนี้ไป   อดีตจะเป็นยังไงก็ช่าง  แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเรามันก้าวผ่านความผิดนั้นไปแล้ว......ถึงจะไม่ได้รับการอภัยก็เถอะ.......ฉันก็อยากบอกว่ารักนายนะ.....เท็ตสึ

      สายฟ้าเริ่มโปรยปรายลงมา ขับให้อากาศยามค่ำคืนอุณภูมิต่ำลงมากกว่าเดิม  อาโอมิเนะฝ่าสายฝนที่ยังมีแสงไฟริมถนนสาดส่องอย่างรีบร้อน เสื้อแจ็กเก็ตของเขาเปียกไปหมดเพราะสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมา ขากางเกงเปียกเพราะเหยียบน้ำที่คั่งอยู่ตามถนน  หนุ่มผิวดำวิ่งไล่ตามหนุ่มผมฟ้ามาถึงที่หน้าบ้าน   เขากดออดหน้าประตูบ้าน  คนตัวเล็กเมื่อเห็นคนที่ตามมาว่าเป็นใครก็ตกใจ  ถือร่มออกมารับหน้าบ้านด้วยสีหน้าอิดโรยและดวงตาแดงก่ำเหมือนเพิ่งจะร้องไห้เสร็จ

      “อะ....อาโอมิเนะคุง”

      หนุ่มตัวสูงรวบตัวคนตัวเล็กเข้ามาหาอย่างโหยหา ความรู้สึกที่เขามีให้กับคนตัวเล็กข้างหน้ามันท่วมท้นจนเก็บไว้ไม่ได้อีกต่อไป 

      “เท็ตสึ.....ขอโทษนะ”

       “ฉันมันงี่เง่า.....ที่ไม่พูดออกไปให้ชัดเจน.....”

      “พูดอะไร....เหรอครับ”

      “..........ฉันรักนาย.....”

      ร่มจากมือของคนตัวเล็กร่วงลงจากมือ  น้ำตาของพรั่งพรูลงมาอีกรอบโดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนกับความรู้สึกของคนตัวเล็กก็ไม่สามารถสะกดกลั้นเอาไว้ได้เหมือนกัน ความรู้สึกที่เก็บงำมานาน ทั้งความเสียใจ และความยินดีที่คนๆนั้นกลับมาหาเขามันผสมปนเปกับน้ำตาและสายฝนจนไม่อาจอธิบายได้  คุโรโกะโอบกอดอาโอมิเนะไว้  และคนตัวสูงก้มลงจูบที่ริมฝีปากเปียกชื้นของคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

      อาโอมิเนะออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดหัวที่ผม เขาต้องยืมเสื้อของพ่อเท็ตสึมาใส่

      “พ่อกับแม่นายไม่อยู่เหรอ”

      “พ่อ แม่กับคุณยายไปเที่ยวต่างจังหวัดกันอาทิตย์หนึ่งน่ะ  ผมไม่ได้ไปด้วยเพราะบอกว่าจะมีซ้อมแข่งน่ะ”

      คุโรโกะวางแก้วใส่นมรสวนิลาบนโต๊ะ

      “ดื่มนี้ก่อนนะครับ คงทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น”

      “ขอบใจนะ”

      อาโอมิเนะยกแก้มใส่นมขึ้นมาดื่ม รสนมจืดเข้ากับรสหวานของวนิลาได้เป็นอย่างดี  ได้กลิ่นหอมจางๆลอยออกมา....กลิ่นของเท็ตสึ

      คุโรโกะเอาตัวพิงหลังเตียงพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง 

      “ผมน่ะ กลัววันที่ฝนตกมาก  ไม่ได้กลัวเพราะเสียงฝนหรือเสียงฟ้าผ่าอะไรหรอกนะ แต่เพราะมันทำให้ทำผมคิดถึงวันที่ทรมานเพราะนอนไม่หลับวันนั้น”

      วันที่ยื่นมือออกไป....ก็ไม่มีใครคว้าไว้อีกแล้ว............

      “เท็ตสึ....”

      “แต่ว่า....ฝนคืนนี้ไม่เหมือนกัน....ผมรู้ว่าผมจะคงนอนหลับฝันดีโดยที่ไม่ทรมานเลย”

      มือใหญ่เอื้อมมากุมมือเล็กไว้แน่น

      “จะไม่ปล่อยมือนี้อีกแล้ว......ทุกครั้งที่นายเอื้อมมือฉันจะคว้าเอาไว้....ไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่พันครั้ง”

      อาโอมิเนะดึงตัวเท็ตสึมากอด คนตัวเล็กซบลงที่อกของคนตรงหน้าพลางหน้าแดง

      “ฉันไม่ใช่แสงของนายแล้วก็จริง แต่อยู่ข้างๆนายได้ใช่มั้ย.....”

      คนตัวเล็กในอ้อมกอดหันมามองพลางทำหน้างอนเล็กๆ

      “ งั้น....จะให้คางามิคุงมาอยู่ข้างๆผมเหรอครับ”

      คนตัวเล็กพูดอย่างน้อยใจพร้อมกับดึงตัวออกมาจากอีกฝ่าย

      อาโอมิเนะกอดคนตัวเล็กด้านหลังอย่างเร็ว กลัวอีกฝ่ายจะน้อยใจมากกว่าเดิม

      “ขอโทษนะ ถึงนายไปกับหมอนั่นฉันจะคว้านายกลับมาอยู่ดี”

      “.....คางามิคุงเป็นแสงของผม แต่....ผมเป็นเงาให้อาโอมิเนะคุงตลอดไปครับ”

      คนตัวเล็กหันมาหอมแก้มคนตัวใหญ่เบาๆ

      อาโอมิเนะหน้าแดงเล็กๆ ไม่เชื่อว่าคนตัวเล็กนุ่มนิ่มตรงหน้าจะจู่โจมกะทันหันแบบนั้น

      “เท็ตสึ......มาทำน่ารักแบบนี้ใส่....ระวังพรุ่งนี้นายจะไปแข่งไม่ไหวนะ”

      “เอ๋.....”

      อาโอมิเนะก้มลงจูบที่ปากนุ่มของคุโรโกะอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จูบนั้นจะรุกเร้ามากขึ้น ลิ้นอุ่นสอดเข้ามาในปากของคนตัวเล็ก ก่อนที่คนตัวเล็กจะตอบรับกลับอย่างนุ่มนวล  ได้กลิ่นรสหวานของวานิลาอย่างชัดเจน

      เพราะคนตัวเล็กเชิญชวนถึงขนาดนั้น ทำให้ฝ่ายไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกต่อไป เขาจูบลงบนไหล่นุ่มของอีกฝ่าย และจูบที่คออ่อน ก่อนจะโน้มอีกฝ่ายลงบนเตียงนุ่ม  มือแกร่งลอดใส่เข้าใต้เสื้อนอนของคนตัวเล็กก่อนจะลูบสัมผัสเรือนร่างสีขาวนุ่มนิ่มเบาๆ  จนมาหยุดที่ปุ่มสีชมพูเล็ก คนตัวสูงบีบปุ่มนั้นเบาๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะครางออกมา  เสื้อของคนตัวเล็กถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว อาโอมิเนะก้มลงจูบที่ปุ่มนั้นเบาๆ

      “อะ...อะโอมิเนะคุง////

      “เท็ตสึ///

      อาโอมิเนะก้มลงจูบคนตรงหน้าอีกรอบ จูบที่วาบหวามและรุกเร้า  มือแกร่งเริ่มลูบลงผ่านกางเกง  และลูบที่แก่นกายของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนที่นิ้วอุ่นจะรุกล้ำเข้าสู่ช่องทางของอีกฝ่าย

      “อาโอมิเนะคุง//////

                  นิ้วร้อนปลุกความความต้องการของอีกฝ่ายให้มากขึ้น  น้ำขุ่นขาวของคนตัวเล็กที่ไหลเปื้อนมืออีกฝ่ายที่กำลังโอบกอดเขาอยู่

                    “เท็ตสึ ถ้าพรุ่งนี้ไปแข่งไม่ไหวฉันต้องขอโทษด้วยนะ....”

                    “ไม่เป็นไรครับ///.........ผมอยากจะทำให้ถึงที่สุดกับอาโอมิเนะคุง”

                  คนตัวเล็กดึงตัวขึ้นมาจูบคนตัวใหญ่อีกครั้ง  ความต้องการของคนตัวเล็กมากมายจนอาโอมิเนะสัมผัสได้   สติสัมปชัญญะของคนตัวใหญ่หลุดลอย ที่รับรู้ก็มีแค่ร่างกายที่นุ่มนิ่มของคนตัวเล็กตรงหน้าเท่านั้น  แก่นกายของคนตัวใหญ่สอดใส่เข้าหาช่องทางอุ่นของคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงครางหวานๆ

                  “ฉันรักนายนะเท็ตสึ....”

                  “อืม...ผมก็รัก.....อาโอมิเนะคุง//

                  คนตัวเล็กโอบกอดหลังของคนตัวใหญ่แน่น ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มขยับ ความรู้สึกที่เต็มตื้น และช่องทางรักที่เริ่มอุ่นขึ้น  ขับบรรเลงให้ค่ำคืนที่หนาวเหน็บเพราะฝนนั้นกลายเป็นค่ำคืนที่อบอุ่น

                  แสงยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างของคนสองคนเข้ามาในห้อง  หนุ่มผิวสีเข้มกำลังโอบกอดหนุ่มผมสีฟ้าอ่อน  มือใหญ่กุมมือของคนตัวเล็กแน่นสนิท แสงสองผ่านพวกเขาทั้งคู่ลงบนลูกบาสที่พื้นก่อนจะทอดเงาดำอย่างงดงาม

      Rain stopped  and I  am not crying

      Cuz I believe that

      From now on

       You will hold my  hand  forever

      And don’t say good-bye

      anymore

       

                                  

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×