ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic The maze runner:Once again(Minho x Newt)

    ลำดับตอนที่ #2 : Part : Minho

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 485
      5
      24 ต.ค. 57

    ทุกอย่างมันผิดพลาดไปตั้งแต่ตอนไหนนะ?

    ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้

    ทำไมต้องเป็นนาย ทำไมต้องจบลงแบบนี้

    ทำไมถึงปกป้องไว้ไม่ได้ ทำไมถึงรักษาคำสัญญานั้นไม่ได้

    ทำไมกัน

    ขอเถอะ  ขออีกสักครั้ง

    ขอให้….

     

    -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

     

    นอนไม่หลับ

     

    ตั้งแต่เห็นร่างเล็กบางของรองหัวหน้าทุ่งแอบเดินออกไปนั่งเหม่ออยู่คนเดียวนั้นท่ามกลางความมืดนั้นโดนไม่เอาอะไรที่จะช่วยให้ความสว่างไปด้วย เขาก็นอนไม่หลับจนต้องคว้าตะเกียงเดินไปหาร่างเล็กนั้น

     

    ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน

     

    เห็นไหล่บางสะดุ้งขึ้นนิดหน่อยก็ต้องแอบกลั้นขำ เขานั่งรอข้างๆอีกฝ่าย วางตะเกียงไว้ข้างตัว

     

    แล้วทำไมนายยังไม่นอน พรุ่งนี้ต้องออกไปวิ่งไม่ใช่หรือไง

     

    เสียงอีกฝ่ายย้อนถามแบบไม่ต้องการคำตอบ แต่เขาก็จะตอบ

     

    เห็นเด็กดื้อไม่ยอมนอน กลัวจะนอนไม่พอเลยมาตาม

     

    เอ่ยตอบแบบกลั้นหัวเราะ สิ่งที่ได้รับกลับมาจึงเป็นสายตาดุๆให้เขาต้องหุบยิ้มลงและพยายามเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง

     

    กังวลเรื่องอะไรอยู่เหรอ

     

    เขาเห็นความกังวลในแววตากลมโตนั้น และเรื่องที่ต้องคิดมากตอนนี้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น

     

    เรื่องเบนใช่ไหม

     

    เห็นวงหน้าหวานพยักขึ้นลงส่งๆ แน่นอนว่าเขาเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ไม่เคยมีใครโดนโศกาต่อย ยิ่งตอนกลางวันแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

     

    นายว่านี้เป็นสัญญาณบอกอะไรพวกเราหรือเปล่า

     

    คำถามที่ดังขึ้นกกะทันหันทำให้เขาประมวลผลไม่ทัน เขาหันไปมองอีกฝ่ายแบบงงๆ ไม่เข้าใจความหมายของคำถามนั้น

     

    ไม่เคยมีกรีฟเวอร์ออกมาตอนกลางวัน หรืออย่างน้อยก็ไม่มีใครเคยเจอ แล้วทำไมเบนถึงได้โดนต่อยได้ล่ะ แถมยังจะฆ่าไอ้เด็กใหม่นั้นด้วย

     

    เสียงหวานพรั่งพรูสิ่งที่คิดออกมา เขาเข้าใจ ตัวเขาเองก็กังวลเรื่องนี้ไม่ต่างกัน ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นทำเอาความสงบสุขเล็กๆเริ่มสั่นครอง ทุกคนเองก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน

     

    มันอาจจะเป็นพวกที่ไม่อยากนอนกลางวันก็ได้ ยังไงซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันกับอัลบี้ก็จะไปดูตรงจุดนั้นอยู่แล้ว ถ้ามันมีอะไรก็คงจะเจอเอง

     

    ตอบออกไปให้ร่างเล็กได้มั่นใจมากขึ้น พรุ่งนี้คงต้องลองไปดูเท่านั้น

     

    พรุ่งนี้นายจะไปจริงๆเหรอ

     

    นิวท์ถามอย่างแผ่วเบา แต่ท่ามกลางความเงียบในยามราตรีแบบนี้ทำไมเขาจะไม่ได้ยิน แต่ก็ทำเพียงส่งเสียงในลำคอตอบ

     

    หืม?

    พรุ่งนี้ พวกนายจะกลับไปที่จุดนั้นจริงๆเหรอ ไม่คิดว่ามันอันตรายบ้างล่ะ ถ้าเกิดว่ากรีนเวอร์ตัวนั้นยังอยู่จะทำยังไงกัน

     

    ข้อนั้นเขาเองก็รู้ดี ถ้าเบนโดนต่อยตอนกลางวันจริงๆนอกเขาวงกตก็อันตรายมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องไป แม้สัญชาตญาณจะร้องเตือนว่าอย่าไปก็ตาม

     

     

    นิวท์ อย่าพูดเอาแต่ใจแบบนั้นสิ พรุ่งนี้ไปแค่สำรวจเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว

     

    เขาเอ่ยปลอบ แต่เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่

     

    สัญญา ก็เหมือนกับทุกวันนั้นแหละ

     

    พูดพลางเอื้อมไปบีบมือนุ่ม สัมผัสเย็นเฉียบนั้นทำเอาเขาเป็นห่วง นิวท์เดินออกมาในสภาพเสื้อกล้ามสีน้ำตาลตัวเดียวโดนไม่มีเสื้อฮู้ดตามปกติ แล้วความหนาวเย็นของรัตติกาลนี้ก็มากพอที่จะเสียดแทงผิวขาวๆได้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดจนได้น่ะ เขาได้แต่คิดอย่างเป็นห่วง

     

    กลับมาเร็วๆล่ะ

     

    แม้จะอยากรั้งไว้สักแค่ไหน แต่หน้าที่ต่างๆก็ค้ำคอพวกเขาไว้อยู่ นิวท์เป็นรองหัวหน้า การรั้งนักวิ่งคนสำคัญเอาไว้มีแต่จะทำให้อะไรแย่ลง เช่นเดียวกับมินโฮ ถึงจะไม่อยากออกไป แต่การละเลยหน้าที่การเป็นหัวหน้านักวิ่งไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย เขาจึงต้องออกไป

     

    อืม บอกแล้วว่าเดี๋ยวก็กลับมา

     

    บีบมือบางแน่นเพิ่มความมั่นใจ เงียบกันไปนานก่อนที่เขาจะตัดสินใจลุกขึ้น ก่อนจะดึงร่างเล็กบางให้ลุกขึ้นตาม

     

    ดึกมากแล้ว ไปนอนเถอะ อากาศเย็นลงมากแล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก

     

    เขาจูงมืออีกฝ่ายให้เดินตามไปทางที่พัก เดินไปส่งจนถึงที่นอน ก่อนจะเดินออกไป ซึ่งก็ไปก็ไม่วายหันมาแอบมอบริมฝีปากไว้บนหน้าผากขาวเนียน แลเห็นใบหน้างดงามแดงระเรื่อขึ้นแข่งกับแสงไฟในมือก็อดที่จะยิ้มเอ็นดูไม่ได้

     

    ฝันดีนะนิวท์

     

    พูดจบเขาก็เดินหันหลังไปทางที่นอนของตัวเอง แล้วถ้าหูเขาไม่ฝาด เขามั่นใจว่าได้ยินเสียงหวานของคนที่พึ่งส่งเข้านอนดังแผ่วมาตามสายลม

     

    ฝันดีเหมือนกันนะ

     

    แล้วคืนนั้นเขาก็หลับสนิท แต่จำไม่ได้ว่าฝันอะไรหรือเปล่า

     

    -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

     

    ไม่ทัน

     

    ความคิดที่แล่นวูบขึ้นมาทันทีที่เหลือบมองท้องฟ้า ใกล้ได้เวลาประตูจะปิดแล้ว และตอนนี้ยังไม่ถึงทางที่จะใกล้ประตูเลยสักนิด ถ้าเป็นตามปกติเขาคงจะไปทัน แต่ในสภาพที่อ่อนแรงจะแทบจะทรุดตัวลงได้ทุกเมื่อแถมยังต้องแบกร่างสูงใหญ่ของหัวหน้าทุ่งอีก แทบไม่มีหวังเลยว่าจะทัน

     

    แต่แม้จะอยากทิ้งตัวลงนอนกับพื้นแค่ไหน แต่เขาก็ต้องฝืนตัวเองเพื่อก้าวเดินไปต่อ ยังไงก็ต้องกลับไปให้ได้ เพื่อคำสัญญานั้น เพื่อนิวท์

     

    เสียงดังลั่นราวกับโลกจะถล่มลงตรงหน้าเหมือนสาดน้ำดับไฟแห่งความหวังของเขา ประตูจะปิดแล้ว อีกแค่โค้งตรงหน้าเขาก็จะไปถึงแล้ว ทันสิ มันต้องทัน

     

    ทันทีทีพ้นทางเลื้ยว สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าคือ เหล่าชาวทุ่งที่มายืนมุง แม้จะห่างไกลแต่เขาก็เห็นใบหน้าที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดได้ชัดเจน ใบหน้าหวานที่มีทั้งความดีใจ กังวล เศร้าใจไปพร้อมๆกัน

     

    อีกนิดเดียว มันต้องทันสิ มันต้องทัน!

     

    เสียงเชียร์จากเหล่าชาวทุ่งไม่ได้เข้าสู่โสดประสาทเขาเลยสักนิด ที่เขามองอยู่คือร่างบางของรองหัวหน้าทุ่งเพียงอย่างเดียว มันต้องทันสิ เขาจะผิดสัญญาไม่ได้ เขาจะต้องไม่ทำให้นิวท์เสียใจ ไม่ไม่!

     

    เสียงครูดของกำแพงขนาดยักษ์ดังลั่นราวกับเครื่องสูบเอาพลังงานของเขาออก ประตูจะปิดแล้ว มันไม่ทัน

     

    เขาส่งสายตาห้ามร่างเล็กที่ทำท่าอยากพุ่งเข้ามา ไม่ นายเท่านั้นที่ห้ามเข้ามา เด็ดขาด

     

    เดี๋ยว หยุดนะ โทมัส!”

     

    เสียงหวานดังลั่นแข่งกับเสียงประตูปิด ภาพตรงหน้าปรากฎร่างของเด็กใหม่ที่เขาเคยเห็นเพียงแวบๆอย่างไม่สนใจเบียดร่างเข้ามา ฆ่าตัวเองโดยการวิ่งออกมา ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย

     

    เขาทรุดตัวลง ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไร เขากลับไปไม่ทัน เขาผิดคำสัญญากับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่ไร้ความทรงจำนี้ ทำร้ายคนที่รักที่สุดไปแล้ว แสงแห่งความหวังหายไปเหลือเพียงความมืดมิด ความอันตรายยามค่ำคืนของเขาวงกตเป็นยังไงตัวเขาคงจะรู้ดีที่สุด

     

    ความคิดทั้งหมดว่างเปล่าราวกับกระดาษขาว เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงด้วยซ้ำ จนกระทั้งเสียงของเด็กใหม่ที่เดินเข้ามาดูอาการของอัลบี้นั้นแหละถึงจะเรียกสติของเขาให้เข้าที่

     

    หนี เขาต้องหนี

     

    เขาเห็นความน่ากลัวของกรีฟเวอร์มาแล้ว มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่จะเอามีดจิ้มๆแทงๆแล้วตายแบบในนิทาน ทางที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเป็นดีที่สุด และการจะหนีที่ดีได้ ต้องไม่มีตัวถ่วง

     

    ความคิดร้ายกาจที่แวบขึ้นมาทำเอาเขาถึงกับกลัวความคิดตัวเอง ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง แต่การทิ้งคนๆหนึ่งไว้โดยไม่ช่วยอะไรก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำกันได้

     

    หากแต่สุดท้ายเขาเองก็เลือกวิธีขี้ขลาด วิ่งหนีไปโดยทิ้งทั้งสองไว้เบื้องหลัง

     

    ความหวังเดียวที่ว่าจะไม่เจอกรีฟเวอร์ช่างริบหรี่ เขาหยุดหอบทางมุมหนึ่งของวงกต รู้ดีว่าตัวเองทำตัวไม่ควรได้รับการให้อภัยขนาดไหน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อกลับไป ต้องทำให้ได้ เพื่อเจอหน้านายอีกครั้ง

     

    เขาเงยหน้ามองเพดานที่มืดมิด ไร้ทั้งแสงจัทร์และดวงดาว เขาไม่เคยเชื่อในพระเจ้าเลยสักครั้ง อย่างน้อยก็ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาที่นี่ เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยขออะไรจากท่านเลย แต่ตอนนี้

     

    ขอสักครั้งเถอะครับ

    ขอให้ผมได้กลับไปพบเขา อีกสักครั้ง

     

    -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

     

    ความหวังถูกจุดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นเด็กใหม่ทำอะไรที่บ้าบิ่นได้อย่างไม่คาดคิด เขาวิ่งไปจับตัวอีกฝ่ายไว้ ลากให้มาอีกทางเพราะ วงกตกำลังสลับที่ ถ้าโชคดีพวกเขาจะสามารถหนีได้อีกนาน

     

    เขาไม่คิดเลยว่าเด็กใหม่นั้นจะกล้าขนาดนั้น บางทีต่อมความกลัวของอีกฝ่ายจะพังไปแล้ว แต่ถึงยังไง ความกล้านั้นก็สามารถทำให้พวกเขารอดพ้นจากสัตว์ประหลาดงี่เง่านั้นได้ สามารถที่จะลบประโยคที่ว่า ไม่มีใครสามารถอยู่รอดได้ในวงกตตอนกลางคืนไป สามารถจุดเทียนแห่งความหวังที่จะเจอทางออก

     

    พวกเขากลับไป มินโฮจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างหลังจากนั้น สิ่งที่จำได้มีเพียงร่างบางที่สั่นระริกในอ้อมแขนเขา ความเปียกชื้นบริเวณอกเหมือนดั่งมีดที่ปักลงกลางใจ รู้ดีว่าเมื่อคืนอีกคนต้องเป็นกังวลขนาดไหน ต้องเสียใจและเจ็บปวดมากไม่แพ้เขาเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีก เขาทำได้เพียงแค่ลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นและกล่าวปลอบโยน แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ฟัง

     

    เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ไม่น่าเชื่อว่าไอ้เด็กใหม่โทมัสจะสามารถหาทางออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ แม้จะเสียพวกพ้องไปมากมาย แม้แต่อัลบี้ เขารู้ดีว่านิวท์ต้องเสียใจมาก แต่ตอนนั้นไม่ใช่เวลาที่จะอ่อนแอ

     

    หากแต่สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้ากลับดูจะยิ่งกว่านรก โลกที่งดงามสดใสนั้นคงไม่มีอยู่จริง การออกมาจากเขาวงกตนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนแรกของการทดลองเท่านั้น ความสิ้นหวังรูปแบบใหม่ถูกมอบให้ การต้องรับรู้สภาพที่แท้จริงของโลกในตอนนี้เหมือนจะฉีกภาพความฝันในตอนที่ยังอยู่ที่ทุ่งไม่มีชิ้นดี

     

    การได้รับความช่วยเหลือ สบายใจว่าพวกเขารอดกันแล้วกลับอยู่ได้ไม่ถึงวัน เหล่าผู้ช่วยเหลือโดนฆ่าและหายตัวไปในเวลาที่ไม่น่าเป็นไปได้ การเจอกับพวกแคร้ง พวกที่ติดไข้วาบเหล่านั้นเหมือนดังเหล่าซากศพทั้งยังหายใจ ไม่ยังไงเขาก็ไม่อยากจะเป็นแบบนั้น

     

    ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็สามารถฝ่าไปได้ ได้รับการช่วยเหลือจากฮอร์เก้ ชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นแคร้งที่ยังสติดีอยู่ พวกเขาต้องดิ้นรน ต่อสู้ ทำทุกอย่างเพื่อที่จะมีชีวิตรอด การเดินทางตอนกลางวันไม่สามารถเป็นไปได้เพราะความร้อนที่ร้อนเกินพอดีของดวงอาทิตย์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็รอดกันมาได้ แม้จะต้องเสียคนไปไม่น้อย แต่เขาก็ยังยินดีที่ร่างบางยังอยู่กับเขา ร่างบางที่เขาสาบานว่าจะปกป้องไม่ว่าจะจากอะไรก็ตาม

     

    แล้วทำไมทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้

     

    เสียงประกาศชื่อคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคเหมือนดั่งการควักเอาทั้งหัวใจของเขาไป ไม่ต่างกับการเห็นโลกพังทลายลงเบื้องหน้า เขาภาวนาให้ตัวเองหูฝาดหรือได้ยินหรืออะไรก็แล้วแต่ จะเป็นใครก็ได้ เขาคิด ใครก็ได้ที่ไม่ใช่นิวท์

     

    เขาหันไปมองเจ้าของรายชื่อแรกที่โดนเอ่ย มองดูความสบายใจเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่เขารู้ดี อีกฝ่ายแค่พยายามปกปิดความไม่สบายใจไว้ไม่ให้ใครต้องมากังวลด้วยมากกว่า

     

    เขาไม่ลังเลที่จะคว้าร่างบอบบางนั้นเข้ามากอดทันทีที่มีโอกาสได้อยู่กันสองคน เจ็บปวดมากมายเมื่อคิดว่าต้องเสียคนๆนี้ไป

     

    นายต้องหาย นิวท์ นายจะไม่เป็นอะไร ฉันจะอยู่กับนาย จะปกป้องนายเอง

     

    แม้จะรู้ดีว่าความหวังนั้นคงไม่ต่างกับการจุดเทีนยแล้วนำไปวางไว้ในพายุ แต่เขาก็ยังจะหวังให้มันเป็นจริง เพราะทุกชีวิตต่างก็ต้องมีความหวัง มีเหตุผลในการใช้ชีวิตต่อไป

     

    อืม ฉันจะไม่เป็นไร เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ

     

    เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมกับกอดเขาแน่น แทนคำสัญญาที่ยากจะทำได้จริง

     

    -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

     

    และสุดท้ายความฝันก็ยากที่จะเป็นจริง

     

    นิวท์เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมาก ดูเหมือนจะมีอารมณ์อ่อนไหวง่ายมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ยิ่งกับความโกธรที่ดูจะสามารถหงุดหงิดได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า

     

    เขาเจ็บปวดมากเมื่อโดนอีกฝ่ายต่อย หากแต่คงไม่เท่ากับความเจ็บที่ใจ เจ็บที่ตัวเขาเองกลับยับยั้งอารมณ์โกธรไม่ได้จนต้องลงมือกับอีกฝ่าย เจ็บที่ต้องยอมรับความจริงว่าโอกาสที่ร่างเล็กจะหายจากโรคที่กัดกินสมองอยู่ช่างมีน้อยนิด แต่กระนั้นเขาก็ยังจะหวัง หวังว่าอีกฝ่ายจะหาย จะกลับไปเป็นนิวท์คนเดิมของเขา คนที่เขารู้จัก ที่อยู่กับเขาเสมอมา

     

    แต่ความฝันกับความจริงไม่เคยที่จะไปทางเดียวกัน

     

    เขาจำไม่ได้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เขาต้องรู้สึกแบบนี้ รู้สึกเหมือนโลกล่มสลายลงตรงหน้า กระดาษแผ่นเดียวที่ถูกทิ้งไว้เหมือนจะสูบเอาวิญญาณไปจากเขา นิวท์ไปแล้ว จากไปแล้ว

     

    เหมือนหัวใจถูกพรากออกไป ความคิดเดียวที่ยังเหลืออยู่คือต้องตามหาอีกฝ่าย ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องหาให้เจอ ต่อให้ที่นั้นจะเป็นนรกหรืออะไรก็ตาม

     

    ตำหนักแคร้งสถานที่ที่คนสติปกติคงไม่มีทางที่จะเข้าไป แต่ไม่ใช่กับเขา

     

    สภาพร่างบอบบางที่ดูจะสูบลงมาก กลุ่มผมสีสว่างยุ่งเหยิงชี้ฟู นัยน์ตาฉายแววสับสนขณะมองมาที่พวกเขา มันดูเหมือนกำลังโกรธและดีใจไปพร้อมกัน

     

    ฉันเป็นแคร้งนะมินโฮ! ทำไมมันไม่ทะลุสมองหนาๆของนายเลยว่ะ

     

    เหมือนโดนมีดกรีดเข้ากลางใจอีกเมื่อโดนตอกย้ำความจริง ความจริงที่ว่าพวกเขาไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป ไม่อาจปกป้องได้อีกแล้ว

     

    มือบางที่สั่นระริกถือปืนจ่อมาทางเขา เสียงหวานตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดให้เขาหนีออกไป เหล่าแคร้งตนๆอื่นที่เข้ามาล้อมรอบ ทุกอย่างล้วนกดดันให้ทางเลือกที่เหลือมีเพียงอย่างเดียว ทางเลือกที่ทางสุดท้ายที่เขาอยากจะทำ

     

    เขารับรู้แรงกระแทกจากด้านหลัง น่าจะมาจากแคร้งที่รุมล้อมเข้าอยู่ เสียงกระบอกปืนดังลั่นพร้อมกลิ่นโอโซนไหม้ฉุดจมูก นิวท์ไม่ได้ยิงเขา แต่ยิงแคร้งที่ทำร้ายเขาเมื่อกี้ แต่ถึงอย่างนั้นปลายกระบอกปืนก็ยังคงเล็งมาทางเขาอยู่ดี

     

    ไปกันเถอะมินโฮ

     

    เป็นคำพูดที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุด เขาหันไปมองคนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองแบบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

     

    นายพูดเล่นใช่ไหม

     

    อยากจะให้คำตอบที่ได้รับกลับมาเป็นรอยยิ้มและบอกว่าใช่ แต่มันไม่มี โทมัสเอื้อมมือมาฉุดแขนเขา ดึงให้เขาหนีไปจากเหล่าแคร้งที่บ้าคลั่ง หนีไปจากหัวใจของเขา

     

    มันช่างเจ็บปวดเจียดตายกับการที่ต้องทิ้งคนที่รักที่สุดไว้เบื้องหลัง เขาทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากวิ่ง วิ่ง วิ่ง และก็วิ่ง ไม่ต่างกับการวิ่งหนีความจริงที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่มีอีกแล้ว คนสำคัญที่สุดของเขา คนเดียวที่เขาสาบานว่าจะปกป้อง สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด แต่เขากลับวิ่งหนีมาโดยไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ได้แม้แต่จะเอ่ยคำลา

     

    เรื่องราวต่างๆหลังจากดูจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง เป็นผู้นำของคนอื่นเพราะ มันคือหน้าที่ของเขา

     

    ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถเอาตัวรอดออกมาได้ มายังทุ่งโล่งงดงามที่เหมือนกับสวรรค์ สถานที่ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีอยู่บนโลกที่เน่าเฟะไปแล้วใบนี้

     

    แต่ถึงอย่างนั้นโลกของเขาก็ได้พังทลายไปแล้ว                

     

    เขามองไปยังเพื่อนรักคนเดียวที่เหลืออยู่ มองกันอย่างเข้าใจ พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตโดยแบกรับการสูญเสียของเหล่าพวกพ้องและคนสำคัญ

     

    ความทรงจำต่างๆที่เคยมีร่วมกันในตอนนี้ล้วนแล้วแต่ย้อนกลับมาทำร้ายเขา ทุกครั้งที่นึกถึง

     

    ภาพใบหน้าหวานเกินชายและร่างกายสมส่วนที่ค่อนไปทางบางหน่อยๆ รอมยิ้มงดงามที่จะประทับอยู่ในความทรงจำตลอดไป

     

    เขาเดินไปหามุมที่ไร้ผู้คน ทรุดตัวลงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ เหม่อมองวิวทิวทัศน์ที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น ใบหน้าของเหล่าผู้รอดชีวิตที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ รอยยิ้มของความสุข รอยยิ้มที่เขาคงจะไม่สามารถสร้างได้อีกต่อไป เขาจะยิ้มแบบนั้นได้อย่างไรบนโลกใบนี้ที่ไม่มีนาย

     

    เสียงรอบกายหายไปเมื่อเขาเลือกที่จะจมอยู่กับความทรงจำเก่าๆ ภาพที่เขายังมีใครอีกคนเคียงข้าง ทั้งทะเลาะกันบ้าง ปรึกษากันบ้าง แม้จะอยู่ในนรกขนาดไหนเขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาดูมีความสุขมากกว่าตอนนี้อีก

     

    ก็ไม่อยากจะจมอยู่กับอดีต แต่ในอนาคตที่ไร้คนสำคัญมันจะมีอะไรให้คิดถึงกัน

     

    ภาพตอนก่อนจะยกทัพออกจากทุ่งแวบเข้ามา ความทรงจำที่ทำร้ายเขามากที่สุด

     

    นายยังกลัวเขาวงกตอยู่ไหม

    เขาถามขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบกันอยู่นาน ใกล้จะถึงศึกชี้ชะตา พวกเขาต้องบุกเข้าไปยังบ้านของเหล่าสัตว์ประหลาดพวกนั้น เพื่อหาทางออก ออกไปจากที่แห่งนี้

    มือบางเอื้อมไปลูบแผลที่ข้อเท้าอย่างลืมตัวหลังได้ยินคำถามเขา แผลที่เหมือนตราบาปของเขา ที่ปกป้องไว้ไม่ได้

    ถึงจะกลัวยังไงก็ต้องเข้าไปอยู่ดี

    ตอบเลี่ยงๆแต่ก็มากพอจะให้เขารู้ นิวท์ยังคงกลัว กลัวเขาวงกตบ้าๆนั่นที่เคยเกือบคร่าชีวิตอีกฝ่ายไป

    ไม่มีอะไรจะต้องกลัวนะนิวท์ ฉันจะเป็นคนปกป้องนายเอง

    เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ คนจะโดนปกป้องหันมามองเขา เขามองกลับ ถ่ายทอดความรู้สึกทุกอย่างผ่านทางแววตา

    ฉันสัญญา ฉันจะเป็นคนปกป้องนาย ไม่ว่าจะจากอะไรก็ตาม

     

    นี้เหรอคือการปกป้อง หันหลังและวิ่งจากมา ทิ้งคนที่รักไว้เบื้องหลัง ทิ้งไว้กับเหล่าแคร้งพวกนั้น โอกาสที่จะยังมีชีวิตรอดอยู่น้อยนิดจนเขาเองก็ไม่ได้อยากจะหวัง นี่หรือคือการสัญญา

     

    เพราะคำสัญญามันช่างไร้ค่า หากไม่ได้รับการรักษา

     

    เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า  ท้องฟ้าที่แจ่มใสที่เขาเคยใฝ่ฝันอยากจะเห็นเมื่อครั้นยังถูกกักขังอยู่ในกรง แต่บัดนี้ มันกลับดูไร้ความหมายหากเขาต้องมานั่งดูคนเดียว

     

    ฉันออกมาได้แล้วนี้ไง ความสงบสุขที่เคยปราถนา ไม่ต้องวิ่งหนี ดิ้นรนเอาชีวิตรอดอีกต่อไป

     

    พูดกับตัวเองซ้ำๆ ในเมื่อตอนนี้เขาได้สิ่งที่ตัวเองต้องการมาโดยตลอดแล้ว แล้วทำไม ทำไม

     

    ….น้ำตาบ้านี่มันจะไหลลงมาทำไมกัน

     

    เขาปาดมันออกอย่างลวกๆ แต่มันก็ไหลกลับลงมาใหม่จนเขาต้องยอมปล่อย ในวินาทีที่เหนื่อยจะเข้มแข็ง เขาก็อยากจะปลดปล่อยทุกอย่างที่ต้องทนเก็บไว้ออกมาบ้าง

     

    เขานึกถึงภาพตอนที่ติดอยู่ในเขาวงกต ความรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายเป็นคนตายไปแล้ว ตอนที่เขาอ้อนวอนขอกับสิ่งที่ไม่เคยเชื่อ อธิษฐานกับพระเจ้าที่ไม่รู้ว่ามีจริงไหม มาตอนนี้ เขาก็อยากจะขอ อธิษฐานอีกสักครั้ง

     

    ขออีกสักครั้งได้ไหมครับ

    ขอให้ผมได้มีโอกาสรักษาคำสัญญานั้นอีกครั้ง

     

    แต่คนตายไม่อาจจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา นิวท์จากไปแล้ว จากไปอย่างไม่มีทางกลับมา มันจึงเป็นคำขอที่แม้แต่เขาเองก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริง

     

    น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น ทำอะไรไม่ได้เลย

     

    ถ้าฉันไปหานายตอนนี้ นายจะโกรธฉันไหม แต่ถึงนายจะโกรธแค่ไหนฉันก็อยากจะไปอยู่ดี รู้หรือเปล่าว่าโลกนี้ที่ไม่มีนายมันเป็นยังไง ฉันทนอยู่ไม่ได้หรอก

     

    เพราะโลกทั้งใบของฉันคือนาย เมื่อนายจากไปแล้วฉันก็ได้มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อเลยสักนิด

     

    เขาหยิบใบมีดที่เก็บไว้กับตัวตลอด ใบมีดที่เคยเป็นของใครอีกคน มีดประจำตัวของนิวท์มองมันอย่างโหยหาถึงเจ้าของมัน ก่อนจะยกขึ้นมาจ่อคอตัวเอง

     

    ฉันกำลังจะไปหานายแล้วนะนิวท์ ไปหาเพื่อทำคำสัญญานั่นให้เป็นจริง

     

    ฉึก!

     

    -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

     

    กริ้งงงงงงงงงงงงง!

     

    เสียงนาฬิกาปลุกกรีดร้องดังลั่นตามหน้าที่ที่โดนตั้งไว้ เจ้าของห้องสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจเหมือนคนพึ่งไปวิ่งรอบโลกมา

     

    ฝัน?

     

    เป็นคำแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากสติกลับคืนมา เรื่องราวในความฝันเลือนรางไป สิ่งที่ชัดเจนมีเพียงความเศร้าในอกที่ไม่ยอมจางหายไป เขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ข้างแก้ม อีกแล้ว ฝันแปลกๆแบบนี้อีกแล้ว

     

    เอื้อมมือไปกดปิดเจ้าของเสียงร้องแสบแก้วหูแล้วฝืนลากสังขารตัวเองไปยันห้องอาบน้ำ สายน้ำอุ่นๆที่ไหลผ่านร่างช่วยให้เขาผ่อนคลายได้มากขึ้น

     

    ความฝันที่ยังคงเหลือในความทรงจำช่างพร่าเลือน ภาพขาดๆหายๆ เป็นฝันที่แปลกประหลาด ตัวเขาในนั้นเหมือนจะหนีรอดจากอะไรที่เลวร้าย แต่กลับเสียคนที่สำคัญที่สุดไป และสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะฆ่าตัวตาย? น่าจะเป็นอย่างนั้น

     

    หรือเขาจะอินกับบทหนังที่จะไปแคสวันนี้มากเกินไป จะว่าไปตอนฝันเรื่องนี้ครั้งแรกก็หลังจากลองอ่านหนังสือ The maze runner จบนั้นแหละ เห็นว่าจะสร้างเป็นหนังแล้วเลยลองซื้อมาอ่านหน่อย พออ่านจบเลยอินจัดจนเอาไปฝันติดๆกันหลายๆเดือนแบบนี้เรอะ

     

    เอาเถอะ เรื่องอะไรหนักหัวก็ช่างหัวมัน วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งที่เขาต้องทำให้ดีที่สุด การแคสเป็นหัวหน้านักวิ่งที่เงียบๆนิ่งๆดูจะไม่ค่อยเหมาะกับเขาเท่าไหร่ แต่เขาก็คงต้องทำให้ได้

     

    ประเด็นตอนนี้คือเขาจะสายแล้ว ขืนยังนั่งอืดเป็นหมีบราวน์แบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะไปสายแน่นอน

     

    คิดได้ดังนั้นจึงต้องรับไปหาอะไรยัดใส่ปากด้วยความเร็วที่คนปกติทำไม่ได้ และรีบเดินทางไปยังสถานที่ขึ้นเขียงของเขาวันนี้

     

    -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

     

    คนเยอะแฮะ

     

    เขามองจำนวนคนที่ผ่านออดิชั่นมา เท่าที่กวาดตาดูคร่าวๆก็พอจะเดาได้ว่าแต่ละคนมาแคสใคร มีคนหน้าตาแบบชาวเอเชียที่คงจะแคสบทเดียวกับเขาประมาณสองสามคน อืม บุคลิกเหมือนใช้ได้ เขาจะรอดไหมเนี่ย

     

    กว่าจะถึงติวเขาคงจะต้องรออีกสักพัก เขาเดินไปนั่งรออยู่ที่มุมหนึ่ง หยิบหนังสือพิมพ์ออกมาอ่านฆ่าเวลา  ก่อนที่จะสังเกตเห็นบุคคลที่เดินเข้ามาใหม่

     

    ท่าทางคงจะเป็นผู้ดีอังกฤษ กะจากสายตาแล้วอายุคงไม่เกินยี่สิบต้นๆ รูปร่างที่พอดีค่อนไปทางบางๆ แต่ก็ไม่แห้งมาก ใบหน้านั้น เขามั่นใจว่าไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนแน่ๆ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด เหมือนกับว่า….เคยรู้จักกันมาก่อน

     

    นิวท์!’

    ฉันจะกลับมา เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว

    เดี๋ยวนายก็จะหาย ฉันจะเป็นคนปกป้องนายเอง

    นิวท์ตายแล้ว ปกป้องไว้ไม่ได้

    ฉันขอโทษ นิวท์ ได้โปรด กลับมาที กลับมา ให้ฉันได้ปกป้องนายอีกครั้ง

    ฉันกำลังจะไปหานายแล้วนะ

     

    เขาสะดุ้งออกจากภวังค์ ภาพที่แล่นเข้ามาในหัวเมื่อกี้คืออะไร ภาพของใครสักคนที่เลือนราง แต่กลับทับซ้อนกับคนที่ยืนอยู่หน้าเขาตอนนี้ เขาเคยรู้จักเหรอ? ไม่น่านะ จะว่าไป มาแคสเป็นใครเนี่ย ท่าทางไม่น่าได้สักคนนะ

     

    ร่างนั้นเริ่มกวาดตามองรอบๆห้อง คงจะหาที่ว่างนั่ง ซึ่งก็เหลือเพียงที่เดียวข้างๆเขา เขารีบก้มหน้าลงอ่านหนังสือพิมพ์ในมือต่อ ทำเมื่อไม่ได้แอบมองไปก่อนหน้านี้

     

    ขอโทษนะครับ ตรงนี้ว่างไหมครับ

     

    เสียงพูดแบบฉบับผู้ดีอังกฤษดังขึ้นอย่างที่เขาคาดไว้ เขาเงยหน้าขึ้น พยักหน้าเบาๆแต่กลับอีกคนกลับยืนนิ่งจ้องมองเขาแบบแปลกๆ หน้าเขามีอะไรติดเหรอ?

     

    คุณครับ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ

     

    เขาโบกมือเรียกสติคนตรงหน้า เหมือนจะพึ่งได้รับสติคืนมา ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆก่อนจะรีบนั่งลง ขนมปังติดหน้าเขาเหรอ ไม่มีนะ

     

    มาแคสเป็นใครเหรอครับ

     

    เป็นปัญหาเดียวที่คาใจเขาสุดๆ ถ้าเป็นพระเอกที่ชื่อโทมัสก็คงไม่ใช่ บทเขานี้ไม่ได้เลย อัลบี้เหรอ ไม่น่าจะได้นะ

     

    นิวท์ครับ ที่เป็นรองหัวหน้าทุ่ง คุณล่ะครับ

     

    หะ

     

    เขาเกือบจะตกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ นิวท์? รองหัวหน้าทุ่งอ้ะนะ เท่าที่อ่านมานิวท์ต้องดูเถื่อนไม่ใช่เรอะ ถึงจะได้เรื่องความสุขุม เยืยกเย็นก็เถอะ คำบรรยายคือแขนกำยำเลยนะ แล้วนี่คือ….ถึงจะมีกล้ามเนื้อก็เถอะ แต่ไม่ค่อยเฉียดใกล้คำว่ากำยำเลย แต่ถึงจะข้องขนาดไหนเขาก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่ถามออกไป แต่ตอบกลับคำถามอีกฝ่ายแทน

     

    มินโฮครับ ที่เป็นหัวหน้านักวิ่ง ในบทดูเป็นคนจริงจังจนผมคิดว่าไม่น่าจะเล่นได้เลยล่ะครับ

     

    เสียงหัวเราะสดใสดังเป็นคำตอบ เขายิ้มตอบกลับ ก่อนจะนั่งกันเงียบๆต่อ สักพักถึงมีคนเดินออกมาจากห้อง คงจะแคสเสร็จแล้ว ท่าทางเหมือนดั่งโดนสูบวิญญาณออกไปทำเอาเขาเริ่มกลัว

     

    ท่าทางผู้กำกับจะโหดเอาเรื่องเลยนะครับเนี่ย

     

    ได้รับเสียงหัวเราะเป็นคำตอบอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย งานแบบนี้มีเพื่อนไว้เยอะไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย

     

    อ่าจริงสิ คุณชื่ออะไรเหรอ ผม กี ฮงลี มาจากเกาหลีครับ

     

    พูดพร้อมกับยื่นมือออกไปตามมารยาท มือขาวนวลเอื้อมมาจับก่อนจะแนะนำตัวกลับ

     

    ผม โทมัส โบรดี้-แซงสเตอร์ เป็นคนอังกฤษ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

     

    -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

     

    เป็นเรื่องที่เผลอดอง//โดนถีบ 5555

    บทสนนทนาส่วนใหญ่จะเหมือนเดิมนะคะ แค่เปลี่ยนมุมมองคน ฮาๆ

    แต่งไปแต่งมาเริ่มอยากให้สองคนนี้ได้รักกันไปในโลกนี้ไปเลย แต่งต่อดีไหมค่ะเนี่ย//อย่าเปิดไหดองเพิ่มเซ่!

    เรื่องนี้แต่งจริงๆคงจะจบแฮปปี้ แต่ว่า…..//โดนกองฟิคทับหัว อย่าสร้างงานเลยตัวฉัน

    คือ อเวนเจอร์สองปล่อนเทรนเลอร์ออกมาแล้ว แค่สองนาทีทำเอาไรท์เกือบโดนดึงไปเรือลำอื่นเลย เกี่ยวไว้ก่อนนนนน(นมพี่ธอร์มันดึงดู----)

    ถ้ามีโอกาสจะแต่งเรื่องนี้ต่อนะคะ แหะๆๆๆๆ

    สครีมใส่แท้กเดิมแล้วกันนะคะ #InThePart ค่ะ จะได้ตามอ่านง่ายๆ 55

    ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านและทุกคอมเม้นค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×