Fic The Maze Runner:Be Sleepless(Thomas x Newt) - Fic The Maze Runner:Be Sleepless(Thomas x Newt) นิยาย Fic The Maze Runner:Be Sleepless(Thomas x Newt) : Dek-D.com - Writer

    Fic The Maze Runner:Be Sleepless(Thomas x Newt)

    ก็แค่คนนอนไม่หลับสองคนมานั่งคุยกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    2,734

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    20

    ผู้เข้าชมรวม


    2.73K

    ความคิดเห็น


    31

    คนติดตาม


    64
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.ย. 57 / 15:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เป็นเรื่องมโนของไรท์เตอร์ว่าอยู่ในช่วงหลังจากออกจากเฟสหนึ่งแล้วมาเฟสสอง ไปหาที่ซุกหัวนอนในบ้างสักหลังในเมืองร้าง//ความจริงในหนังสือก็ไม่ใช่แบบนี้นะ อย่าสนใจหาความจริงนะค่ะ 55

     ****เนื้อหาสปอยหนัง ใครยังไม่ได้ดูก็ไปดูก่อนนะค่ะ******
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Fic The Maze Runner

      Pairing: Newmas(Thomas x Newt)

      Talk: เป็นช่วงตอนที่พวกโทมัสเข้าเฟสสองที่เป็นเมืองร้างนะค่ะ มั่วมากๆ เป็นแค่มโนของไรท์เท่านั้นนะค่ะ อย่ามองหาความจริงจากในฟิคนี้เลยค่ะ

      เนื้อหาอ้างอิงจากเนื้อเรื่องในหนัง มีการสปอย ผู้ใดยังไม่ได้ดูก็ไปดูก่อนนะค่ะ

      -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.

      นอนไม่หลับ.....

      เป็นอาการที่ทุกคนจะต้องมีสักครั้งในชีวิต แต่สำหรับเขา ตั้งแต่ตื่นมาจากกล่องนั้น เขาก็นอนไม่หลับแทบทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกัน

      ชายหนุ่มเหม่อมองออกไปข้างนอก มองดูเมืองร้างของเฟสสอง มองดูความว่างเปล่าตรงหน้า ไม่มีใครบอกได้ว่าพวกเขาต้องเจอกับอะไรอีก  ไม่รู้ว่ามีความโหดร้ายอะไรรออยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ต้องผ่านมันไปให้ได้

      ….ต้องทำให้ได้ มีแต่ต้องทำให้ได้เท่านั้น….

                      มือขวาเขาจับตุ๊กตาตัวเล็กจากเพื่อนคนสำคัญของเขาไว้แน่น กำไว้จนมันแทบจะหักคามือ เจ็บปวดทุกครั้งที่มองปกป้องไว้ไม่ได้ เพื่อนที่เป็นดั่งน้องชายของเขา แค่คิดขอบตาร้อนผ่าว แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา พอแล้ว เขาร้องไห้มาเยอะมากแล้ว

      โทมัสเหม่อมองข้างนอกต่อไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ความคิดผ่านไป ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาเอาแต่นั่งอยู่ตรงนี้ จนกระทั้งได้ยินเสียงจากด้านหลัง

      นอนไม่หลับเหรอ

       เป็นนิวท์นั้นเอง ร่างผอมบางเดินเข้ามาข้างๆเขา เหม่อมองออกไปข้างนอกแบบเดียวกับเขา

      คิดว่าฉันจะนอนหลับได้หรือไง

      เขาตอบ ไม่ได้ตั้งใจที่จะประชด แต่เขาคิดแบบนั้นจริงๆ เขากลัว กลัวการฝันร้าย ฝันถึงเหตุการณ์นั้น เพียงแค่หลับตาภาพต่างๆก็แล่นเข้าหัวราวกับกรอกเทป ทั้งเสียง ภาพ กลิ่น ชัดเจนราวกับเกิดขึ้นตรงหน้า

      แล้วนายล้ะ ทำไมยังไม่นอนอีก

      โทมัสถามกลับพลางเหลือบมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่าย

      ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกันนั้นแหละ

      อีกฝ่ายตอบอย่างเหม่อเลย ดวงตายังไม่ละจากทิวทัศน์เบื้องหน้า เงียบกันไปสักพัก ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั้งนิวท์เป็นคนทำลายความเงียบนั้น

                      ขอดู นั้นหน่อยได้ไหม

      ร่างผอมบางหันมาก่อนจะชี้มาทางมือขวาที่หมุนตุ๊กตาแกะสลักอยู่ เขารู้สึกไม่อยากให้ แต่ก็ยอมส่งให้อีกฝ่ายอยู่ดี นิวท์รับไปก่อนจะหมุนดู ดวงตามองอย่างเหมือนจะชื่นชม

      สวยดีนะ เขา ทำเองเหรอ

      อีกฝ่ายถามพลางพยายามเลี่ยงชื่อผู้ตาย คงไม่อยากให้เขาคิดถึงล่ะมั้ง

      อืม หมอนั้นทำเองเลยล่ะ บอกว่าทำให้พ่อแม่น่ะ

       ทำให้พ่อแม่? เขาจำได้เหรอ

      ไม่ได้หรอก แต่อยากจะทำให้น่ะ บอกว่าอยากนำไปให้

      เสียงร่างสูงเริ่มสั่นเครืออีกครั้ง ความเจ็บปวดกลับมาทุกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งๆที่เขาเป็นคนบอกเองแท้ๆว่าจะพาไป พาออกมาจากที่นั้น ทั้งๆที่ออกมาจากเขาวงกตนั้นได้แท้ๆ ทำไม ทำไม ทำไม

      ทำไมเขาถึงปกป้องไว้ไม่ได้

      ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงความเย็นข้างแก้ม นิ้วเรียวยาวของนิวท์เกลี่ยน้ำตาบนแก้มเขาอย่างแผ่วเบา นี้เขาร้องไห้อีกแล้วเหรอ ไหนว่าจะไม่ร้องอีกแล้วไง

      ร้องออกมาเถอะนะ อย่าเก็บไว้เลย

      แค่คำพูดสองประโยคกลับมีอิทธิพลมากมาย น้ำตาเขาไหลลงมาอีกครั้ง เขาร้องไห้อย่างหนัก แม้จะไม่เท่าตอนนั้น แต่ก็มากกว่าครั้งก่อนๆ โทมัสดึงร่างผอมบางของนิวท์เข้ามากอด ได้ยินเสียงอุทานเบาๆจากอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เขาซุกหน้าลงกับไหล่เล็กนั้น

      ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงเสียงสะอื้นของเขาและเสียงลมหายใจของนิวท์เท่านั้นที่ยืนยันการมีอยู่ของพวกเขา อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยปลอบอะไรออกมา ซึ่งนั้นก็ดีแล้ว

      ยิ่งมีแต่คนปลอบใจ เขาก็จะยิ่งอ่อนแอ

      นิวท์ไม่ได้ทำอะไรนอกจากลูบหัวเขา มือเรียวลูบขึ้นลงบนหัวเขาอย่างอ่อนโยน สัมผัสนั้นทำให้น้ำตาเขาหยุดไหลไม่ได้ เป็นสัมผัสเดียวที่เขาโหยหามาตลอดตั้งแต่ตื่นขึ้นมาครั้งนั้น

      นานเท่าไหร่ไม่รู้กว่าร่างสูงจะหยุดร้อง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ลุกไปไหน ไม่แม้แต่จะขยับตัวด้วยซ้ำ

      ในที่สุดเขาก็ยอมเงยหน้าขึ้นจากไหล่ข้างนั้น สูดน้ำมูกเบาๆ รู้สึกโล่งใจอย่างแปลกๆเหมือนกับได้ปลดปล่อยวิ่งที่อัดอั้นมาตลอดออกมา

      เฮ้ย น้ำมูกไม่ได้ติดเสื้อฉันใช่ไหม

      ร่างบางเอ่ยขำๆ ซึ่งโทมัสเองก็หัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา

      เขาสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงนิ้วอีกฝ่ายที่เกลี่ยน้ำตาเขาอีกรอบ สัมผัสแผ่วเบาราวกับขนนก เขายกมือขึ้นมากุมมืออีกฝ่ายไว้ มองสบตาอีกฝ่าย

      เลิกโทษตัวเองได้แล้วนะ มันไม่ใช่ความผิดของนายสักนิด

      นิวท์พูดเสียงเบาราวกับกลัวว่าคนอื่นจะตื่น มือบางไม่ได้หนีจากการกอบกุม เขาจึงดึงมืออีกฝ่ายมาแนบใบหน้าตัวเอง สัมผัสเย็นๆจากมือเรียวบางทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก

      นายเข้าใจ?

      ร่างสูงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ สายตาลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

      คิดว่าฉันไม่เคยต้องรู้สึกแบบนั้นมาก่อนหรือไง ฉันอยู่ที่นั้นมาก่อนนายตั้งนานนะนายใหม่

      เลิกเรียกฉันว่าหน้าใหม่เถอะ ตอนนี้ไม่มีของแบบนั้นแล้วนะ

      โทมัสพูดพลางปล่อยมือจากการกอบกุม หากแต่เปลี่ยนมาจับมือไว้หลวมๆ ความเย็นจากมือบางทำให้เขาแปลกใจ แต่ด้วยอากาศรอบตัวตอนนี้คงไม่ผิดปกติเท่าไหร่

      ฉันเข้าใจ

      เสียงดังขึ้นเบาๆจากริมฝีปากอิ่ม หากไม่ใช่เพราะที่นี่เงียบมากเขาคงจะไม่ได้ยินไปแล้ว

      เข้าใจ?

      ซัคน่ะ คงเหมือนน้องชายนายสินะ

      ประโยคเดียวที่เหมือนดั่งทิ่มลงกลางใจ ความเจ็บปวดแล่นกลับเข้ามาอีกครั้ง

      พวกเราที่ต่างสูญเสียความทรงจำ จดจำอะไรไม่ได้นอกจากชื่อตัวเอง ก็ไม่แปลกที่จะมองเพื่อนคนแรกที่ไว้ใจเป็นดั่งคนในครอบครัวหรอก

      มือบางที่จับไว้เริ่มออกแรงบีบ เสียงที่สั่นหน่อยๆทำให้เขาเริ่มเข้าใจว่าอีกฝ่ายก็เคยเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับเขา

      คนที่มาที่ทุ่งคนแรกคืออัลบี้ ส่วนคนต่อมาก็คือฉันนี่แหละ

      นิวท์เล่า โทมัสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะอีกฝ่ายไม่เคยที่จะเล่าเรื่องตัวเองมาก่อน

      หนึ่งเดือนเต็มๆที่ฉันต้องอยู่กับเขา ทั้งเกลี่ยกล่อม พยายามทำให้ฉันเลิกกลัว แล้วก็สอนสิ่งต่างๆให้ฉัน

      ร่างบางหันหน้าไปมองทิวทัศน์หน้านอกอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือที่จับกันออก

      หลังจากที่มีคนมาใหม่เรื่อยๆ กฎระเบียบก็ต้องตั้งมาเพื่ออยู่รอด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยได้ทุกครั้ง

      เสียงเล่าขาดหายไป แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะเร่งอีกฝ่าย

      ยุคมืคน่ะ อัลบี้คงเคยบอกนายแล้วใช่ไหม

      นิวท์หันมาถาม ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากพยักหน้า

      บัคซบที่สุดเลยตอนนั้น จากที่ต้องคอยกลัวแต่กรีนเวอร์ กลับต้องมากลัวมนุษย์ด้วยกันเอง….คนที่คลุ้มคลั่ง คนที่ไล่ล่า คนที่ถูกล่า คนที่หวาดกลัว

      โทมัสรับรู้ถึงแรงสั่นน้อยจากมือข้างที่กุมไว้ แม้จะอยากบอกให้อีกฝ่ายเลิกเล่า แต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับมากกว่า

       ฉันก็อยู่ในกลุ่มหลังนั้นแหละ ได้แต่นั่งหวาดกลัว ร้องไห้อยู่ในป่า จนกระทั้งถูกพบ คนที่มาช่วยฉันไว้ก่อนที่ฉันจะถูกฆ่าก็คือ อัลบี้ หลังจากนั้นหลังทุกอย่างจบลง ก็เหลือแค่ฉัน อัลบี้ และคนอื่นๆไม่กี่คน อัลบี้เลยจำเป็นต้องจัดระเบียบ ตั้งกฎขึ้นมาอย่างจริงจัง

       กลุ่มผมยุ่งเอนไปซบไหล่แกร่ง ความอบอุ่นที่มือทำให้ร่างบางรู้สึกดีขึ้น ก่อนจะเล่าต่อ

      เพราะกฎที่อัลบี้ตั้ง ทุกจึงมีถึงทุกวันนี้ได้ แต่หลังจากที่นายมา นายก็แหกกฎไปซะทุกข้อ แถมยังทำเรื่องบ้าๆที่คนอื่นทำไม่ได้ตั้งหลายเรื่อง เสียงออกหวานเงียบไป เนิ่นนานกว่าที่อีกฝ่ายจะยอมเล่าต่อ ฉันมองอัลบี้ไม่ต่างจากพ่อเลยนะ เขาเป็นคนสอนหลายๆสิ่งให้ฉัน แต่เพราะคืนนั้น... คืนนั้น

      เสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงเรื่องวันวาน ร่างเล็กบางสั่นจากการพยายามสะกดความเศร้าที่ประทุขึ้นมา โทมัสมองดูอีกฝ่าย ตอนนี้นิวท์ไม่ต่างอะไรกับแก้วที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ ร่างเล็กดูบอบบางมากขึ้นในตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เอื้อมมือเข้าไปหาอีกฝ่าย ปล่อยมือที่จับกันก่อนจะดึงร่างนั้นเข้ามากอด ดึงให้กลุ่มผมสีทรายซุกหน้าลงกับอกเขา เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยอ้อมแขนนี้ออก

       เสียงสะอื้นเบาๆ อีกฝ่ายไม่ได้ปล่อยโฮเหมือนเด็กเล็กๆ เพียงแค่สะอื้นและความเปียกชื้นตรงอกเท่านั้นที่บอกได้เป็นอย่างดีถึงความเศร้า ความเจ็บปวดทั้งหมด เขายกมือขึ้นลูบกลุ่มผมยุ่งนั้นอย่างเบามือ เหมือนกับที่อีกฝ่ายทำตอนนั้น เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเสียงสะอื้นไห้นั้นหยุดลง มือแกร่งยังคงลูบกลุ่มผมยุ่งแต่นุ่มมือต่อไป

      นี่ โทมัส นายคิดว่าอัลบี้...ตายเปล่าหรือเปล่า

       เสียงอู้อี้ดังมาจากวงหวานที่ยังคงซุกอยู่กับอกเขา จนโทมัสอดไม่ได้ที่จะดึงใบหน้าของเจ้าชองคำถามนั้นขึ้นมาเพื่อสบตากัน ใบหน้าหวานเกินชายยังคงเปื้อนคราบน้ำตา แต่มันก็ทำให้ร่างนั้นดูบอบบางน่าถะนุถนอมมากขึ้นไปอีก ดวงตาทั้งคู่สบกัน ก่อนที่เขาจะยอมตอบคำถามอีกฝ่าย

      อัลบี้ตายเพราะช่วยซัค และซัคตายก็เพราะ... ช่วยฉัน ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่เพราะมีอัลบี้ฉันถึงยังอยู่ตรงนี้ และนายก็อยู่ถึงตอนนี้ก็เพราะเขา จะตายเปล่าหรือไม่ ไม่เท่าว่าได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าหรือเปล่า ซึ่งนั้นนายต้องตอบเอง

      ชายหนุ่มมองสบดวงตาสีอ่อนคู่นั้นอย่างจริงใจ ไล่มือไปปาดคราบน้ำตาบนผิวเนียน เวลาผ่านไปจนราวกับเป็น          นิรันดร์ ไม่มีใครหลบตาใคร ทั้งสองได้แต่จ้องมองกันและกัน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจร่างสูงอีกครั้ง ใบหน้าคมเริ่มโน้มเข้ามาใกล้วงหน้าหวาน ไม่มีใครเอ่ยอะไร ไม่มีใครหลบตา จนใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงอากาศกั้น ริมฝีปากทั้งคู่แตะกัน ไม่ได้ลึกซึ้ง สัมผัวแผ่วเบาจนแทบจะไม่รู้สึก แต่ก็มากพอที่จะบอกความรู้สึกต่างๆที่มีให้กับอีกฝ่าย

       เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ อาจจะหนึ่งนาที สองนาที หรือนานกว่านั้นที่ทั้งสองจะยอมผละออกจากกัน เหมือนนิวท์จะพึ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ใบหน้าหวานแดงขึ้นมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ดวงตาสีอ่อนหลบไปมองทางอื่นแบบเขินๆ กิริยาน่ารักนั้นทำให้ร่างสูงแกร่งอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้

      ฉันว่า เราไปนอนก่อนดีไหม

      โทมัสเอ่ยแก้สถานการณ์น่าอึดอัดนี้ เนื่องจากอีกฝ่ายยังไม่ยอมหันมา แต่เขาก็ยังหูที่แดงผิดปกตินั้นอยู่ดี ไหนว่านอนไม่หลับไง เสียงแว่วหวานบ่นงึมงำ แต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ามาอยู่ดี เขายิ้มอย่างเอ็นดูในความน่ารักของร่างเล็ก ก่อนที่จะยืนขึ้นและ 'อุ้ม' อีกฝ่ายขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน คนโดนอุ้มไม่รู้ตัวร้องเสียงดังลั่นจนทำโทมัสกลัวว่าคนอื่นจะตื่น

      เสียงดังนะ เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นหมดหรอก

       เขาแกล้งดุคนในอ้อมแขน ก่อนจะเดินไปทางที่โล่งมุมหนึ่งที่เขาใช้นอนก่อนหน้านี้ แอบเหลือบมองใบหน้าหวานที่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศสุกของนิวท์.... น่ารักจริงๆ

      ปล่อยเลยนะโว้ย ไหนบอกว่านอนไม่หลับไง จะพาไปไหนเนี่ย

       ร่างผอมบางโวยวายเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นอะไรมาก อาจจะเพราะกลัวตกหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งนั้นก็ทำให้โทมัสพอใจ ถ้าเกิดร่างเล็กนี้ดิ้นจนหลุดตกไปกระแทกพื้นที เขาคงได้ตายในด่านทดสอบนี้แน่ๆ

      อืม นอนไม่หลับ เลยอยากได้คนนอนด้วยไง

       ร่างแกร่งวางนิวท์ลงตรงมุมที่เขาเคยนอนก่อนหน้านี้ ก่อนที่ตัวเขาเองจะนอนลงตาม ไม่ต้องคิดอะไรเขาก็คว้าตัวอีกฝ่ายเขามากอดไว้ เขานอนไม่หลับ ทุกครั้งที่หลับตาภาพความโหดร้ายที่เคยเห็นจะย้อนกลับมาหลอกหลอน และเขาจะต้องฝัน อาจจะเป็นความทรงจำของเขาเอง หรืออะไรก็ตาม มันล้วนทำให้เขาทรมาน ความอบอุ่นจากคนในอ้อมกอดทำให้เขารู้สึกดี ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขารู้ว่าเขาจะไม่ฝันร้ายอีก ร่างเล็กขยับเล็กน้อย โทมัสกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะดิ้นหนีเขา เขายังไม่อยากนอนคนเดียวในคืนนี้ แต่ก็โล่งใจเหมือนนิวท์แค่ขยับตัวจัดที่นอนให้สบายเท่านั้น

      แขนแกร่งแบบที่ผู้ชายทั่วไปจะมีสอดเข้าไปรองศีรษะได้รูป ใบหน้าหวานเงยหน้าเหมือนสงสัยแต่เพราะความมืดของรัตติกาลทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของกันและกัน ซึ่งก็ดีกับทั้งสองฝ่าย ความเงียบเข้าครอบคลุมจนร่างสูงนึกว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว ความเย็นของอากาศตอนกลางคืนเสียดแทงผิวกายจนเขาต้องกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น กลัวว่าร่างบอบบางในอ้อมกอดจะหนาว หรืออาจจะเป็นหวัด ความอบอุ่นจากร่างกายบางทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย อย่างน้อยตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

      ยังนอนไม่หลับอีกหรือไง

      เสียงดังมาจากคนที่เขาคิดว่าหลับไปแล้ว ร่างเล็กขยับอย่างพยายามหาท่านอนที่สบายที่สุด ใบหน้าหวานเกินชายซุกลงกับอกแกร่ง ลมหายใจอุ่นๆที่รดอยู่กับอกทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แต่ก็พยายามที่จะเก็บมันลงไป

      นิดหน่อย ตาค้างแล้วล่ะมั้ง

       เขาตอบคำถามอีกฝ่าย ตอนนี้แค่หลับตาเขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ภาพทุกภาพมันยังย้ำเรื่องที่เขาเจออยู่ทุกครั้งเหมือนกับอีกฝ่ายจะเข้าใจความรู้สึกเขา หรืออาจจะแค่หนาว แต่ร่างบางก็ขยับตัวเข้ามาเบียดเขามากขึ้น แขนผอมบางยกขึ้นกอดตอบ

      ฉันอยู่ตรงนี้ โทมัส ไม่มีอะไรต้องกลัวนะ

      เสียงหวานพูดเหมือนปลอบเด็กที่กำลังกลัว น่าแปลกที่เขาไม่โกธรที่อีกฝ่ายทำเหมือนเขาเป็นเด็กที่ไม่กล้านอนคนเดียว ตรงข้ามชายหนุ่มกลับรู้สึกดีมากขึ้น แขนกำยำกระชับเอวบางเกินมาตราฐานผู้ชายปกติมากขึ้นจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน

      นอนซะเถอะนะ พรุ่งนี้เรายังจ้องเจออะไรอีกมาก ถ้าเกิดนายหมดแรงตายละก็ ซัคอาจจะกลับมาหักคอนายด้วยวิญญาณของเขาเองเลยนะ

      นิวท์เอ่ยติดตลก พยายามทำให้ร่างสูงเลิกคิดถึงเรื่องต่างๆ ซึ่งก็ช่วยได้มาก

      งั้นฉันคงต้องไปหาเครื่องไล่ผีน่ะสิ มีไหมเนี่ย

      เขาต่อมุกอีกฝ่าย แว่วเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากร่างในอ้อมกอด เสียงหัวเราะใสที่ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก แม้จะดังกว่าเสียงกระซิบก็ตาม

      โทมัสลองข่มตา คิดถึงแต่ความอบอุ่นจากร่างบางตรงหน้า น่าแปลก ภาพต่างๆที่ทำให้เขานอนไม่หลับกลับหายไปหมด นัยน์ตาคมปิดลงอย่างช้าๆ หวังว่าคืนนี้เขาอาจจะนอนหลับได้จริงๆ

      นี่ โทมัส…”

      เสียงดังขึ้นจากใบหน้าที่ซุกกับอกเขา เจ้าของชื่อก้มลงไปมองคนเรียกอย่างสงสัย แต่ก็เห็นเพียงกลุ่มผมสีทองของอีกฝ่าย

      เสียงเรียกเงียบไปนานมากจนชายหนุ่มนึกว่าเป็นเสียงละเมอ เสียงเดิมก็ดังขึ้นอื่นที่ระดับเสียงดังๆกับการกระซิบ

      อย่าตายนะ

      เสียงนั้นดังก้องในความเงียบยามราตรี โทมัสพูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าแม้แต่จะรับปาก เขารู้สึกถึงมือบางข้างหนึ่งที่ขยำเสื้อเขาตรงอก ขยำแน่นจนน่ากลัวว่ามันจะขาด

      ร่างสูงเข้าใจความรู้สึกนี้ ความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่เหลือใครเลย แม้อยากจะรับปากกับคำขอนั้น แต่มันก็ดูจะยากเกินไป เขาไม่อยากจะทำลายความรู้สึกของร่างเล็ก แต่ถ้าสัญญาแล้วทำไม่ได้ นั้นจะยิ่งทำร้ายกันมากกว่า

      นายก็เหมือนกัน

      เขาไม่อาจรับปากได้ในเรื่องนี้ มันดูเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการเอาชีวิตรอดในด่านทดสอบมหาประลัยเหล่านี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีอีกกี่ด่านที่รออยู่ ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรอีก ไม่รู้เลยว่า โลกข้างนอกนั้นจะน่าอยู่กว่าในเขาวงกตนั้นจริงรึเปล่า แต่ถึงอยากนั้น เขาเดินมาไกลเกินกว่าจะขอกลับไปอยู่กับพวกกรีนเวอร์แล้ว และจะไม่มีวันกลับไปอีก

      อืม

      ตอบสั้นๆก่อนจะเงียบไป เป็นการบอกให้นอนจริงๆได้แล้ว ชายหนุ่มหลับตา อย่างน้อยแม้ตอนนี้เขาจะฝันร้ายหรือจะเห็นภาพอะไร เขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียว

                      แล้วสติทั้งหมดก็ดับวูบไปในความมืดของรัตติกาล โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้พวกเขาจะยังมีชีวิตรอดกันอยู่ไหม

      -.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

      .

      .

      .

      .

      .              

                      แถมๆ

                      แม้จะไม่ค่อยจะรู้วันเวลาเท่าไหร่ แต่ร่างกายที่ต้องตื่นแต่เช้าเป็นทุนเดิมจากการเป็นนักวิ่งก็ปลุกมินโฮจากการนอนหลับสนิทเป็นคนแรก ร่างกายกำยำจากการวิ่งมาตลอดระยะเวลา 3  ปี ลุกขึ้นจากที่ที่ใช้นอนชั่วคราว สายตามองไปรอบๆก็พบว่ามีคนที่คุ้นหน้าหายไปถึงสองคน

                      ชายหนุ่มตกใจก่อนจะเริ่มวิ่งหา ในหัวสมองคิดแต่เรื่องร้ายๆว่าจะถูกจับไป มีคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเรารอทำร้ายอยู่ หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้ประสาทเสีย สายตากวาดไปมองสถานที่ไม่คุ้นก่อนจะสะดุดอยู่ที่มุมหนึ่ง

                      ร่างสูงสมส่วนก้าวเข้าไปตรงมุมหนึ่งที่ค่อนข้างจะเป็นจุดอับสายตา ก็พบสิ่งมีชีวิตสองตัวที่กำลังนอนกอดกันราวกับคู่รักที่พลัดพรากกันมานาน มินโฮส่ายหัวขำๆกับความกังวลเมื่อกี้ของตัวเองและรู้สึกอยากได้กล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บไว้สักหลายๆภาพ

                      ภาพตรงหน้าคือสองคนที่เขาตามหาเมื่อครู่กำลังนอนกอดกันจนแทบจะประสานเซลล์กันอยู่แล้ว โทมัสที่นอนอยู่ใช้กระเป๋าเป๋ตัวเองแทนหมอนและยอมบริจาคแขนข้างหนึ่งให้อีกคนหนุน แขนข้างนั้นไม่เป็นเหน็บทั้งวันก็ได้ยกไม่ขึ้นชัวร์ๆ มินโฮคิด ส่วนร่างเล็กบางของอดีตรองหัวหน้าทุ่งที่ตอนนี้ซุกหน้าลงกับอกแกร่งของเด็กใหม่ที่รู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์ ภาพที่เห็นดูน่ารักมุ้งมิ้งจนคนมองแทบจะเห็นแบ็คกราวน์เป็นบรรยากาศสีชมพูอมม่วงรำไพ หัวหน้านักวิ่งแทบอยากจะเดินไปหาผู้สร้างด่านทดสอบแล้วขอกล้องมาถ่ายไว้ แต่ก็คงไม่ดี ได้โดนนิวท์ฆ่าแน่ๆ

                      มินโฮมองแขนเล็กของนิวท์แล้วนึกถึงตอนที่อีกฝ่ายใช้มันถือไม้ฟาดหัวเบ็น แค่คิดก็สยองแล้ว ชายหนุ่มแทยไม่อยากคิดต่อว่าจะเป็นยังไงถ้าเขาจะโดนบ้าง ซึ่งนั้นคงไม่น่าประทับใจเท่าไหร่

                      ขายาวก้าวเดินเงียบๆ พยายามรบกวนคนนอนให้นอนที่สุด ก่อนจะเดินจากไป

                      ไม่แปลกใจที่เช้าวันนี้ได้เห็นโทมัสมีรอยช้ำบนใบหน้าและนิวท์ที่หน้าแดงๆเหมือนเป็นไข้

      .

      .

      .

      .

      The end

      จบไปเถอะเนอะ ฟินเพ้อไม่มีมูลความจริงใดๆเลยทั้งสิ้น มโนไรท์เตอร์เองล้วนๆ 555

      คือไปดูเดอะเมซรันเนอร์มาสองรอบแล้ววววว รอบแรกไปเพื่อดูหนัง รอบสองไปเพื่อดูนักแสดงงง ฮ่าๆ

      คือ นิวท์น่ารักมากอ้ะ น่ารักมากจริงๆอ่ะ โธมัส(ชื่อคนแสดง)แสดงได้ดีมาก รักคนนี้เข้าจริงๆนะ คนอะไรหล่อทั้งหน้าตาและความคิด นี่แหละพ่อของลูกกก ฮาาาา//โดนถีบโดยตีนนักวิ่งx2

      คือ ก็มีเด่นๆอยู่ 3 คนเนอะ เลือกยากมากเลย แต่ไรท์จะชอบ all x newt นะค้ะ ถ้ายังไม่หมดไฟจะมีฟิค 3Pเรื่องนี้คือมาค่ะ(ขีดเส้นตายคำว่า ถ้า ตัวใหญ่เลย 55)

      ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะค่ะ ดีใจค่ะที่มีคนชอบคู่นี้ด้วย

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×