[B.A.P. -LoUp] -Lover-[จบแล้ว]
บางครั้งคนเราก็มักไขว่ขว้าหาสิ่งอื่น ทั้งๆที่อยู่กับมือก็มีสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เมื่อมองกลับมาคุณจะพบว่าสิ่งสำคัญที่สุดคุณทิ้งมันไปแล้วนั้นเอง
ผู้เข้าชมรวม
1,242
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
โรเมียล
คู่จิ้น โล่ ออบ BAP
โรงพยาบาล
หน้าห้องฉุกเฉินยังคงมีคนๆหนึ่งที่ยังคงนั่งรออีกคนที่อยู่ในห้อง ดวงตาคมกำลังร้อนผ่าว มือกำแน่น ใบหน้าก้มลงอย่างหาความคิด
ทำไม?
ทำไมไม่บอกกัน?
คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาในหัว
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเค้าบอกเลิกกับ จงออบ คนที่ยังอยู่ในห้อง จงออบผู้มีความร่าเริง ใสซื่อ บริสุทธิ์ แต่มันดูเรียบเกินไปสำหรับเค้า เพราะเราทั้งสองควรจะไปได้ดี แต่ผมคงไม่พอ จึงบอกเลิกกับคนตัวเล็กไป มุมจงออบผู้ใสซื่อ
หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นผมคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอน่ารัก เธอสดใส เธอเอาแต่ใจ แต่ก็ดูสวยงาม มีชีวิตชีวา ผมว่าเธอใช่สุดสำหรับผม
สองอาทิตย์ต่อมา ผมได้ยินข่าวว่า จงออบ ไม่สบาย ผมเป็นห่วงเค้านิดหน่อย เพราะคนตัวเล็กมักจะไม่ดูแลตัวเอง เพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรงอยู่แล้ว ส่วนผมกำลังมีความสุขกับคนน่ารักของผม
สามอาทิตย์หลังจากนั้น ผมเริ่มไปกับเจ้าหล่อนไม่ไหวด้วยความหึง และเอาแต่ใจ ทำให้ผมเริ่มรำคาญ ใครอีกคนตอนนี้จะทำอะไรอยู่นะ ผมลองทวิต ไปหาแต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมา ผมเริ่มอารมณ์เสียเพราะคงจะไม่เห็นหัวกันแล้วมั้ง
จนเมื่อต้นอาทิตย์นี้ผมได้บอกเลิก กับ เธอ เพราะผมทนรับเธอไม่ได้ มันไม่ใช่ ไม่เหมือนที่ผมคิดไว้ ช่วงเวลาโดดเดี่ยวมันทำให้ผมอยากติดต่อหา จงออบ ว่าเค้าเป็นยังไงบ้าง ผมไปตามหาที่คอนโดก็ไม่เห็น ผมพยายามถามหากับพี่ๆ ก็พบว่าไม่มีใครรู้ ผมว่ามันดูมีพิรุจ ผมจึงคอยสังเกต เห็นเขาพากันไปโรงพยาบาล ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่มาหาติดต่อกันสามวันชักจะแปลก ผมจึงเดินตามเข้ามาแอบเดินหลบให้เนียลสุดๆ จนขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นโซนของ วีไอพี อาจไปหาพ่อพี่ฮิมก็ได้ แต่พอเดินไปอีกพบว่าห้องที่พวกพี่ๆเข้าไปเป็นห้องคนไข้พิเศษ ผมเดินไปส่องดูกระจก พบอีกคนที่ผมถามหากำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วย
มุมจองออบ
ผมเดินเข้าไปอย่างลืมตัวก่อนที่จะพบว่าตัวเองเดินเข้ามาแล้ว สายตาทุกคนกำลังมองมาที่ผม พร้อมกับคนตัวเล็กบนเตียง
“มาได้ไง?” จงออบพูดออกมาเบาๆ
“พวกฉันไม่ได้บอกนะ” ยองแจพูดดักก่อนจะเดินมาข้างหน้าผม
“นายมาได้ไง” พี่ยองแจพูดพร้อมกับดึงแขนผมเป็นแนวให้ออกมาข้างนอก
“ไหนพวกพี่ว่าไม่รู้ไง ทำไมมากันครบทุกคนหละ” ผมพูดจ้องหน้าทุกคน
“เชลโล่ … /// พวกพี่เค้าพึ่งรู้หนะ” พี่ยงกุกพูดก่อนที่จงออบจะตอบแทน
“พึ่งรู้ พึ่งรู้ แล้วทำไมมากันตั้งสามวันแล้ว ทำไมไม่บอกผม ?” ผมถามออกมาแต่สิ่งที่ตอบมาคือความเงียบ
“ฉันแค่เป็นไข ไม่เป็นไรหรอก นายหละทำไมมาคนเดียว” คนบนเตียงพูดพร้อมส่งยิ้มบางๆมาให้ มันทำให้ผมรู้สึกผิดมาก
“แล้วนายคิดไงมาหาจงออบอะ?” พี่แดฮยอนถามผมก่อนจะดึงเอาคนตัวเล็กของตัวเองมายืนข้างๆ
“ก็เห็นไม่ตอบทวิต” ผมเปลี่ยนจากมองทุกคนเป็นจงออบคนเดียว
“ฉันไม่ได้เปิดอะ” จงออบตอบก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ผมอีกรอบ แต่ดูเหมือนเค้าจะคิดคำตอบนานไปหน่อย ผมเดินเข้าไปหาคนบนเตียงโดยมีมือพี่ฮิมชานจับแขนไว้ไม่ให้เดินเข้าใกล้มากนัก ผมหันไปมองหน้าพี่ฮิมชาน มันทำให้ผมพึ่งนึกได้ว่า ผมกับเขาตอนนี้เป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น เราควรที่จะเว้นระยะห่างเอาไว้สินะ
“แล้วเชลโล่กินอะไรรึยัง” พี่ยงกุกถาม หลังจากเงียบไปนานเพราะผมเอาแต่จ้องคนอยู่บนเตียงอยู่
“ผมกินแล้ว”
“งั้นพวกฉันไปกินแปบ แกดูไอ้ออบมันด้วย” พี่ยงกุกบอกก่อนจะมองหน้าพี่ฮิมชานที่ทำหน้าลำบากใจ แต่ก็เดินตามไป
“ฉันไม่ไป” พี่ยองแจยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งมั่นอยู่อย่างนั้น
“นายก็ต้องไป ฉันคิดอะไรกินไม่ออก” พี่แดฮยอนจึงดึงแขนอีกคนลากตามไปด้วยโดยมีเสียงโว้ยวายตามไปอีกว่า “อย่างนายคิดไม่ออกอีกร้อ ”…_ _”
ผมมองคนตรงหน้าที่ดูผอมลงมาก กล้ามเนื้อที่เกิดจากการเต้นก็น้อยลง ผิวก็ดูซีดลง ริมฝีปากบางก็ดูช้ำม่วงแปลกๆ เหมือนกัดบ่อยๆ โทรมมาก ดูขุมตาดำก็รู้
“ออกวันไหนละงวดนี้” ผมถามคนตัวเล็กที่ยิ้มตอบมา ผมมองหาเก้าอี้ก่อนจะเดินหยิบมานั้งข้างๆ
“ยังไม่รู้เลย แต่เร็วๆนี้แหละ” เสียงของจงออบดูแปลก ก่อนเจ้าตัวจะชี้ที่ขวดน้ำผมเลยเดินเอามาให้เพราะคนบนเตียงดูจะไม่สะดวก ดูจากแขนที่จิ้มสายน้ำเกลืออยู่
“ขอบใจนะ” เสียงที่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ เรา ไม่สิ ผมบอกเลิกเค้า จงออบก็พูดออกมาคำเดียวกันแต่ทำไมคำพูดนี้ ตอนนี้กลับฟังดูลึกซึ้งกว่า
“อืม” ผมว่า
“เป็นไงบ้าง”
“ก็ดี”
“…ดีแล้วละ” รอยยิ้มที่ส่งมาไม่ได้ตรงกับสิ่งที่พูดสักนิด
เราเงียบกันอยู่นาน จนพยาบาลเข้ามาตรวจ ผมมองคนตรงหน้าที่ค่อยๆก้มตัวลงนอน คงเพราะยาที่พยาบาลให้ คนตัวเล็กนอนคู้ตัว ผมฟูๆน่าขยี้ ผมมองเซียวหน้าหวาน ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลง หมายจะจูบหน้าผากมน
“จุนฮง!!” เสียงพี่ฮิมชานที่เข้ามาร้องขึ้นเมื่อเห็นผมในสภาพนั้น ก่อนที่ตัวผมจะถูกพี่บังกอดไหล่ลากออกจากห้องไปสวนสำหรับผู้ป่วยในบริเวณรับตาคน แต่คนเดินมา 5 จนมีพยาบาลมองมาหลายครั้ง
“นายทำอะไร ! เมื่อกี่นายทำอะไรจุนฮง ” จากเชลโล่เป็นจุนฮง คงไม่ต้องบอกว่าเวลานี้ทุกคนเป็นยังไงบ้าง พี่ยองแจจ้องหน้าผมพร้อมถามในสิ่งที่เห็น
“………….” ผมตอบม่ได้เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำไปทำไม
“พี่ว่า นายอย่ามาที่นี้ดีกว่าเซลโล่”
“พี่แดฮยอนครับ แต่ว่าผมก็เป็นเพื่อนกับจงออบนะฮะ”
“นี่นายทำแบบไม่กี้ บอกว่าเพื่อนงั้นหรอ? แกจะบอกว่าที่ผ่านมาก็คบกับจงออบแค่เพื่อนงั้นสิ ”
“ก็ตอนนั้นเป็นแฟนไงครับ ตอนนี้เป็นเพื่อนแล้วไงครับ”
“เพื่อนเค้าทำกันหรอ แบบนี้อะ นายอย่าเอาแต่ในไปหน่อยเลยจุนฮง” พี่ยองแจเริ่มต้อนผมจนมุม
“ฉันว่านายกลับไปคิดให้ดีว่านายรู้สึกกับจงออบเป็นอะไร แล้วค่อยมาเยี่ยมมันใหม่เถอะ”
“แต่ว่า พี่ฮิมชาน”
“กลับไปก่อนเถอะจงฮง” พี่ยงกุกที่เอาแต่เงียบพูดขึ้นผมจำต้องไปสินะ
“………….”
สองขาผมออกก้าวเดินผ่านสวนแล้วเดินจงใจใช้เส้นทางหน้าห้องจงออบมองผ่านกระจกดูว่าคนข้างในเป็นยังไงบ้าง มองได้สักแบบเค้าก็จำต้องเดินออกไปเพราะพี่ฟอิมชานเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าของเค้าในมือ ผมรับมันมาก่อนจะเดินกลับ
.
..
…
….
…..
“อืออ…..โทรศัพท์นายหนะยงกุก”
“ดึกป่านี้ใครโทรมาฟระ ง่วงชิบหาย” ร่างสูงบ่นอย่างอารมณ์เสียได้สักแปบก่อนจะเปลี่ยนเป็นสุภาพทันทีเพราะหน้าจอปรากฏชื่อ ยังโยซอบ
“สวัสดีครับรุ่นพี่โยซอบ”
“เอ่อ ยงกุกนายช่วยมาเอาเพื่อนนายด่วนเลย กำลังร้องไห้อยู่เนี่ย”
“ใครฮะพี่โยซอบ”
“ไอ้เชลโล่”
แค่นั้นแหละฮะผมก็รีบคว้าตัวคนที่นอนอยู่ข้างให้ตื่นออกไปเอาไอ้น้องชายตัวดี เหล้ามันเคยกินที่ไหน ดีที่มันไปกินร้านเฮียดูจุน เค้าเลยลากมันไปห้องวีไอพี เพราะมันเมาแล้วร้องไห้ ไอ้เชลเอ้ย
“อ้าวมาแล้วหรอ? เชิญเลยอยู่ชั้นสอง”
“ขอบคุณครับเฮีย”
“ว้าวน้องฮิมชานคนสวยก็มาด้วยหรอ มาร้านทุกวันก็ได้นะ พี่เลี้ยงฟรี” เสียงร้องทักอีกเสียงจากบาร์เหล้าของหนุ่มอีกคนทำเอาผมหันไปทันที ไม่ใช่ใครพี่ฮยอนซึงนั้นเอง โหพี่จะแซวก็ดูตัวเองเถอะนะ
ผมเปิดประตูที่มีกระจกทำให้เห็นภายในได้พอสะลั๋วๆ ก็เห็นไอ้ตัวยาวนอนฟุบหัวทิ่มโซฟาอยู่แล้ว สภาพดูจื๊ดจืด
“จงออบ จงออบบี้ จงออบ จงออบบี้” พึมพัมเอี้ยไรวะ
“ออบบี้ ออบ …บี้ ผมขอโทษ” ทั้งๆร่างที่นอนอย่ไม่ได้สติ แต่กลับมีน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตาที่ยังคงหลับอยู่
“เชล โล่……..” ฮิมชานเรียกชื่อเชลโล่ขึ้นมาแผ่วเบา ก่อนน้ำตาจะไหล่ออกมา มือเรียวค่อยๆ รูบกลุ่มผมนุ่มของน้องชาย อย่างปลอบโยน
“ขอบคุณมากนะครับเฮียดูจุน”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ก็เห็นมันเป็นน้องชายคนหนึ่ง”
“งั้นผมลานะพี่”
ผมค่อยๆแบกเจ้ายาวขึ้นหลังโดนมีฮิมชานหยิบเอากระเป๋าแล้วเดินตามมาอีกที ตลอดทางกลับเชลโล่พรั่มเพ้อแต่คำขอโทษและร้องไห้ ส่วนฮิมชานก็เงียบมีแต่น้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่มีแม้เสียงสะอื้น
เมื่อกลับถึงหอ ฮิมชานก็จัดการเช็ดตัวจุนฮง ก่อนจะหาผ้าห่มหมอนมาให้ถึงโซฟา ผมรู้ดีว่าตอนนี้ฮิมชานรู้สึกยังไง
“ยงกุก” เสียงเรีกเบาทำให้ผมหันกลับไปมอง ผมรู้อยู่แล้วว่าเค้าจะพูดว่าอะไร
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเค้าสองคน ปล่อยให้จงออบคิดเองฮิมชาน” ฮิมชานก้มหน้าลงไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินตามผมเข้ามาในห้อง
ฮิมชานเขยิบออกไปเกือบสุดเตียงแล้วหันหลังให้ผม ช่างมันเถอะ…..
ผมไม่รู้นี้มันกี่โมงแล้ว ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมอยู่หอเฮียบัง แทนที่จะเป็นบาร์ในร้านเฮียดูจุน สมองผมรู้สึกมึนๆ อาจเพราะพิษแอลกอลฮอร์ ที่ผมไม่ถูกโรคกับมันเลย แต่ผมก็ยังดื่ม ดื่มเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน
“ตื่นแล้วหรอ น้ำมะนาวอุ่นๆไหม?” พี่ฮิมชานโพล่หน้าเข้ามาใกล้ๆ ทำเอาผมตกใจเพราะยังไม่ทันตั้งตัว แต่ก่อนที่จะตอบไป พี่ฮิมชานก็เดินไปห้องครัวซะแล้ว
“ไปอาบน้ำซะ” พี่บังโยนผ้าขนหนูผืนใหม่ให้ผม ก่อนจะเดินมานั้งที่โซฟารับแขกอีกตัว
ผมค่อยๆทรงตัวก่อนจะออกเดินไปห้องน้ำของแขก หน้าตาแทบดูไม่ได้ ดีที่ขาวอย่างเดียว ข้าวของของผมบางอย่างถูกทิ้งไว้ที่นี้ เพราะแต่ก่อนผมมาบ่อย ก่อนที่ผมจะเลิกกับจงออบ….. น้ำตาผมไหลลงมาอีกครั้ง ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะอาบน้ำต่อ
ออกมาผมก็เห็นแก้วน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งอยู่บนโต๊ะแล้ว มันยังคงมีไออุ่นบางๆ ใต้แก้วมีโน้ตแผ่นเล็กๆอยู่ด้วย
[จุนฮง กินแล้วนอนสักหน่อยนะ ยงกุกเค้ามีประชุมด่วน ส่วนพี่ก็เลยติดรถมาด้วย อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ คราวหน้าถ้านายจะกินเรียกพี่ไปด้วยก็ดีนะ ^ ^]
ลายมือน่ารักที่ส่งผ่านทำให้อมยิ้มเล็กๆ
ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟาที่ผมใช้หลับพักพิงเมื่อคืนนี้ ผมนอนมองเวลาผ่านไปเรื่อยๆๆๆ เวลา เวลา เดินอย่างไม่มีหวนกลับ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูรูปในเครื่องเรื่อยๆ รูปของผมและเธอคนนั้นไม่ได้ทำให้ผมอยากมองสักนิด ทั้งๆที่ในเครื่องมีแต่รูปเธอ จะมีก็แต่ไฟล์ภาพประจำตัวที่เป็นรูปคนอื่นๆเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็เป็นรูปจงออบ เค้ากำลังยิ้มจนตาหยี ยิ้มให้กล้อง ไม่ เค้าไม่ได้ยิ้มให้กล้องเลย เค้ายิ้มให้ผม น้ำตาผมไหลริน
ผมกดลบรูปทั้งหมดยกเว้นรูปประจำตัว
ผมมอง จงออบ ที่ยังยิ้มให้ผมอยู่
แต่ละวันผมใจแทบขาด นี้ก็ผ่านมา2 อาทิตย์แล้วหลังจากที่ผมถูกห้ามไปเยี่ยมจงออบ ผมมันแย่ ทำไมผมพึ่งรู้ ทำไมผมพึ่งคิดได้ ในวันที่ผมทิ้งเค้าไป…
.
…
…..
เสียงโทรศัพท์ทำเอาผมตกใจเล็กน้อยจนตื่นขึ้นมา หน้าจอขึ้นรูปพี่ฮิมชาน
“ครับฮยอง” ผมกรอกเสียงลงไปทั้งที่ยังงัวเงีย
“จุนฮง จุนฮง นายมาที่โรงพยาบาลที” เสียงของพี่ฮิมชานดูรีบและลุกลี้ลุกลน
ผมดีใจจนใจแทบกระโดดออกมา จาก อก
“ครับพี่ผมจะรีบไปตอนนี้แหละฮะ” ผมวางสายก่อนจะแต่งตัวรีบเร่ง
…………………………..
“จุนฮง” พี่ฮิมชานเรียกผมขณะที่ผมกำลังจะเปิดห้องของจงออบ
“ฮะฮยอง…”
พี่ฮิมชานไม่ตอบก่อนจะจับมือผมแน่นแล้วเปิดประตูเข้าไป
สิ่งที่ผมเห็นทำเอาผมแทบหยุดหายใจ จงออบนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ที่มีแต่เครื่องช่วยต่างๆเต็มไปหมด สายระโยงรยางค์ โยงไปตามตัวคนนอนอยู่ เสียงเครื่องวัดชีพจร ดังแผวๆ
“พี่ฮะ นี้มันเกิดอะไรขึ้นฮะ” ผมเดินเข้าไปหาอีกคน มือผมจับมือคนตัวเล็กแน่น
“จงออบ จงออบ จงออบ นายเป็นอะไรลุกขึ้นมาพูดกับฉันสิ” ผมพูดด้วยเสียงสั้นเครือ คนตัวเล็กเหมือจะรู้สึกตัว
“เซลโล่..” จงออบพูดเสียงแผ่วเบา
“คุณหนูครับ ทางเราเตรียมห้องผ่าตัดพร้อมแล้วครับ”
คณะหมอเดินเข้ามาก็จะ เข็นเตียงจงออบออกไป ผมวิ่งตามคนที่นอนอยู่ ปากก็เรียกจงออบต่อเรื่อยๆ จนเข้าไปห้องฉุกเฉิน
“กรุณารอข้างนอกด้วยครับ”
“พี่ฮะ มันเกิดอะไรขึ้น จงออบไม่ได้เป็นไข้ธรรมดาใช่ไหมฮะ” เสียงผมสั่นเครือ ดวงตามีแต่สายน้ำไหลออกมาไม่หยุด มองคนที่วิ่งตามออกมาอีกคน
“จุนฮง จงออบ บอกไม่ให้ทุกคนบอก ที่จริงจงออบเป็น เป็น …” น้ำตาสายยาวไหลออกมาจากดวงตาเรียวที่แดงก่ำ
ตาเรียวมองไปยังบุคคลทั้งสามที่กำลังเดินมา
“จงออบเป็นเนื้องอกในสมอง…” พี่ยงกุกพูดก่อนจะกอดเอาร่างพี่ฮิมชานเข้ามาหาตัวเอง พี่ฮิมชานร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั่น
ส่วนพี่ยองแจที่ตามมาก็ร้องไห้ไปแล้ว พี่แดฮยอนมองประตูห้องฉุกเฉินก่อนจะดึงเอาพี่ยองแจมากอดลูบหลังเบาๆ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ พี่ยงกุก…”
“3เดือนที่แล้ว แต่อาการของจงออบดูไม่น่าเป็นห่วง แล้วดูเจ้าตัวก็จะใช้วิธีสลายเอา แต่เมื่อ1 เดือนที่แล้ว อาการของจงออบกลับร้ายแรงขึ้น จนต้องผ่าตัด แต่เจ้าตัวกลับยื้อเวลา เพราะว่าจงออบไม่อยากให้เวลาที่เค้าอยู่กับเราน้อยลง เค้ากลัวว่า เค้าจะกลับไม่เหมือนเดิม ”
“เพราะบริเวณที่เนื้องอกอยู่มันเป็นส่วนอันตรายมาก…” พี่ฮิมชานพอกจากพลัดออกจากพี่ยงกุกก่อนจะเดินมาหาผม
“จงออบ รักนายมากนะ มันเลยไม่ให้ทุกคนบอก แต่พอนายเลิกกับจงออบ อาการกลับแย่ลงเร็วมาก ” ดวงตาพี่ฮิมชานมองผมอย่างตัดเพ้อ น้ำตาใสค่อยๆไหลออกมา
“ผมขอโทษ ขอโทษ เป็นเพราะผม จงออบถึงเป็นแบบนี้”
“มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ยังไงจงออบก็เนื้องอกเป็นอยู่แล้ว” แดฮยอนพูดขึ้น
“พี่ฮะเดี่ยวผม พายองแจไปรอในห้องจงออบนะ” พูดแค่นั้นแดฮยอนก็พยุงยองแจขึ้นก่อนจะพาเดินออกไป แต่เห็นได้ชัดว่ายองแจไม่อยากไปด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่ว่าไม่มีแรงพอ
“ยังไงจงออบก็ต้องปลอดภัย เชื่อมือหมอสิฮิมชาน นายไปจ้างมาจากอเมริกาเพื่อการนี้เลยนะ จงออบของเราต้องไม่เป็นไร ” พี่ยงกุกกอดไหล่ของพี่ฮิมชานเข้าหาแต่พี่ฮิมชานกลับเอามือพี่ยงกุกออกแล้วเดินไปนั้งหน้าประตู
ที่นี้แล้วใช่มัยครับว่าทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้
ผมมองมือทั้งสองข้างมือที่กุมมือเล็กไว้ มือที่เย็บเฉียบ น้ำตาของผลไหลลงมาอีกแล้ว
“ฮิมชาน.!!” พี่ยงกุกเรียกพี่ฮิมชานทำเอาผมตกใจเพราะ จู่ๆพี่ฮิมชานก็ล้มลงมาจากเก้าอี้ มือพี่ยงกุกเขย่าร่างของคนที่ไม่ได้สติ ก่อนจะอุ้มร่างของพี่ฮิมชานจากไป คงจะเป็นเพราะร้องไห้หนักเกินไป ผมยังคงนั้งรอ รอ รอ ดวงใจของผม
เวลาผ่านไปพอสมควร ไฟหน้าห้องขึ้นเป็นสีเขียว ก่อนหมอจะออกมา
“คุณครับทางเราผ่าตัดสำเร็จแล้ว เหลือเพียงต้องรอดูอาการคนไข้หลังจากนี้” ผมมีความสุขมากที่มันผ่านมาได้ด้วยดี ผมรอเตียงคนป่วยที่เคลื่อนตามออกมา ผมมองดูคนบนเตียงที่มีผ้าพันแผลบนหัว ที่ยังคงนอนหลับสนิท
เข้ามาในห้องมีเพียงพี่ยองแจ กับ พี่แดฮยอนเท่านั้น
“พี่ฮิมชานกับพี่ยงกุกหละฮะ”
“พี่ยงกุกพาพี่ฮิมชานไปห้องข้างบนหนะ ” ไม่ต้องสงสัยหรอกครับก็ห้องส่วนตัวของพี่ฮิมชานอยู่ชั้นบนโรงพยาบาลนี้แหละ เพราะพ่อพี่เค้าเป็นเจ้าของโรงพยาบาลไม่แปลกที่ต้องมีห้องส่วนตัวอยู่ด้วย อย่างห้องของจงออบก็อยู่ห้องส่วนตัวของตัวเอง พวกผมชอบมานอนเล่นเวลามาเฝ้าสองพี่น้องเป็นไข้ประจำ
“จงออบ จงออบ จงออบ” ขณะที่พี่แดฮยอนตอบคำถามผมอยู่ พี่ยองแจก็เดินเข้ามาให้คนบนเตียง
ที่คุณหมอยังคงต่อเครื่องช่วยต่างๆกับจงออบอยู่
“……….” หมอบอกรายละเอียดของการผ่านตัด และผลการผ่าตัดกับพี่แดฮยอนก่อนจะออกไปจากห้อง
ผมลากเก้าอี้ มานั่งข้างเตียงผู้ป่วย กุมมือคนบนเตียงเพื่อคนป่วยจะรับรู้ว่ายังมีเค้าที่รอคอยให้คนตัวเล็กฟื้นมาอยู่
.
.
.
หนึ่งวันเหมือน หนึ่งอาทิตย์
สองวันใจผมแทบขาด
สามวันผมผมตั้งตารอ
.
.
.
.
.
หนึ่งอาทิตย์ผมแสนเจ็บปวดทรมาน
ผมเฝ้ารอ จงออบจะตื่นมาฟังผมขอโทษ ผม ผมมัน…. โง่สิ้นดี
มุมจงออบ ชเวจุนฮง คนนี้รัก มุนจงออบมากนะครับ ตื่นมาฟังสิครับ
ที่ผมเฝ้าจงออบอยู่ได้เพราะวันนั้น พ่อและแม่ของจงออบและพี่ฮิมชานมาและขอคุยกับผม ผมยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ท่านทึ้งสองก็บอกมันเป็นเรื่องของเรา
แต่ถ้าไม่จริงใจกับน้องก็ขอให้เรื่องมันจบลงแค่นี้
คุณพ่อคุณแม่ครับเรื่องครั้งนี้มันทำให้ผมคิดได้ ผมจุนฮงคนนี้จะรักและดูแลมุนจงออบไปตลอดชีวิต หากวันไหน ที่ผมผิดสัญญาให้พี่ยงกุกฆ่าผมได้เลย
คุณพ่อและคุณแม่ยิ้ม ก่อนคุณพ่อจะจับที่บ่าของผมตบเบาๆ
เรื่องนี้จะโทษจุนฮงก็ไม่ได้หรอกลูกเพราะจงออบเค้าเป็นโรคนี้อยู่แล้วด้วย
แต่ แต่ผม…
แม่เข้าใจ แม่ฝากด้วยนะลูก
คุณแม่กระซิบเบา ๆ แล้วมองหน้าคุณพ่อ
แม่ขอให้นี้เป็น ครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย นะลูก วันนี้หนูจุนฮงกลับไปก่อนนะลูกนี่ก็เย็นมากแล้ว แม่อยากดูแลจงออบเพราะแม่ไม่มีเวลามาดูลูกชายคนนี้ของแม่เลย ไว้พรุ่งค่อยมานะลูก
หลังจากวันนั้นผมก็มาเยี่ยมจงออบทุกวัน
บางวันก็เอาการ์ตูน เอาหนังมาเปิดดู คุยกับคนข้างๆ อ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยไปด้วย
ผมตัดสินใจแล้วผมจะเป็นหมอ!
ฮิมชานนอนอยู่ที่เตียงนอน เพราะนายนอนหลับไม่เพียงพอนั้นแหละ ผมบ่นลับหลังคนนอนสลบอยู่ นายมันก็อย่างนี้แหละฮิมชาน ห่วงคนอื่นกว่าตัวเอง
ก่อนที่พวกหมอจะพากันเข้ามาดูอาการ
ผมยืนดูหมอตรวจสักพักหมอก็ดึงผ้าม่านคงจะเปลี่ยนเสื่อผ้าละตรวจให้ละเอียด ผมจึงนั่งลงโซฟาที่มุมห้อง สักพักหมอก็ให้นางพยาบาลมาเอาเตียงผู้ป่วยมา ผมตกใจมากเพราะไม่คิดว่าฮิมชานต้องเปลี่ยนห้อง อาการหนักขนาดนั้นเลยหรอ?
“คุณหมอเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมต้องย้ายตัวฮิมชานด้วย”
“คือว่าทางเราต้องใช้เครื่องมือครับ เราขอเชิญคุณยงกุกไปด้วยกันด้วยนะครับ”
ทำเอาผมงงกับที่หมอบอก และเครียดไปพร้อมๆกัน
ตลอดทางเดินผมแทบบ้าเพราะกลัวเหลือเกิน กลัวที่คนตรงหน้าอาจจะเป็นอะไรได้อีกคน แต่พอเดินมาสักพักห้องที่ผมเดินเข้ามาคือห้องสูตินารี
อิมชานนอนอยู่ข้างเตียงก่อนที่หมออีกคน จะเข้ามาตรวจอีก คุณหมอยิ้มก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นมาเห็นท้องขาวๆของฮิมชานแล้วทายาลงไป ก่อนจะใช้เครื่องมือเพื่อตรวจอุลตราเซาวน์
นี่ผมไม่ได้คิดไปเองใช้ไหม?
ภาพบนจอค่อยๆปรากฏ ก่อนหมอจะทำการขยายภาพให้ชัดขึ้นอีก
ฮิมชานกำลังท้อง
ผม ผม กำลังจะมีลูก
“ดีใจด้วยนะคะ คุณยงกุก ภรรยาของคุณกำลังตังครรภ ได้ 2 เดือนแล้วคะ”
“ลูก ลูกผม แต่”
“มะเมื่อกี้ เค้าล้มจากเก้าอี้ ลูกผมเป็นยังไงบ้าง”
ทั้งดีใจทั้งสับสน ครับผมเพราะฮิมชานล้มลงจากเก้าอี้ ผม ผม กังวลสุด
“ทั้งคุณแม่และคุณลูกปลอดภัยคะ น้องยังคงอยู่ดีคะ เพราะคุณฮิมชานตอนล้มคงจะเอามือป้องกันไว้คะ ดิฉันจะทำการให้ยาและฉีดยาบำรุงให้นะคะ เพราะคุณฮิมชานเธอมีอาการพักผ่อนไม่เพียงพอ ”
อย่างกับคุณหมอมีตาทิพย์เพราะตอนฮิมชานล้มเค้ากอดตัวเองตลอดเวลา แต่ฮิมชานเค้ารู้รึเปล่า? ผมกุมมือของภรรยาผมไว้ ดวงหน้าขาวซีดน้อยๆ ขอบคุณนะฮิมชาน
“แดฮยอนนายว่า จงออบจะตื่นเมื่อไหร่อะ”
“ไม่นานหรอก ฉันเชื่อว่าเค้าต้องตื่นขึ้นมาไม่นาน”
“นายว่าเค้าตื่นมาจะจำเราได้ไหม?”
“ยองแจไม่ต้องกังวลไปหรอก ยังไงจงออบต้องหายดี”
“อืม”
“ว่าแต่ยองแจ เรากินอะไรดีคืนนี้”
“นายเนี่ยน่า…”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr...อะเฮียบัง
“ดีครับเฮีย พี่ฮิมเป็นไงบ้าง”
“ไอ้ แด้เฮียกำลังจะได้เป็นพ่อคนโว้ยยยยยย”
“ไอ้คุณเฮียหูจะแตก ฮะว่าไงนะ พี่ฮิมชานท้อง” ยองแจได้ยินรีบแย่งโทรศัพท์จากผมเลยครับ
“จริงอะเฮีย ผมดีใจด้วย เดี่ยวพรุ่งนี้ซื้อของไปเยี่ยม” ยองแจกดวางสายแล้วคืนโทรศัพท์ให้ผม แล้วยิ้มจนแก้มปริ
“ยองแจเมื่อไหร่จะยอมแต่งงานกับเราอะ” ผมเรียกคนที่เดินออกไปร่างบางยืนนิ่ง
“ไปบอกแม่มาขอสิ”
“จริงนะ”
สองกายเดินกุมมือกัน พร้อมกับความฝันที่ทั้งสองจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดไป
ผมนอนเฝ้าคนตรงหน้าที่ตอนนี้ยังคงหลับตาพริ้ม หลังจากผมเช็ดตัวให้ คนตรงหน้าดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาก ผมก็ดีใจ ผมจับมือนิ่มมาแนบแก้มก่อนจะบอกคนตัวบางตื่นสักทีนะครับ
“ตื่นได้แล้วน๊าจงออบให้เรารอมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วจงออบจะเห็นเราก่อนเพื่อนเลยน๊า…” ผมยังคงคุยอยู่กับคนที่นอนอยู่
“จงออบไม่รักจุนฮงรึไงครับ ไม่อยากรับคำขอโทษจากจุนฮงหรอ?”
“ไม่เป็นไร ถึงจงออบจะไม่รักจุนฮงคนนี้แล้ว แต่ผมจะตามตื้อจนกว่าจงออบของผมจะรักผมอีกครั้งนะครับ”
.
.
.
“รักสิ…” ผมจ้องมองใบหน้าคนตรงหน้าจากที่แนกับมืออยู่
ดวงหน้าหวานมีน้ำตานองไหลอาบลงมาช้าๆ ก่อนจะมองมายังผม
“จงออบรักจุนฮงนะ”
ผมกอดคนตรงหน้าเข้ามา ดวงหน้าหวานยิ้มสวย
“จงออบ ผม ผม ขอโทษ… ผมอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคุณไป” น้ำตาผมไหลอาบลงมา
“อืม จงออบไม่เป็นไร จงออบให้อภัยนะ” ดวงหน้าหวานมองมายิ้มจนตาหยี
“ขอโทษ …” ผมพูดอีกครั้งแผ่วเบา
“อืม” คนตรงหน้าทั้งพยักหน้าทั้งตอบรับ
ผมยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนกดเบอร์เรียกหมอเข้ามาตรวจอาการของคนพึ่งตื่น แล้วโทรบอกพี่สะใภ้กับสามีที่อยู่ห้องข้างบน ยังไม่ลืมที่จะโทรไปหาพี่ยองแจและแดฮยอนอีกคู่ โอ้ คุณพ่อกับคุณแม่อีกด้วย
“จงออบ” พี่ฮิมชานวิ่งมาที่เตียงจงออบทันที
“ฮิมชานบอกว่าอย่าวิ่งไง” พี่บังวิ่งตามมาถึงกับโมโหจัดกับคนวิ่งมาก่อนหน้า
“จงออบ รู้ไหมพี่เป็นห่วงเราแทบแย่” ฮิมชานกอดน้องชายแน่น
“ฮิมชานบอกอย่าวิ่งไง อย่ากอดน้องแน่นด้วย”
“โห่ เฮียขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” ผมถึงกับอึ่ง
“ออกมาเลยฮิมชานหมอจะตรวจจงออบ” พี่ฮิมชานเลยได้ถอยออกมาให้หมอตรวจ
จงออบมองอย่าง งง งง
“คุณจงออบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ แต่ระยะต้องรักษาตัวก่อนนะครับ ถ้างั้นผมขอตัว แล้วผมจะนัดตรวจร่างกายอย่างระเอียดอีกทีนะครับ”
พอหมอตรวจเสร็จพี่ฮิมชานเดินไปนั้งเตียงอีกฝังก่อนจะกอดคนบนเตียงไปพร้อมกัน สองพี่น้องกอดกันกลมดิ๊ก
“พี่ฮิมชานเป็นอะไรหรอฮะ? ทำไม่พี่ยงกุกถึงต้องห้ามวิ่งด้วย” จงออบถามปัญญาหาที่ยัวค้างคาเสร็จ
“จงออบพี่ท้อง เรากำลังจะได้เป็นอาแล้วนะ”
“จริงหรอฮะ?” คนตาเล็กตกใจก่อนจะมองดูท้องของพี่ชาย
“ใช่”
“ผมดีใจด้วยนะฮะพี่ยงกุกพี่ฮิมชาน” พี่ยงกุกยิ้มจนเห็นเหงือกพี่แกปลื้มครับ ครั้งที่แล้วผมกับพี่แดฮยอน และพี่ยองแจ ก็พูดไป ยิ้มไม่หุบครับ ผมยังดีใจแทนเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“จงออบ”
“พี่ยองแจ พี่แดฮยอน”
ยองแจเดินมาสวมกอดคนตรงหน้าอีกคนก่อนที่แดฮยอนจะเข้ามาร่วมอีกคน ผมเองก็เข้ามากอดด้วยพี่ยงกุกอีกคน เราเลยนั่งกอดคนป่วยจนกลม ก่อนจะหัวเราะออกมา
ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเตียงจงออบครับ
“เออ จุนฮงนายติดหมอแล้วนะ”
“จริงหรอครับ”
“อืม รายงานตัวเดี่ยวเค้าจะแจ้งมาอีกที”
“เอ๋ จุนฮงนายสอบหมอหรอ?”
“อืมฉันอยากเรียนหมอมาดูแลนาย” ผมมองจงออบอย่างซื่ออารมณ์ว่าผมทำจริง
“วันนี้มีแต่เรื่องดีๆนะเนี่ยเนาะแดฮยอน”
“อืม”
“นี้ฉันกับแดฮยอนจะแต่งงานกัน”
“ฉันดีใจด้วยน้องชาย” ยงกุกว่า
“ผมดีใจด้วยนะฮะ”
“ผม ผม ก็จะขอจงออบแต่งงานเหมือนกันถ้าเรียนจบแล้ว”
“อืม ฉันจะรอวันนั้นนะ” จงออบยิ้มให้ผม มันทำให้ผมใจเต็นรัว
“จริงนะ”
“อืม”
เสียงหัวเราะดังลอดออกมาจากห้อง ชายหนุ่มทั้ง หก พวกเค้าคือเพื่อนรักกันที่จะคอยดูแลกัน รักกัน และคอยเป็นกำลังใจให้กัน
ความสุขที่ล้นปรี่บอกให้รู้ว่าพายุผ่านพ้นไปแล้ว และท้องฟ้าที่สดใสกำลังรอพวกเข้าอยู่
The End.
BY. โรเมียล
ผลงานอื่นๆ ของ โรเมียล ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ โรเมียล
ความคิดเห็น