ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #39 : ก่อนปิดเทอม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      3
      11 พ.ย. 49

    บารามอส

    ตอนนี้อาจเป็นแนววาย ใครไม่ชอบ โปรดอย่าอ่าน !!! เราเตือนท่านแล้วนะ ห้ามบ่นทีหลังน้า

    ตอนที่ 39

    กลางป่าแห่งทริสทอร์ ชายหนุ่มผิวขาวผมสีทอง กระโดดลงจากหลังมังกรคู่ใจ ถอนหายใจเล็กน้อยกับความเอาแต่ใจของบิดา ที่จะให้เขาขึ้นครองราชย์ในปีหน้า พร้อมชายา

    แน่นอนเขาเกรงใจไอ้ซาตานตัวดี ถึงแม้มันจะรับปากเขาว่าจะยอมเป็นชายาของเขาก็ตาม  แต่สาเหตุที่ทำให้เขาถ่อสังขารจากแอเรียสมาถึงทริสทอร์ คงไม่พ้นจดหมายแจ้งข่าวของเจ้าชายคาโล

    กับผลงานการผลิตยาติ๊งต๊องของไอ้ซาตานบ้า ขนาดเขาจับตาดูมันอยู่แล้ว แค่แวะกลับบ้านไปหาเสด็จพ่อตัวดีแป๊บเดียว มันก็เผลอก่อเรื่องจนได้

    แน่นอนเขาเองก็ต้องรับผิดชอบด้วยส่วนหนึ่งในฐานะที่เป็นสาเหตุหลักให้ลูคัสสนใจยาเปลี่ยนเพศเป็นพิเศษ แต่นี่เล่นให้เฟรินไปช่วย แถมยังส่งผลให้รุ่นน้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รับผลไปด้วย เห็นทีเขาคงต้องมาเฝ้ามันให้ใกล้ชิดขึ้น

    ชายหนุ่มมองดูบ้านน้อยที่ปลูกอยู่ท่ามกลางป่า รอบบ้านมีสัตว์เลี้ยงน่ารัก (ของลูคัส ) มากมาย ซึ่งตอนแรกเจ้าตัวดี เลี้ยงแต่สัตว์ตัวผู้เท่านั้น แต่ตอนนี้เขาเห็นบางตัวก็ออกลูกได้ด้วย ทั้งสุนัข แมว นก ม้า เรียกได้ว่ามันทดลองกับสัตว์เลี้ยงทุกตัวทีเดียว

    แต่ไอ้หนหลังนี่เล่นลามไปทดลองกับคนนี่สิ ที่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนไปด้วย ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่สำหรับลูคัส เขาไม่อยากประเมิณมันต่ำไป ก็มีอย่างที่ไหนเล่นส่งของพวกนั้นไปให้เฟริน ความจริงก็อาบแสงจันทร์ที่บ้านก็ได้ ไม่มีใครมายุ่งอยู่แล้ว

     มันต้องหวังให้มีคนอยากรู้ อยากทดลอง แน่นอน เพราะมันเป็นนิสัยป้อมอัศวินอยู่แล้ว ไอ้สองพี่น้องปีศาจคู่นี้

    ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้หน้าสวยบูดยิ่งกว่าเก่า คงต้องบริหารมืออย่างเหมือนเดิม เป็นการสั่งสอนมันมั่ง ไม่อย่างนั้น ไอ้บ้านั่นก็จะเที่ยวก่อเรื่องทำความเดือดร้อนให้คนอื่น โดยเฉพาะรุ่นน้องอีก

    เสียงเปิดประตูดังสนั่น ร่างสูงในชุดขาวสาวเท้ายาวเข้าไปในบ้าน กวาดตามองหาเจ้าของบ้าน แต่ก็ไม่เห็นมันแม้แต่เงา เขาเดินตรงไปห้องด้านในอย่างชำนาญทาง

    ห้องทำงานของลูคัสอยู่ชั้นใต้ดิน และเจ้าตัวก็มักขลุกอยู่ในห้องทั้งวัน ถ้ากำลังปรุงยาติดพัน

    ไอสีเขียวลอยคลุ้งออกมาจากห้อง ทำให้ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างตกใจระคนเป็นห่วง เขารีบเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่ายทันที โดยไม่ได้อ่านคำเตือนหน้าห้อง

    "กรุณาสวมหน้ากากป้องกันควัน ก่อนเข้าห้อง"

    "ลูคัส" เสียงเรียกอย่างตกใจของนักบวช ที่ลืมความตั้งใจเดิมเสียหมดสิ้น ( การซ้อมวิทยายุทธ มีดบิน โดยใช้หัวของซาตานเป็นเป้า )

    ร่างสูงผมสีดำ ในชุดคลุมสีดำสนิท สวมผ้าปิดจมูกไว้แน่น กำลังยุ่งกับการเทน้ำยาใส่ขวดแก้วอย่างระมัดระวัง รอบตัวมีแต่ไอสีเขียวคลุ้มไปทั่ว และดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนอะไรทั้งนั้น

    ลอเรนซ์ปราดเข้าไปหาร่างสูงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ทันระวัง เขาสะดุดกับอะไรซักอย่างบนพื้น เพราะสายตายังไม่ชินกับความสลัวในห้อง ร่างสูงของเขาพุ่งไปปะทะกับร่างที่ยืนหันหลังให้อยู่

    ทั้งสองเสียหลักล้มใส่กัน ขวดแก้วในมือของลูคัสหก ทำให้น้ำยาสีเขียวในขวดหกราดตัวทั้งคู่

    ดวงตาสีดำมองดูอีกฝ่ายอย่างตกใจ

    "ลอรี่ นายเป็นอะไรหรือเปล่า" ลูคัสที่พึ่งเห็นแขกขาประจำถามอย่างเป็นห่วง

    "ไม่เป็นอะไร แต่เลอะเฉยๆ" นักบวชหนุ่มมองดูชุดขาวที่ถูกย้อมเป็นสีเขียว

    "อ้า แย่แล้ว รีบไปอาบน้ำล้างน้ำยาออกก่อนดีกว่าลอรี่ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา ยาจะออกฤทธิ์เสียก่อน" เสียงซาตานร้องบอกอย่างตกใจ อย่างที่นานๆจะทำสักที ร่างสูงของชายหนุ่มผมสีดำลากแขนคนรักพาออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ตรงไปห้องอาบน้ำ

    ห้องอาบน้ำของเจ้าซาตานตัวดีก็คือน้ำตกหลังบ้าน ที่เจ้าตัวกางอาณาเขตห้ามคนนอกเข้ามา และเป็นที่ๆลอเรนซ์ไม่ชอบที่สุดเวลามาที่นี่ แน่นอน มันห้ามคนนอกเข้าก็จริง แต่ไม่ห้ามเจ้าของบ้านได้นี่ ที่สำคัญตอนนี้ในหัวมันขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ค่อยออก ถ้าเป็นตอนปกติก็คงรู้สึกเอะใจอะไรบางกับสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลแต่ตอนนี้ร่างกายกลับรู้สึกร้อนไปทั่วอย่างน่าประหลาด

    ร่างสูงผมสีดำยิ้มกริ่มอย่างถูกใจ กับบรรยากาศของน้ำตก เสียงนกร้อง และดอกไม้ป่าที่พากันบานส่งกลิ่นหอมเป็นใจ มือใหญ่ถือวิสาสะปลดเสื้อผ้าเลอะยาให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเสียงทัดทานจากนักบวชแห่งแอเรียสแม้แต่น้อย

    ดวงตาสีดำมองดูดวงตาสีอเมทิสต์ที่ปรือฉ่ำหวาน ที่เจ้าของดูจะไม่รู้สึกว่ากำลังจะถูกทำอะไร เสื้อเปียกหลุดออกจากร่างอย่างช้าๆ เผยให้เห็นผิวขาวสวยของผู้เป็นเจ้าของ รอยยิ้มมุมปากของซาตานแห่งทริสทอร์

    "ร้อนมากหรือลอรี่" เสียงทุ้มปนหยอกถามก่อนโน้มหน้าไปเล็มใบหูขาวของร่างตรงหน้า แลบลิ้นไล้เลียไปตามจุดอ่อนของอีกฝ่าย

    เสียงครางแผ่วดังลอดออกมาอย่างอดไม่อยู่

    "ฉันอาบน้ำด้วยนะลอรี่" เสียงเชิงขออนุญาติกระซิบถามที่ข้างหู

    "เร็วสิลูคัส ฉันร้อนจะแย่อยู่แล้ว" เสียงตอบก่อนจัดการถอดเสื้อของอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์กับความชักช้าของคนตรงหน้า

    ร่างสองร่างที่พากันดับความร้อนในน้ำตกอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากสำรวจร่างกายของกันและกันอย่างเพลิดเพลิน

    ที่ซาเรส หลังจากคณะของเสธฯฝ่ายซ้ายจัดการธุระของมหาปราชญ์เสร็จ ก็แวะจอดพักที่บ้านของเดท

    แม่ของเดทเตรียมอาหารต้อนรับคณะอย่างอบอุ่น ทั้งสี่ทานอาหารพื้นเมืองของซาเรสอย่างเอร็ดอร่อย (ก็ไม่เคยไม่อร่อยสักที) เสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกล

    "ท่านพี่เดท" สองเสียงหวานประสานพร้อมกัน

    เด็กสาวฝาแฝด ผมสีม่วง ดวงตาสีดำที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ วิ่งมาแกะแขนของเดท ส่งรอยยิ้มดีใจมาให้เด็กหนุ่มแห่งป้อมอัศวิน

    "ท่านพี่มาเมื่อไรค่ะ"

    "ท่านพี่เดทจะอยู่นานไหมค่ะ"

    สองสาวรัวคำถามเป็นชุดอย่างคิดถึง

    "ช้าๆหน่อย พี่ตอบไม่ทันเซร่า เซเลน" เสียงนักรบแห่งซาเรสปรามฝาแฝด

    "งั้นคำถามแรกทำไมท่านพี่กลับมาแล้วไม่บอกพวกเรา"หนึ่งในสองฝาแฝดเริ่มคำถามใหม่

    "พี่มาทำธุระของโรงเรียน แล้วนั่นก็เพื่อนๆที่ป้อม คนผมสีเงินนั่นกัส ข้างๆโคลว์ แล้วซ้ายสุดนั่นซอร์โร ส่วนนี้เซร่า อีกคนก็เซเลน เป็นน้องๆข้างบ้านของฉัน" เดทหันไปแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน

    "ขอโทษที่พวกเราเสียมารยาทค่ะ" สองสาวกล่างขอโทษอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็เกาะแขนเดทไม่ปล่อยทั้งคู่

    ทั้งหมดสนทนากันอย่างสนุกสนาน จนได้เวลาออกเดินทางกลับเอดินเบริ์ก

    ในเกวียน เดทที่พูดน้อยอยู่แล้วยิ่งพูดน้อยขึ้นไปอีก จนซอร์โรต้องเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

    "สองคนนั่นไม่ได้ไปเรียนที่เอดินเบิร์กเหรอ"

    "พวกเขาเรียนที่โรงเรียนนาฎศิลป์ของซาเรสนะ"เดทตอบก่อนจะกลับเข้าสู่ภวังค์ไปอีกครั้ง

    ทั้งโคลว์และซอร์โรมองหน้ากัน ก่อนพร้อมใจกันไม่รบกวนโลกส่วนตัวของท่านนักรบที่หัวใจยังอยู่ที่ซาเรส

    ที่ห้องพักในสุดของป้อมอัศวินปีสี่ ปกติจะมีเสียงเฮฮา แต่ตอนนี้ถ้าใครเปิดเข้าไปจะต้องแปลกใจกับความขยันเกินเหตุของสมาชิกห้อง ที่จะต้องมีแต่หนังสือกองเต็มโต๊ะเรียน และเจ้าของห้องที่มักนั่งทำการบ้านอยู่เสมอ จนเพื่อนเกรงใจพากันไปตั้งวงต่อที่ห้องของครี้ดแทน

    "ไม่รู้พวกมันเกิดขยันอะไรขึ้นมานี่" ครี้ดหันไปถามนิกส์อย่างแปลกใจ

    "สงสัยพวกมันจะทำอะไรกันมั้ง " นิกส์ตอบ เพราะเจ้าพวกนี่เคยมีข่าวคาวแบบอย่างว่ามาแล้ว ทำให้อดสงสัยไม่ได้

    "ดีแฮะ ไม่ต้องไปเสียเวลาหาหรือเอาใจสาวนอกป้อมที่ไหน" เสียงแซวดังตอบมาของนักรบแห่งไนล์  ส่งผลให้นักดนตรีแห่งเอเธนส์หน้าแดงทันที

    "ไม่ได้ไปหาโว้ย" เสียงตอบอย่างอุบอิบ แค่ไม่ปฎิเสธเวลาอีกฝ่ายมาหาหรืออ้อนก็เท่านั้นเอง เพราะดูๆไปอีกฝ่ายก็น่ารักดี

    เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังมาจากเจ้าของห้องทั้งสี่

    "พวกมันชอบเปิดเข้ามาอย่างไม่ทันจะตั้งตัวเสมอ เล่นเอาหัวใจจะวาย" เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังมาจากเจ้าชายแห่งซาเรส

    "แล้วทำไมนายไม่สวมสร้อยไว้ตลอดล่ะ" ทิวดอร์ถามอย่างสงสัย

    "ก็ฉันพึ่งอาบน้ำเสร็จ ผมยังไม่แห้งเลย" เสียงเล็กกว่าเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะตั้งแต่เป็นผู้หญิงตอนกลางคืน เขาก็มีนิสัยรักความสะอาดเพิ่มขึ้น ทั้งเขาและเจคต่างก็ใช้เวลาอาบน้ำกันนานขึ้น

    ที่สำคัญ ทีเจค ทิวดอร์หรือเอ็ดเวิร์ดก็ไม่เห็นบ่น ทำไมมาบ่นแต่เขาก็ไม่รู้ แค่อาบน้ำนานหน่อยเดียว และนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ห้องนี่ขยันขึ้นผิดหูผิดตา

    โดยเฉพาะเวลาที่มีแขกมาเยือนตอนที่ทั้งสองสาวจำยอมอาบน้ำอยู่ ที่พวกต้นห้องต้องทำพิธีรีบไล่แขกให้กลับออกไปโดยเร็ว ด้วยมุขการบ้านบ้าง มุขกำลังจัดห้องบ้าง ฯลฯ อีกมากมาย ที่สำคัญทั้งเขาและเอ็ดเวิร์ดกำลังจะหมดมุขแล้ว ถ้าไม่หาวิธีจัดการกันนิสัยรักความสะอาดเล่นแช่น้ำของอาชูร่า

    ทิวดอร์คิดไปก็ถอนหายใจไป

    "ถ้านายคิดมากก็น่าจะปิดป้ายหน้าห้องไปเลยว่าห้ามรบกวน เวลาส่วนตัว" เจคบอกเสียงเรียบ

    "เดี๋ยวพวกมันก็ยิ่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่" ทิวดอร์ค้าน

    "ก็ทำให้เข้าใจถูกก็สิ้นเรื่อง" เอ็ดเวิร์ดว่าอย่างขำขัน

    ในห้องหัวหน้าชั้นปีและหัวหน้าป้อม ร่างสูงผมสีเงินมองดูเจ้าตัวดีอ่านจดหมายที่ส่งมากับเหยี่ยวเวทของรุ่นพี่ลูคัส

    "พี่ลูคัสเขียนมาว่ายังไงมั้ง" เสียงถามอย่างใจร้อน

    "พี่ลูคัสบอกว่ายานั่นทำจากเหล้าแห่งเดมอสอายุร้อยปี กว่าจะหมดฤทธิ์ก็ประมาณร้อยปีแค่นั้นเอง" เสียงลูกปีศาจตอบอย่างไม่เดือดร้อน

    "ร้อยปี" สองเสียงของรูมเมทประสานกัน

    "ใครมันจะไปอยู่ครบร้อยปีเหมือนพวกปีศาจกัน" นักฆ่าไร้สมองเริ่มโวยวาย ที่สำคัญถ้าเป็นเหยื่อของเขาก็ยิ่งอยู่ไม่ถึง

    "แต่ก็แค่กลางคืนเองไม่น่าเดือนร้อนอะไรนี่ " เฟรินว่าอย่างไม่ใส่ใจ นึกขำเหตุผลแท้จริงของซาตานแห่งทริสทอร์ที่ต้องการสร้างเรื่องยุ่งให้ท่านนักบวชไปหาก็เท่านั้นเอง ยิ่งตอนนี้ได้สมใจแล้วคงไม่มีอารมณ์มาคิดยาแก้ให้ไอ้พวกนั้นแน่

    แต่ถึงเรื่องในป้อมจะวุ่นวายแค่ไหนแต่ปลายปีป้อมอัศวินก็คว้าชัยในศึกหมากกระดานเกียรติยศมาครองได้อย่างเคย

    ปิดเทอมปีนี้ ทั้งชั้นปีต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านแบบเป็นหมู่คณะ ชนิดแฟนใครแฟนมัน

    ครี้ดไปส่งแองจี้ที่บ้านและทำความรู้จักกับครอบครัวแม่มดแห่งวิทช์

    คิลไปส่งเรนอนและคาโลที่คาโนวาล ด้วยเหตุผลที่อ้างคาโลนำหน้า ก่อนไปขลุกอยู่บ้านแฟนเกือบเดือน

    เฟรินถูกโกโดมมารอรับกลับตั้งแต่วันแรกที่ปิดเทอม ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้กลับบ้านนาน พ่อแม่คิดถึง อาจารย์เจ้าชายชามัลช่วยโกโดมแพ็ตเจ้าตัวยุ่งก่อนแตะโด่งขึ้นหลังมังกรไปเรียบร้อยโรงเรียนเอดินเบิร์ก โดยที่โกโดมรับปากว่าใกล้เปิดเทอมจะจัดการมาส่งให้ถึงมือเจ้าชายชามัลที่บารามอสแน่นอน

    กัสไปส่งโคลว์ที่มหาวิหารก่อนเลยกลับบ้าน และแวะมาหาเกือบทุกวัน จนองค์กษัตริย์แห่งกิลดิเรกอนุญาติให้ย้ายบ้านไปนอนซะที่วิหารเสียเลย แต่ทั้งสองผู้ใหญ่พึ่งรู้ความจริงว่าพวกลูกๆเป็นแฟนกัน เล่นเอาคู่กัดข้ามทศวรรษมองหน้าก่อนส่งยิ้มให้กัน

    ทิวดอร์ตามไปเที่ยวซาเรส พร้อมแก๊งประกอบด้วยอาชูร่า เดทและซอร์โร ที่รายหลังดูจะมาแบบมีจุดหมายที่เพื่อนข้างบ้านของนักรบแห่งซาเรสเป็นหลักใหญ่ (ด้วยเหตุผลที่แอบกระซิบทิวดอร์และอาชูร่าว่ามาแอบดูเดทมันหวานกับสาวๆ)

    โดยเอ็ดเวิร์ดไปบ้านเจคตามปกติ เพราะไม่อยากให้ใครบนเรือโจรสลัดเข้ามาในห้องนายน้อยตอนกลางคืน

    มาทิลด้าก็มีคนที่เดินทางจากบารามอสเพื่อมารับเจ้าหญิงนักรบไปส่งบ้านเช่นกัน

    ซิบิลก็ไม่น้อยหน้าที่เดินควงกับสาวร่วมเมืองพากันขึ้นเกวียนกลับบารามอส

    ส่วนขอทานตัวดีก็ยังทำตัวลึกลับหายไปแบบไร้ร่องรอย มีแต่สายลมที่รู้ว่ามังกรดำมีจุดหมายที่ไหน

    แต่ที่น่าตกตะลึงคงเป็นศิษย์เก่า อดีตเสธฯป้อมที่มารับเจ้าหญิงคนงามแห่งเวนอล

    ตบท้ายด้วยนักดนตรีที่รับปากจะเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงของตนกลับบ้านพร้อมขบวนที่มารับจากเอเธนส์

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×