ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงแห่งเซเลน ภาคเจ้าหญิงเซร่า

    ลำดับตอนที่ #12 : ออกจากรัสเซีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 86
      0
      14 ก.ค. 49

    บทที่ 12

    ในห้องทำงานของบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร
    ร่างสูงสง่า ประทับที่โต๊ะทำงาน เบี้องหน้าเป็นชายหนุ่มที่ไว้วางใจผมสีดำ ดวงตาสีดำ

    "เด็กหนุ่มที่อยู่กับท่าน เราอยากให้ท่านส่งเขากลับบ้าน เพราะสถานะการณ์ภายในประเทศไม่ปกติ"รับสั่งเสียงเรียบ

    "พะยะค่ะ หม่อมฉันจะจัดการตามพระประสงค์อย่างเร็วที่สุด" ยูคอฟรับคำ ก่อนพาร่างเดินออกจากห้องทรงงาน


    หลังมาร์ควิสคนสนิทออกไป ร่างสูงนั่งนึกถึงความหลัง เมื่อพระองค์เปลี่ยนร่างได้ครั้งแรกเป็นเสือภูเขาสีขาว และเหล่าโหรหลวงทำนายว่าพระองค์ต้องอายุสั้น พระบิดาได้เสาะแสวงหาวิธีเพื่อช่วยชีวิตรัชทายาท จนนักบวชนำเอาเสือดาวสีทองมาถวาย บอกให้พระองค์กินเสียเพื่อต่อชีวิต

    เมื่ออยู่ในห้องตามลำพัง เสือดาวคืนร่างเป็นสาวน้อยแสนสวย นัยน์ตาสีน้ำทะเล ผมสีทองสวยเป็นประกายยาวสลวย ทำให้พระองค์ตกหลุมรักในแรกพบ แต่เมื่อคิดถึงหน้าที่ต่อบ้านเมืองพระองค์ไม่มีทางเลือก นอกจากถามว่าสาวน้อยต้องการสิ่งใดเป็นของตอบแทน

    "บอกสิ่งที่เจ้าต้องการมาข้าจะให้ทุกสิ่ง ยกเว้นแต่ชีวิตของเจ้า"ชายหนุ่มผมสีดำ ดวงตาสีดำขลับบอก

    "ข้าปรารถนาจะมีลูก เพื่อคืนสู่บิดา มารดาแห่งข้า" เสียงหวานตอบกลับอย่างหนักแน่น

    "ให้ข้าเป็นพ่อของลูกเจ้าได้หรือไม่" ชายหนุ่มตอบอย่างลืมตัว ไม่อาจถอนสายตาจากหญิงสาวได้ และไม่อยากมอบหญิงสาวให้ใครอื่น

    "ถ้าเช่นนั้นท่านต้องให้สัญญาข้าสามข้อ" หญิงสาวบอก

    "สัญญาอะไรรึ" เสียงนุ่มถามอย่างสงสัย

    "ข้อแรก ท่านจะต้องไม่มีบุตรกับหญิงอื่นอีก 
    ข้อสอง บุตรแห่งข้าจะต้องเป็นสิทธิ์แห่งตระกูลข้า พี่ชายข้าจะมาอยู่ด้วยในช่วงที่ข้าตั้งท้องและนำบุตรไปข้าคลอดแล้ว
    ข้อสุดท้าย ท่านจะต้องกินข้าให้หมดเพียงคนเดียวอย่าให้เหลือแม้ผมสักเส้นหรือเลือดสักหยด ท่านจะทำได้หรือไม่"
     
    หญิงสาวบอกข้อเสนอที่แปลกประหลาด

    "เราสัญญา"

    ชายหนุ่มรับคำ ทั้งคู่อยู่ร่วมกันที่ปราสาทติดทะเลสาบ เพราะหญิงสาวชอบ และวิธีตั้งท้องของเธอก็แปลกประหลาดที่สุด เธอบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ทำให้เธอท้องได้ แต่ต้องผสานวิญญาณบุตรถึงจะก่อกำเนิด ที่ใต้ท้องน้ำอันอบอวลไปด้วยแสงสว่างที่อ่อนโยนและหอมหวาน ชีวิตน้อยๆสองชีวิตได้กำเนิดขึ้น พร้อมกับอีกหนึ่งชีวิตที่เป็นลูกชายของพี่ชายของเธอที่เกิดใต้แสงสว่างอันอ่อนโยนนั้น

    ชายหนุ่มอุ้มเด็กฝาแฝดชายหญิงทั้งคู่ก่อนมอบเด็กน้อยคืนแก่ผู้เป็นลุง สวมสร้อยคอกุญแจทองคำสามดอกรับขวัญทารกทั้งสาม ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ก่อนที่พระองค์ต้องฆ่าคนที่รักที่สุดด้วยพระองค์เอง

    ใช่กุญแจสามดอก ที่ใช้ไขสู่สมบัติลับของราชวงศ์ พระองค์ได้มอบแก่ลูกที่แท้จริงของพระองค์เท่านั้น ส่วนกุญแจในตู้เซพของสามตระกูลตามคำเล่าลือ ล้วนแต่เป็นของปลอมทั้งสิ้น เพื่อปกป้องความลับของลูกพระองค์ จึงได้สร้างข่าวลือปลอมขึ้นมา และฝากกุญแจปลอมให้สามตระกูลพิทักษ์

    พระองค์ได้รักษาสัญญามาตลอด ถึงแม้จะมีราชินีแต่ก็ไม่เคยร่วมบรรทมด้วยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ให้ญาติสนิทเป็นผู้สวมรอยแทนในยามราตรีมาตลอดเป็นความลับที่รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น

    วันที่พระองค์ได้พบเด็กที่หน้าตาถอดแบบยูเรียน่ามาก็ทราบได้ว่าเป็นเด็กฝาแฝด บุตรที่ไม่อาจแตะต้อง และปรารถนาให้มีความสุขยิ่งกว่าใคร พระองค์แอบมองมาโดยตลอด และสิ่งสุดท้ายที่อยากภาวนา ยูเรียน่าขอเธอจงปกป้องลูกให้ปลอดภัยด้วย และอีกไม่นานฉันคงได้ไปหาเธอแล้ว รอก่อนนะที่รัก


    เมื่อกลับถึงคฤหาสถ์รุยคอฟสกี้ คนสนิทนำของที่สั่งมาให้ พลาสปอร์ตของยูรีอุส

    "นายท่านจะส่งคุณยูรีอุสกลับเยอรมันจริงๆหรือ" อัลรอซถาม เพราะรู้ใจนายของตนดี

    "เป็นรับสั่ง และเพื่อความปลอดภัยของยูรีอุส ยังไงฉันก็ขอตายเคียงข้างกษัตริย์แห่งรัสเซีย"

    ยูคอฟบอกหนักแน่น ใช่เขามีหน้าที่ และไม่อาจลากเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาตายร่วมได้ ยูรีอุสยังเด็กและมีอนาคตอีกไกล ส่วนความรู้สึกของเขาก็ให้มันตายไปพร้อมกับเขาเถอะ

    ยูรีอุสเคาะประตูห้องทำงาน

    "ยูคอฟ เรียกผมหรือครับ" เด็กหนุ่มถาม

    "ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว ยูรีอุส" ยูคอฟถามอย่างสงสัย เพราะผ่านมาหลายปี เด็กหนุ่มก็ดูไม่เปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกเท่าไหร่

    "เอาอายุจริงๆใช่ไหมฮะ " เด็กหนุ่มถามกึ่งหยอกเล่น เรียกคิ้วขมวดได้จากคู่สนทนาก่อนตอบ

    "ปีนี้ผมอายุสิบเก้า ตอนมารัสเซียผมอายุสิบสาม อยู่มาหกปีแล้วสินะรัสเซีย มันคงนานเกินไปแล้วสิฮะ"

    ร่างบางถามราวกับอ่านใจอีกฝ่ายได้

    "หกปีแล้วสินะ"
     
    ยูคอฟรำพึงราวกับเมื่อวานที่พึงสบตาเด็กสาวที่จตุรัสกลางเมือง

    "เธอก็รู้สถานะการณ์ดี มันไม่ปลอดภัยที่เธอจะอยู่เที่ยว กลับบ้านเธอเถอะยูรีอุส" ยูคอฟบอกเสียงแผ่ว สบตาสีสวยของอีกฝ่ายราวกับจะจดจำไปถึงโลกหน้า

    "ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งนะครับยูคอฟ" เด็กหนุ่มกล่าวอย่างเข้าใจ รับพลาสปอร์ตที่อีกฝ่ายเตรียมให้ ก่อนกลับไปเก็บของ

    ที่สำนักงานใต้ดิน เหล่าแกนนำของคณะปฎิวัติ กำลังกำหนดวันที่จะทำรัฐประหาร บุกจับกุมพระเจ้าซาร์ ขณะนี้พวกเขามีกำลังกล้าแข็งขึ้น แถมยังได้รับความร่วมมือจากกลุ่มชนชั้นกลาง พวกเศรษฐีใหม่ นายทุนต่างๆให้การสนับสนุนด้านทุนทรัพย์เพิ่มขึ้น

    หลังส่งเด็กหนุ่มขึ้นรถไฟไปเยอรมันแล้ว ยูคอฟกับนายทหารเริ่มวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พวกเขาตกลงที่จะลอบสังหารกลุ่มแกนนำคนสำคัญ

    ที่งานแสดงดนตรีในกรุงเวียนนา เคานท์เตสอเล็กซานเดรีย นาตาลีน่า ถูกจับในฐานะสายลับ และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในรัสเซีย ขบวนรถไฟจะมาถึงเมืองหลวงคืนนี้

    คณะปฎิวัติตกลงจะไปช่วยเธอ และทางยูคอฟวางแผนใช้เธอเป็นนกต่อหลอกพวกคณะปฎิวัติมาติดกับ

    โรงแรมที่พักชานเมืองหลังลงจากรถไฟ ถูกคุ้มกันแน่นหนา เสียงระเบิดก่อกวนทำให้เกิดความวุ่นวาย ไฟไหม้โรงแรม ทั้งอเล็กซ์และคาเรนน่า บุกไปที่ห้องขังเพื่อช่วยตัวเชลย หญิงสาวถูกพาออกมาอย่างรวดเร็ว

    ขณะที่กำลังพาข้ามสะพานเสียงปืนนัดหนึ่งระเบิดขึ้น จากมือเชลยสาวส่งผลให้ร่างอเล็กซ์ตกจากสะพาน ลงสู่ก้นแม่น้ำ คาเรนน่ายิงต่อสู้กับเชลยสาวที่พึ่งรู้ว่าเป็นตัวปลอมก่อนเสียชีวิตทั้งคู่

    ผลการซ้อนแผนทำให้สังหารแกนนำไปได้หลายคน

    เคานท์เตสถูกพิพากษาให้ถอดถอนฐานันดรก่อนส่งไปคุกที่ไซบีเรีย

    ถึงจะยืดเวลาได้แต่ในที่สุดการปฎิวัติก็เกิดขึ้น พระเจ้าซาร์ถูกจับกุม และนำไปขังยังป้อมชายแดนทางเหนือของรัสเซีย เหล่าขุนนางและพ่อค้ายึดอำนาจและแข่งขันกับพรรคบอลเชวิคของเลนิน แก่งแย่งกันกุมอำนาจสูงสุด

    (ปล.ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์นะ เพราะแต่งเพื่อความบันเทิง ไม่ได้อิงความจริง)

    มาร์ควิสรุยคอฟสกี้ยิงตัวตาย หลังจักรวรรดิรัสเซียอันมีพระเจ้าซาร์เป็นประมุขล่มสลาย เพราะคิดว่าอีกไม่นานพระเจ้าซาร์คงถูกตัดสินประหารชีวิตเช่นเดียวกับพระเจ้าหลุยส์ของฝรั่งเศส อัลรอซคนสนิทฝังร่างของผู้เป็นนายเสร็จก่อนตัดสินใจตายตาม


    เสียงเปียโนแว่วหวานคลอกับเสียงไวโอลินประสานกัน ไพเราะ ฟังดูราวกับกำลังบอกความคิดถึงกันและกันอยู่ ปลุกร่างสามร่างที่กำลังหลับใหล ให้ฟื้นขึ้น ทั้งสามมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ

    "อัลรอซ ที่นี่ที่ไหน" ยูคอฟถามคนสนิท

    "ผมไม่ทราบครับ ผมจำได้ว่ากำลังจะเหนี่ยวไกปืนตามท่านไป แต่ถูกสันมือของใครสับที่ต้นคอซะก่อน จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว พึ่งตื่นพร้อมท่านนี่ล่ะครับ"

    อัลรอซบอกอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาแน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตายแล้วทั้งคู่ หรือนี่จะเป็นสวรรค์

    "พวกนายทำไมมาอยู่ที่นี่ได้"
     
    อเล็กซ์ โบโรฮอฟ ถามอย่างสงสัย เขาก็จำได้ว่าถูกปืนยิงตกน้ำ ซึ่งก็น่าจะตายแน่ๆ แต่ถ้าสวรรค์มีเจ้าพวกนี้ เขาขอไปนรกดีกว่า

    "เราคงต้องไปถามเจ้าของเสียงดนตรีข้างนอกแล้ว"

    ยูคอฟบอกหลังรวบรวมสติได้แล้ว แอบหยิกตัวเองก็ยังเจ็บ เขายังไม่ตาย แต่ทำไม ก็เขาฆ่าตัวตายกับมือตัวเอง ชายหนุ่มยังงงไม่หาย

    อัลรอซเดินไปเปิดประตูห้องนอน มองออกไปเห็นเด็กหนุ่มผมสีทองเป็นประกาย ที่มีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ ร่างหนึ่งดีดเปียโนมองหน้าอีกคนหนึ่งอย่างอ่อนโยน อีกร่างหนึ่งกำลังเล่นไวโอลินสีขาวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งไม่แพ้กัน

    "คุณยูรีอุสมีสองคน" อัลรอซพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    เสียงพึมพำเรียกให้ร่างสองร่างหันมาสนใจเหล่าผู้ตื่นจากนิทราทั้งสาม ก่อนที่ร่างหนึ่งจะวางไวโอลิน หันมายิ้ม

    "ตื่นกันแล้วหรือ ทานอะไรก่อนไหมครับ" ยูรีอุสถาม มองคนทั้งสามพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน ยกหม้อซุปมาวางบนโต๊ะ ก่อนตักใส่ชามสามใบ

    "ทานซุปก่อนเถอะครับจะได้มีแรง พวกคุณหลับกันไปนาน คงเพลีย" เด็กหนุ่มบอก

    "ทานให้เสร็จก่อนค่อยถามอะไรที่สงสัย" ยูรีอุสอีกคนบอกเสียงเรียบ

    หลังรับประทานอาหารเสร็จ ทำให้สดชื่นขึ้น และได้ข้อสรุปว่าพวกเขายังไม่ตาย แต่ไม่รู้สาเหตุแน่ชัด

    "เกิดอะไรขึ้นยูรีอุส" ยูคอฟถามหลังเก็บความสงสัยมานาน

    "สรุปเลยแล้วกันนะ รุ่นพี่โซเซียกับยูคอฟนะตายแล้วและผมมอบเลือดแห่งชีวิตของผมให้ทั้งสองคนทำให้ฟื้นขึ้นมาได้ แต่ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ส่วนอัลรอซยังไม่ตายผมแค่ทำให้สลบก่อนฆ่าตัวตายเท่านี้ มีอะไรไม่เข้าใจอีกไหมครับ"เด็กหนุ่มตอบคำถามพอเข้าใจ

    "ทำไมเธอมีสองคน" อเล็กซ์ถามอย่างข้องใจ

    "นี่ยูรีอัส เป็นฝาแฝดของผม"ยูรีอุสกล่าวแนะนำ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นร่างหนึ่งปรากฏตัว สร้างความประหลาดใจ ชายหนุ่มผมสีดำ ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ดวงหน้าที่เหมือนกับอเล็กซ์ไม่ผิดเพี้ยน

    "ท่านพี่" อเล็กซ์เรียกอย่างไม่แน่ใจ พี่ชายเขาตายไปแล้ว

    "สวัสดีทุกคนไม่ต้องกลัวไม่ใช่ผี"เสียงทักทายอย่างสนุกสนาน ก่อนหันมาทักฝาแฝด

    "โตขึ้นมากเลยนะเซร่า รูน ดีใจที่เจอพวกเธอ" ชายหนุ่มทักทายนายน้อยของตนอย่างยินดี

    "สวัสดีพี่ฮันส์ พี่สบายดีน่าดูเลยนี่ที่ไม่มีพวกเราอยู่กวน เหงาบ้างไหมฮะ " ยูรีอุสทักทายตอบ

    หลังทักทายพอหอมปากหอมคอ ทั้งหมดได้ความว่าฝาแฝดได้ช่วยวลาดิเมียร์ไว้ได้ และตอนนี้ชายหนุ่มใช้ชีวิตในฐานะฮันส์ กัปตันเรือสินค้า

    ทั้งหมดขึ้นเกวียนออกเดินทาง แต่ฝาแฝดขี่ม้าสองตัวขนาบข้าง ใส่ชุดสีดำสนิททั้งชุด ผมสีทองถูกรวบไว้ด้วยหมวกสีดำเช่นกัน

    ทั้งหมดมาหยุดที่เนินเขามองไปเห็นป้อมปราการ ที่คุมขังพระเจ้าซาร์

    "วันนี้มีละครโรงใหญ่น่าสนุก ผมช่วยนัดให้ผู้คนมาเจอกัน คงสนุกน่าดูเลย"
    เด็กสาวกล่าวอย่างร่าเริง

    ขณะที่เด็กหนุ่มหน้าเหมือนกัน เดินไปหลังเกวียน รวบเอาห่อผ้าขนาดใหญ่แบกขึ้นหลังม้า

    "พี่ฮันส์ดูแลทุกคนให้รออยู่ที่นี่นะฮะ พวกผมไปธุระแป้บเดียว เดี๋ยวก็กลับมา"ยูรีอุสบอกก่อนควบม้ามุ่งหน้าสู่ป้อม คุมขังพวกเชื้อพระวงศ์

    วันนี้เวรยามหละหลวมเนื่องจากหลายสาเหตุ สายลมพัด ราวกับจะรู้ว่าจะเกิดโศกนาฎกรรมขึ้น

    กลุ่มคนมากมายเดินทางมาที่ป้อมด้วยเหตุผลต่างกัน แต่อยู่บนจุดมุ่งหมายเดียวกัน ฝ่ายที่ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ

    สองร่างเพรียวกับหนึ่งสัมภาระที่แบกไว้บนบ่า เดินไปตามทางลับที่มืดสนิท อย่างคล่องแคล้ว บรรลุถึงห้องหนึ่ง เสียงโต้ตอบดังขึ้น

    "พระองค์จะไม่เสด็จไปกับพวกเราหรือ"เสียงหญิงสาวที่ถูกขนานนามว่าราชินีตรัสถามพระสวามี

    "น้องหญิงไปเถอะ เวลาไม่รอท่า ขอให้น้องโชคดี" องค์กษัตริย์ตรัสตอบ

    "งั้นน้องทูลลา" องค์ราชินีรีบออกจากห้อง ข้างนอกเหล่าลูกๆกำลังพระมารดาอยู่ ทั้งหมดอยู่ในชุดคนธรรมดา

    ในห้องถัดไป ผู้คนที่น่าตาคล้ายพระองค์ กำลังนั่งสงบกอดหมอนที่ยัดไส้เครื่องเพชร ไว้เรียกความสนใจพวกกบฎเวลาที่บุกเข้ามาไม่ให้สงสัยว่าเป็นตัวปลอม แต่ให้ไปสนใจของมีค่าแทน ในขณะที่ราชนิกูลหนีเอาชีวิตรอดแค่เพียงอย่างเดียว ยอมสละข้าวของนอกกาย ไว้กับผู้ภักดีที่ยอมเสียสละตายแทน

    ทั้งหมดรีบออกจากวัง ก่อนที่ทหารม้าของคณะปฎิวัติจะบุกเข้ามาในป้อมคุมขัง เพื่อสำเร็จโทษเชื้อพระวงศ์ และปล้นทรัพย์สินมีค่าที่ซุกซ่อนอยู่

    ร่างสูงมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ริมหน้าต่าง จนเสียงหนึ่งทักขึ้น

    "จะทรงยอมตายด้วยน้ำมือพวกกบฏหรือ" เสียงหวานถามอย่างสงสัย

    "เราคือกษัตริย์ ย่อมไม่ยอมทิ้งแผ่นดิน เพื่อรักษาชีวิตได้หรอก" เสียงราบเรียบตอบ

    "งั้นกษัตริย์ย่อมต้องตายคู่แผ่นดิน แต่หนี้ของเรายังไม่จบ"ยูรีอุส ตอบสบดวงตาสีดำสนิท ก่อนเอ่ยประโยคต่อไป

    "ผมอยากถามว่า ท่านเคยรักผู้หญิงที่ชื่อยูเรียน่าไหม" ยูรีอุสถามเสียงหนักแน่น

    "เราไม่เคยรัก" คำตอบหนักแน่น ตอบมาทันที สบตาสองคู่ที่มองมา

    "งั้นเราขอชีวิต ของท่านแม่คืน" ยูรีอุสตอบเสียงเรียบพอกัน

    "ชีวิตของท่านสิ้นสุดไปนานแล้ว แต่ที่มีชีวิตอยู่ตอนนี้เป็นของท่านแม่ เป็นของเรา และเราขอสั่งให้ท่านติดตามเรากลับไป"ยูรีอุสออกคำสั่งเสียงเรียบ

    ขณะที่เด็กหนุ่มที่ติดตาม แก้ห่อผ้าออก ปรากฏร่างชายที่ทำหน้าที่เป็นเงาในยามราตรีให้พระองค์มาตลอด นอนนิ่งอยู่

    เด็กสาวเดินมาใกล้ เอื้อมมือมาบนใบหน้า พระองค์รู้สึกร้อนทั่วใบหน้า มองดูแผ่นหนังที่ถูกลอกออกจากหน้าตัวเอง เด็กสาววางมันทับไปกับใบหน้าชายที่นอนอยู่

    แสงสว่างทั่วก่อนที่ใบหน้านั้นเปลี่ยนเป็นใบหน้าของพระองค์อย่างไม่ผิดเพื้อน

    พระองค์จับใบหน้าของตัวเองอย่างแปลกใจมันไม่รู้สึกเจ็บ ไม่มีเลือดออกเมื่อหันมองหากระจก พบใบหน้าหนึ่งจ้องตอบมา ใบหน้าหวานของยูเรียน่า ดวงตาสีน้ำทะเล ผมสีดำ กลายเป็นสีทองยาวสยาย

    "ใบหน้าที่ท่านจะไม่มีวันลืมเป็นครั้งที่สอง" ยูรีอุสกล่าวพลางออกนำไปตามทางลับอย่างรวดเร็ว

    ร่างสองร่างกับหนึ่งสัตว์สี่ขาเดินออกห่างจากำแพงป้อม อีกหนึ่งเนินเขาจะถึงที่ ที่พวกฮันส์หยุดรอ  คนกลุ่มหนึ่งรายล้อมพวกเขาไว้

    "พวกเจ้าจะพาเสือขาวไปไม่ได้ ส่งเสือขาวมาให้พวกเรา"

    ชายสูงวัยที่สุดในกลุ่มเอ่ย

    ยูรีอุสและยูรีอัสเงยหน้ามองกลุ่มผู้ขัดขวาง ผู้คนทั้งหญิงและชายมีนัยน์ตาสีม่วงอมทองทอประกายกล้า แต่สายตาไม่เป็นมิตร

    "พวกเราคงส่งให้ไม่ได้ และขอเตือนว่าถ้าไม่อยากตายกรุณาหลีกทางให้พวกเรา มิฉะนั้นจะหาว่าพวกเราไม่เตือนไม่ได้" ยูรีอุสกล่าวเสียงเข้ม

    "พวกเราเผ่ามนุษย์แปลงร่าง ต้องรักษาความลับ ผู้มีสายเลือดนอกเผ่าต้องถูกกำจัด เสือดำ" สิ้นเสียงร้องสั่ง

    ร่างเสือดำหนุ่มปรากฏร่างพุ่งกระโจน ต่อสู้กับเสือขาวทันที ส่วนคนอื่นคว้ามีดกระโดดเข้ามาอย่างว่องไวจู่โจมฝาแฝดทันที


    ผู้เห็นเหตุการณ์บนเนินถัดไปจะมาช่วย แต่ฮันส์ห้ามไว้

    "ไม่ต้องเข้าไปเกะกะหรอก เรื่องแค่นี้ พวกเขาจัดการไม่นานก็เสร็จ" ร่างสูงยืนกั้นไม่ให้คนอื่นไปยุ่ง

    แส้สีดำสองเส้นตวัดไปมา สร้างผลงานยอดเยี่ยมไม่มีชาวเผ่าคนใดเข้าทำร้ายพวกเขาได้ ต่างบาดเจ็บไปตามๆกัน

    ทั้งหมดจึงตัดสินใจใช้ท่าไม้าตายสุดยอดของเผ่า ทั้งหมดรวมตัวกัน  ปรากฏร่างจากทุกมุมที่หลบซ่อน มายืนล้อมเป็นวงใหญ่รอบสองคนและสองตัวที่กำลังนัวเนียกันอยู่
    รวบรวมสมาธิ ก่อให้เกิดวงพลังจิตขนาดใหญ่ ซัดใส่ทุกผู้ที่อยู่ในวงล้อมกะฆ่าให้สิ้นซากทั้งเสือดำ เสือขาว และเด็กอวดดีสองคน

    แสงพลังถูกตีกลับอย่างรวดเร็ว ซัดจนทุกคนยืนไม่อยู่ ล้มกันระเนระนาด ก่อนตั้งหลักกลับมายืนประจำตำแหน่งกันใหม่ กลางวงล้อม เสือทั้งสองถูกห่อหุ้มด้วยลูกแก้วสีขาวนวล เด็กฝาแฝดทั้งสองนัยน์ตาสีม่วงอมทองเจิดจรัสยิ่งกว่าดวงตาคู่ใดในเผ่า ขนาดพวกที่แปลงร่างได้ ก็ไม่มีสีเข้มขนาดนี้

    "เป็นไปไม่ได้ เจ้าได้ให้กำเนิดสายเลือดบริสุทธิ์ "
     
    หัวหน้าเผ่าอุทานอย่างลืมตัว

    สายเลือดที่เป็นข้อห้ามของเผ่า เพราะมีคำทำนายว่าเผ่าพันธุ์จะสูญสิ้นในมือสายเลือดบริสุทธิ์ ถึงต้องกำจัด จะให้มีเสือสองตัวในสมัยเดียวกันไม่ได้ โดยเฉพาะเสือตัวผู้และตัวเมีย เพื่อไม่ให้ก่อกำเนิดสายเลือดบริสุทธิ์

    "รู้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เราเตือนพวกเจ้าแล้วว่าอย่ายุ่งเรื่องของเรา"

    เสียงเย็นชาตอบกลับมาจากยูรีอัส ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะทอประกายส่งพลังสีม่วงกระจายออก ผู้ใดที่ได้สัมผัสก็สลายเป็นผุยผงไม่หมด จบสิ้นทั้งเผ่า เว้นไว้แค่เสือสองตัวในลูกแก้วสีขาวในมือของยูรีอุส

    เสียงผิวปากเรียกม้าสองตัวเข้ามาใกล้ ทั้งสองควบม้ามาที่นัดหมายโดยมีเสือสองตัววิ่งตามมา ทั้งสี่คนขึ้นเกวียน รวมกับสองตัวที่หมอบอยู่ในเกวียน กับสองร่างฝาแฝดที่นั่งด้านหน้าทำหน้าที่ขับเกวียนเทียมม้าสี่ตัว พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนไปถึงแหลมติดทะเล

    มีเรือลำใหญ่ทอดสมอรอรับอยู่ ทั้งหมดลงเรือเล็ก ไปต่อเรือใหญ่อีกที

    เสียงโห่ร้องต้อนรับดังไปทั้งเรือ

    "นายน้อยกลับมาแล้ว"

    "ยินดีต้อนรับกลับฟอนเทียร์"

    ก่อนเรือถอนสมอ ออกเดินทางจากรัสเซียกลับบ้าน

    เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนที่เด็กทั้งสามออกเดินทางจากรัสเซียสู่บ้าน
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×