ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงแห่งเซเลน ภาคเจ้าหญิงเซร่า

    ลำดับตอนที่ #13 : ท่องเที่ยว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 90
      0
      16 ก.ค. 49

    บทที่ 13

    ในเรือ
    ร่างชายหนุ่มผมสีดำยาวถึงสะโพก ใบหน้าหวานสวย นัยน์ตาสีทองเป็นประกาย กล่าวแนะนำตัวเอง

    "ผมโจนา แอนเดรียส เป็นพี่ชายของเซร่าและรูน และเป็นกัปตันของเรือแอนมารีเน่ลำนี้ ยินดีต้อนรับครับ "

    "เชิญที่ห้องพักทางด้านนี้" รูนบอก ก่อนออกเดินนำไปที่ห้องด้านใน

    ส่วนเซร่าแวะทักทายเหล่าลูกเรือก่อนตามไปทีหลัง

    ในห้องพักรวม ในเรือ

    "เดี๋ยวเซร่าแนะนำให้ คนผมดำสั้น ยูคอฟ รุยคอฟสกี้เป็นคนดูแลเซร่ามาตลอดตั้งแต่มารัสเซีย ข้างๆคนที่ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน เป็นคนสนิทชื่ออัลรอซ เอกิซ ส่วนคนนี้ดูหน้าตาก็รู้เป็นน้องพี่ฮันส์ ชื่ออเล็กซ์ โบโรฮอฟ แต่เซร่าติดปากเรียกชื่อตอนอยู่เยอรมันมากกว่าชื่อคราวน์ โซเซีย ส่วนคนผมสีทองชื่อฟาร์  ฟาร์ ฟอนเทียร์"

    เสียงหวานกล่าวแนะนำคนที่พามาให้โจนารู้จัก

    ก่อนปรายตามามองชายหนุ่มที่จับพลัดจับพลูติดมาด้วยอย่างไม่คาดฝัน

    "นายล่ะ ชื่ออะไร"

    "ไทด์ เชอร์ชิล" เสียงตอบสั้นๆ

    เรื่องการขึ้นเรือออกเดินทางจากรัสเซียโดยไม่รู้ตัวมาก่อนไม่สร้างความประหลาดใจให้สามหนุ่มชาวรัสเซียได้เท่ากับเรื่องที่เห็นเสือกลายร่างกลับเป็นคน เริ่มจากเสือสีดำที่เปลี่ยนร่างกลับมาเป็นชายหนุ่มผมสีดำ นัยน์ตาสีเขียวสด เจ้าของนาม ไทด์ เชอร์ชิล

    และเสือขาวที่กลายร่างเป็นชายหนุ่มผมสีทองดวงหน้าละม้ายเซร่า นัยน์ตาน้ำทะเล ที่ถูกเซร่าแนะนำตัวว่าชื่อ ฟาร์ ฟอนเทียร์

    หลังทานอาหารว่างเสร็จ เสียงพูดคุยตามประสาที่ไม่ได้พบกันนานก็เริ่มขึ้นในหมู่สามพี่น้อง

    "เดี๋ยวเรือเทียบท่าที่ฝรั่งเศส แล้วเราค่อยออกเที่ยวกันดีกว่า" โจนากล่าวชวนน้องๆ

    "แล้วพี่ชายไปเที่ยวที่ไหนบ้าง" เซร่าถาม

    "ก็ไปหลายที่ ล่าสุดก็แถวแทนซาเนีย โรมาเนีย" โจนากล่าวนึกสถานที่ก่อนขึ้นเรือ

    "อ้อแดนที่ว่ามีพวกแวมไพร์ แล้วโจนาเจอบ้างหรืดเปล่า" รูนถามขึ้นบ้าง

    "ไม่เจอหรอก" พี่ชายตอบอย่างไม่คิดอะไร

    "กัปตัน"

    เสียงลูกเรือเรียก ทำให้โจนาขอตัวออกไปดูความเรียบร้อย

    "ไม่เจอแวมไพร์" เสียงเซร่ารำพึงอย่างเจ้าเล่ห์ สบตากับรูนอย่างสนุกสนาน

    "นั่นสิ ไม่เจออาจเพราะเป็นเผ่าแห่งความมืด เลยไม่สะดุดตา เผ่าแห่งแสงเท่าไหร่ เรียกว่าต่างคนต่างอยู่นะ" รูนรับคำคู่แฝดเสียงเรียบแฝงแววสนุกไม่แพ้กัน

    "ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยจัดการทีหลังก็ได้" เสียงหวานบอกอย่างไม่เดือดร้อน

    "เฮ้เซร่า พวกนั้นหาเรื่องสนุก จะไปร่วมไหม" เสียงฮันส์เรียกมาจากข้างนอก

    "ไปสิ เรื่องอย่างนี้พลาดได้อย่างไร" เซร่าตอบอย่างรู้ดีว่าเป็นเรื่องอะไร

    ภายนอก เรือสินค้าลำใหญ่ที่จุไว้ด้วยปืนใหญ่เต็มกำลัง กำลังรับมือกับเรือโจรสลัดสามลำที่มีรุมล้อมอยู่

    "หันหัวเรือไปทางขวา เดินหน้าเต็มกำลัง"เสียงหวานร้องสั่ง

    รูนเข้าประจำที่แผงบังคับปืน และเตรียมพร้อม เมื่อได้รับคำสั่งยิงจากฝาแฝดของตน ลูกกระสุนปืนใหญ่พุ่งตรงไปที่ถังน้ำมันของเรือโจรสลัดทันที

    "หนึ่ง สอง สามลำ อยู่ล่ะ"

    เสียงนับจำนวนอย่างเมามัน หลังจากกระสุนปืนใหญ่ทำลายถังน้ำมันคู่ต่อสู้ทั้งหมด และมีอานุภาพขนาดถล่มเรือจนเสียหายอย่างหนัก เพราะเป็นลูกกระสุนรุ่นใหม่ที่เขาพึ่งคิดค้นขึ้น และดัดแปลงจากที่ใช้ในกองทัพของอเมริกามา

    เหล่าโจรสลัดในเรือเล็ก ประชิดเรือสินค้า ปีนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และต้องรับมือกับบรรดาลูกเรือที่เตรียมพร้อมอย่างไม่ตกใจอะไร

    ก็พวกเขาเป็นคนชักธงสัญลักษณ์ของเรือลง เพื่อล่อแมงเม่าเข้ามาติดกับเอง

    ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงการฉลองการกลับมาของเหล่านายน้อยก็สิ้นสุดลง พร้อมชัยชนะของฟอนเทียร์

    เป็นการประกาศศักดาและโชว์พิเศษต้อนรับแขกไปในตัว

    ตกดึก งานฉลองใต้แสงดาวถูกจัดขึ้น เหล่าแขกถูกจัดให้ใส่เสื้อผ้าสไตล์แปลกตา คล้ายเหล่ายิบซี

    คนเรือพร้อมเครื่องดนตรีแปลกตา อาหารและน้ำผลไม้หมัก ถูกนำมาจัดเลี้ยงต้อนรับแขกอย่างสนุกสนาน

    ห้าหนุ่มได้รับการต้อนรับอย่างประทับใจ โดยมีฮันส์คอยแนะนำเรื่องต่างๆอยู่ใกล้

    ร่างงดงามอ่อนช้อยร่างหนึ่งกับชุดยาวสีขาว ราวเทพธิดาแห่งท้องทะเล ร่ายรำอย่างสวยงามเคียงข้างฝาแฝดของตน คลอด้วยเสียงร้องเพลงทุ้มหวานไพเราะของชายหนุ่มดวงตาสีทองเคล้าเสียงพิณโบราณในมือ

    เหล่าลูกเรือเงียบเสียงพูดคุยแต่ปรบมือเข้าจังหวะกับเสียงเพลง ต่างสนุกสนานกับทั่วหน้ากับการแสดงที่สวยงามของนายน้อย

    ห้าหนุ่มมองอย่างหลงใหลกับภาพที่เห็น ฮันส์มองเห็นภาพอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนก่อนบอกเสียงเรียบ

    "อย่าหลงใหลกับความสวยงามนัก มิฉะนั้นคนที่เจ็บจะเป็นพวกนายเอง ช่วงเวลาของเหล่าเซเรนนั้นยาวนัก อายุของเด็กพวกนั้นแค่สิบเก้าปี เมื่อเทียบกับช่วงอายุของมนุษย์ เด็กพวกนั้นก็แค่เด็กสองสามขวบ การไปหลงรักเด็กนะจะไปหวังอะไรได้ ความรักของพวกเด็กกับผู้ใหญ่มันเป็นคนละแบบกัน รีบตัดใจเสียแต่ตอนนี้ ดีกว่าถลำลึกไปกว่านี้"

    เสียงเรียบเอ่ยอย่างเห็นใจทั้งน้องชายและอดีตมาร์ควิสคู่แข่ง

    ความเงียบเป็นคำตอบ แต่หัวใจนั้นยากแก่การบังคับ ความรู้สึกที่ฝังรากลึกมานับสิบปี ไม่อาจถอนได้เพียงชั่วข้ามคืน

    หลังเรือเทียบท่า พวกเซร่าทั้งเก้าคนก็นั่งเกวียน ออกเดินทางทางบกต่อเพื่อไปเที่ยวตามที่ต่างๆที่ขึ้นชื่อในยุโรป

    "ข้างหน้าจะมีชุมนุมของเหล่ายิบซี"
     
    เซร่าบอกหลังข้ามพรมแดนประเทศสเปนมาได้สักพัก พวกเขาเดินทางผ่านด่านลัดทางมาได้ และทำเวลาได้ดี

    เสียงพูดคุยและกิจกรรมต่างๆดังมาให้ได้ยิน ก่อนที่เกวียนจะจอดใกล้กองเกวียนหลายสิบคันเบื้องหน้า

    "ชีล่าอยู่ไหม" โจนาร้องทักทายอย่างคุ้นเคย

    "อ้าวโจนา พาใครด้วยนะ "
     
    หญิงสาวผมสีดำ ดวงตาสีดำสนิท คาดผมผูกผมสีแดงสด และเสื้อผ้าสีสดใส รับกับรอยยิ้มสดชื่นจากริมฝีปากสีแดงสด เดินออกมาต้อนรับแขกราวกับรู้การมาเยือนล่วงหน้า

    "แวะผ่านมาเที่ยวนะ ว่าจะพักสักคืนค่อยออกเดินทางต่อ" โจนาบอกก่อนแนะนำ

    "นี่น้องฝาแฝดของฉัน เซร่า รูน นั่นพี่ฮันส์ กับน้องชายอเล็กซ์ อีกคนก็ยูคอฟกับอัลรอซ ไทด์กับฟาร์" โจนากล่าวแนะนำจากคนใกล้ตัวเรียงไปเรื่อยๆ

    "ฉันชีล่าเซนา ผู้ทำนายอันดับหนึ่งแห่งกราเซียน่า" ร่างหญิงสาวคนสวยกล่าวก่อนโค้งตัวเล็กน้อยทักทายผู้มาเยือน เดินนำทางไปกระโจมของเธอ

    น้ำชาหอมกรุ่นและขนมหวานแปลกตาถูกนำมาเลี้ยงต้อนรับ

    ตกเย็นกองคาราวานแห่งยิบซี ครึกครื้นตามความรักสนุกของเหล่าผู้พเนจร กองไฟถูกก่อ เหล้าและอาหารทยอยถูกจัดวางบนโต๊ะ เสียงดนตรีพื้นเมืองดังขึ้นและสาวสวยในชุดกระโปรงสั้นแค่เข่าออกมาเต้นรำสไตล์ยิบซีอย่างสนุกสนาน

    แขกหนุ่มทั้งเก้าต่างอยู่ในชุดของยิบซีเช่นกัน มานั่งล้อมรอบกองไฟ เครื่องดนตรีคล้ายกีตาร์ถูกส่งมาให้โจนาอย่างรู้จักกันดี


    "ให้เกียรติเต้นรำกับฉันซักเพลง" ชีล่ามาโค้งให้เซร่า เด็กหนุ่มหน้าหวานที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น

    "ด้วยความยินดี" เซร่าโค้งตอบก่อนจูงมือออกมาเต้นรำฟลามิงโก้ที่ข้างกองไฟ สายตาทุกคู่มองมาที่คนทั้งคู่

    การเต้นรำอย่างสวยงามเร่าร้อนของหญิงสาวกับท่าทีสง่างามของคู่เต้นที่ไม่ผิดจังหวะเลยแม้แต่น้อย สร้างความแปลกใจให้กับคนเฝ้ามอง

    รอยยิ้มบนดวงหน้าหวานก่อนกระซิบถอยคำริมหูของหญิงสาว สร้างรอยสีเรื่อบนโหนกแก้มคู่นั้น ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะผละจากไป

    "นายคงไม่ได้จีบหล่อนหรอกนะ"
     
    ฮันส์ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจคนตรงหน้าเท่าไหร่ หลังเห็นฝีมือคนตรงหน้าที่เกี้ยวสาวสวยจนอายหลบหายไปอย่างนี้

    "ผมก็แค่บอกว่าในพวกเรามีหนึ่งคนที่เป็นคู่แท้ของเธอเท่านั้นเอง เพราะถึงเป็นยิบซีผู้ทำนาย แต่ไม่สามารถทำนายเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเองได้"

    เซร่ากล่าวแก้ความเข้าใจผิด

    ทำให้เหล่าหนุ่มๆถอนหายใจอย่างโล่งอก เหล่ายิบซีผู้ชื่นชอบเสียงเพลงหลังรู้ว่าเด็กหนุ่มคู่เต้นของชีล่าเล่นไวโอลินได้ไพเราะตามคำโฆษณาของโจนา เลยขอให้เด็กหนุ่มแสดงฝีมือให้ดู

    ไวโอลินถูกส่งมาจากกลุ่มนักดนตรีให้เด็กหนุ่ม ที่รับมาก่อนเริ่มบรรเลงเพลงพื้นเมืองโดยมีโจนาขับเพลงคลอ เสียงหวานไพเราะดึงดูดให้ผู้คนฟังนิ่งราวกับต้องมนต์
    เสียงเพลงจบลงพร้อมเสียงปรบมือดังและเสียงขอให้เอาอีกดังไปหมด เหล่าสาวๆ ชาวยิบซี ต่างมาโค้งให้หนุ่มๆ อาคันตุกะกันพร้อมหน้า แต่สามพี่น้องขอตัวเล่นดนตรีให้

    เซร่าเล่นไวโอลิน รูนเล่นกีต้าร์พื้นเมือง และโจน่าร้องเพลงรักให้กับเหล่าหนุ่มสาวที่ออกมาเต้นรำใต้แสงดาว กว่าราตรีอันยาวนานจะสิ้นสุดลง และการร่ำลาจะเริ่มขึ้นในยามเช้า

    รุ่งเช้าทุกคนตกใจกับข่าวการขออยู่ที่นี่ของอัลรอซกับหญิงสาวเจ้าของนามชีล่าเซน่า หลังตั้งสติได้ก็กล่าวแสดงความยินดีกับสองหนุ่มสาว ในรักแรกพบที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ก่อนออกเดินทางต่อ

    การเดินทางไปสิ้นสุดที่เกาะส่วนตัวของตระกูลแอนเดรียส ที่คฤหาสถ์หลังงามติดทะเลสาบแสนสวย ทั้งหมดต่างพักผ่อนอย่างเหนื่อยอ่อนหลังตะลุยเที่ยวกันทั่วยุโรป กับมัคคุเทศก์หนุ่มนามโจนา

    "พวกนายตัดสินใจจะทำอะไรต่อ" ฮันส์ถามบรรดาแขก หลังสามพี่น้องไปนอนหลับพักผ่อนในตอนบ่ายแล้ว

    "ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลย" อเล็กซ์บอกพี่ชาย

    "การปฎิวัติก็เหมือนดอกไม้ไฟ อุดมการณ์เหมือนภาพฝันที่สวยงาม เมื่อจุดเสร็จก็สลายเป็นเถ้าถ่าน คนที่นำมันมาใช้สุดท้ายก็หาประโยชน์ใส่ตัวเองอยู่ดี"
     
    ฮันส์กล่าวเสียงเรียบ อย่างไม่คิดว่าการปฏิวัติจะให้อะไรกับประชาชนได้ดีกว่าระบบเดิม ถ้ามีผู้นำที่บ้าอำนาจก็นำมาซึ่งหายนะทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นระบบไหน สุดท้ายคนที่น่าสงสารก็ยังเป็นประชาชนที่ยากจนอยู่ดี

    "ผมคงไม่เข้าร่วมคณะปฎิวัติแล้ว เพราะผมตายแล้ว" อเล็กซ์บอก

    "งั้นก็กลับไปฟอนเทียร์ก่อน ที่นั่นเป็นแหล่งรวมผู้คนจากทุกสารทิศ หลายเชื้อชาติด้วย เพราะเป็นโจรสลัดเก่า เป็นนักเดินทาง นักเดินเรือ พ่อค้า ที่สำคัญต้อนรับคนแปลกหน้าดุจญาติสนิท เป็นนิสัยสำคัญของคนตระกูลนี้เสียด้วย ยิ่งท่านผู้นำน้อยเป็นคนแลกมาเองอีกยิ่งไม่มีปัญหา" ฮันส์บอก อย่างตัดสินใจแทนให้ทันที

    "ไปปลุกพวกเด็กๆมาทานอาหารเย็นดีกว่ามั้ง" ฟาร์เสนอ

    ทั้งหมดจึงเดินไปเคาะประตูห้องนอน ก่อนที่ฮันส์จะถือวิสาสะเปิดเข้าไปตามความเคยชิน

    มองเข้าไปด้านใน ร่างสามร่างนอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนโต มีเซร่านอนกลาง โจนาและรูนขนาบข้าง ทำให้คนที่เห็นอดหัวเราะขบขันไม่ได้ ดูไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อสมัยเด็กๆเลย

    "ทานอาหารเสร็จแล้วค่อยออกเดินทางกลับแล้วกันฮะ" เซร่าบอกกำหนดการ

    ทั้งหมดต้องแปลกใจเมื่อเด็กทั้งสามขับเกวียนลงทะเลสาบ ก่อนที่จะได้ทันโวยวาย แสงสว่างสีเงินปนทองก็ห่อหุ้มเกวียนเล็ก  เกวียนดำลงต่ำสักพัก ก่อนค่อยๆ ลอยขึ้นช้า เมื่อแสงสว่างหายไป พวกเขาก็มาโผล่ในสวนหลังคฤหาสถ์ใหญ่

    เซร่าเดินนำหน้าไปพบประมุขตระกูลฟอนเทียร์และแอนเดรียส ฟอลคอนและออสการ์ แอนเดรียส

    บิดามารดาของสามพี่น้อง สวมกอดเด็กทั้งสามต้อนรับการกลับบ้านของพวกเขา และกล่าวยินดีต้อนรับแขกทั้งสี่

    ฮันส์เรียกหญิงสาวฝาแฝด เนร่า เนเรีย สาวสวยผมสีน้ำตาลอ่อนอมทอง ดวงตาสีฟ้า เหมือนกันราวกับแกะ ผู้ทำหน้าที่แม่บ้านพลางแนะนำสี่หนุ่มให้รู้จัก

    คู่แฝดสาวพาสี่หนุ่มไปพักห้องที่จัดเตรียมไว้ โดยอเล็กซ์พักกับไทด์
    และฟาร์พักกับยูคอฟ ดูเป็นการจับคู่แปลกๆ ในสายตาของฮันส์

    ในห้องพัก

    "นายเป็นคนรัสเซียเหรอ"อเล็กซ์ถามเพื่อนร่วมห้องหลังจากอยู่ตามลำพัง

    "เปล่า พวกเราอาศัยอยู่ยูเครน แต่หัวหน้าเผ่าบอกว่ามีภารกิจสำคัญเป็นความอยู่รอดของเผ่าต้องมาจัดการ พวกเราเลยมากันทั้งหมด" ไทด์ตอบ

    "รวมเด็กและผู้หญิงด้วยเหรอ"อเล็กซ์ถามอย่างสงสัย

    "เป็นเรื่องน่าแปลก หลังจากฉันเกิด ก็ไม่มีเด็กเกิดในเผ่าอีกเลย แถมในเผ่าผู้หญิงก็น้อยมาก จนผู้เฒ่าทำนายว่าเสือขาวเป็นตัวกาลกิณีที่เราต้องกำจัด" ไทด์อธิบาย

    "มันไม่น่าจะเกี่ยวกันนี่" อเล็กซ์วิจารณ์

    "ฉันก็ว่าไม่เกี่ยว แต่ก็คัดค้านอะไรไม่ได้" ไทด์เห็นด้วย

    "แล้วนายไม่โกรธพวกเซร่าหรือที่ฆ่าล้างเผ่าของนาย" อเล็กซ์ถามเรื่องคาใจ

    "ไม่หรอก ถึงพวกที่แปลงร่างได้จะได้รับฐานะสูงในเผ่า แต่ก็ได้รับความกลัวและขยะแขยงลับหลังเช่นกัน แถมพวกเขายังคิดกำจัดฉันรวมกับเสือขาวด้วย ถึงเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันก็เหมือนคนแปลกหน้าอยู่ดี  ฉันไม่มีน้ำตาสักหยดให้พวกเขาเลย มันราวกับได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการอันยาวนาน" ไทด์บอกความรู้สึกที่แท้จริง ยังรู้สึกแปลกใจตัวเองที่พูดมากขนาดนี้กับคนที่พึ่งรู้จักแค่ไม่นาน

    อีกห้องหนึ่ง

    "ผมเคยพบท่านมาก่อนไหม " ยูคอฟถามอย่างรู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าหน้าตานี้เขาจะไม่เคยเห็นก็ตาม

    "เธอเคยพบกับฉัน แต่ไม่ใช่ใบหน้านี้มาร์ควิส" ฟาร์ตอบเสียงเรียบ

    "เป็นไปไม่ได้" ยูคอฟบอกอย่างไม่เชื่อสายตา แต่คนสำคัญที่ถูกคุมขังในป้อม จะเป็นใครไม่ได้ แต่หน้าตานี้ พวกเซร่าทำได้อย่างไร

    "เด็กพวกนั้น เอาร่างของลูกพี่ลูกน้องฉันมาเปลี่ยน และเอาใบหน้าฉันไปให้เขาตายในฐานะของฉัน และมอบใบหน้านี้ให้ฉันเป็นการลงโทษที่ฉันฆ่าแม่ของพวกเขา"

    ฟาร์อธิบายเท่าที่อธิบายได้กับลูกน้องคนสนิทฟัง

    "เธอปฎิบัติกับฉันอย่างคนธรรมดาดีกว่า เพราะไม่มีนิโคลัส โรมานอฟที่นี่ มีแต่ฟาร์ เท่านั้น"

     เสียงเรียบตอบ เขามีชีวิตอยู่เพื่อดูเด็กสองคนนั่นแทนยูเรียน่า ถ้านี่เป็นความต้องการของบุตรทั้งสองเขาก็ยินดีที่จะทำตาม แค่เด็กสองคนนั่นให้อภัยเขา เรียกเขาว่าพ่อ เขาก็ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้ามากแล้วกับความเมตตาของพระองค์ในสิ่งที่เขาขอทุกค่ำคืน เพราะเขาไม่เคยปรารถนาอะไรมากไปกว่านี้มาก่อน

    "ครับ" ยูคอฟรับคำ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×