ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #10 : งานที่ไม่สำเร็จ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 49


    บารามอส

    บทที่ 10 งานที่ไม่สำเร็จ

    หลังพบกับขบวนเกวียนอีกครั้งเฟรินต้องปวดหัวกับอาการเกาะติดแจของเจ้าหญิงวิเวียน

    "มันเกิดอะไรขึ้นเจ้าหญิง" เฟรินถามอย่างสงสัย

    "ก็หญิงไม่อยากอยู่กับคนใจร้าย กับเจ้าชายขี้หลี แถมยังมีพวกขโมยอีก ดีที่พวกมันไม่ได้ของอะไรไป" เจ้าหญิงบอกหันหน้าไปอีกทางที่ไม่มีคนใจร้าย

    เฟรินกุมหัวอย่างปวดเป็นที่สุด เมื่อไหร่อาการงอนจะหายเสียทีเขาจะได้หายปวดหัวบ้าง

    "พี่ชายไม่มีคนที่ชอบบ้างหรือเพคะ" เจ้าหญิงน้อยถามต่อ

    "มีสิแต่ไม่ใช่คนใจร้ายของหญิงก็แล้วกัน" เฟรินบอกอย่างเบื่อหน่ายผู้หญิงจริงๆ ชอบถามแต่เรื่องรักใครชอบใครอยู่ได้

    "เป็นคนแบบไหน หญิงรู้จักไหมค่ะ" เจ้าหญิงรีบถามต่ออย่างสนใจทันที

    เฟรินคิ้วขมวด นึกแต่งเรื่องที่แต่งไม่ค่อยออก เพราะอาการมึนศีรษะกำเริบ หันไปเห็นเจ้าชายคาโลเข้าความคิดหนึ่งก็ผุดออกมาอย่างรวดเร็ว

    "ผมแอบชอบเขาข้างเดียว ยังไม่เคยสารภาพเลย เป็นคนสวยใจดี ถึงจะขี้บ่นไปหน่อยก็เถอะ แต่สุดท้ายก็ช่วยทุกที" เฟรินบอก

    มองเจ้าหญิงน้อยที่ฟังเรื่องราวตาแป๋ว อย่างสนใจเต็มที่

    เฟรินแกล้งปรายตามองไปทางเจ้าชายมาดมาก เจตนาให้เข้าใจผิด

    "อ้า หญิงทราบแล้ว หญิงไม่ถามอะไรแล้วล่ะค่ะ เอาใจช่วยให้พี่ชายสมหวังนะเพคะ"

    เจ้าหญิงวิเวียนบอกอย่างเข้าใจเต็มที่ พร้อมเอาใจช่วยเต็มร้อย

    เจ้าชายอาเทอร์มองดูคทาอันใหม่ของเจ้าชายคาโลอย่างสงสัยจนอดใจถามไม่ไหว

    "ไปเอาคทานั่นมาจากไหนหรือเจ้าชายคาโล"

    "ราชายักษ์เกรเซอร์ให้มาแทนคทาอันที่ตกน้ำของคาโลมัน" คิลตอบแทน

    เพราะอยากยั่วเจ้าชายแห่งซาเรสเห็นจ้องคทาตาเป็นมัน และเขาก็รู้ดีว่าเจ้าชายอาเทอร์ชอยสะสมอาวุธในตำนานมาก

    "คทาพิพากษา " เจ้าชายอาเทอร์บอก

    เฟรินเดินมาทันได้ยินชื่อคทา

    "เป็นคทาที่ผู้ถือครองทุกคนได้ประดับอยู่บนคทา เพราะโดนดูดวิญญาณเข้าไปหลังใช้ครบสามครั้ง" เจ้าชายโรเวนบอก

    "เฮ้ย อันตรายขนาดนั้น ท่านอาให้มาได้อย่างไร" เฟรินโวยวายทันทีเมื่อรู้สรรพคุณ
     
    ดวงตาสีฟ้ามองจ้องหน้าอีกฝ่าย ประมาณว่าเพราะอย่างนี้ไงถึงได้ไม่อยากรับมา

    "นายอย่าเอาไปถืออันตรายอย่างนั้นเลย เดี๋ยวโดนดูดเข้าไปจะแย่" ว่าพลางเฟรินเอาผ้ามามัดก่อนโยนคทาเข้าไปในเกวียนอย่างรวดเร็ว สบตาสีฟ้าที่มองมาก่อนยิ้มแหย่ให้

    ทั้งหมดออกเดินทางต่อ

    "ป่านี้ต้องเดินทางตอนกลางคืน ที่ต้องระวังก็การหลงป่า" เจ้าชายโรเวนบอก

    ตอนนี้เป็นเวรของเจ้าชายอาเทอร์คุมเกวียน พวกป้อมอัศวินจึงได้พักผ่อนกันอย่างสบาย

    มีเสียงตุบตับที่รอบเกวียน แต่ก็ไม่มีใครคิดออกไปช่วย เจ้าชายคนเก่งแห่งซาเรส

    "อย่างนี้เขาจะว่าป้อมอัศวินรังแกป้อมขุนนางไหมฮะ" เฟรินซึ่งตอนนี้อยู่ในร่างเด็กผู้หญิงถาม

    "เรื่องแค่นี้ ถ้าไปช่วยก็ถือว่าดูถูกเจ้าชายอาเทอร์ต่างหาก" ปรินซ์แห่งเจมิไนว่าอย่างไม่เดือดร้อน ปรายตามองเจ้าหญิงคนงามที่ยังงอนไม่เลิก

    ขบวนเกวียนผ่านฝูงลิงประหลาดเจ้าถิ่นได้ จนต้องมาหยุดนิ่งทำให้คนในเกวียนสงสัย เปิดผ้าใบออกไปดู

    "เรามีแขกต้องต้อนรับซะแล้ว โรเวนนายมาคุมเกวียนแทนที" เจ้าชายอาเทอร์บอก ก่อนกระโดดลงไปสู่กับชายชุดดำข้างล่างทันที

    ชายอีกสองคนปรากฏมาจากหมอกเช่นกัน ทั้งเจ้าชายคาโล และคิลกระโดดลงไปต่อสู้ด้วย

    เฟรินมองดูการต่อสู้อย่างสงสัย คู่ต่อสู้ทั้งสามคู่ฝีมือสู้สีกันมาก การเคลื่อนไหวก็คล้ายกัน

    "เหมือนกันจังเลยนะฮะ ราวกับกำลังต่อสู้กับตัวเอง" เฟรินบอก

    เจ้าชายโรเวนหันไปพิจารณาก่อนบอกออกมา

    "เวทกระจกทมิฬ เราติดกับแล้ว เธอดูแลเจ้าหญิงวิเวียนฉันจะแก้เขตเวทมนต์" เจ้าชายโรเวนบอก

    เฟรินหันไปมองเจ้าหญิงองค์น้อยอย่างเป็นห่วง ซึ่งเธอก็ส่งสายตาประมาณว่าหญิงไม่เป็นอะไร ก่อนเรียกปักษาจันทร์ ดาบเรียวบางคู่กายมาถือไว้ในมือ

    เฟรินมองดูการต่อสู้ แต่ไม่ขยับออกจากเกวียนเพราะรู้ดีว่าการเข้าไปในเขตเวทมนต์ก็จะสร้างนักรบเวทคนใหม่ทันที คงต้องรอให้เจ้าชายโรเวนแก้เขตมนต์ก่อน

    การต่อสู้ดูยืดเยื้อ มีนักรบอีกคนเหมือนเจ้าชายโรเวนออกมาจากเขตเวทมนต์ เมื่อเจ้าชายเผลอก้าวขาเข้าไปในเขตเวทมนต์ ทำให้เฟรินต้องกระโดดลงจากเกวียนเข้าไปรับมือแทนโดยพยายามไม่ก้าวขาออกนอกเขตอาคมของขบวนเกวียน

    เจ้าหญิงวิเวียนเองอดใจไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยเจ้าพี่ เผลอออกนอกเขตอาคมอีกคนทำให้มีนักรบสาวเกิดขี้น เธอจึงต้องรับมือกับนักดาบผู้มีปักษาจันทร์เช่นเดียวกัน

    "ยังแก้อาคมไม่เสร็จอีกหรือโรเวน" เจ้าชายอาเทอร์ตะโกนถาม

    เพราะชักเริ่มอ่อนแรง คิลก็สู้กับอีกร่างอย่างอ่อนแรงเช่นกัน ส่วนเจ้าชายคาโลก็กำลังปะดาบกับร่างเงาของตนเอง จะใช้คาถาก็ไม่ถนัดและไม่มีคทาด้วยยิ่งทำให้ลำบากที่สำคัญอีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เขาร่ายเวทเลย

    ไม่มีคำตอบเจ้าชายแห่งเจมิไน เพราะต้องตั้งสมาธิกับการร่ายเวทอยู่

    เฟรินจัดการให้ร่างเงาของเจ้าชายโรเวนผงะออกไปได้ ก่อนหันไปรับมือแทนเจ้าหญิงวิเวียน

    "กลับเข้าไปในเกวียนซะวิเวียน" เฟรินออกคำสั่งกับน้องสาวจอมยุ่ง

    เจ้าหญิงน้อย รีบวิ่งกลับไปที่เกวียนทันที เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วง

    เฟรินรับมือกับร่างเงาสองร่างข้างเกวียน เจ้าหญิงวิเวียนหันไปเห็นคทาพิพากษาวางอยู่ที่พื้นเกวียน

    เจ้าหญิงวิเวียนหยิบคทาขึ้นมาร่ายเวททันที ขอลองดูหน่อยแล้วกันว่าพลังของเจ้าจะสมคำร่ำลือหรือเปล่า

    "คทาพิพากษาจงสำแดงพลังของเจ้า"

    สิ้นเสียงแสงสว่างแผ่กระจายอย่างรวดเร็วทำลายอาณาเขตของกระจกทมิฬทันที

    เจ้าหญิงหอบเหนื่อย

    ก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้ามาในเกวียนและมุ่งหน้าเดินทางต่อ

    เจ้าหญิงน้อยถูกเตือนไม่ให้ใช้คทาพิพากษาอีกแต่ที่น่าน้อยใจมากที่สุดก็คงเป็นคนใจดำที่หลังจากว่าเสร็จก็ไม่มาง้อเสียที

    กลางวันพวกเขาจอดเกวียนก่อนกางอาณาเขตถึงแม่น้ำเพื่อจะได้อาบน้ำได้อย่างสบายใจ

    "พี่ชายค่ะ ช่วยไปเป็นเพื่อนหญิงอาบน้ำหน่อยสิค่ะ " เจ้าหญิงวิเวียนเอ่ยชวนให้เฟรินไปช่วยเฝ้าขณะที่เธออาบน้ำ

    เฟรินปรายตามองรุ่นพี่โรเวนที่ทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนเดินตามวิเวียนไปอย่างไม่มีทางเลือก

    "พี่ชายจะอาบน้ำด้วยกันไหมค่ะ"วิเวียนชวน

    "ถึงแม้กลางคืนผมจะเป็นผู้หญิงแต่ตอนนี้เป็นผู้ชายนะฮะ" เฟรินบอก ก่อนหันหลังให้ ทรุดนั่งที่โขดหินให้ทางแคมป์เห็นสะดุดตา

    เสียงอาบน้ำเงียบหายไป ทำให้เฟรินต้องส่งเสียงถาม

    "วิเวียน"

    ก่อนหันไปดูเห็นหนวดปลาหมึกยักษ์ดึงตัวน้องสาวที่สลบไม่ได้สติ

    "เฮ้ยวิเวียน พี่โรเวนฮะ วิเวียนถูกปลาหมึกหม่ำไปแล้ว"เฟรินตะโกนอย่างตกใจ

    ก่อนเรียกผ่าปฐพีออกมา เกร็งพลังฟาดไปที่หนึ่ง ไม่แรงมากเพราะกลัวโดนวิเวียน

    "ผ่ามิติ"

    เสียงเพลงดาบของเจ้าชายแห่งเจมิไนดังขึ้น

    เฟรินรีบกระโดดไปรับร่างที่ตกลงมาของเจ้าหญิงวิเวียนอย่างรวดเร็ว ก่อนส่งให้รุ่นพี่ แกล้งหายใจเหนื่อยหอบนอนแผ่หรา

    เจ้าชายแห่งเจมิไนรีบพาเจ้าหญิงจอมยุ่งไปปฐมพยาบาลที่เกวียนทันที

    "แกเหนื่อยมากหรือไง" คิลทักเสียงปนหัวเราะ

    "เหนื่อยมากสิแกไม่เห็นเหรอ" เฟรินว่า ขยิบตาให้อีกทีหนึ่งเป็นการยืนยัน

    ก่อนทั้งคู่จะเดินไปสมทบกับคาโลที่กำลังจัดเตรียมที่นอนพอดี พอไปถึงคนที่ไม่ได้ช่วยก็คว้าตัวเจ้าชายแห่งคาโนวาลนอนต่างหมอนข้าง

    "ไอ้บ้าที่นอนแกอยู่ตรงโน่น" คาโลบอกเสียงเย็นสีหน้าแดงเรื่อ

    "ตรงนี้ก็เหมือนกัน ฉันไม่เรื่องมากหรอก นอนกันเถอะ" เฟรินว่าพลางซุกหน้าพิงอกอีกฝ่ายหลับตาทันที

    เสียงถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ขยับตัวหนี ก่อนหลับกันไปสามคนเรียงราย โดยมีคิลนอนอีกข้าง

    เจ้าชายอาเทอร์มองดูเด็กสามคนหลับกันสบาย กับอีกสองคนที่ยังปฐมพยาบาลกันไม่เลิกอย่างอิจฉา สงสัยคงคืนดีกันสักทีนะ เพราะเขาอุตส่าห์แกล้งใจดำไม่เข้าไปช่วยที่ริมลำธาร แถมยังให้เจ้าชายคาโลเตรียมที่นอน ให้คิลเตรียมที่นอนในเกวียนรอ เพราะทนรำคาญภาพคนงอนกับคนไม่รู้จักง้อไม่ได้

    ไอ้พวกป้อมอัศวินไม่รู้จักเป็นสุภาพบุรุษกันเสียเลย

    ตกกลางคืนพวกเขาก็เริ่มเดินทางกันอีก แผนที่ของมาดัสดูวกวนจนน่าปวดหัว แต่ในที่สุดพวกเขาก็สามารถออกมาจากป่าหลงลืมได้อย่างน่าอัศจรรย์

    จุดหมายปลายทางต่อไปคือหมู่บ้านคนแคระดำ ที่มีหมายเหตุไว้ว่าเป็นเมืองที่ไม่เหมาะกับหัวขโมย

    ทำให้เจ้าชายโรเวนต้องสั่งเข้มให้เจ้าชายคาโลเฝ้าเจ้าตัวดีทุกวินาที เผื่อว่ามันจะเผลอปฎิบัติอาชีพ โดยทั้งขู่และบอกเหตุผลว่าอาคมของคนแคระดำน่ากลัวเพียงไหน ถ้าไม่อยากเป็นอาหารคนแคระดำให้ทำตัวดีๆ

    เฟรินรับปากอย่างดิบดีว่าจะไม่ขโมยโดยเด็ดขาด

    แต่ทั้งเจ้าชายโรเวนกำชับคาโลและเจ้าชายอาเทอร์ก็กำชับคิลแถมให้เฝ้าเฟรินดีๆ เพราะเริ่มจะรู้จักเจ้าตัวแสบดีขึ้น ว่าไม่ควรคิดว่ามันจะเหมือนเจ้าหญิงที่ไหน เพราะเจ้าตัวถูกราชาหัวขโมยเลี้ยงมา ถึงแม้ภาพลักษณ์ในยามราตรีจะดูน่าหลงใหลแค่ไหน

    พวกเขาพักในบ้านของหัวหน้าคนแคระดำ เจ้าชายโรเวนนำคทามาให้คนแคระดำซ่อม พวกเขารับปากว่าจะเสร็จทันเวลาเดินทางออกจากเมืองโดยไม่เกินกำหนด

    เฟรินต้องตื่นตาตื่นใจเมื่อพบว่ารุ่นพี่โรเวนซ่อนคทาแห่งพลังไว้ในร่าง และเจ้าชายอาเทอร์ใช้ดาบลมหวนฟันร่างเจ้าชายโรเวนเอาคทาออกมาก่อนฟันซ้ำอีกครั้งร่างก็กลับมาแนบสนิทตามเดิมทำให้เฟรินรู้สึกทึ่งกับฝีมือดาบของเจ้าชายอาเทอร์มาก

    "เจ้าชายอาเทอร์น่าจะไปเป็นอาจารย์สอนฟันดาบได้เลยนะฮะ" เฟรินบอกปนยกยอเล็กน้อย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้จากเจ้าชายแห่งซาเรส

    "ไว้วันหลังฉันค่อยสอนเธอดีไหม" เจ้าชายอาเทอร์บอกเสียงนุ่ม

    "ดีจังฮะ" เฟรินว่าอย่างดีใจ เพราะเขาชอบเรียนรู้ทุกอย่างเก็บไว้เป็นกำไรชีวิต

    เจ้าชายคาโลมองหน้าเพื่อนตัวดีอย่างหมั่นไส้ นิดๆ แต่ก็เดินตามเจ้าตัวแสบไปอย่างไม่วางตา

    ส่วนเจ้าหญิงวิเวียนหลังฟื้นเพราะสลบไปตั้งแต่เจ้าชายโรเวนถูกดาบฟัน ก็เกาะติดเจ้าพี่แจ ไม่ยอมปล่อยแขน ทำให้เจ้าชายโรเวนไม่อาจปล่อยมือได้ ทำให้ต้องนอนห้องเดียวกันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง 

    เพราะเฟรินอ้างว่าอาจอดใจไม่ขโมยไม่ได้ขอนอนห้องเดียวกับคาโลและคิล ซึ่งเจ้าชายอาเทอร์บอกว่าจะเฝ้าเฟรินไว้อีกทอดด้วย

    ทำให้เจ้าชายโรเวนต้องรับผิดชอบน้องหญิงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

    "โธ่ ผมว่าให้วิเวียนนอนกับรุ่นพี่ยังปลอดภัยกว่านอนกับผมน้า" เฟรินว่าก่อนทำนัยน์ตากรุ่มกริ่ม ทำให้เจ้าชายโรเวนรู้สึกไม่ไว้ใจมาก จึงยอมเฝ้าเองดีที่สุด

    ทั้งสี่คนนั่งหัวเราะกันอยู่ในห้องนอนใหญ่ที่มีเตียงนอนสี่เตียง

    "ป่านนี้รุ่นพี่น่าจะกระอักกระอ่วนใจมากที่ต้องดูแลน้องหญิงเอง"เฟรินว่าปนหัวเราะ

    "เราคงอยู่ที่นี่จนกว่าจะซ่อมคทาเสร็จ" เจ้าชายอาเทอร์บอก

    "คทาจะซ่อมเสร็จทันหรือครับ ไม่ใช่ว่าพวกเขาแกล้งซ่อมไม่ทันเพื่อให้เราอยู่เกินกำหนดนะฮะ" เฟรินถามอย่างอดระแวงไม่ได้

    "ไม่ต้องห่วงพวกเขาพูดคำไหนเป็นคำนั้น" คาโลบอก

    "งั้นก็ดี ฉันไม่ค่อยชอบไอ้หมู่บ้านกินเนื้อมนุษย์เท่าไร" คิลบอกบ้าง อย่างไม่ค่อยชอบกลิ่นหมู่บ้านนี้

    "จริงสิฮะ ทำไมรุ่นพี่โรเวนไม่ค่อยตามใจวิเวียนเลยล่ะฮะ"เฟรินถามอย่างสงสัย

    "มันเขินนะสิ หมอนั่นทำสีหน้าเป็นแค่แบบเดียว"เจ้าชายอาเทอร์เผาเจ้าชายเพื่อนบ้านอย่างเมามัน

    "งั้นสรุปว่าชอบแต่แสดงออกไม่เป็นสินะฮะ พวกเจ้าชายเป็นอย่างนี้หมดทุกคนเลยมั้ยฮะ" เฟรินถามต่อ

    "น่าจะไม่นะ ถ้าเป็นฉันคงไม่ปล่อยให้คนที่ชอบหลุดมือไปแน่" เจ้าชายอาเทอร์บอก

    "รุ่นพี่คงไม่จับกดเลยหรอกนะฮะ" เฟรินชวนคุยต่ออย่างสนุกสนาน

    โดยมีเพื่อนสองคนนั่งฟัง คิลนะตาแป๋ว แต่อีกคนตาเขียวเชียวล่ะ เฟรินปรายตามองก่อนรู้สึกสนุกที่ได้ยั่วคน ก็ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนและเขาก็อยู่ในร่างผู้หญิงตามบทที่พ่อมาดัสสั่งไว้

    "อืมถ้าถูกใจมากก็อาจทำอย่างนั้น ให้เป็นสิทธิของเราคนเดียว" เจ้าชายอาเทอร์รับคำสีหน้าถูกใจกับคำถาม

    "แล้วสเป็คของรุ่นพี่เป็นอย่างไรฮะ" เฟรินสัมภาษณ์ต่อ

    "อืมอย่างวิเวียนก็สวยถูกใจอยู่หรอกเสียแต่เด็กไปหน่อย คงต้องอายุมากกว่านี้ มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้" เจ้าชายอาเทอร์บอก

    "แล้วสวยแบบเศร้าๆมีเสน่ห์ให้น่าค้นหา ดูลึกลับล่ะฮะ" เฟรินถามต่อ

    "ถ้ามีปริศนาให้ค้นหาก็คงน่าสนใจทีเดียว แล้วเธอล่ะเฟริน" เจ้าชายอาเทอร์วกกลับมาถามคนสัมภาษณ์

    "อืมข้อแรกก็ต้องสวย นิสัยถูกใจ ไม่พูดมาก แล้วก็อย่ารู้ทันผมไปเสียหมดไงฮะ" เฟรินว่า

    "ฟังดูเหมือนตุ๊กตามากกว่าคนรักนะ เฟรินเธอยังไม่เคยรู้จักความรักแบบผู้ใหญ่จริงๆสินะ" เจ้าชายอาเทอร์มองดูอย่างเอ็นดู

    "แล้วรุ่นพี่รู้จักแล้วหรือฮะ" เฟรินย้อนถามต่อทันที

    "ไม่รู้หรอกแต่ก็เข้าใจมันมากกว่าเธอ" เจ้าชายอาเทอร์บอก

    "ผมอยากเห็นวันที่รุ่นพี่ตกหลุมรักใครสักคนเร็วๆจังเลย อยากรู้ว่าคนสำคัญของเจ้าชายใจสิงห์เป็นคนอย่างไร" เฟรินว่า

    "เธอทำนายไม่ได้หรือ" เจ้าชายอาเทอร์ถาม

    "ผมยังไม่เคยทำนายแบบท่านอาลูน่า เคยแต่ใช้ไพ่ทำนาย จะลองดูเหรอฮะ" เฟรินถาม

    "น่าสนใจเหมือนกันนี่ พวกเธอสนไหม" เจ้าชายอาเทอร์หันไปชวน

    ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบจากคิลและสีหน้าเรียบเฉยเป็นคำตอบจากคาโล

    "งั้นดูให้ฉันคนเดียวก็ได้" เจ้าชายอาเทอร์หันไปหาหมอดูอย่างสนุกสนาน เพราะไม่อยากออกไปเป็นก.ข.ค. อีกคู่ข้างนอก ที่ได้ยินเสียงเปิดประตู สงสัยว่าจะไปเดินเล่นด้วยกัน

    เฟรินเรียกไพ่ทำนายที่ได้มาตอนอยู่กับขบวนของพวกยิปซี สับไพ่อย่างรวดเร็ว ก่อนยื่นให้เจ้าชายอาเทอร์เลือกไพ่

    " เป็นคนผอมสูง ผิวสีขาว ผมสีชาอ่อน ดวงตาสีเขียว เป็นคนที่มีความลับอันยิ่งใหญ่และเป็นคนใจแข็ง อืมเป็นคนสวยด้วยฮะ" เฟรินว่า

    "เชื่อได้แค่ไหนเนี่ย " เจ้าชายอาเทอร์หยอกเย้าอย่างสนุกสนาน

    ทั้งคู่คุยกันเรื่องอื่นๆอีก ส่วนใหญ่เป็นการเผาเจ้าชายโรเวนแทน จนนอนหลับกันไปทั้งสี่คน

    ในที่สุดคทาก็ซ่อมเสร็จ พวกเขาลาคนแคระอย่างโล่งใจ  พวกเพื่อนๆตรวจร่างกายเจ้าตัวดี กลัวว่าจะมีอะไรติดกระเป๋าไปด้วยอย่างรอบคอบ

    "นี่พวกนายไม่คิดจะเชื่อใจกันเลยหรือไง ขนาดเฝ้ากันยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนะเนี่ย" เฟรินบ่น

    "ไม่ได้หรอกเผื่อนายไปลักอะไรในห้องน้ำเขาติดมาด้วย" คิลบอกเพราะเวลาที่ปล่อยให้เฟรินคลาดสายตาก็มีแต่เวลาเข้าห้องน้ำเท่านั้น

    หลังตรวจสอบจนแน่ใจทั้งหมดก็ออกเกวียนเดินทางต่อไปเมืองจันทรา

    ขณะขับเกวียนมาถึงทุ่งกว้างท้องฟ้าก็มืดลง

    "เขตอาคมของคนแคระดำ" เจ้าชายอาเทอร์บอก

    "เฮ้ยผมไม่ได้หยิบอะไรติดมือมาด้วยนะฮะ" เฟรินรีบออกตัวก่อน เมื่อทุกคนพร้อมใจกันหันมามองเขาเป็นตาเดียว

    หัวหน้าคนแคระดำปรากฏร่างขึ้นและชี้ตัวเจ้าหญิงวิเวียน

    "หญิงไม่ได้หยิบอะไรมานะคะ" เจ้าหญิงน้อยบอก ก่อนล้วงกระเป๋ากระโปรงหาดู

    เฟรินตาไวหันไปเห็นคล้ายอะไรติดอยู่ที่ลูกไม้กระโปรงของเจ้าหญิงจึงชี้ให้ดู ปรากฏว่าเป็นพลอยประดับเสาหนึ่งเม็ดที่คงไปเกี่ยวติดมาโดยบังเอิญ

    "พวกเราไม่ได้เจตนาเอาของๆพวกท่านมาแค่ติดมาเฉยๆ พวกเราขอคืนให้" เจ้าชายโรเวนหยิบพลอยชิ้นเล็กคืนให้ นึกถึงเมื่อคืนที่ไปเดินเล่น คงเป็นตอนที่วิเวียนผิงเสาในสวนชมจันทร์กันสองคน

    "แต่กฏก็ย่อมเป็นกฏ เราต้องขอตัวหญิงสาวคนนั้นไว้"หัวหน้าคนแคระดำบอก

    "เราคืนของให้ท่านแล้ว และเราก็ไม่ได้เจตนาเอามาด้วย ทำไมไม่จบเรื่องแต่โดยดี เราจะเอาของท่านทำไมในเมื่อที่วังเรามีเพชรน้ำงามมากมาย" เจ้าหญิงวิเวียนบอก

    แต่พวกคนแคระพยายามจะมาฉุดตัวเจ้าหญิงทำให้ทุกคนต้องออกมาสู้กับพวกคนแคระดำ

    เจ้าหญิงเห็นว่าพูดไม่รู้เรื่องจึงเรียกคทาพิพากษาออกมาใช้อีกครั้งทำให้ไล่พวกคนแคระดำไปได้

    พวกเขาจึงออกเดินทางต่อ ไปได้อีกสักพักก็ต้องหยุดเพราะคราวนี้มีกองทัพทหารดินมากมายปรากฏแทน เจ้าชายอาเทอร์ใช้ดาบอัศวินดำเรียกกองทัพดินออกมาจัดการต่อกร เจ้าชายโรเวนเรียกดาบผ่ามิติออกมา

    คาโลร่ายเขตอาคมเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายใช้เวทกระจกทมิฬอีก คิลปะกบเฟรินสู้กับพวกที่เข้ามาใกล้เกวียนและคุ้มกันคาโลที่กำลังร่ายเวทอยู่ โดยมีเจ้าหญิงวิเวียนอยู่บนเกวียน

    เสียงจากบนท้องฟ้าให้ส่งคทาแห่งพลังออกมาก็จะปล่อยจากเขตอาคม ที่กองทัพมากมายผุดออกมาจากดินอย่างไม่หยุดสักที เจ้าหญิงวิเวียนหันไปเห็นเจ้าชายโรเวนถูกดาบฟัน จึงตัดสินใจใช้คทาพิพากษาอีกครั้งทันที

    เหล่าตุ๊กตาดินหายไปพร้อมร่างของเจ้าหญิงที่ล้มลงเพราะวิญญาณถูกดูดเข้าไปในคทา

    เจ้าชายโรเวนเสียสมาธิ ทำให้มือยักษ์คว้าตัวได้ลอยขึ้นในอากาศ

    "เจ้าชายอาเทอร์จะใช้ดาบลมหวนเอาคทาออกมาให้ข้า หรือจะให้ข้าควักออกจากร่างเจ้าชายโรเวนเอง" เสียงบนฟ้าบอกอย่างรู้ดีว่าคทาซ่อนอยู่ตรงไหน

    เจ้าชายอาเทอร์ไม่มีทางเลือก ต้องยอมใช้ดาบลมหวนเอาคทาออกมาให้ ก่อนที่มือยักษ์จะหายไป พร้อมคทา ทิ้งร่างเจ้าชายโรเวนลงมา

    "วิเวียน" เฟรินว่าก่อนจะหันไปหยิบคทาพิพากษา แต่คาโลคว้าเอาไว้ได้ก่อน

    "นายอย่าใช้คทานั่น" เฟรินว่าอย่างตกใจ

    แต่คาโลหยิบคทาออกร่ายเวทมนต์ทันที พลังเวทรีดเอาวิญญาณในคทาออกมาจนหมด เฟรินมองอย่างตื่นตะลึง ตั้งแต่วิญญาณดวงแรกจนถึงดวงสุดท้าย ทำให้วิญญาณของวิเวียนเขาร่างได้ในที่สุด

    "ทำได้ก็ไม่รู้จักทำตั้งแต่แรก" เฟรินยังไม่วายปากเสียบ่น ได้สายตาเย็นชาเป็นคำตอบ ก่อนหันไปสนใจเหล่าวิญญาณที่ไปเกิดใหม่
    แต่มีวิญญาณสามดวงที่ไม่ยอมไปเกิดใหม่ ได้แก่วิญญาณนักรบฮีลช็อต วิญญาณผีสาว และวิญญาณหมอเทวดาโอเดล ทั้งหมดให้เหตุผลว่าถูกใจคาโลที่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่วิญญาณทั้งมวลได้จึงสามารถเป็นเจ้าของที่แท้จริงของคทาพิพากษาได้ และต่อแต่นี้คทาก็จะไม่ดูดวิญญาณของใครแล้วเพราะยอมรับคาโลเป็นเจ้านายแล้ว

    คาโลให้หมอเทวดาดูอาการของรุ่นพี่โรเวนและเจ้าหญิงวิเวียน เฟรินรับอาสาขับเกวียนต่อให้เพื่อให้คนที่เหลือได้พักผ่อน ส่วนคิลเอาแต่เงียบตั้งแต่มือยักษ์นั่นหายไป

    ทั้งหมดมาถึงเมืองจันทราโดยสวัสดิภาพ แต่เสียคทาแห่งพลังไปให้ใครก็ไม่รู้

    พวกเขาได้พบความจริงว่าเมืองจันทราทำให้คนโกหกไม่ได้เป็นเรื่องจริง แต่ทุกคนก็ลำบากกันมากในการต้องระวังไม่เผลอพูดอะไรไร้สาระออกไป โดยเฉพาะเฟรินที่เหนื่อยมากเป็นพิเศษ

    "อยู่นานผมต้องขาดใจตายแน่ เพราะวันไหนไม่ได้โกหกผมคงคันปากแย่" เฟรินบ่นตามที่คิด

    "นายก็เปลี่ยนเป็นร้องเพลงหรือไม่ก็เงียบไปเลยสิ" คาโลบอกต่ออย่างประชด

    "อืมอย่างน้อยเมืองนี้ก็ทำให้นายพูดมากขึ้น"เฟรินว่า ยั่วอีกฝ่ายกลับ

    ทั้งหมดได้รับเชิญให้ไปพักที่วังของราชินีลูน่า

    "เฟลิโอน่า" ราชินีจันทราเรียกหลานรักก่อนคว้าตัวมากอดให้หายคิดถึง

    "ท่านอาลูน่า สวัสดีฮะ" เฟรินบอกเสียงพูดดูเรียบร้อยขึ้นเล็กน้อย ในความรู้สึกของทุกคนที่รู้จักเฟรินดี

    "การเดินทางสนุกไหมจ๊ะ" ราชินีทักทายต่อ

    "ท่านอาก็น่าจะรู้ว่าสนุกแค่ไหน"เฟรินบ่นต่อ

    ก่อนหันไปแนะนำรุ่นพี่และเพื่อนๆให้ท่านอาที่น่าจะรู้จักอยู่แล้ว แถมอาจรู้ไปถึงอนาคตของแต่ละคนเสียอีก

    "ในวังนี้อาถอนอาคมไว้ให้ หลานจะได้ไม่อึดอัดนัก " ท่านอาคนสวยบอกอย่างรู้ใจ

    "แหมอย่างนี้ผมค่อยอยู่กับท่านอาได้นานหน่อย" เจ้าหลานตัวดีประจบเสียงใส

    ขณะที่ทุกคนในคณะส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ และรู้สึกอายแทน

    ทั้งหมดออกชมเมืองกันอย่างสนุกสนาน ทั้งสี่ส่งซิกกัน ก่อนแยกหายไปทีละคนเหลือเพียงเจ้าชายโรเวนกับเจ้าหญิงวิเวียนเพียงสองคน ที่เดินตรงไปที่ทะเลสาป

    "เจ้าพี่คิดอย่างไรกับหญิง" เจ้าหญิงวิเวียนถามหลังรวบรวมความกล้าหาญถามขึ้น เงยหน้ามองดวงหน้าของคนที่รัก

    ความเงียบเป็นคำตอบตามเคย เจ้าหญิงองค์น้อยน้ำตาคลออย่างน้อยใจ

    "หญิงคงไม่ดีพอสำหรับเจ้าพี่ " เสียงปนสะอื้นกับน้ำตา ทำให้เจ้าชายโรเวนเสียการควบคุม คว้าร่างบางมากอดปลอบ

    "หญิงเป็นคนสำคัญของพี่เสมอ " เสียงสัญญาหนักแน่น

    "ถ้าหญิงเรียนจบแล้ว เจ้าพี่จะรับหญิงไปเจมิไนไหมค่ะ" ดวงตาสีเขียวใสมองอย่างขอคำตอบให้แน่ใจ

    "แน่นอนพี่สัญญา"

    เสียงทุ้มเอ่ยคำสัญญาอย่างนุ่มนวล ก่อนเรียกไข่มุกแสงจันทร์มาสวมรอบคอหญิงสาว ดวงหน้าหวานยิ้มรับทั้งน้ำตา แขนเรียวกอดร่างสูงแน่น เจ้าชายโรเวนจุมพิตที่หน้าผากนวลของเจ้าหญิงขี้แยอย่างอ่อนโยน

    ดวงตาสี่คู่แอบมองก่อนลอบออกมาอย่างเงียบเชียบ ถอนหายใจอย่างลุ้นจนเหนื่อย มองหน้ากันยิ้มๆ

    "ไปหาอะไรทานในเมืองแล้วกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง" เจ้าชายอาเทอร์บอกอย่างใจป้ำ ทำให้เด็กทั้งสามเดินตามมาอย่างพร้อมเพรียง

    วันรุ่งขึ้นทั้งหมดก็ออกเดินทางเข้าเมืองหลวงเดมอส

    เจ้าตัวดีปฏิเสธเสียงแข็งที่จะไม่ให้มีการทำนายดวงชะตา เพราะไม่อยากยุ่งอีกรอบ แค่คำทำนายตอนเด็กก็ทำเขายุ่งมาแล้ว ขืนมีคำทำนายอีก คราวนี้พ่อปีศาจอาจเปลี่ยนเขาเป็นตัวโคมุสไปก็ได้ เพื่อความปลอดภัยและอาจเพื่อความสนุกด้วย

    ราชินีลูน่าให้มังกรจันทราแห่งเดมอสพาพวกเขาไปส่งถึงวังหลวงเลย ส่วนเกวียนให้ฝากไว้ก่อน ขากลับค่อยมารับก็ได้

    เจ้าชายโรเวนเอ่ยถามถึงผู้อยู่เบี้องหลังในการในการขโมยคทา

    "มนุษย์มักทำลายตัวเองด้วยความโลภ ของวิเศษทั้งสี่จะนำหายนะมาสู่เอเดน" เป็นคำตอบของราชินีลูน่า

    ทั้งหมดจึงเดินทางต่อไปเมืองหลวง มังกรบินตรงมาหยุดที่หน้าลานของพระราชวัง ที่จ้าวปีศาจเอวิเดสยืนรออยู่แล้วพร้อมราชินีอลิเซีย

    "เฟลิโอน่า" อลิเซียเรียกลูก ก่อนที่สองแม่ลูกจะกอดกันกลม

    "นี่จะไม่ทักทายพ่อด้วยเหรอ"ท่านจ้าวบอกอย่างน้อยใจ

    เฟรินจึงหอมไปหนึ่งทีอย่างประจบ เรียกรอยยิ้มอารมณ์ดีจากจ้าวปีศาจได้ ก่อนจะต้อนรับบรรดาเพื่อนร่วมทางของลูก

    "ท่านตาบอกว่าอาคมของเจ้าต้องใช้เลือดปีศาจเก้าหางมาอาบล้างอาคม เจ้าถึงจะกลับเป็นผู้หญิงได้" จ้าวปีศาจบอกขณะเดินไปห้องโถงต้อนรับ

    "หมายความว่าท่านพ่อจะให้ผมอาบเลือดจิ้งจอกหรือฮะ"เฟรินถามอย่างสงสัย

    "ใช่สิ แต่จิ้งจอกเก้าหางที่เอเดนสูญพันธุ์ไปหมดแล้วแถมช่วงที่พ่อจะเตรียมเลือดให้ก็ไม่รู้ว่าใครชิงตัดหน้าฆ่าพวกจิ้งจอกเกือบหมด แต่ตัวสุดท้ายเจ้าโกโดมทันได้เลือดของมันมาพอดีเลยทำพิธีได้ พ่อว่าฤกษ์ดีพรุ่งนี้ค่อยทำพิธีก็แล้วกัน"จ้าวปีศาจบอกกำหนดการ

    หลังทานอาหารและให้การต้อนรับเจ้าชายจากฝั่งเอเดนเสร็จ ก็เป็นเวลาตามอัธยาศัย

    โกโดม โคมุสเป็นปีศาจระดับสูง รูปร่างเล็ก มีเขาที่ศีรษะ และเป็นพ่อมดประจำราชสำนักเป็นไกด์นำทัวร์ตลาดในเดมอส ให้เจ้าหญิงของเขาและพระสหาย

    ส่วนสองเจ้าชายรุ่นพี่ขอพักผ่อน เพราะต้องเขียนรายงานไปให้มหาปราชญ์ทราบเรื่องคทา

    "เจ้ากวาง"เสียงเฟรินเรียก

    "คนแคระ"เสียงคิลว่า

    "คนแคระเขากวาง"คาโลสรุป

    "ยาวไปแค่เจ้ากวางก็พอ" เฟรินบอกต่อ

    "คนแคระ"คิลยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

    "พวกเขาทะเลาะอะไรกันหรือครับ" โกโดม ถามเจ้าหญิงวิเวียน

    "พวกเขาเถียงเรื่องชื่อที่จะเรียกเจ้านะสิ"วิเวียนตอบ

    "ไม่ต้องตั้งชื่อให้ผมก็ได้ ผมชื่อโกโดม เป็นเผ่าโคมุส" พ่อมดปีศาจตัวจ้อยบอกเสียงดัง แต่สามสหายก็ยังทะเลาะกันต่ออย่างไม่มีใครสนใจฟังมัน แต่ก็ยังเดินเที่ยวเมืองอย่างสนุก จนเย็น

    "ต้องรีบกลับนะพะยะค่ะเจ้าหญิง เพราะท่านจ้าวต้องรอเสวยพร้อมพระองค์แน่ๆ" เจ้ากวางบอกเสียงเคร่งครัด แต่เฟรินยังอยากเถลไถลต่อ ลำบากคาโลที่ต้องลากกลับ

    "นายอยากเป็นตุ๊กตาหิมะประดับโต๊ะเสวยไหม" คาโลถามต่ออย่างเหลืออด

    "นายโมโหเป็นด้วยหรือ" เฟรินถามอย่างกวนประสาทเป็นที่สุด แต่รู้สึกสนุกอยู่ในใจที่สามารถลากเอาหน้ากากน้ำแข็งออกได้บ้าง

    หลังอาบน้ำ ทานอาหารเย็นเสร็จ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่ห้องบรรทมเจ้าชายแห่งคาโนวาล

    "ใครนะ"คาโลถาม

    "ฉันเอง" เสียงเหมือนเฟรินตอบ

    "มีธุระอะไร"คาโลถามเสียงเรียบขณะเปิดประตู

    "นอนไม่หลับ กลัวผี"เฟรินในร่างผู้หญิงว่าอย่างกวนๆ ก่อนเดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ

    "ห้องนายก็มี นายไม่ควรมาห้องนี้ตอนกลางคืน"คาโลว่าอีกฝ่ายอย่างที่รู้ดีว่ามันคงไม่ฟัง

    "จะคิดอะไรมาก เพราะความจริงฉันก็เป็นผู้ชาย"เฟรินว่าก่อนถอดสร้อยออกกลับเป็นร่างเด็กหนุ่มทันที ยักคิ้วให้อีกฝ่าย

    "มีเรื่องอะไร"คาโลถามหลังสงบอารมณ์สักพัก

    "แค่รู้สึกว่าไอ้คิลไม่ค่อยร่าเริง"เฟรินว่า เขาสังเกตุว่าอีกฝ่ายเงียบไปตั้งแต่เจ้ามือยักษ์ได้คทาไป

    "นายคิดอย่างนั้นเหรอ"คาโลถามต่ออย่างสนใจ

    "คิลต้องรู้จักกับเจ้านั่นแน่ๆ เป็นไปได้ไหมว่า นี่เป็นงานของคระกูลมันอีก"เฟรินถาม

    "อืมก็น่าสงสัย พลังขนาดนั้นมีไม่กี่คนหรอก"คาโลวิเคราะห์อย่างเห็นด้วยด้วย

    "งั้นจะรออะไร ไปถามมันให้รู้เรื่องเลยดีกว่า"เฟรินว่า ก่อนจูงมือคาโลไปห้องอีกฝ่ายทันที

    เสียงเคาะประตู ทำให้ชายหนุ่มผมสีดำ ดวงตาสีม่วงมาเปิดอย่างสงสัย

    "พวกนายมีอะไร" คิลถามอย่างสงสัย

    "พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน" เฟรินว่าก่อนแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

    "เรื่องอะไร"คิลถาม

    "เรื่องคทาเป็นฝีมือพ่อนายใช่มั้ย"เฟรินถามตรงประเด็นทันที

    "ใช่" คิลตอบสั้นๆ

    "นายรู้ไหมว่าใครจ้างบ้านนาย" คาโลเอ่ยถามในที่สุด

    "เท่าที่รู้ไม่ใช่พ่อนายแล้วกัน ส่วนเป็นใครฉันไม่แน่ใจ เพราะมีจ้างมาหลายเจ้า ไม่รู้ว่าพ่อรับงานที่ไหนกันแน่" คิลบอกในที่สุด

    "อย่าคิดมากเลย ที่ฉันถามก็เพราะอยากรู้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรงานบ้านนายหรอก อย่ามารับจ้างฆ่าฉันเป็นพอ" เฟรินว่าตบไหล่เพื่อนรักอย่างปลอบใจ

    "ไอ้บ้าฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องแค่นี้เสียหน่อย" คิลว่าก่อนยิ้มออกมาได้ในที่สุด

    ชกเบาๆไปที่หน้าไอ้ตัวดีที่หนึ่งอย่างสัพยอก อีกฝ่ายก็ปล่อยหมัดตอบมา ก่อนที่ทั้งสามจะออกกำลังกายยามดึกกัน จนเหนื่อยนอนหมดแรงแผ่กันเรียงรายที่พื้นในห้องนอนของคิล

    "ฉันไม่รู้ว่าใครบ้าอยากให้เกิดสงคราม แต่ก็ไม่ได้มาจากสี่เมืองใหญ่(หมายถึงบารามอส คาโนวาล แอเรียสและเวนอล) แต่ก็อาจไม่ไกลจากบ้านแก" คิลบอกคาโล

    "พวกเราเป็นเมืองนักรบ ถ้ามีใครมาท้าเราก็พร้อมสู้" คาโลบอกเสียงเรียบ

    "รบกันทั้งปีนะสิ เอะอะอะไรก็รบ" เฟรินว่าก่อนถอนหายใจเฮือก เมื่อนึกถึงคำทำนายของท่านอาลูน่า พวกมันคงไม่หยุดแค่คทาแห่งพลังหรอก

    "คงเป็นพวกที่อยู่เบื้องหลังกิบบอนสินะ" คาโลวิเคราะห์

    "ใช่พวกมันไม่ออกหน้าโดยตรงหรอกแต่ชักใยอยู่เบี้องหลัง" คิลบอก เขาเองก็ไม่รู้งานทั้งหมดของที่บ้านเหมือนกัน

    พวกเขานอนคุยกันจนหลับไปด้วยกัน

    เช้าวันรุ่งขึ้น

    "ฉันว่าแบบเดิมก็ดีแล้ว ไม่ต้องไปอาบเลือดนั่นก็ได้"

    เฟรินว่าพลางเดินถอยหลัง สองเพื่อนซี้ต้องล็อคตัวไว้ไปส่งที่ปะรำพิธี

    จ้าวปีศาจนั่งบนบรรลังก์ เคียงข้างด้วยราชินีคนสวย มีโกโดมกล่าวนำพิธีการ

    แสงไฟจากคทาสิบสองอันสว่างรอบตัวเฟริน โดยมีเสนาบดี และเพื่อนๆเป็นพยาน
    สุดท้ายโกโดมนำเลือดร่ายเวทสาดใส่เฟริน ร่างเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นเด็กสาว ก่อนกลายร่างเป็นหมาน้อยขนสีน้ำตาลสวย ท่ามกลางความตกใจของโกโดม

    " นี่มันไม่ใช่เลือดจิ้งจอกเก้าหาง แต่เป็นเลือดหมาสามหัวต่างหาก" โคมุสตัวน้อยบอกเสียงตื่นตะหนก

    "ใช่แล้วฉันเป็นคนเปลี่ยนมันเอง" เสียงดังก่อนร่างหนึ่งปรากฏตัว

    มาดัส เดอเบอโรว์

    "ท่านลุงมาดัสทำไมค่ะ" อลิเซียถามอย่างตกใจ

    "ก็ข้าว่ามันเป็นเด็กผู้ชายก็ดีอยู่แล้ว ข้าชอบแบบนั้นมากกว่า เจ้าคิดว่าอย่างนั้นไหมเอวิเดส" มาดัสว่าก่อนหันไปสบตาจ้าวปีศาจอย่างไม่เกรงกลัว

    "ก็เจ้าเป็นคนเลี้ยงเฟรินมาข้าก็ต้องให้สิทธิในการตัดสินใจกับเจ้ามากกว่าเพราะคงรู้ว่าอย่างไหนดีที่สุดสำหรับลูกข้า" เอวิเดสว่าก่อนลงจากบรรลังก์มาที่ร่างหมาน้อย

    "มีทางแก้ไหมค่ะ"อลิเซียถามสามี

    "ข้าจะย้อนเวทให้ แต่คงต้องเป็นผู้ชายตามที่มาดัสต้องการแล้วล่ะ" เอวิเดสบอก

    "โธ่น่าเสียดายข้าอุตส่าห์เตรียมเสื้อผ้าผู้หญิงไว้ตั้งเยอะ" ราชินีบ่นอย่างเสียดายของ (แม่นิสัยอย่างไร ลูกก็นิสัยอย่างนั้นล่ะ)

    เอวิเดสร่ายเวท ร่างหมาน้อนก็กลับมาเป็นเด็กผู้ชายตามเดิม

    "คงต้องเปลี่ยนเป็นเรียกเจ้าชายแทนสินะ โกโดม" เอวิเดสบอก

    ท่ามกลางการตกตะลึงของแขกจากเอเดน ที่ตามท่าทีท่านจ้าวไม่ทัน

    "เอ่อ ไม่มีทางแก้ทางอื่นอีกหรือพะยะค่ะ ท่านจ้าว" เจ้าชายโรเวนถาม ยังตกใจไม่หาย

    "ไม่มี แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับข้าหรอก จะลูกชายหรือลูกสาวก็เป็นลูกข้าทั้งนั้น"

    เอวิเดสบอกอย่างไม่ติดใจกับการกระทำของมาดัส แถมยังหันไปเชื้อเชิญอีกฝ่ายไปทานน้ำชากันต่อเสียอีก

    "พี่ชายไม่เป็นอะไรนะเพคะ" วิเวียนหันไปหาเฟรินอย่างติดใจ

    "ก็ไม่เป็นอะไรนี่ฮะ ผมเป็นผู้ชายมาสิบหกปีแล้ว แค่เป็นต่อไปอีกเรื่อยๆ สบายมากฮะ" เฟรินว่าอย่างสนุกสนาน

    นึกขำแผนติงต๊องของพวกท่านพ่อและท่านตาอยู่ในใจ สนุกกันใหญ่ แถมท้ายด้วยหัวอนุรักษ์ที่ร่ายเวทให้จิ้งจอกเก้าหางทั่วเดมอสให้กลายร่างเป็นหมาสามหัวแทน เพราะจะได้ไม่ถูกพวกนายพรานล่าเอาอีก

    ส่วนไอ้เลือดอะไรนั่นมันไม่เกี่ยวมาตั้งแต่แรก เพราะเขาเป็นเด็กผู้ชายมาตั้งแต่เกิด และไม่ได้ถูกเวทมนต์แปลงร่างอะไรนอกจากสร้อยคอเวทมนต์เท่านั้น คนที่รู้ความจริงก็มีแค่เพื่อนซี้ทั้งสองเท่านั้น

    หลังการเปลี่ยนร่างไม่สำเร็จได้เสร็จสิ้นลง

    หนึ่งเจ้าชายและหนึ่งนักฆ่าก็อยู่เที่ยวเดมอสกันต่อตามคำชวนของเฟรินจนกว่าจะเปิดเทอม

    ส่วนสองเจ้าชายต้องไปส่งหนึ่งเจ้าหญิง ก่อนกลับประเทศตนเองกันต่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×