Fic Reborn 5666 [Happy New Year]กี่ปีที่ไม่มีนาย...อยู่ใกล้ๆ
กี่ปีแล้วนะที่ต้องอยู่คนเดียว...ปีใหม่ที่ไม่มีนายนี่มันเหงาจริงๆ
ผู้เข้าชมรวม
1,667
ผู้เข้าชมเดือนนี้
17
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กี่ปีแล้วสินะที่ไม่ได้พบกัน
กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอหน้า
กี่ปีแล้วนะที่ได้แต่เพียงคิดถึงนายอยู่แบบนี้
กี่ปีแล้วที่ฉันต้องมองรูปถ่ายใบเดิมที่มีแค่ฉันกับนาย
กี่ปีแล้วที่ปีใหม่ของฉันมันเหงาเหลือเกิน
....
..
.
[Lal Mirch Say’s]
หิมะที่ตกโปรยปรายรายล้อมรอบกาย ฝ่ามือของฉันสัมผัสกับหิมะที่เย็นยะเยือก หิมะที่เย็น...แต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจ พลันคิดถึงหมอนั่นหัวใจกับเจ็บแปลบอีกรอบ ใครหลายคนบอกว่าปีใหม่คือการเปลี่ยนแปลงและเริ่มต้นชีวิตใหม่แต่สำหรับฉันปีใหม่ก็คือการใช้ชีวิตต่อจากปีเก่าที่ได้ผ่านพ้นไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งร่างกายและจิตใจ...
7 ปีที่แล้ว...
ร่างเล็กในชุดสูทสีดำสนิท เรือนผมไพลินสลวยยาวประบ่าตัดกับใบหน้าหวานที่แลดูขาวอมชมพู พวงแก้มสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากเหมือนกับลูกเชอร์รี่สดแลดูน่าปกป้องและน่าทะนุถนอมมองเผินๆอาจจะรู้สึกแบบนั้น
แต่ถ้าลองดูนิสัยแม่คุณก่อนล่ะ???
ปังๆๆๆๆๆๆ
“ไอ้พวกวิตถาร ไปตายซะแก!!!!!!!!!!”
ถ้าจะถนอมล่ะก็...ถนอมชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเหอะ!
ข้างกายร่างเล็กขนาบไปด้วยหญิงสาวสองคนในชุดสูทสีดำสนิทเช่นกันต่างกันเพียงว่า...หญิงสาวอีกคนใส่ผ้าคลุมสีเข้มปกปิดใบหน้าเท่านั้นเอง เสื้อสูทตรงอกด้านซ้ายปักตราของโรงเรียน...โรงเรียนที่มีชื่อว่า...โรงเรียนฝึกหัดมาเฟีย สังกัดวองโกเล่
“คุณรัลคะ ฉันว่ามันไม่แรงไปเหรอคะ”
ร่างบางเรือนผมสีเขียวเข้มเอ่ยขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆหลังจากที่เพื่อนของตนที่กราดยิงพวกโรคจิตที่พยายามจะมาลวมลามแต่กลับโดนชีคนนี้ไล่ยิงซะหายหัวไปหมด
“ไม่แรงไปหรอก แต่ฉันว่ามันเปลืองกระสุนไปหน่อยนะ”
ร่างบางในชุดคลุมเอ่ยขึ้นมาเรียบๆพลางนับเงินในมือตาอย่างไม่แคร์ผู้ใด สาวเรือนผมไพลินเหล่มองเพื่อนของตนอย่างหน่ายๆกับความงกที่เกินลิมิตคนธรรมดา!?!
“ฉันให้แฟนทาสม่าไปดูห้องให้แล้ว เราอยู่ห้อง 1-A ด้วยกัน”
“ว้าว จริงเหรอคะ อย่างนี้มันต้องฉลอง*_*”
“ไม่ต้องลูเช่ แล้วก็เลิกฉลองโดยการทำอาหารแจกคนทั้งโรงเรียนได้แล้วมันเปลือง!!!”
ร่างบางในชุดคลุมพูดจบก็เดินขึ้นห้องเรียนโดยไม่สนใจใครอีกเลย รัลกับลูช่เลยต้องตามไปอย่างเสียไม่ได้
ครืน~
มือเรียวของรัลเลื่อนประตูออกมาก่อนพบกับมาม่อนที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องกับอาจารย์แก่ๆใกล้ตายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะครู ดวงตาของอาจารย์ตวัดมองคนที่พึ่งเข้ามาใหม่อีกสองคนอย่างคาดโทษ
“นี่ก็เพื่อนเธองั้นเหรอ!”
นิ้วเหี่ยวๆชี้มาที่ทั้งสองคนแล้วตะโกนถามมาม่อน ร่างเล็กเก็บเงินใส่กระเป๋าก่อนเบ้ปากอย่างรำคาญ
“ใช่”
“มัวไปทำอะไรกันถึงได้มาเลทขนาดนี้ นี่ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ!!!”
“ยิงคน...”
“อะไรกัน ตัวแค่นี้หัดจับปืนแล้วรึไงรู้ไว้ซะที่พ่อแม่เธอเลือกให้เธอเรียนที่นี่เพราะพวกเธอมันยังอ่อนหัดแล้วยังต้องฝึกหัดอีกเยอะแล้วก็@$%#+*&_%^*(+”
เสียงแห่บๆยังบ่นต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อนๆในห้องก็ได้มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจรวมทั้งสามคนข้างหลังด้วย...
“ตาแก่นั่นด่ายับเลยนะเว้ยเฮ้ย!”
“น่าสงสารจังนะครับ^^”
“น่าสมเพชต่างหาก ผู้หญิงนี่อ่อนแอชะมัด”
และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...
ในที่สุดคนที่มีความอดทนต่ำที่สุดก็เดินไปตบโต๊ะ คนที่ชื่อว่าเป็นอาจารย์ถึงกับนิ่งไปก่อนร่างบางจะยกไรเฟิลขึ้นมาจ่อหัว
“แล้วไงไอ้แก่ จับปืนแล้วไง (ไล่)ยิงคนแล้วไง หนักหัวส่วนไหนอย่างน้อยฉันก็ไม่ได้จะยิงแกนะเฟ้ย!!!!”
“T/\T”>>>>หน้าของอาจารย์
“O[]O”>>>>หน้าของคนทั้งห้อง
“เหอะ!”
ร่างบางลดปืนลงหลังจากเห็นว่าคนตรงหน้าได้สลบไปแล้ว นัยต์ตาสีโกเมนตวัดไปมองรอบห้องเพื่อหาที่นั่งก่อนจะสะดุดไปที่นั่งเกือบหลังสุดที่เหลือสามที่พอดีเป๊ะ เท้าเรียวก็สาวไปนั่งที่อย่างสบายใจโดยมีเพื่อนอีกสองคนเดินตามไปติดๆ
“รัลจัง ฉันว่าคราวนี้มันแรงไปนะ”
ไม่ทันก้นจะติดเก้าอี้ ประโยคเดิมก็ลอยมาเข้าหูอีกแล้ว-_-
“ไม่นี่”
“แต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงอาจารย์เลยนะ ปกติเธอจะใช้กำลังกับคนที่มาหาเรื่องเท่านั้นไม่ใช่หรือไง!?!”
“หมอนั่นก็หาเรื่องฉัน แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ใช้กำลังกับมัน-_-”
“รัลจัง!!!”
“เลิกเถียงกันสักที มันทำให้ฉันไม่มีสมาธิในการนับเงิน”
ลูเช่ทำแก้มป่องเหมือนไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไรต่ออยู่ดี รัลก็หยิบไรเฟิลคู่ใจมาเช็ดต่อเพราะเมื่อกี้มีเสนียดมาติดน่ะสิ
“เธอน่ะน่าสนใจดีนะ”
เสียงทุ้มดังมันจากข้างหลังดูเหมือนว่าจะพูดเธอนะ ร่างบางเรือนผมสีไพลินยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบเบาๆกลับไป
“ขอบใจ...”
ดูเหมือนว่ามิตรภาพจะเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้(?)
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
“ไง”
เริ่มทักทายจากคำสั้นๆ
“มีอะไร”
เริ่มจะตอบรับและเปิดใจ
“พวกผมอยากจะเป็นเพื่อนกับพวกคุณน่ะครับ”
พูดคุยอย่างจริงใจ
“ก็เอาสิ”
ไร้ซึ่งความเสแสร้ง
“ฉันโคโรเนโร่นะเว้ยเฮ้ย!”
“รีบอร์น...”
“ฟงครับ^^”
“รัล”
“มาม่อน...”
“ลูเช่ค่ะ^^”
พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง...
...จากที่ไม่รู้จักก็เริ่มผูกพันธ์...
...จากผูกพันธ์ก็เริ่มคิดไปไกลกว่าคำว่าเพื่อน...
...ไกลเกินกว่าจะเรียกว่าชอบ...
...ความรู้สึกนี้คงจะเรียกว่า...
......
.....
....
...
..
.
...ความรัก...
นับวันความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่ารักโดยไม่รู้ตัว นับวันยิ่งเด่นชัด ความทรงจำที่ผ่านมาเป็นหลักฐานอย่างดีว่าความรู้สึกของทั้งหมดเป็นเช่นไรแต่กลับไม่มีใครได้เอื้นเอ่ยคำเหล่านั้น คำที่เรียกว่า'รัก'ตลอดเวลาสามปี...จนกระทั่ง...ถึงวันที่ต้องจากลา...
-พิธีจบการศึกษา-
“มาถ่ายรูปกันนะเว้ยเฮ้ย!!!”
ร่างสูงเรือนผมสีทองเอ่ยพลางโบกกล้องในมือไปมาเรียกให้ทุกคนหันไปมอง
“ฉันก็ว่าดีเหมือนกันนะคะ^^”
“เอางั้นก็ได้”
ทุกคนเดินเอื่อยๆไปหาโคโรเนโร่ ร่างสูงตั้งเวลาไว้ก่อนจะวิ่งเข้ากลุ่มก่อนจะเอามือวางไว้บนหัวของร่างบางข้างๆ
“โคโรเนโร่!!!”
“คุณรัลใจเย็นๆก่อนค่ะ”
“เฮอะ นับเงินต่อดีกว่า”
“น่ารำคาญ”
“บรรยากาศดีจังนะครับ^^v”
แชะ!
รูปที่ได้ออกมาคือรูปที่รัลพยายามจะต่อยโคโรเนโร่โดยมีลูเช่คอยล็อคแขนอยู่ ส่วนต้นเหตุก็ได้แต่หัวเราะร่า รีบอร์นทำท่าเหมือนจะรำคาญ มาม่อนหยิบเงินขึ้นมานับ มีแค่ฟงคนเดียวที่ยืนยิ้มแล้วชูสองนิ้ว ...
“มหาลัยก็คงต้องแยกกันแล้วสินะ...”
รีบอร์นเอ่ยออกมาเบาๆหลังจากดูรูป ทุกคนถึงกับหน้าสลดเพราะคำพูดนั้น...
“จะไปเรียนที่ไหนต่อล่ะ”
“ผมจะไปเรียนต่อที่จีน”
“ฉันต้องไปเรียนที่อเมริกาน่ะเว้ยเฮ้ย...”
“ฉันเยอรมัน”
“ฉันไปเสปน”
“ฉันก็ต้องไปเรียนที่ฝร่งเศษค่ะ คราวนี้เราต้องจากกันจริงๆใช่ไหมคะ...”
“คงงั้นเพราะฉันก็ต้องไปอิตาลี...”
“งั้นมาถ่ายกันอีกสักรูปไหมล่ะ พวกนายสองคนประเดิมนะเฮ้ย”
มือหนาของรีบอร์นดันโคโรเนโร่กับรัลออกไปอย่างแรงจนรัลต้องจับไหล่โคโรเนโร่ไว้ไม่ให้ล้ม
แชะ!
“หึๆๆๆๆๆ”
และแล้วก็ได้ภาพหลุดของสองคนนี้มาจนได้ คราวนี้ก็ตายตาหลับแล้วล่ะนะJ
“รีบอร์น!!!!!”
“ตายซะแก!!!!!!!!!!!!!!!!”
.
..
...
ผ่านมาเจ็ดปีแล้วสินะ นับจากวันนั้น ฉันยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้พบกันแต่เราก็คุยกันอยู่แทบทุกวันล่ะนะแต่ก็คงเทียบไม่ได้กับช่วงเวลาเหล่านั้น เวลาที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ฉันเดินไปตามถนนที่ทอดยาวออกไปคนหลายคนได้เดินสวนทางกับฉันไปมันทำให้ฉันรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ปีนี้ฉันก็ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วสินะ ตอนนี้ฉันก็จบมหาลัยสำหรับมาเฟียที่เยอรมันแล้วก็เดินทางมาที่ทำงานที่วองโกเล่สาขาที่ญี่ปุ่น ครั้งล่าสุดที่ฉันได้เจอพวกลูเช่ก็ตอนที่ลูเช่แต่งงานกับรีบอร์นแล้วก็มาม่อนแต่งงานกับฟง ตอนนี้ก็คงไปฮันนีมูนที่ไหนสักแห่งในโลก-_-^^^ปล่อยให้ฉันทำงานงกๆอยู่คนเดียว-^- ส่วนโคโรเนโร่ก็...หายไปเลยนับแต่วันนั้น...
เท้าเดินไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายจนถึงสวนสาธารณะนามิโมริ ฉันนั่งลงที่เก้าอี้สาธารณะรอบๆข้างไร้ซึ่งผู้คนมือได้แต่กอดตัวเองหวังว่ามันจะอุ่นขึ้นบ้าง
กริ๊งงงงงง~
เสียงโทรศัพท์ฉันดังขึ้น หน้าจอขึ้นเบอร์ที่ไม่คุ้นเอาซะเลย
“ฮัลโหล รัล มิลจิพูด”
(...)
“ใครคะ?”
(ดูเรียบร้อยขึ้นนะเว้ยเฮ้ย!)
“โคโรเนโร่!!!”
ฉันตะโกนกลับไปด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าปลายสายคือใครน้ำตาเริ่มเก็บไว้ไม่อยู่เพราะความตื้นตัน หลังจากที่จากกันฉันก็ไม่เคยเจอเขาเลย...นายอยู่ที่ไหนกันนะ...โคโรเนโร่...
(ไง สบายดีไหมเว้ยเฮ้ย)
“นะ...นายอยู่ที่ไหนกัน ไม่ติดต่อมาเลย...”
(ขอโทษเว้ยเฮ้ย พอดีตั้งแต่ย้ายไปก็เกิดปัญหานิดหน่อยหลังจากนั้นก็ยุ่งมาตลอดเลย...)
“อืม...”
(เหงาไหมเว้ยเฮ้ย...)
“พะ...พูดบ้าอะไรของนายน่ะ!”
รู้สึกว่าอุณหภูมิในตัวฉันเริ่มจะสูงขึ้นเรื่อยๆไม่รู้ว่าเพราะฉันเริ่มเป็นไข้หรือว่าคำพูดของโคโรเนโร่กันแน่
(ฉันน่ะ เหงามาเลยนะเว้ยเฮ้ย...)
“...”
(เวลาที่ไม่มีเธอน่ะ...)
“...”
(ฉันมักจะดูรูปที่รีบอร์นถ่ายเอาไว้เสมอเลยล่ะเว้ยเฮ้ย...)
“...”
(รูปที่มีแค่ฉันกับเธอ...)
“โคโรเนโร่...”
เหมือนกับสายจะถูกตัดไปกะทันหัน น้ำตาที่เริ่มปริ่มไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย โคโรเนโร่...นายมันเอาแต่ใจชะมัดอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่สนใจบ้างเลยรึไงว่ามีคนๆหนึ่งเจ็บปวดมากแค่ไหนที่นายทำอย่างนี้...
ฉันปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดเพียงลำพัง...จู่ๆก็มีอ้อมกอดมาโอบกอดฉันไว้มือหนาของใครบางคนดันหัวของฉันให้ไปพิงกับแผงอกของเขา สัมผัสที่ฉันรู้จักดี...ฉันหลับตาลงแล้วซบอกของเขาไว้เสียงทุ้มที่คุ้นเคยกระซิบที่ข้างหูของฉัน...ประโยคที่ทำให้ฉันเบิกตากว้าง...
“Ti amo,Lal Mirch”
ฉันหันไปสบตากับโคโรเนโร่ที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ วาวตาในดวงตาสีฟ้านั้นแลดูมั่นคง จนฉันรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ปีใหม่นี้น่ะ ฉันคงไม่เหงาอีกแล้วล่ะเว้ยเฮ้ย!”
อืม ฉันก็คงเป็นเหมือนนายนั้นแหละโคโรเนโร่...ไม่เหงาอีกแล้ว เพราะว่ามีนายอยู่ข้างๆไงล่ะ...โคโรเนโร่
....Fin....
แถมท้าย...
“ฉันอยู่นี่แล้วนะ เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้นะเว้ยเฮ้ย!”
“ฉะ...ฉันไม่ได้ร้องซักหน่อย แล้วถ้าฉันจะร้องฉันก็ไม่ได้ร้องเพราะนายด้วย!!!!”
“งั้นเหรอแล้วเธอรู้สึกยังไงกับฉันล่ะเว้ยเฮ้ย”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงก่อนจะก้มลงไปใกล้ใบหน้าหวานเรื่อยๆจนมือเรียวของร่างบางต้องผละอกร่างสูงให้ออกไป ดวงหน้าหวานหลบสายตาคมที่มองมาอย่างคาดโทษจนต้องยอมกระซิบที่ข้างหูของร่างสูงก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความเขินอาย โคโรเนโร่นิ่งไปซักพักก่อนจะวิ่งตามรัลออกไปจนทันก่อนโอบร่างบางให้มาอยู่ในอ้อมแขนแล้วหัวเราะร่าส่วนอีกคนก็ได้แต่เบนหน้าหนีเพราะความอาย
เพราะคำพูดของเธอ...
“Anch'io ti amo”
จบจริงๆแล้วจ้า
สวีสดีปีใหม่นะจ๊ะรีดเดอร์ทั้งหลาย ความจริงเดียร์จะลงเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะแต่ว่าแต่งไม่ทันT^T ส่วนเนื้อเรื่องที่เดียร์ข้ามได้ข้ามดีมีสาเหตุอันเนื่องมาจากที่เดียร์ขี้เกียจพิมพ์//โดนเสย ความจริงก็คิดอยู่ว่าจะแต่งวายหรือนอร์มอลดีสรุปก็มาลงเอยที่คู่นี้จนได้สินะ#ปลง
ปีใหม่ทั้งทีเริ่มต้นใหม่กันนะ อะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยให้ผ่านไปกับปีเก่าเถอะนะสำหรับเดียร์เองก็จะปล่อยเรื่องไม่ดีไปให้หมดแต่มีอยู่เรื่องเดียวที่ปล่อยไปไม่ได้คือการบ้านT-T (ตามมาหลอกหลอนได้ทุกเทศกาล)
ขอให้รีดเดอร์ทุกคนสมหวังในทุกๆเรื่องนะ สวยๆหล่อๆกันทุกคนเลยนะ♥
ปอลอลิง.รักรีดเดอร์จุงเบย^3^
ผลงานอื่นๆ ของ rein dear ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ rein dear
ความคิดเห็น