Fic Reborn 5666 [Happy New Year]กี่ปีที่ไม่มีนาย...อยู่ใกล้ๆ - Fic Reborn 5666 [Happy New Year]กี่ปีที่ไม่มีนาย...อยู่ใกล้ๆ นิยาย Fic Reborn 5666 [Happy New Year]กี่ปีที่ไม่มีนาย...อยู่ใกล้ๆ : Dek-D.com - Writer

    Fic Reborn 5666 [Happy New Year]กี่ปีที่ไม่มีนาย...อยู่ใกล้ๆ

    กี่ปีแล้วนะที่ต้องอยู่คนเดียว...ปีใหม่ที่ไม่มีนายนี่มันเหงาจริงๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,657

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    1.65K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    22
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ม.ค. 56 / 18:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ฮัลโหล รีดเดอร์^^

     

    ฟิคนอร์มอล ไม่ชอบกด x

     

    คู่ 5666

     

     

     

    แถม

     

     

     

    Rlu Fonm

     

     

     

    เปิดเรื่องใหม่

     

     

    ทั้งที่เรื่องเดิมยังไม่จบ

    ไม่โกรธกันนะ???

     

    Happy New Year

     

    มีความสุขมากๆนะ

     

    ปล.เม้นด้วยนะ

    Fic Reborn Thank for your love ขอแค่มีนายอยู่ข้างๆ


    ฝากหน่อยจ้า^O^//

     

     

     

    "NIGHT'KNIGHT" ...........
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กี่ปีแล้วสินะที่ไม่ได้พบกัน

      กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอหน้า

      กี่ปีแล้วนะที่ได้แต่เพียงคิดถึงนายอยู่แบบนี้

      กี่ปีแล้วที่ฉันต้องมองรูปถ่ายใบเดิมที่มีแค่ฉันกับนาย

      กี่ปีแล้วที่ปีใหม่ของฉันมันเหงาเหลือเกิน

      ....

      ..

      .

                  [Lal Mirch Say’s]

               หิมะที่ตกโปรยปรายรายล้อมรอบกาย ฝ่ามือของฉันสัมผัสกับหิมะที่เย็นยะเยือก หิมะที่เย็น...แต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจ พลันคิดถึงหมอนั่นหัวใจกับเจ็บแปลบอีกรอบ ใครหลายคนบอกว่าปีใหม่คือการเปลี่ยนแปลงและเริ่มต้นชีวิตใหม่แต่สำหรับฉันปีใหม่ก็คือการใช้ชีวิตต่อจากปีเก่าที่ได้ผ่านพ้นไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งร่างกายและจิตใจ...

                   7 ปีที่แล้ว...

                   ร่างเล็กในชุดสูทสีดำสนิท เรือนผมไพลินสลวยยาวประบ่าตัดกับใบหน้าหวานที่แลดูขาวอมชมพู พวงแก้มสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากเหมือนกับลูกเชอร์รี่สดแลดูน่าปกป้องและน่าทะนุถนอมมองเผินๆอาจจะรู้สึกแบบนั้น

                  แต่ถ้าลองดูนิสัยแม่คุณก่อนล่ะ???

               ปังๆๆๆๆๆๆ

               “ไอ้พวกวิตถาร ไปตายซะแก!!!!!!!!!!

                  ถ้าจะถนอมล่ะก็...ถนอมชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเหอะ!

                  ข้างกายร่างเล็กขนาบไปด้วยหญิงสาวสองคนในชุดสูทสีดำสนิทเช่นกันต่างกันเพียงว่า...หญิงสาวอีกคนใส่ผ้าคลุมสีเข้มปกปิดใบหน้าเท่านั้นเอง เสื้อสูทตรงอกด้านซ้ายปักตราของโรงเรียน...โรงเรียนที่มีชื่อว่า...โรงเรียนฝึกหัดมาเฟีย สังกัดวองโกเล่

                  “คุณรัลคะ ฉันว่ามันไม่แรงไปเหรอคะ”

                  ร่างบางเรือนผมสีเขียวเข้มเอ่ยขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆหลังจากที่เพื่อนของตนที่กราดยิงพวกโรคจิตที่พยายามจะมาลวมลามแต่กลับโดนชีคนนี้ไล่ยิงซะหายหัวไปหมด

                  “ไม่แรงไปหรอก แต่ฉันว่ามันเปลืองกระสุนไปหน่อยนะ”

                  ร่างบางในชุดคลุมเอ่ยขึ้นมาเรียบๆพลางนับเงินในมือตาอย่างไม่แคร์ผู้ใด สาวเรือนผมไพลินเหล่มองเพื่อนของตนอย่างหน่ายๆกับความงกที่เกินลิมิตคนธรรมดา!?!

                  “ฉันให้แฟนทาสม่าไปดูห้องให้แล้ว เราอยู่ห้อง 1-A ด้วยกัน”

                  “ว้าว จริงเหรอคะ อย่างนี้มันต้องฉลอง*_*

                  “ไม่ต้องลูเช่ แล้วก็เลิกฉลองโดยการทำอาหารแจกคนทั้งโรงเรียนได้แล้วมันเปลือง!!!

                  ร่างบางในชุดคลุมพูดจบก็เดินขึ้นห้องเรียนโดยไม่สนใจใครอีกเลย รัลกับลูช่เลยต้องตามไปอย่างเสียไม่ได้

                  ครืน~

                  มือเรียวของรัลเลื่อนประตูออกมาก่อนพบกับมาม่อนที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องกับอาจารย์แก่ๆใกล้ตายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะครู ดวงตาของอาจารย์ตวัดมองคนที่พึ่งเข้ามาใหม่อีกสองคนอย่างคาดโทษ

                  “นี่ก็เพื่อนเธองั้นเหรอ!

                  นิ้วเหี่ยวๆชี้มาที่ทั้งสองคนแล้วตะโกนถามมาม่อน ร่างเล็กเก็บเงินใส่กระเป๋าก่อนเบ้ปากอย่างรำคาญ

                  “ใช่”

                  “มัวไปทำอะไรกันถึงได้มาเลทขนาดนี้ นี่ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ!!!

                  “ยิงคน...”

                  “อะไรกัน ตัวแค่นี้หัดจับปืนแล้วรึไงรู้ไว้ซะที่พ่อแม่เธอเลือกให้เธอเรียนที่นี่เพราะพวกเธอมันยังอ่อนหัดแล้วยังต้องฝึกหัดอีกเยอะแล้วก็@$%#+*&_%^*(+

                  เสียงแห่บๆยังบ่นต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อนๆในห้องก็ได้มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจรวมทั้งสามคนข้างหลังด้วย...

                  “ตาแก่นั่นด่ายับเลยนะเว้ยเฮ้ย!

        “น่าสงสารจังนะครับ^^
                  “น่าสมเพชต่างหาก ผู้หญิงนี่อ่อนแอชะมัด”

                  และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...

                  ในที่สุดคนที่มีความอดทนต่ำที่สุดก็เดินไปตบโต๊ะ คนที่ชื่อว่าเป็นอาจารย์ถึงกับนิ่งไปก่อนร่างบางจะยกไรเฟิลขึ้นมาจ่อหัว

                  “แล้วไงไอ้แก่ จับปืนแล้วไง (ไล่)ยิงคนแล้วไง หนักหัวส่วนไหนอย่างน้อยฉันก็ไม่ได้จะยิงแกนะเฟ้ย!!!!

                  T/\T>>>>หน้าของอาจารย์

                  O[]O>>>>หน้าของคนทั้งห้อง

                  “เหอะ!

                  ร่างบางลดปืนลงหลังจากเห็นว่าคนตรงหน้าได้สลบไปแล้ว นัยต์ตาสีโกเมนตวัดไปมองรอบห้องเพื่อหาที่นั่งก่อนจะสะดุดไปที่นั่งเกือบหลังสุดที่เหลือสามที่พอดีเป๊ะ เท้าเรียวก็สาวไปนั่งที่อย่างสบายใจโดยมีเพื่อนอีกสองคนเดินตามไปติดๆ

                  “รัลจัง ฉันว่าคราวนี้มันแรงไปนะ”

               ไม่ทันก้นจะติดเก้าอี้ ประโยคเดิมก็ลอยมาเข้าหูอีกแล้ว-_-

               “ไม่นี่”

                  “แต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงอาจารย์เลยนะ ปกติเธอจะใช้กำลังกับคนที่มาหาเรื่องเท่านั้นไม่ใช่หรือไง!?!

                  “หมอนั่นก็หาเรื่องฉัน แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ใช้กำลังกับมัน-_-

                  “รัลจัง!!!

                  “เลิกเถียงกันสักที มันทำให้ฉันไม่มีสมาธิในการนับเงิน”

                  ลูเช่ทำแก้มป่องเหมือนไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไรต่ออยู่ดี รัลก็หยิบไรเฟิลคู่ใจมาเช็ดต่อเพราะเมื่อกี้มีเสนียดมาติดน่ะสิ

                  “เธอน่ะน่าสนใจดีนะ”

                  เสียงทุ้มดังมันจากข้างหลังดูเหมือนว่าจะพูดเธอนะ ร่างบางเรือนผมสีไพลินยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบเบาๆกลับไป

                  “ขอบใจ...”

                  ดูเหมือนว่ามิตรภาพจะเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้(?)

                  จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์

               “ไง”

                  เริ่มทักทายจากคำสั้นๆ

                  “มีอะไร”

                  เริ่มจะตอบรับและเปิดใจ

                  “พวกผมอยากจะเป็นเพื่อนกับพวกคุณน่ะครับ”

                  พูดคุยอย่างจริงใจ

                  “ก็เอาสิ”

                  ไร้ซึ่งความเสแสร้ง

               “ฉันโคโรเนโร่นะเว้ยเฮ้ย!

                  “รีบอร์น...”

                  “ฟงครับ^^

                  “รัล”

                  “มาม่อน...”

                  “ลูเช่ค่ะ^^

                  พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง...

                 

      ...จากที่ไม่รู้จักก็เริ่มผูกพันธ์...

      ...จากผูกพันธ์ก็เริ่มคิดไปไกลกว่าคำว่าเพื่อน...

      ...ไกลเกินกว่าจะเรียกว่าชอบ...

      ...ความรู้สึกนี้คงจะเรียกว่า...

      ......

      .....

      ....

      ...

      ..

      .

      ...ความรัก...
       

                  นับวันความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่ารักโดยไม่รู้ตัว นับวันยิ่งเด่นชัด ความทรงจำที่ผ่านมาเป็นหลักฐานอย่างดีว่าความรู้สึกของทั้งหมดเป็นเช่นไรแต่กลับไม่มีใครได้เอื้นเอ่ยคำเหล่านั้น คำที่เรียกว่า'รัก'ตลอดเวลาสามปี...จนกระทั่ง...ถึงวันที่ต้องจากลา...

                  -พิธีจบการศึกษา-

               “มาถ่ายรูปกันนะเว้ยเฮ้ย!!!

                  ร่างสูงเรือนผมสีทองเอ่ยพลางโบกกล้องในมือไปมาเรียกให้ทุกคนหันไปมอง

                  “ฉันก็ว่าดีเหมือนกันนะคะ^^

                  “เอางั้นก็ได้”

                  ทุกคนเดินเอื่อยๆไปหาโคโรเนโร่ ร่างสูงตั้งเวลาไว้ก่อนจะวิ่งเข้ากลุ่มก่อนจะเอามือวางไว้บนหัวของร่างบางข้างๆ

                  “โคโรเนโร่!!!

                  “คุณรัลใจเย็นๆก่อนค่ะ”

                  “เฮอะ นับเงินต่อดีกว่า”

                  “น่ารำคาญ”

                  “บรรยากาศดีจังนะครับ^^v

                  แชะ!

               รูปที่ได้ออกมาคือรูปที่รัลพยายามจะต่อยโคโรเนโร่โดยมีลูเช่คอยล็อคแขนอยู่ ส่วนต้นเหตุก็ได้แต่หัวเราะร่า รีบอร์นทำท่าเหมือนจะรำคาญ มาม่อนหยิบเงินขึ้นมานับ มีแค่ฟงคนเดียวที่ยืนยิ้มแล้วชูสองนิ้ว ...

                  “มหาลัยก็คงต้องแยกกันแล้วสินะ...”

                  รีบอร์นเอ่ยออกมาเบาๆหลังจากดูรูป ทุกคนถึงกับหน้าสลดเพราะคำพูดนั้น...

                  “จะไปเรียนที่ไหนต่อล่ะ”

                  “ผมจะไปเรียนต่อที่จีน”

                  “ฉันต้องไปเรียนที่อเมริกาน่ะเว้ยเฮ้ย...”

                  “ฉันเยอรมัน”

                  “ฉันไปเสปน”

                  “ฉันก็ต้องไปเรียนที่ฝร่งเศษค่ะ คราวนี้เราต้องจากกันจริงๆใช่ไหมคะ...”

                  “คงงั้นเพราะฉันก็ต้องไปอิตาลี...”

               “งั้นมาถ่ายกันอีกสักรูปไหมล่ะ พวกนายสองคนประเดิมนะเฮ้ย”

                  มือหนาของรีบอร์นดันโคโรเนโร่กับรัลออกไปอย่างแรงจนรัลต้องจับไหล่โคโรเนโร่ไว้ไม่ให้ล้ม

                  แชะ!

               “หึๆๆๆๆๆ”

                  และแล้วก็ได้ภาพหลุดของสองคนนี้มาจนได้ คราวนี้ก็ตายตาหลับแล้วล่ะนะJ

                  “รีบอร์น!!!!!

                  “ตายซะแก!!!!!!!!!!!!!!!!

                  .

                  ..

                  ...

                  ผ่านมาเจ็ดปีแล้วสินะ นับจากวันนั้น ฉันยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้พบกันแต่เราก็คุยกันอยู่แทบทุกวันล่ะนะแต่ก็คงเทียบไม่ได้กับช่วงเวลาเหล่านั้น เวลาที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ฉันเดินไปตามถนนที่ทอดยาวออกไปคนหลายคนได้เดินสวนทางกับฉันไปมันทำให้ฉันรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ปีนี้ฉันก็ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วสินะ ตอนนี้ฉันก็จบมหาลัยสำหรับมาเฟียที่เยอรมันแล้วก็เดินทางมาที่ทำงานที่วองโกเล่สาขาที่ญี่ปุ่น ครั้งล่าสุดที่ฉันได้เจอพวกลูเช่ก็ตอนที่ลูเช่แต่งงานกับรีบอร์นแล้วก็มาม่อนแต่งงานกับฟง ตอนนี้ก็คงไปฮันนีมูนที่ไหนสักแห่งในโลก-_-^^^ปล่อยให้ฉันทำงานงกๆอยู่คนเดียว-^- ส่วนโคโรเนโร่ก็...หายไปเลยนับแต่วันนั้น...

                  เท้าเดินไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายจนถึงสวนสาธารณะนามิโมริ ฉันนั่งลงที่เก้าอี้สาธารณะรอบๆข้างไร้ซึ่งผู้คนมือได้แต่กอดตัวเองหวังว่ามันจะอุ่นขึ้นบ้าง

                  กริ๊งงงงงง~

                  เสียงโทรศัพท์ฉันดังขึ้น หน้าจอขึ้นเบอร์ที่ไม่คุ้นเอาซะเลย

                  “ฮัลโหล รัล มิลจิพูด”

                  (...)

                  “ใครคะ?

                  (ดูเรียบร้อยขึ้นนะเว้ยเฮ้ย!)

                  “โคโรเนโร่!!!

                  ฉันตะโกนกลับไปด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าปลายสายคือใครน้ำตาเริ่มเก็บไว้ไม่อยู่เพราะความตื้นตัน หลังจากที่จากกันฉันก็ไม่เคยเจอเขาเลย...นายอยู่ที่ไหนกันนะ...โคโรเนโร่...

                  (ไง สบายดีไหมเว้ยเฮ้ย)

                  “นะ...นายอยู่ที่ไหนกัน ไม่ติดต่อมาเลย...”

                  (ขอโทษเว้ยเฮ้ย พอดีตั้งแต่ย้ายไปก็เกิดปัญหานิดหน่อยหลังจากนั้นก็ยุ่งมาตลอดเลย...)

                  “อืม...”

                  (เหงาไหมเว้ยเฮ้ย...)

                  “พะ...พูดบ้าอะไรของนายน่ะ!

                  รู้สึกว่าอุณหภูมิในตัวฉันเริ่มจะสูงขึ้นเรื่อยๆไม่รู้ว่าเพราะฉันเริ่มเป็นไข้หรือว่าคำพูดของโคโรเนโร่กันแน่

                  (ฉันน่ะ เหงามาเลยนะเว้ยเฮ้ย...)

                  “...”

                  (เวลาที่ไม่มีเธอน่ะ...)

                  “...”

                  (ฉันมักจะดูรูปที่รีบอร์นถ่ายเอาไว้เสมอเลยล่ะเว้ยเฮ้ย...)

                  “...”

                  (รูปที่มีแค่ฉันกับเธอ...)

                  “โคโรเนโร่...”

                  เหมือนกับสายจะถูกตัดไปกะทันหัน น้ำตาที่เริ่มปริ่มไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย โคโรเนโร่...นายมันเอาแต่ใจชะมัดอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่สนใจบ้างเลยรึไงว่ามีคนๆหนึ่งเจ็บปวดมากแค่ไหนที่นายทำอย่างนี้...

                  ฉันปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดเพียงลำพัง...จู่ๆก็มีอ้อมกอดมาโอบกอดฉันไว้มือหนาของใครบางคนดันหัวของฉันให้ไปพิงกับแผงอกของเขา สัมผัสที่ฉันรู้จักดี...ฉันหลับตาลงแล้วซบอกของเขาไว้เสียงทุ้มที่คุ้นเคยกระซิบที่ข้างหูของฉัน...ประโยคที่ทำให้ฉันเบิกตากว้าง...

                  Ti amo,Lal Mirch

               ฉันหันไปสบตากับโคโรเนโร่ที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ วาวตาในดวงตาสีฟ้านั้นแลดูมั่นคง จนฉันรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

                  “ปีใหม่นี้น่ะ ฉันคงไม่เหงาอีกแล้วล่ะเว้ยเฮ้ย!

                  อืม ฉันก็คงเป็นเหมือนนายนั้นแหละโคโรเนโร่...ไม่เหงาอีกแล้ว เพราะว่ามีนายอยู่ข้างๆไงล่ะ...โคโรเนโร่

                 

               ....Fin....

       

                  แถมท้าย...

                  “ฉันอยู่นี่แล้วนะ เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้นะเว้ยเฮ้ย!

                  “ฉะ...ฉันไม่ได้ร้องซักหน่อย แล้วถ้าฉันจะร้องฉันก็ไม่ได้ร้องเพราะนายด้วย!!!!

                  “งั้นเหรอแล้วเธอรู้สึกยังไงกับฉันล่ะเว้ยเฮ้ย”

                  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงก่อนจะก้มลงไปใกล้ใบหน้าหวานเรื่อยๆจนมือเรียวของร่างบางต้องผละอกร่างสูงให้ออกไป ดวงหน้าหวานหลบสายตาคมที่มองมาอย่างคาดโทษจนต้องยอมกระซิบที่ข้างหูของร่างสูงก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความเขินอาย โคโรเนโร่นิ่งไปซักพักก่อนจะวิ่งตามรัลออกไปจนทันก่อนโอบร่างบางให้มาอยู่ในอ้อมแขนแล้วหัวเราะร่าส่วนอีกคนก็ได้แต่เบนหน้าหนีเพราะความอาย

                  เพราะคำพูดของเธอ...

                  Anch'io ti amo

       

                  จบจริงๆแล้วจ้า

       
                  สวีสดีปีใหม่นะจ๊ะรีดเดอร์ทั้งหลาย ความจริงเดียร์จะลงเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะแต่ว่าแต่งไม่ทัน
      T^T ส่วนเนื้อเรื่องที่เดียร์ข้ามได้ข้ามดีมีสาเหตุอันเนื่องมาจากที่เดียร์ขี้เกียจพิมพ์//โดนเสย ความจริงก็คิดอยู่ว่าจะแต่งวายหรือนอร์มอลดีสรุปก็มาลงเอยที่คู่นี้จนได้สินะ#ปลง

                  ปีใหม่ทั้งทีเริ่มต้นใหม่กันนะ อะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยให้ผ่านไปกับปีเก่าเถอะนะสำหรับเดียร์เองก็จะปล่อยเรื่องไม่ดีไปให้หมดแต่มีอยู่เรื่องเดียวที่ปล่อยไปไม่ได้คือการบ้านT-T (ตามมาหลอกหลอนได้ทุกเทศกาล)

                  ขอให้รีดเดอร์ทุกคนสมหวังในทุกๆเรื่องนะ สวยๆหล่อๆกันทุกคนเลยนะ

               ปอลอลิง.รักรีดเดอร์จุงเบย^3^

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×