14  กุมภาพันธ์  เช้าที่สดใสของทุกคน ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยความรัก ชายหญิงมากมายมอบดอกไม้ให้แก่กัน หลายต่อหลายคนต่างเข้าใจว่าเป็นวันแห่งความสุข กุหลาบสีแดงเกลื่อนกลาดทั่วทุกสารทิศ ฉันมองสิ่งเหล่านั้นซ้ำ ๆ หลายรอบ ทุกคนหารู้ไม่ว่าวันวาเลนไทน์คือวันแห่งความเจ็บปวด...  1800 ปีที่แล้ว นักบุญ Saint Valentine ยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อความรักของคนทั้งโลก  น้อยคนนักที่จะรู้ถึงเรื่องนี้...
    5  นาฬิกา  ของวันที่  14  กุมภาพันธ์  48...ฉันตื่นนอนขึ้นพร้อมบรรยากาศที่สดใสของเช้าวันนี้ หลายคนดูมีความสุข ผิดกับความโศกเศร้าและความปวดร้าวที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้จิตใจของฉัน .. ฉันเกลียดวันนี้  เกลียดวันแห่งความรัก
   
                ...14 กุมภาพันธ์ 47... เด็กหญิงคนหนึ่งถือดอกไม้ช่อโตเดินเข้ามาในโรงเรียน เธอช่างดูสดใสในชุดสีชมพูนั้น คงไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเกิดสิ่งใดกับเธอหลังจากนั้น...
    “ขอโทษนะจ๊ะ  ที่ต้องเรียกเธอออกมาตอนนี้  คือว่า...ฉัน...      ”
เพียะ !! ยังไม่ทันที่เด็กหญิงคนนั้นจะพูดจบ  ฝ่ามือหนัก ๆ ก็กระทบเข้ากับหน้าของเธออย่างจัง...
    “ดอกไม้ต่ำ ๆ ของเธอ ไม่คู่ควรสำหรับคนอย่างฉันหรอกนะ  จำไว้”  เขาคนนั้นพูดพร้อมกับปัดดอกไม้ของเธอทิ้ง  ทันทีที่จบประโยค น้ำใส ๆ เอ่อคลอนัยน์ตาของเด็กหญิง แล้วเริ่มไหลรินเป็นทางอาบแก้มอย่างหยุดไม่ได้
    เขาคนนั้นเดินจากเธอไป ทิ้งเธอไว้ให้จมกับรอยน้ำตาที่เขาทำ...
    ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นคงไม่ตามหลอกหลอนฉัน ถ้า..เด็กหญิงคนนั้นเป็นใครคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน มันทำลายทุกสิ่ง ทำลายความเป็นตัวฉัน ทำลายความมั่นใจ ฉันกลายเป็นเหมือนคนไร้วิญญาณที่จิตใจล่องลอย ไม่เคยมีเช้าใดที่สดใสสำหรับฉัน ทุกทางที่ฉันเดินมีแต่ความมืดดำ สิ่งที่ครอบงำตัวฉันมีเพียงความหวาดหวั่นทุกเวลา...
    ...ติ๊ด...ติ๊ด...นาฬิกาที่ข้อมือดังขึ้น ระหว่างทางที่ฉันกำลังไปโรงเรียน ทำเอาฉันหลุดจากภวังค์เมื่อครู่ เวลา 7 โมงแล้ว ที่ป้ายรถเมล์มีเพียงฉันกับชายคนหนึ่ง เขาสวมเครื่องแบบเดียวกันกับฉัน ในมือมีดอกไม้อยู่ดอกหนึ่ง เขาหันมา ฉันรีบก้มหน้าหลบ  ทันทีที่รถเทียบป้าย ฉันรีบเดินขึ้นไปบนรถอย่างรวดเร็ว เขาย่างก้าวตามฉันมาช้า ๆ ....
ปึง !! เสียงประตูรถปิด เขาเดินตรงมาที่ที่ฉันนั่ง
“นั่งด้วยคนนะครับ”  เขาบอกฉันพร้อมกับยิ้มให้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา แสงแดดที่ส่องผ่านทางหน้าต่าง กระทบเข้ากับผมสีดำของเขาดูเป็นเงาอย่างมีเสน่ห์ ฉันรวบกระโปรงและเขยิบให้เขานั่งข้าง ๆ เขาไม่มีกระเป๋านักเรียน เขาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ฉันพร้อมกับวางดอกกุหลาบสีแดงในมือลงข้าง ๆ ตัวช้า ๆ ...
                  ปี๊น...ปี๊น...เสียงรถจอดที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งก่อนถึงโรงเรียน  ฉันที่มองเหม่อออกนอกหน้าต่าง ไม่ทันรู้สึกตัวว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ลุกออกไป  จนกระทั่งถึงโรงเรียน  ขณะที่ฉันลุกจากที่นั่ง กุหลาบดอกหนึ่งวางอยู่ข้างตัวฉัน ฉันหยิบมันขึ้นมาดู พร้อมกับมองหาเจ้าของ ซึ่งก็คือเขาคนนั้น อย่างแน่นอน...
ฉันเดินเข้าโรงเรียนเหมือนปกติ หลายคนมองฉันที่ถือดอกกุหลาบ คงเพราะหน้าตาที่ดูจะโศกเศร้าไม่เข้ากันกับดอกกุหลาบที่ถืออยู่ ฉันถึงได้ถูกมองอย่างนี้...
                  คาบโฮมรูม...ฉันโดดมานั่งหลบที่หน้ารูปปั้น Saint Valentine ไม่เข้าเรียน  ในมือยังคงมีกุหลาบดอกนั้นถืออยู่ ก่อนหน้านี้ ฉันใช้เวลาทั้งหมดตามหาเขา..เจ้าของกุหลาบดอกนี้..ฉันกลัวเขาจะเสียความตั้งใจที่อุตส่าห์เตรียมมันมา แต่สุดท้าย ท้ายสุด ฉันก็ตามหาเขาไม่พบ..ฉันมองที่ดอกกุหลาบดอกนั้นอีกครั้ง ก่อนจะปักมันลงในแจกันหน้ารูปปั้น
“เฮ้อ..อ” เสียงฉันถอนหายใจเบา ๆ แต่ถือว่าดังเมื่อรอบ ๆ ข้างมีเพียงฉันคนเดียว
“ฉันคงโชคร้ายที่สุดวันนี้สิ่นะ” ฉันบ่นกับตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ แล้วเงยหน้ามองรูปปั้น      “ขอชีวิตที่สดใสคืนให้กับฉันได้มั๊ย”  ฉันเอ่ยมันออกมา  พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอ  ทว่าคำตอบมีเพียงความเงียบที่อยู่รอบตัวฉันเท่านั้น....
อีกด้านหนึ่งของรูปปั้น  มีใครบางคนกำลังฟังที่ฉันพูดอยู่โดยที่ฉันไม่รู้ตัว  เขายืนฟังสิ่งที่ฉันพูดนิ่ง....
ฉันเริ่มบ่นกับตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ....
“ฉันคงไม่มีโอกาสรักใคร  และคงไม่มีใครรักฉันใช่มั้ย”  สิ้นเสียงที่ดูเศร้าสร้อยและหยดน้ำตาที่ไหลรินลงบนตัก  ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากหลังรูปปั้น
“อะไรที่ทำให้เธอคิดอย่างนั้น”  เสียงนั้นถามฉันเศร้าสร้อยไม่แพ้กัน
ฉันเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียงทั้ง ๆ น้ำตาที่ไหลอาบหน้าอยู่
เขาเดินออกมาจากหลังรูปปั้นช้า ๆ พร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ ให้ฉัน  เขาคือเจ้าของดอกกุหลาบที่ฉันตามหาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา  สายตาที่เขามองฉันดูอบอุ่น  เขาค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ  ฉัน
“ทำไมเธอถึงคิดว่าไม่มีใครรักล่ะ  ในเมื่อ......”  เขาเงียบไปสักพัก  ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า
“ฉันก็เป็นคนนึงที่รักเธอ”  เขาพูดพร้อมกับหันมาสบตาฉัน
น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้ว  เริ่มไหลเป็นทางอีกครั้งหนึ่งเพราะความตื้นตัน  ในความรู้สึกฉัน  ไม่มีคำพูดใด ๆ ที่บอกได้......นอกจากรอยยิ้มแห่งความตื้นตัน  ที่ฉันคาดว่าเขาน่าจะเข้าใจความหมายของมัน.......
    1  ปีผ่านไป.......
    14  กุมภาพันธ์  49
    ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่หน้ารูปปั้น  Saint  Valentine  เขาทั้งคู่ดูสดใส  มีรอยยิ้มปรากฎอยู่บนหน้า  ดอกกุหลาบดอกหนึ่งถูกปักลงบนแจกันหน้ารูปปั้น  ทั้งคู่นั่งอธิษฐานอยู่นาน ก่อนจะหันมาสบตาและยิ้มให้กัน ดอกกุหลาบช่อโตที่วางอยู่ข้าง ๆ ถูกหยิบขึ้นด้วยฝ่ายชาย พร้อมกับยื่นให้ฝ่ายหญิงอย่างช้า ๆ เธอรับมันพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจริงใจ  ชายคนนั้นรับรู้การกระทำนี้ดี  โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด...
    คงไม่มีใครคาดคิด ว่าเด็กหญิงที่ดูสดใสคนนั้นจะเป็นฉัน  คนที่มีแต่ความมืดมนในรักเมื่อครั้งก่อน  บัดนี้ ฉันกลับมาเป็นคนเดิมที่เคยสดใสร่าเริง  แน่นอน  เขาเป็นคนมอบความสดใสนี้ให้กับฉัน หรือบางที อาจเป็นเพราะ Saint Valentine รูปปั้นแห่งความรักของฉันก็ได้ หรืออาจจะทั้งสองอย่าง อันนี้ฉันก็ไม่รู้ 
    แต่คำเดียวที่ฉันบอกได้  คงหนีไม่พ้นคำนี้  “ขอบคุณ” .......
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น