พัฒนาคนจน - นิยาย พัฒนาคนจน : Dek-D.com - Writer
×

    พัฒนาคนจน

    ผู้เข้าชมรวม

    123

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    123

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ค. 52 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เน้น พัฒนาคนจนเป็นการเริ่มสร้างฐาน
    วันเลิกทาส
    ทักษิณประกาศว่า วันเลิกทาส จากผลร้ายของทุนนิยม เป็นวันนี้ (1 ตุลา) เพราะรัฐบาลประกาศแก้จน แฟนทรทที่มีคอมพิวเตอร์ มาแจมกับรี่ที่เวปนี้คงไม่ใช่คนจนแน่ อาจจะบอกได้ด้วยซ้ำว่าไม่แคร์เรื่องจนเพราะไกลตัว แต่เราก็น่าจะดีใจไปกับคนจนได้ว่าทักษิณจะช่วยเขาอย่างจริงจังต่อเนื่อง เป็นระบบ และมีวิธีทำที่น่าได้ผล สาเหตุสำหรับคนเห็นแก่ตัวหน่อยก็คือจะได้ไม่เป็นภาระสังคมและเป็นทรัพยากรใหม่ สาเหตุสำหรับคนที่มีอุดมการณ์หน่อยก็คือเป็นการคืนความเป็นมนุษย์ให้มนุษย์ ก็แล้วแต่มอง แต่รี่ว่าง่ายๆคือสงสารคนจนโดยเฉพาะเด็ก เลยต้องคิดถึงพ่อแม่เด็กไปด้วย เด็กนี่ก็แปลก ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นใคร ใครอาจไปรู้ เด็กที่ทรทช่วยไว้อาจกลายเป็นผู้นำในอนาคตที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ เมกันเขาพูดว่า A Brain is a Terrible Thing to Loose
    ทักษิณขอเวลา6ปีแก้ปัญหาคนยากจน
    ทักษิณ ประกาศ อีก 6ปีแก้ไขปัญหาความยากจน ได้ 60% จากคนจนทั้งหมดทั่วประเทศ และยังประกาศ วันนี้เป็นวันเลิกทาส ระบบทุนนิยมและยังย้ำถึง ปัญหาเร่งด่วนในการต้องแก้ไขเช่น ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน คนเร่ร่อน ยาเสพติด การพนัน การขายตัวของนักเรียน นักศึกษา และการปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน
    สร้างโอกาสให้รากหญ้ามีโอกาส
    ทักษิณ ได้เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจากกระทรวงต่างๆ ตลอดจนตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ทุกฝ่ายร่วมกันพลิกฟื้นความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น โดยเฉพาะ จะหาแนวทางสร้างโอกาสให้แก่คนในสังคมชนบทระดับรากหญ้า ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศ อีกทั้งจะมีการหารือในเรื่องการจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร เพื่อให้มีที่ดินทำกิน รวมทั้งจะเร่งแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน เพื่อให้บุคคลเหล่านี้มีศักยภาพในสังคมมากขึ้น
    คนจนจะภูมใจที่เป็นแนวร่วมสร้างชาติ
    นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนที่กำลังอยู่ในขั้นที่น่าวิตก โดยรัฐบาลจะหามาตรการให้เด็กนักเรียนมีโอกาสสร้างรายได้ และมีอาชีพเสริมที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความภูมิใจในตัวเอง อีกทั้งจะหามาตรการปรับโครงสร้างภาคประชาชนเพื่อปรับชีวิตใหม่ให้แก่คนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ซึ่งจากมาตรการต่าง ๆ ที่จะออกมา เชื่อว่าจะเป็นแนวทางในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ และสร้างพลังให้กับคนในชาติเพื่อเป็นรากฐานในการสร้างชีวิตและครอบครัวให้ดี ก่อนที่จะร่วมกันสร้างชาติต่อไป
    ไทยมีคนจน 8 ล้านคน
    ทักษิณ ยังกล่าวว่า วันนี้จะเป็นวันประกาศเลิกทาสในระบบทุนนิยม ทำให้คนไทยที่อ่อนแอทั้งเรื่องโอกาส ความหวัง ให้กลับมามีศักยภาพ รัฐบาลมีคนไทยอ่อนแอประมาณ 8 ล้านคน และในจำนวนนี้มีร้อยละ 20 ที่ต้องได้รับการรักษาและฟื้นฟู ประเทศไทยมีประชากร 63 ล้านคน ถ้าทุกคนสามารถผลิตได้ทั้งหมด จะทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า เพราะถ้ามีการผลิตคนเหล่านั้นจะมีทักษะ มีสมองและมีการสร้างงาน แต่หากไม่มีการผลิต คนเหล่านั้นจะเป็นภาระของสังคม
    โดยปัญหาที่จะต้องได้รับการแก้ไขคือ
    1. ปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งจะมีการศึกษาทั้งอุปสงค์และอุปทาน เพราะเชื่อว่าที่ดินคือที่พิมพ์แบงก์ของคนจน
    2. ปัญหาคนเร่ร่อน                                              3. ปัญหาผู้ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย
    4.ปัญหาหวยใต้ดิน                                               5. การช่วยเหลือเด็กนักเรียน
    6. ปัญหาการหลอกลวงคนจน                                   7. การปรับโครงสร้างหนี้.
    6 ปีหวังผล 60%
    นอกจากนี้ยังย้ำว่า การแก้ไขปัญหาความยากจนภายใน 6 ปี จะสามารถทำให้คนจนพ้นจากปัญหาต่างๆ ได้ถึง 60% จากจำนวนคนจนทั้งหมด โดยเชื่อว่า การแก้ไขปัญหาจะสำเร็จได้ โดยการเปิดโอกาสทางสังคม ให้กับคนจน เพื่อให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีได้ในสังคม พร้อมกับเป็นการใช้ศักยภาพคนจนเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด
    จะจดทะเบียนคนจน
    ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำถึงปัญหาเร่งด่วนในการต้องแก้ไขเช่น ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน คนเร่ร่อน ยาเสพติด การพนัน การขายตัวของนักเรียน นักศึกษา และการปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน ฯลฯ ซึ่งปัญหาทั้งหมดนี้ รัฐบาลจะมีการจดทะเบียน สำหรับคนยากจน ที่ประสบปัญหาต่างๆ และจะเป็นการแก้ไขปัญหาของชาติที่ยั่งยืน
    แจกที่ดิน 31 ล้านไร่
    ด้านพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเรื่องของปัญหาความยากจน ระบุว่า ปัจจุบันมีที่ดินทั่วประเทศกว่า 320 127 ล้านไร่ ของภาครัฐ 293 ล้านไร่ ส่วนที่เหลือจะจัดสรรอีก 31 ล้านไร่
    Vision ใหม่ของ
    อย่าเสียเวลาด่าทักษิณเลย เขามาถูกทางแล้ว ด้วยการหาแหล่งทุนให้คนจน เอื้ออาทร เศรษฐกิจดีแบบ Bottom UP และการการเอา SME เรียกว่าเหมาะที่สุดสำหรับไทย แต่ ตอนนี้เท่านั้นนะ ถ้าจะไปไกลกว่านี้ แบบ เป็นประเทศพัฒนาแล้ว vision ของทรทต้องเปลี่ยนไป ผมลองเสนอดูนะ ว่า vision ใหม่ ของ ทรท ควรเป็นอย่างไร
    กรอบนโยบาย
    1. ไม่ใช่เป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างเดียว แต่จะเป็นประเทศที่มี ชนชั้นกลาง 80% ของประเทศ
    2. ไม่ใช่ประเทศที่สนับ OTOP คือ Arts and Crafts อย่างเดียว แต่เป็นประเทศที่มี SME ด้าน Technology เป็นหลัก
    3. ไม่ใช่ประเทศที่ทิ้งความหวังด้าน Anti-Corruption and Good Governance ไว้ที่ Independent Body อย่างเดียว แต่มีรัฐบาลที่ Actively Fights Corruption and Promote Good Governance
    4. ไม่ใช่ประเทศที่มุ่งหวังแต่ความเจริญทางวัตถุ แต่ต้อง Actively Promote Knowledge Society ด้วยการ โปรโมท และสร้างโอกาศ หรือถึงขั้นมีสิทธิ ให้ ชนชั้นใหม่ มีการศึกษาอย่างต่ำ คือปริญญาตรีและโท
    5. ไม่ใช่ประเทศที่ฝักไผ่ฝ่ายใด ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ และ Actively Promote World Class Think Tank ด้านการเมืองและเศรษฐกิจ (ไม่เอาแบบ TDRI นะ)
    6. ไม่ใช่ประเทศที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและบริโภค โดยใช้ Brand ของต่างประเทศอย่างเดียว คือสนับสนุน Indiginus Thai Brand โดยตั้งเป้าอุตสาหกรรมเช่น Automobile, Home Appliance, Electronics, Consumer Goods, Food Stuff, Arts and Crafts ให้มี Brand Thai ของตัวเอง
    7. เป็นประเทศที่ตั้งเป้าหมาย ตามดัชนีต่างๆ เช่น Calories Intake, Various Sickness and Death, Medals Earned in International Competition, Use of Disposible Income, Education, ลงไปจนถึงของแบบ Spending on Cultural Events (สาเหตุที่สำคัญเพราะจำเป็นต้องมีเป้าหมายและระดับความเป็นจริงที่วัดได้ เพื่อการวางแผนที่ดี)
    8. เป็นประเทศที่มีระบบชลประทานทั่วถึง มีเป้าหมายทางการเกษตร ให้เป็น Kitchen of the World มี Strong Synergy ในเกษตรอุตสาหกรรมและแปรรูป
    9. เป็นประเทศที่ Promote and Protect Cultural and Environmental Foundation of Thailand
    จะเห็นได้ว่า ทรท มาถูกทางแล้วส่วนมาก แต่เราแฟน ทรท ก็ยังหวังว่าทักษิณ จะประกอบทุกอย่าง ให้เป็น ภาพที่เป็นไปได้ และสวยงาม น่าทำ
    ความมั่นใจมาก่อน หรือเศราฐกิจดีมาก่อน
    พึ่งความเชื่อมั่นดันนโยบายสำเร็จ
    นักเศรษฐศาสตร์เอเชีย วิพากษ์ "ทักษิโนมิค" ตั้งคำถามเป็นนโยบาย "ของแท้" หรือ "ของเทียม" โกลด์แมน แซคส์ ระบุ ความสำเร็จเกิดจากความเชื่อมั่นภายใน ไม่ใช่เนื้อหานโยบาย โดยอาศัยการสร้างภาพผู้นำให้เข้มแข็ง ขณะ "มอร์แกน สแตนเลย์" ชี้หลายชาติเอเชียสนใจก๊อบปี้ไปใช้
    สำนักข่าวรอยเตอร์ อ้างความเห็นนักวิเคราะห์หลายสถาบัน ตั้งคำถามต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย ซึ่งกำลังร้อนแรงจนแซงหน้าทุกประเทศในเอเชีย ยกเว้นจีน ว่า สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เป็นแค่ความร้อนแรงช่วงสั้นๆ ก่อนจะล้มเหลวในระยะยาว หรือจะเป็นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ถูกทางแล้ว ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
    อย่างไรก็ดี รอยเตอร์ ระบุว่า คำตอบอาจจะเป็นประการหลัง หากยึดตามความเห็นของนักลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งข้อมูลในปีนี้ บ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นของไทยมีผลประกอบการดีที่สุดในเอเชีย ด้วยราคาหุ้นที่ขยับขึ้นกว่า 28% ขณะที่นักวิชาการที่สนับสนุนแนวทางของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลของหลายๆ ประเทศในเอเชียกำลังจะยึดนโยบายของไทยเป็นแบบอย่าง
    "เห็นได้ชัดว่า ทุกๆ ประเทศในเอเชียกำลังหันมองมาที่ไทย" นายแดเนียล เหลียน นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนเลย์ ในสิงคโปร์ กล่าว
    นายเหลียน ยกตัวอย่างของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่มาเลเซียประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี, ภาคเกษตรกรในชนบท และโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งคล้ายคลึงกับนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ
    "ผมไม่ได้บอกว่า มาเลเซียกำลังก๊อบปี้นโยบายของไทย แต่พูดได้ว่า มีหลายประเทศที่กำลังเรียนรู้ว่า ความต้องการในประเทศเป็นสิงที่สามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว" นายเหลียน กล่าว
    ในปัจจุบันตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยกำลังเป็นที่อิจฉาของประเทศเพื่อนบ้าน โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงระหว่างไตรมาสแรกของปี 2545 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2546 ขยายตัวถึง 6.7% ซึ่งเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบ 3 ปี แม้ว่าจะมีผลกระทบจากราคาน้ำมัน สงครามอิรัก และการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส
    นายอาดัม เลอ เมอซูริเยร์ จากโกลด์แมน แซคส์ ในสิงคโปร์ ตั้งข้อสังเกตว่า การลงทุนในภาคเอกชนของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขยายตัวถึง 19% ซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นผลพวงจากนโยบายกองทุนหมู่บ้าน 80,000 ล้านบาท ที่นายกรัฐมนตรีของไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว
     
    วิจารณ์นโยบายดีแต่ไม่มีอะไรใหม่
    นักเศรษฐศาสตร์รายนี้ ให้ความเห็นว่า นโยบายกองทุนหมู่บ้าน เป็นการริเริ่มที่ชาญฉลาด อย่างไรก็ดี สิ่งที่ช่วยให้นโยบาย "ทักษิโนมิค" ประสบความสำเร็จมากที่สุด ไม่ได้อยู่ในเนื้อหาของนโยบาย หากแต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนมากกว่า
    "ทักษิณไม่ได้ใช้วิธีการบริหารเศรษฐกิจที่ใหม่อะไรเลย เมื่อคุณกำลังฟื้นตัวจากวิกฤติ สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ การทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ระบบ ซึ่งนโยบายของนายกรัฐมนตรีของไทย สามารถทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยอาศัยการสร้างภาพผู้นำที่เข้มแข็ง" นายเลอ เมอซูริเยร์ กล่าว
    นายเลอ เมอซูริเยร์ ได้เปรียบเทียบความสำเร็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยกล่าวว่า ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ต่างก็มีนโยบายที่ดี แต่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดผลในทางการปฏิบัติได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีของไทย เข้มแข็งพอที่จะทำเช่นนั้นได้
    ชมทักษิณเก่งเรื่องสร้างความเชื่อมั่น
    นางคริสตา แจนนิค จากยูบีเอส แสดงความเห็นด้วยในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นของธนาคาร พบว่า 60% ของไทย พอใจในผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเห็นว่า นโยบายของเขา มีส่วนทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต
    "นโยบายทักษิโนมิค เป็นเรื่องของการสร้างความมั่นใจล้วนๆ ซึ่งมีผลอย่างมากในประเทศไทย" นางแจนนิค กล่าว "นโยบายของนายกรัฐมนตรีของไทย ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี"
    เตือนดันปล่อยกู้หวังผลการเมือง
    นายเจีย เหลียงเหลียน จาก เจ.พี.มอร์แกน เชส แบงก์ ในสิงคโปร์ มองว่า การบริโภคของไทยก็อยู่ในสถานะที่พร้อมจะผลิดอกออกผลอยู่แล้วด้วย หลังจากที่ร่วงลงไปถึง 15% จากวิกฤติการเงินเอเชียเมื่อปี 2540 และเพิ่งจะฟื้นตัวเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2544 หรือหลังจากเกาหลีใต้ และมาเลเซีย ถึง 2 ปี
    อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายคน แสดงความวิตกว่า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำมากอยู่แล้ว ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในภาวะที่เสี่ยงมากที่จะพยายามโน้มน้าวให้ธนาคารกรุงไทย และธนาคารของรัฐอีกหลายแห่ง ปล่อยเงินกู้ให้ กับผู้บริโภคและภาคธุรกิจ เพื่อหวังผลทางการเมือง
    "นายกฯไทยไม่จำเป็นที่จะต้องผลักดันให้การบริโภคร้อนแรงไปมากกว่านี้" นางแจนนิค กล่าว พร้อมระบุว่า การผลักดันให้ธนาคารปล่อยกู้ อาจก่อให้เกิดปัญหาหนี้เสียระลอกใหม่ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่งจะเตือนให้ธนาคารของรัฐ เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
    แต่สุดท้าย ถ้านโยบายสร้างความมั่นใจไม่ได้ในตัวของมันเอง คงมาไม่ถึงตรงนี้

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น