ว่าด้วยเรื่องยุบพรรค - นิยาย ว่าด้วยเรื่องยุบพรรค : Dek-D.com - Writer
×

    ว่าด้วยเรื่องยุบพรรค

    ผู้เข้าชมรวม

    105

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    105

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ค. 52 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    "ยุบพรรคไทยรักไทย" ถูกต้องหรือมั่วนิ่ม 
    การยุบพรรคไทยรักไทยโดยผมจะพูดเรื่องใหญ่ๆ 2 เรื่องคือเรื่องการยุบพรรคการเมืองกับการมีผลย้อนหลังของกฎหมายครับ
    ก่อนที่จะเข้าสู่สาระสำคัญของทั้งสองเรื่องมีข้อสังเกตุสองประการที่เชื่อมโยงไปถึงความเห็นในเรื่องการยุบพรรคการเมืองด้วย  ข้อสังเกตสองประการนั้นเกี่ยวข้องกับเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 ที่มองว่าเป็นเรื่อง แปลก มากๆ ที่ทำไมถึงได้มีการตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรประเภทตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรนูญของกฎหมายเอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มีขึ้นมาหลังรัฐประหารเพื่อปกครองประเทศในระยะเวลาสั้นๆ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในบรรดาประเทศต่างๆ ที่มีองค์กรประเภทศาลรัฐธรรมนูญนั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่หลักคือ เป็นองค์กรในการ ค้ำประกัน ความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญแต่รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 ก็ได้ เพิ่ม อำนาจในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและอำนาจอื่นๆให้กับศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีกเมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้นและมีการเลิกใช้รัฐธรรนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 รวมไปถึงการออกประกาศ คปค. ฉบับที่ 3 ให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญบทบาทและอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 จึงควรต้องจบสิ้นลงไป ณ ช่วงเวลานั้นแต่เมื่อมีการประกาศใช้บังคับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2549 มาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวก็ตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่และให้มีอำนาจหน้าที่อื่นซึ่งก็รวมไปถึงอำนาจในการยุบพรรคการเมืองด้วยจึงเป็นข้อน่าสังเกตที่สำคัญว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงของการตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นมาคืออะไรเพื่อควบคุมความชอบด้วยกฎหมายของรัฐธรรมนูญหรือเพื่อทำหน้าที่อื่นที่สำคัญกันแน่ครับ
    ส่วนข้อสังเกตประการที่สองก็คือเจตนารมณ์ที่แท้จริงของการออกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 โดยเฉพาะที่กำหนดไว้ในข้อ 3 ว่าในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอื่นที่ทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใด เพราะเหตุกระทำการต้องห้ามตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นมีกำหนด 5 ปีนับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง ผลของประกาศ คปค.ดังกล่าวทำให้ โทษ ที่เกิดจากการมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ในส่วนตัวผมแล้วผมมองว่าการตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549 กับการเพิ่มโทษกรณียุบพรรคการเมืองเป็น เรื่องเดียวกัน และเป็นกรณีที่ต้องมีการ คาดการณ์ เอาไว้แล้วล่วงหน้า เพราะหากจะว่าไปแล้วความจำเป็นในการตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นมาในช่วงที่มีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีน้อยมาก และที่ผ่านมาจากการรัฐประหารหลายๆครั้งเราก็ไม่เคยมีการตั้งองค์กรประเภทดังกล่าวขึ้นมาสักครั้งในช่วงรัฐประหาร ดังนั้นจึงน่าจะมีความเป็นไปได้สูงมากที่คณะรัฐประหาร ต้องการ หรือ ตั้งเป้า เอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะ จัดการ กับพรรคการเมืองบางพรรคการเมือง ให้สิ้นซาก ด้วยการยุบพรรคการเมืองนั้นและ กัน นักการเมืองของพรรคการเมืองนั้นออกไปนอกวงการเมือง ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการออกประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ในวันที่ 30 กันยายน 2549 และเพียง 1 วันหลังจากนั้นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่ตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ก็มีผลใช้ บังคับจึงค่อนข้าง แน่ใจ ได้ว่าการยุบพรรคไทยรักไทยนั้นเป็นความประสงค์ดั้งเดิมของคณะรัฐประหารครับ !จึงไม่ควรที่จะแปลกใจหรือสงสัยอะไรทั้งนั้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ครับ
    เข้ามาสู่เรื่องแรกที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะกล่าวถึในครั้งนี้ก็คือเรื่อง การยุบพรรคไทยรักไทยจากที่ผมได้อ่านดูอย่างคร่าวๆในเหตุผลที่ปรากฏในคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค ไทยรักไทยนั้นผมไม่มีความสงสัยในเหตุผลดังกล่าวเพราะไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่ามีการยุบสภาเพื่อแก้ปัญหาส่วนตัวมีการผูกขาดทางการเมือง หรือมีการโกงการเลือกตั้งการกระทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิดอยู่แล้วและเป็นความ ชอบธรรม ที่จะลงโทษพรรคการเมืองที่กระทำการดังกล่าวอยู่แล้วแต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงก็คือในบรรดาการกระทำทั้งหลายที่ปรากฎอยู่ในข้อกล่าวหานั้นไม่ว่าพรรคการเมืองพรรคไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็ทำเช่นนั้นทั้งนั้นถ้าเราไปค้นข้อมูลเก่าๆ จากหนังสือพิมพ์ก็จะพบว่าแทบจะเรียกได้ว่านับแต่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในประเทศไทยไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งใดเลยที่ไม่มีการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย จะว่าไปแล้วการซื้อเสียงหรือการโกงการเลือกตั้งเพื่อให้พรรคของตนได้ชัยชนะเป็นสิ่งที่ เกิดขึ้น ตามปกติ ในระบบการเลือกตั้งของเราครับและเมื่อพรรคการเมืองไหนเข้ามาบริหารประเทศก็จะทำการ ผูกขาดทางการเมือง กันเป็นปกติอยู่แล้ว (คงไม่ต้องไปนับรวมถึงการรัฐประหารที่ภายหลังการรัฐประหารก็เกิดการ ผูกขาดทางการเมือง ขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง ครม. สนช. สสร.หรือแม้กระทั่งกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ !!! )ด้วยเหตุนี้เองที่ผมยังไม่ค่อยสนิทใจเท่าไหร่นักกับ ผล ของคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ ลงโทษสถานหนัก พรรคไทยรักไทยด้วยการยุบพรรคการเมืองดังกล่าวครับผมคงพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วในประเด็นนี้เพราะอาจเกิด ปัญหา ตามมาได้ครับ
    เรื่องต่อมาเป็นเรื่องที่เข้าใจว่าวันข้างหน้าคงสร้างความขัดแย้ง และความสับสนในทางวิชาการให้กับนักกฎหมายและประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก นั่นคือเรื่องการมีผลย้อนหลังของกฎหมาย เราถูกสอนกันมานานว่ากฎหมายไม่สามารถมีผลลงโทษย้อนหลังได้หรือกฎหมายไม่สามารถมีผลย้อนหลังในทางที่เป็นโทษได้หรือการลงโทษต้องใช้กฎหมายที่มีอยู่ในขณะกระทำความผิดสิ่งต่างๆเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็ถือเป็น หัวใจ ของระบบนิติรัฐที่เราไม่อาจปฏิเสธได้
    ในประเทศฝรั่งเศส 10กว่าปีที่ผ่านมามีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้งศาลขึ้นมาใหม่สำหรับใช้ในการพิจารณาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ของรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญก็ได้กำหนดเอาไว้ว่าสามารถนำไปใช้กับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นได้เหตุสำคัญที่ฝ่ายรัฐสภาใช้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีผลย้อนหลังในทางที่เป็นโทษกับรัฐมนตรีก็คือเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ (public interest) ครับดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนั้นซึ่งผ่านการพิจารณาจากตัวแทนของประชาชนคือรัฐสภา และถ้าผมจำไม่ผิด ผ่านการออกเสียงประชามติโดยประชาชนด้วยจึงมีบทบัญญัติที่มีโทษย้อนหลังได้ครับ
    กลับมาสู่กรณีของประเทศไทยหากเรามาลองไล่เรียงเหตุการณ์ดูก็จะพบว่า มีการยุบสภาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 และในวันที่ 2 เมษายน 2549 ก็มีการเลือกตั้ง ดังนั้นการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นอันเป็นเหตุนำไปสู่การยุบ พรรคการเมืองและการตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คนจึงเกิดขึ้นในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่มีการกระทำความผิด ได้กำหนดโทษร้ายแรงที่สุดไว้เพียงห้ามกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบไปตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง ต่อมาเมื่อมีการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 และตามด้วยการยกเลิกรัฐธรรมนูญ การยุบศาลรัฐธรรมนูญรวมไปถึงการออกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27เพิ่มโทษให้กับกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบจนกระทั่งนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทยในวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ซึ่งก็ส่งผลให้มีการนำประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 มาใช้ตัดสิทธิทางการเมืองของนักการเมือง 111 คน จึงเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณากันว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ในส่วนที่มีการกำหนดโทษย้อนหลังนั้นมีผลใช้บังคับอย่างแท้จริงหรือไม่ซึ่งในประเด็นนี้เองก็มีผู้ออกมาให้ความเห็นกันมามาย ฝ่ายที่เห็นด้วยก็บอกว่าการตัดสิทธิทางการเมืองไม่ใช่โทษทางอาญา จึงสามารถดำเนินการย้อนหลังได้ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งรวมทั้งผมด้วยก็ไม่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าวโดยมีเหตุผลที่สำคัญคือ การตัดสิทธิทางการเมืองแม้จะไม่ใช่โทษทางอาญาแต่ก็เป็นสิ่งที่มีสภาพเป็น โทษแล้วก็เป็นโทษที่มีความรุนแรงมากเพราะกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในวันข้างหน้า หากเรานำเหตุผลที่ได้จากคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ว่าการออกกฎหมายให้มีโทษย้อนหลังสามารถทำได้หากไม่ใช่โทษทางอาญามาใช้กับการบริหารราชการแผ่นดินก็เกรงว่าน่าจะก่อให้เกิดปัญหาและความวุ่นวายตามมาไม่จบสิ้นฝ่ายปกครองคงออกระเบียบต่างๆที่เป็นโทษอื่นๆที่ไม่ใช่โทษทางอาญา เช่นโทษปรับทางปกครอง ตัดเงินเดือน ฯลฯ ได้อย่างง่ายดายโดยอ้างคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานครับ เพราะฉะนั้นก็คงต้องฝากเรื่องนี้ไว้กับบรรดานักกฎหมายทั้งหลายที่จะต้องช่วยกันศึกษาวิเคราะห์คำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดต่อไปเพื่อหา ข้อยุติ ที่เป็นธรรมที่สุดสำหรับประเทศไทยของเราครับ
    จริงๆแล้วในคำวินิจฉัยดังกล่าวยังมีประเด็นให้ต้องขบคิดอีกมากไม่ว่าจะเป็น การเกิดขึ้น ของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ การ เข้ามารับช่วง วินิจฉัยคดีที่ตนเองไม่ได้ทำตั้งแต่ต้นและผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งล้วนแล้วแต่มาจาก คมช. และเป็นกลุ่มคนที่อยู่คนละขั้วกับ ทักษิณ อยู่แล้ว การตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดทั้งๆ ที่รู้อย่างชัดแจ้งว่ามีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้กระทำผิดประเด็นต่างๆเหล่านี้ในวันข้างหน้าคงมีคนหยิบยกมาพูดกันบ้างครับ
    ก่อนจะจบบทนี้คงต้องเล่าให้ฟังว่าในต่างประเทศนั้นการยุบพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย หรือเกิดขึ้นง่ายๆเพื่อนชาวฝรั่งเศสหลายๆ คนถามผมว่า การยุบพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ของประเทศ มีสมาชิกอยู่ประมาณ 14 ล้านคนและสามารถชนะการเลือกตั้งจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเรา จะส่งผลกระทบต่อระบบการเมืองและระบบประชาธิปไตยของไทยต่อไปอย่างไร ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเราในช่วงเวลา 1ปีที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่อยู่ นอกกรอบและ นอกเกณฑ์ที่ควรจะเป็นทั้งสิ้นในขณะที่การรัฐประหารเพื่อล้มล้างระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนและดำเนินการต่างๆอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งด้วยการโกง กลับกลายเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตย ก็ไม่แน่ใจว่าในชีวิตนี้จะได้ยินอะไรแบบนี้ในโลกนี้ได้อีกครับ !!!

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น