[EXO] :: ETHIC :: [KRIS x LAY] - [EXO] :: ETHIC :: [KRIS x LAY] นิยาย [EXO] :: ETHIC :: [KRIS x LAY] : Dek-D.com - Writer

    [EXO] :: ETHIC :: [KRIS x LAY]

    โดย YELLOWRIBBON

    ธาตุแท้ของทุกๆสิ่งคือ น้ำ.. .ทุกสิ่งทุกอย่างมาและคืนไปสู่สภาพเป็น น้ำ Thales

    ผู้เข้าชมรวม

    372

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    372

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.พ. 57 / 22:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      :: Ethic ::

       

      KRIS x LAY

       

       

      ธาตุแท้ของทุกๆสิ่งคือ น้ำ.. .ทุกสิ่งทุกอย่างมาและคืนไปสู่สภาพเป็น น้ำ

                                                                         Thales

       

       

       

      :: Ethic ::

       

       

       

      เสียงหวีดหวิวของลมกรรโชกแรง เร่งให้ชายหนุ่มที่พึ่งเสร็จจากการทำรายงานที่บ้านเพื่อนจนดึกรีบสาวเท้าเร็วก่อนที่ห่าฝนจะกระหน่ำลงมาเบื้องล่าง เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางกลับบ้าน แสงไฟสลัวติดๆดับๆที่ข้างทางยิ่งชวนให้รู้สึกใจไม่ดีอย่างน่าประหลาด หยดน้ำเล็กๆที่สัมผัสได้บนมือบอกว่าเขามีเวลาไม่มากแล้ว

       

       

      ไม่ทัน

       

       

      เมื่อรู้สึกถึงละอองฝนได้เพียงชั่ววินาทีเดียวก็เปลี่ยนเป็นความเปียกชื้นไปทั่วทั้งตัว คงจะดีไม่น้อยถ้าฝนจกตกเงียบๆแบบที่ไม่ต้องมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังระงมอย่างที่เป็นอยู่ ว่าแล้วก็รีบวิ่งผ่านเข้าไปในความมืด เวลานี้ทัศนวิสัยรอบๆตัวขุ่นมัวไม่ต่างจากใจที่ว้าวุ่น..  มองเห็นแต่เพียงทางเดินที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ คิดอยากจะเงยหน้ามองทางก็ทำไม่ได้เพราะฝนที่เทลงมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่คิดจะสงสารคนกลับดึกแถมยังไม่พกร่มอย่างเขาสักนิด

       

       

      ปึก !

       

      “ . . . “

       

      ชายหนุ่มชั่งใจที่จะกล่าวขอโทษ หรืออีกนัยเขายังไม่แน่ใจว่าที่ชนไปเป็นคนหรือเสาไฟฟ้ากันแน่

       

       

      “ . . . “

       

       

      คน.. เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สรุปขึ้นมาในใจ

       

       

      “ ขอโทษครับ “

       

       

      กล่าวพร้อมกับก้มหัวให้อย่างมีมารยาท ไม่รู้ว่าฝนซาลงเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เขาก็มองรอบๆได้ชัดขึ้นแล้ว รวมถึงคนตรงหน้านี้ด้วย

       

      ไม่ตอบ ถือว่าไม่โกรธแล้วกันนะ

       

       

      เดินเลี่ยงไปช้าๆ เสียงน่ากลัวๆของลมและเสียงฟ้าร้องหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงเม็ดฝนปรอยๆที่ยังทำให้เปียกได้อยู่ และเพราะเปียกอยู่ทั้งตัวแล้ว จึงไม่คิดจะรีบร้อนวิ่งกลับเหมือนอย่างเมื่อกี้ หรือพูดอีกทีเขาไม่อยากรีบวิ่งเหมือนเด็กๆจนไปชนใครเข้าให้เสียฟอร์มอีก

       

       

      อีกไม่ถึงร้อยเมตรก็จะถึงหน้าบ้านที่เช่าอยู่

       

       

      ทุกๆสามก้าวที่ย่างเดิน

       

      เผลอหันหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

      “ ขอโทษนะครับที่ชน นี่ร่ม”

       

       

      เงียบ.. .ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ

       

       

      “ ดึกแล้ว กลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย “

       

       

      “ . . . “ แม้จะไม่มีการตอบสนองทางคำพูด แต่คนที่ยืนเหม่ออยู่ก็หันมามองเขาแล้ว “ ร่มครับ ถือไว้แล้วเดินกลับบ้านดีๆ “ เขาจับมืออีกคนขึ้นมา ทำท่าจะส่งร่มให้ถือ แต่ก็ต้องชะงักค้างไว้.. .

       

       

       

      “ ว่าแล้วว่าต้องไม่สบาย “

       

       

       

      .

      .

       

       

      สาบานได้ว่าที่ผมจูงมือคนไม่รู้จักเข้าบ้าน เป็นเพราะเขากำลังป่วย

       

      ไม่ใช่เพราะ ผม กำลังถูกใจ

       

       

       

       

      :: Ethic :: :: Ethic :: :: Ethic ::

       

       

       

       

      เสียงฝนที่นอกหน้าต่างหยุดลงแล้ว เจ้าของบ้านกับคนแปลกหน้า กำลังมองหน้ากันเงียบๆอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี อี้ฟานยืนจับท้ายทอยแก้เก้อ สิ่งที่ควรทำเขาก็ทำให้หมดแล้ว ทั้งส่งเข้าห้องอาบน้ำ ยื่นเสื้อผ้าใหม่ให้เปลี่ยน หายาแก้ไข้ให้กิน เห็นทีจะเหลืออยู่อย่างเดียวที่เขาควรจะทำ คือส่งอีกคนกลับบ้านอย่างสวัสดิภาพ

       

       

      “ โคล่าไหม “ บทสนทนาๆโง่ๆหลุดออกมาจากปากเป็นครั้งที่สิบของค่ำคืนนี้ แน่นอนว่าเขาไม่เคยได้รับคำตอบ คนตรงหน้าทำเพียงแค่มองกลับมาอย่างสงสัยเท่านั้น .. .และสามในสิบครั้ง เขาแอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆแถมมาด้วยหน่อยนึง

       

       

      ไม่แน่ว่าการเล่นเงียบกับเขาอยู่ในขณะนี้จะเป็นการหาความสุขเล็กๆน้อยๆจากคนที่ยังไม่รู้จักกัน

       

       

      “ อืมมม ..ถ้างั้น  กลับบ้านไหม “

       

       

      หัวกลมๆส่ายไปมาเบาๆแล้วมองตอบมาอย่างจริงจัง

       

       

      เขาหลุดขำให้กับอาการเด็กๆที่ได้เห็น รู้สึกผ่อนคลายแปลกๆในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ ชายหนุ่มหมุนตัวเดินหารีโมททีวี อย่างน้อยถ้าเปิดอะไรดูเขาอาจจะเก้อเขินน้อยลง หันซ้ายหันขวามองกลับไปที่โต๊ะหน้าโซฟาตัวยาว เขาเห็นรีโมทแล้ว แต่ก่อนที่จะได้หยิบมัน.. ความสนใจทั้งหมดของเขา ก็กลับไปที่คนแปลกหน้าคนเดิมที่หยิบรีโมทหนีไปให้พันจากสายตา

       

       

      ไม่อยากจะเตือนให้ฟังว่าอย่ามายิ้มให้เห็นแบบนี้บ่อยๆ

       

       

      “ สนุกเนอะ “ ประชดเบาๆให้คนที่กำลังยิ้มเต็มแก้มมาให้แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ ทำเป็นก้มหน้าก้มตาไม่สนใจ เขาอยากจะรู้.. ว่าคนที่ดูท่าทางจะเรียกร้องความสนใจเก่ง จะเก่งจริงอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า

       

       

      ปลายนิ้วเย็นๆแตะลงกับหลังมือของชายหนุมเบาๆ แล้วจับมือนั้นเขย่าไปมาพร้อมๆกับเอียงหน้าลงมาหาเขาที่ก้มหน้าอยู่ ไม่ได้ใกล้จนเกินไป แต่ก็ใกล้.. จนแทบจะลืมหายใจ

       

       

      “ อะไร “ เขารีบเงยหน้าขึ้น รู้สึกร้อนผ่าวไปถึงใบหู

       

       

      อีกแล้ว หัวเราะแบบนี้อีกแล้ว เมื่อกี้ได้เตือนไปแล้วหรือเปล่าว่าอย่าทำ

       

       

      “ เอารีโมทมาเลย “ ต่อให้ต้องพูดคนเดียวทั้งคืน เขาก็จะทำ หลายๆอย่างจากคนตรงหน้านี้ชวนให้คลั่งได้มากกว่าที่คิดเอาไว้ เขาจะทำยังไงดีนะ  เผลอ  ไปแล้วเสียตั้งเยอะ

       

       

      “ จะไม่กลับบ้านจริงอ่ะ “ คนถูกถามพยักหน้าแล้วย่นคิ้วให้เหมือนไม่พอใจ ร่างโปร่งลุกขึ้นเดินไปรอบๆห้อง ข้าวของระเกะระกะบ่งบอกให้รู้ว่าคนใจดีที่พาคนแปลกหน้าเข้าบ้านคงเป็นชายโสดที่ยังเรียนไม่จบ กองหนังสือกระจัดกระจายอยู่นอกชั้นชวนให้คนที่กำลังหาอะไรทำต้องเดินไปจัดให้เข้าที่เข้าทาง

       

       

      อี้ฟานมองทุกการกระทำนั้นเงียบๆ

       

       

      “ ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ “ ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ทว่าไม่มีผลตอบรับจึงลุกขึ้นจากที่นั่งบ้าง “ ไม่ต้องเก็บหรอก . . “

       

       

       

      เขาไม่ได้ตั้งใจ

       

      แค่จะช่วยเก็บหนังสือเล่มหนาในมือให้เข้าที่

       

       

       

      เขาไม่ได้ตั้งใจ

       

      ที่จะเข้าประชิดตัวให้ต้องกระอักกระอ่วนใจอย่างที่เป็นอยู่ ใบหน้าได้รูปหลุบมองต่ำเมื่อหันมาเจอกับคนที่แย่งหนังสือในมือไปถือไว้ แก้มเนียนไม่เจือสีใดๆทว่ากิริยาที่เห็นก็บ่งบอกเหลือเกินว่ารู้สึกเช่นไร จำเป็นหรือที่เขาจะต้องถอยตัวออกมา

       

       

       

      กลับกัน

       

      เขาเลือกที่จะขยับตัวเข้าใกล้ให้มากกว่าเดิมแล้วกอดเอวบางนั้นไว้หลวมๆ

       

       

      คนในอ้อมแขนขืนตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่จริงจังจนทำให้เขาต้องคลายอ้อมกอด อี้ฟานอมยิ้มให้ความรั้นบนใบหน้าสวย นัยน์ตาสีดำสนิทกำลังขู่เขาด้วยความน่ากลัวเท่ากับกระต่ายขาวตัวหนึ่ง น่ากลัวเสียจนอยากจะเลี้ยงไว้ให้เชื่อง

       

       

      “ ฉันชื่อ คริส “ ไม่รู้หรอกว่าอยากจะรู้จักเขารึเปล่า แต่เขาอยากรู้จักจะแย่ ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน เรียนหรือทำงาน มีคำถามตั้งมากมายที่พร้อมจะถาม แต่กลับเลือกที่จะแนะนำตัวเองออกไปก่อน จะบอกว่าเขาขี้ขลาดก็ได้

       

       

      “ ฉัน. . . “ ร่างในอ้อมกอดขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่. . เขาบอกไปแล้วหรือยังว่าเขาขี้ขลาด มันไม่เป็นไรเลยถ้าคนตรงหน้านี้จะไม่อยากรู้จักเขา

       

       

      “ จำไว้ว่าฉันชื่อ คริส “

       

       

      “ . . . “ แววตาสีดำสนิทเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่สามารถหาคำมาจำกัดความให้ได้ มันทั้งสับสน ทั้งสงสัยระคนกันไป “ นายเคยฝันดีรึเปล่า “

       

       

      ชายหนุ่มเลิกคิ้วให้คำถามนั้น

       

       

      “ ฉันกำลังฝันดี “

       

       

      น่าประหลาดที่คำพูดแปลกๆของคนตรงหน้าจะทำให้เขารู้สึกดี อี้ฟานเรียบเรียงเรื่องราวใดๆไม่ได้แต่กลับยิ้มอ่อนให้คำพูดชวนฝันที่ได้ยิน

       

       

      “ ทุกครั้งที่ฝันดี ฉันจะตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ว่างเปล่า ฉันหยิบอะไรจากความฝันออกไปไม่ได้ “ รวมถึง คริส ด้วยเช่นกัน. . .

       

       

      “ แต่ฉันไมได้ฝัน “ เป็นความจริง เขายังไม่ได้นอน แล้วเขาจะฝันได้ยังไง แต่. .ถ้ามีคนอยากให้เรื่องที่กำลังดำเนินอยู่นี้เป็นความฝัน เขาก็จะร่วมมือด้วย “ ถ้านายกำลังฝัน งั้นในฝัน นายจะทำอะไรกับใครก็ได้ ใช่ไหม “ ฟังแล้วก็พยักหน้ารับ ไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงกับท่าทีของคนเจ้าเล่ห์

       

       

      “ ถ้างั้น . . “ อี้ฟานอมยิ้มให้กับใบหน้าที่ถามเขากลับมาว่า ถ้า อะไร แล้วก้มลงกดริมฝีปากลงแผ่วเบากับคนที่เผลอตัว และคงจะเผลอใจให้คนในฝันอย่างเขาไปแล้วด้วย ไม่งั้นคงไม่นิ่งให้เขาขโมยจูบเอาง่ายๆอย่างนี้ ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง. .เขาย้ำมันอยู่หลายครั้ง ย้ำ จนกระทั้งอีกคนเลือกที่จะเป็นฝ่ายโหยหาเสียเอง “ ท่าทางแบบนี้แปลว่าอนุญาตรึเปล่า “

       

       

      “ อนุญาต ถ้าแค่จูบ “ ไม่มีการรีรอหลังจากคำอนุญาตที่ได้ยิน อี้ฟานพบว่าเขาเป็นฝ่ายตั้งตัวไม่ทันกับความละมุนละไมที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ กระต่ายขาวตัวนี้ไม่ได้เชื่อง มันทั้งรั้นและเอาแต่ใจ แต่เขาก็ยังหลงรักมัน

       

       

       

       

      หรือนี่จะเป็นเพียงความฝันอย่างที่ว่า

       

       

      “ ฉันยังไม่อยากตื่น “

       

       

      เขาเอง ก็ยังไม่อยากตื่นเช่นกัน

       

       

      .
      .
      .

       

      เสียงฝน

       

       

      ชายหนุ่มพลิกตัวไปมาบนเตียงช้าอย่างเช่นที่เคยทำในทุกเช้า เขาสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาแล้วพลิกตัวขึ้นมองเพดานสีขาว ที่ว่างเปล่าเหมือนในหัวตอนนี้ คิดแล้วพลิกตัวอีกทีมองผ้าปูที่นอนยับๆข้างตัว เตียงคู่ที่นอนคนเดียวมาตลอด วันนี้มันกลับยับแสดงความประหลาดให้เห็นชัดเจนเสียงจนดึงความทรงจำลางๆของเมื่อคืนกลับเข้าสู่ความนึกคิด

       

       

       

      เมื่อคืน

      เขาไม่ได้นอนคนเดียว

       

       

      แล้วใคร?

       

      ใบหน้าที่ปรากฎขึ้นมาให้เห็นไม่ได้ทำให้รู้สึกประหลาดใจสักนิด ในเมื่อมันชัดขนาดนี้ หรือใครบางคนจะอยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันไปจริงๆ



       

      หรือว่าเขาจะฝัน. .

       

       

       

      “ บ้าชัดๆ “ สบถให้กับเรื่องไร้สาระเรื่องหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วลุกจากที่นอนเดินข้ามห้องไปคุยกับตัวเองต่อในห้องน้ำ ให้คิดใหม่อีกกี่ทีเขาก็คิดไม่ตก อี้ฟานล้างหน้าเร็วๆดับอารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่น โกรธตัวเองที่เอาจริงเอาจังกับความฝัน ขณะเดียวกันก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามันจะเป็นเพียงความฝัน เขาเดินออกมาแต่งตัว หยิบกระเป๋าแล้วเดินลงมาที่ชั้นล่าง ชั้นหนังสือดูเรียบร้อยผิดตายิ่งชวนให้ต้องคิดให้ดีๆ

       

       

       

      บางทีความจริงกับความฝันก็คาบเกี่ยวกัน

       



      “ คริสทางนี้! ทำอะไรอยู่ เค้าจับฉลากทำรายงานกันไปหมดแล้ว “ ลู่หานเรียกเพื่อนที่กำลังเดินหน้ามึนเข้ามา คนถูกเรียกไร้แล้วซึ่งความรีบร้อน อี้ฟานยังคงเดินเนือยๆฟังเพลงจากไอพอดอย่างไม่สนใจโลกเช่นเคย

       

      “ ทำหน้าโง่มาเรียนแบบนี้ไปดรอปไหม เห้ย ตื่น “

       

       

      “ เออ ตื่นแล้ว จะให้ทำอะไรก็บอกมา ง่วงจะนอน “ พูดจบก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าที่พูดมามันขัดแย้งกันขนาดไหน ลู่หานน้ำตาตกในเล็กๆ แต่ด้วยศักดิ์ศรีหัวหน้ากลุ่มแล้ว เขาจะ.. จะ จะทำอะไรมันก็ไม่ได้ คงต้องปล่อยให้นอนต่อไป “ อ่านนี่แล้วสรุป งานคู่ เดี๋ยวไปตามคู่มาให้ อย่างสร้างปัญหาล่ะ “ บอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มที่ แล้วหลบฉากไปแจกแจงงานให้คนอื่นฟังต่อ ทิ้งให้เพื่อนคนดีนอนเกลือกอยู่กับโต๊ะ

       

       

      อู่ อี้ฟานกำลังเฟล

       

       

      ต่อให้งานนี้จะเต็มห้าสิบคะแนนเขาก็ไม่อยากจะขยับตัวขึ้นมายุ่งเลยให้ตาย

       

       

      “ ขอโทษนะ ช่วยตื่นก่อนจะได้ไหม “ นิ่งเหมือนตาย เขาก็ได้ยินเลาๆอยู่หรอกว่าเป็นงานคู่ แล้วไงล่ะ คู่ก็ดี เขาจะได้ถือโอกาสอู้ “ นี่. . . “

       

       

      อืม . . ความพยายามในการทำงานเป็นเลิศ แต่จะดันตัวเขาให้ขึ้นจากโต๊ะแรงแค่นี้ยังน้อยไป

       

       

      “ ลู่หาน! เปลี่ยนคู่ไม่ได้หรอ “ ตะโกนขอความช่วยเหลือไปยังหัวหน้ากลุ่ม แต่คงจะไม่เป็นผลหรอก ใครๆก็รู้ว่าลู่หานจริงจังกับงานขนาดไหน “ ก็ได้ งั้นจะนับถึงสาม. .ถ้าไม่ตื่น “ อี้ฟานยิ้มกวนอยู่กับหนังสือที่ใช้หนุนต่างหมอน จะว่าไปมันก็ตลกดีเหมือนกัน

       

       

      “ จะกัด “

       

       

      หา

       

       

      สาบานได้เลยว่าเขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพราะอยากจะทำงาน แต่ที่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองให้ชัด เพราะคำขู่บ้าๆบอๆนี้ต่างหาก คนนะ ไม่ใช่. . .

       

       

       

      กระต่ายขาว

       

       

      บางทีความจริงกับความฝันก็คาบเกี่ยวกัน

       

       

       

      เงียบสนิท ในหัวของคนสองคนตอนนี้ไม่ต่างกัน ถึงอย่างนั้นคนที่เรียกสติกลับมาได้ก่อนกลับเป็นคนที่นอนไร้สติอยู่เมื่อครู่ เขาจะไม่พลาดอีกแล้ว ถ้าตอนนี้เป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน

       

       

      “ ฉันชื่อคริส จะบอกได้รึยังว่าชื่ออะไร “

       

       

      .

      .

      .

       

      FINISH

       

       

       

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×