ขวัญ” ก็เปิดใจให้สัมภาษณ์ หลังหมอสั่งพักหลังเส้นเสียงอักเสบ เป็นครั้งแรกถึงกรณีปมความขัดแย้งต่างๆ โดยมีแม่ยืนประกบข้างๆ ก่อนจะเผยถึงอาการป่วย และบอกสภาพจิตใจดี บอกไม่รู้ตัวว่าข่าวตนเองขึ้นหน้าหนึ่ง เพราะไม่เคยอ่านข่าวตัวเองอยู่แล้ว
ยืนยันไม่ได้เกาเหลากับดารารุ่นพี่ “ปู มัณฑนา” และไม่โรคจิตถึงขั้นส่งข้อความไปด่าใครแน่นอน แต่ยอมรับยืมโทรศัพท์หลายคนในกองเพราะแม่ลืมจ่ายให้จนโดนตัดสัญญาณ
"เรื่องเกาเหลาอันนี้หนูไม่ทราบค่ะ ทะเลาะกันก็คงไม่นะ เพราะเราก็ทำงานปกติค่ะ เขาไปแจ้งความก็ดีแล้วค่ะที่แจ้งความ ซีเรียสมั้ย หนูไม่ซีเรียสนะ อันนี้หนูให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่าเพราะตำรวจเขาเก่ง พ่อหนูก็เป็นตำรวจ"
"เรื่องยืมโทรศัพท์หนูยืมปกตินะ ยืมเล่นเกม ยืมเพื่อนโทรศัพท์ ยืมของแม่ ยืมของพี่ทุกคนทีเป็นโปรโมชั่นแต่ว่าเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้น คือหนูจิตใจปกตินะ หนูไม่ได้จิตใจโรคจิตขนาดนั้นนะ"
บอกแม้มีข่าวกับดารารุ่นพี่ แต่ก็ยังสนิทใจร่วมงาน และไม่เคยคุยเรื่องข่าว ยอมรับคุยโทรศัพท์เยอะจริงตามที่ดารารุ่นพี่บอก แต่ไม่เคยทำให้งานเสียหาย
"คือหนูก็สนิทใจนะคะ หนูก็ทำงานของหนูปกติ หนูมีความสุขดี ปกติกับทุกคนค่ะไม่ได้คุยเรื่องข่าวค่ะ เรามาทำงานมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ"
"ซึ่งโทรศัพท์หนูก็คุยนะคะ ไม่ใช่ว่าหนูไม่คุย แล้วทำงานหนูก็ทำท่องบทก็ท่อง แล้วเรื่องมาสายหนูว่ามันเป็นการทำงานระหว่างขวัญกับทีมงานมากกว่า เพราะว่าอย่างที่เห็นขวัญจะแว๊บไปมา เพราะว่าขวัญอยู่ในวัยที่ขวัญกำลังศึกษา ขวัญยังเป็นนักศึกษาที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ก็มีขวัญคนเดียวนี่ค่ะ แล้วก็ก่อนรับงานขวัญก็คุยกับพี่ทีมงานทุกคนแล้วค่ะว่าขวัญต้องเรียนไปด้วยนะ ทำงานด้วยนะ ทุกอย่างต้องควบคู่ไป ไม่ใช่ทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่งไป”
บอกไม่โกรธที่เกิดข่าวแบบนี้กับตน และไม่คิดเคลียร์กับดารารุ่นพี่ บอกไม่รู้จะขอโทษอีกฝ่ายด้วยเหตุผลอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมย้ำไหว้ทุกคนที่เข้ามาในกอง พร้อมท้าเช็คได้เลยว่าใครส่งข้อความไป
"ขวัญไม่โกรธนะ เห็นมั้ยทุกคนยังรักเอ็นดูขวัญ ทุกคนมาถามขวัญว่าเป็นยังไงบ้าง หนูจะเคลียร์ หนูไม่รู้ว่าอันไหนมันจริงอันไหนไม่จริงค่ะ หนูก็ทำเต็มที่ที่สุดของหนูแล้ว น้าปูเขาก็เป็นน้าคนหนึ่งที่น่ารักเหมือนกันทุกคนเป็นรุ่นพี่ทีมงานที่น่ารักค่ะ เราไม่ได้คุยกันเรื่องข่าวค่ะ เพราะทุกคนหนักแล้วเหนื่อยแล้วค่ะกับบท แล้วแต่ละซีนมันก็ยากต้องใช้สมาธิก็ต้องทำงานให้เต็มที่เพราะวันหนึ่งเรามาถ่ายละคร เรามาทำงานให้ทุกคนที่ติดตามละครเรา"
"หนูยกมือไหว้ทุกคนนะคะ ถ้าหนูทำความผิดหนูก็ขอโทษแล้วกัน แต่นี่หนูยังไม่รู้เรื่องเลย หนูไม่รู้จะขอโทษเรื่องอะไรน่ะ หนูก็อยู่ของหนูแบบนี้ ไม่ได้ไปทำอะไรให้ใครที่ไหน หนูไม่ได้ไปใส่ร้ายป้ายสีใคร เรื่องโทรศัพท์ก็เชิญเช็คได้เลยค่ะ ตามสบาย"
"หนูว่าน่าจะฟังหลายๆ ความนะ เพราะว่าเราก็อยู่วงการมาตั้งนาน หนูอยู่ตรงนี้ก็มีผู้ใหญ่หลายคนตั้งเยอะที่เขาเอ็นดูเรา โตมากับตรงนี้ได้ก็เพราะผู้ใหญ่ที่เขาคอยบ่มเราค่ะ"
บอกไม่หวั่นผู้ใหญ่เรียกคุย เพราะเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ฟุ้งผู้ใหญ่เอ็นดูตนเองมากกว่า บอกตั้งแต่เกิดเรื่องก็มีคนให้กำลังใจตลอดโดยเฉพาะแฟนคลับตนเอง
“ผู้ใหญ่ก็คุยกันตามปกติทั่วไปค่ะ เราอยู่ช่องเดียวกันก็เหมือนครอบครัว พ่อแม่ปกครองลูก มีอะไรเราก็คุยกันปรึกษาหารือกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวเรื่องงานเรื่องเรียนก็ปรึกษาผู้ใหญ่ค่ะ ผู้ใหญ่ไม่ใช่ยักษ์นะ เขาก็เหมือนพ่อเหมือนแม่เราคนหนึ่งก็ปรึกษาได้เหมือนกัน"
"ทุกอย่างเหมือนเดิมค่ะ อย่างเวลาไปไหนมาไหนทุกคนก็ให้กำลังใจขวัญเหมือนเดิม เอ็นดูขวัญ ขวัญก็ดีใจนะคะ อบอุ่นที่ทุกคนคอยอยู่ข้างขวัญเสมอ กับคนรอบข้างก็อบอุ่นค่ะ เท่าที่ทราบอย่างเรื่องพรีเซ็นเตอร์ลักษ์เท่าที่หนูรับรู้คือผู้ใหญ่ทุกคนยังเชื่อใจและเอ็นดูขวัญมากกว่าค่ะ"
ส่วนจะมีโอกาสร่วมงานกับสอง "ปู" อีกหรือไม่ เจ้าตัวบอกแล้วแต่ผู้ใหญ่ในช่อง ก่อนยิ้มรับโดนด่าในโลกไซเบอร์ว่าเป็นนางร้ายนอกจอ เจ้าตัวบอกดีแล้วจะได้พบกับนางเอกรูปแบบใหม่ บอกข่าวแค่นี้ไม่ร้ายแรงที่สุดในชีวิต
“ก็ดีนะ เป็นนางเอกยุคใหม่สู้คน(หัวเราะ) หนูไม่รู้ค่ะ หนูก็อยู่นิ่งๆ เฉยๆ มันเป็นธรรมชาติค่ะ คนไหนดีกับเราเราก็ดี คนไหนไม่ดีเราก็อยู่นิ่งๆ เราไม่เห็นจำเป็นต้องไปโต้ใครเลย"
"ในอินเตอร์เน็ตมันเป็นอะไรที่แสดงออกในทางสองแง่สองง่ามคือเราก็ไม่ได้ว่าอะไรว่าเขาจะมองเราเป็นคนไม่ดี แต่ว่าขวัญก็ทำเต็มที่ให้ดีที่สุดของขวัญแล้ว คนไหนที่เขาให้กำลังใจขวัญขวัญก็โอเคขอบคุณมาก หนูคิดว่าโตขึ้นมาเราต้องเจออะไรทีเป็นบทเรียนเราอีกเยอะ อันนี้มันเป็นประสบการณ์ที่หายากที่ขวัญไม่สามารถที่จะหาได้จากมหาวิทยาลัย"
โอ๊ย!!!
มันยาวมาก นี่ขนาดผมตัดต่อแล้ว เอาเฉพาะที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทะเลาะกันมาก มันยังยาวขนาดนี้เลย ถ้าอยากดูที่ให้สัมภาษณ์ตัวเต็มก็ไปดูได้ที่ link ข้างล่างนะครับ มีวีดีโอที่เป็น windows media format ให้ดูด้วย ( สำหรับผู้ที่ใช้เครื่อง Mac ถ้าคุณอยากจะดูวีดีโอที่เป็น .wmv คุณต้องไป download และ install Plug-in ของ quicktime ตัวนี้ครับ http://www.flip4mac.com/wmv_download.htm)
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000083031
ถ้าจะให้ถูกหลักการมากกว่านี้ ผมต้องไปเอาคำสัมภาษณ์ของคนกลางอย่างผู้จัด ผู้กำกับ หรือดาราที่แสดงร่วมมาอีก แต่พอละครับ ผมไม่ใช่นักข่าว สิ่งที่ผมอยากจะอ้างอิงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ก็แค่เรื่องของคนที่กล้าพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า แม้ว่าจะอยากจะพูด แต่ถ้าพูดไปแล้วมันอาจจะมีผลไม่ดีกับตัวเอง ดังนั้นการไม่พูดถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แม้ว่าการไม่พูดอาจจะทำให้จำเป็นต้องทนกับสิ่งที่ตัวเองไม่พอใจต่อไป แต่มันก็เสี่ยงน้อยกว่าการพูดแล้วอาจทำให้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางไม่ดีกับตัวเอง อย่างในกรณีข่าวของน้องขวัญกับคุณปู ผมจะไม่พูดว่าใครถูกใครผิด หรือจะมีเบื้องหลังอะไรมากกว่าที่ออกมาเป็นข่าว ผมจะตั้งสมมุติฐานว่าคุณปูพูดความจริง น้องขวัญมาสายบ่อยๆและไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ ผมคิดว่าถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คนที่ร่วมงานด้วยคงไม่มีใครกล้าพูดเพื่อเตือนน้องขวัญ แม้แต่ผู้กำกับ เพราะน้องขวัญเป็นหนึ่งในดาราที่ได้รับความนิยมและสร้างรายได้ให้กับช่อง 7 มากที่สุด ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงไปด่าน้องขวัญหรอกครับ แต่คุณปู ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ออกมาพูดว่าน้องขวัญแบบนี้ หมายความว่า คุณปูทนไม่ไหวจริงๆ แล้วก็กล้าที่จะแลกอนาคตของตัวเองในวงการบันเทิงกับการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ผมคิดว่าถ้าคุณปูไม่มีสามีเป็นคุณหาญ หิมะทองคำ คุณปูคงไม่กล้าทำ จะเห็นจากคำพูดที่บอกว่า “ ที่สำคัญที่สุดคือน้องเขาไม่มีสัมมาคารวะเลย ปูรู้สึกเหนื่อยใจมาก ตั้งแต่เข้าวงการมา 10 กว่าปี ไม่เคยเจอแบบนี้เลยจริงๆ อย่างน้องปู-ไปรยาดูเป็นคนแรงน่าจะร้ายๆ แต่จริงๆน้องปูน่ารักมาก มีวินัย ทีมงานทราบกันทุกคน แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่กล้าพูด แต่เราทนไม่ไหวเป็นอย่างไรก็เป็นกัน ปูรักคุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) และช่อง 7 แต่ปูทนพฤติกรรมเด็กคนนี้ไม่ไหวจริงๆ ถ้าข่าวออกไปและทำให้ปูไม่มีงานละคร ปูก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะปูพูดความจริง ไม่ใส่ร้ายใคร ” แสดงว่าคุณปูรู้อยู่แล้วจากประสบการณ์ว่าถ้าพูดออกไป อาจจะเกิดผลร้ายกับตัวเอง แต่คุณปูก็ยอมรับสภาพการกลับไปเลี้ยงลูกเฉยๆอยู่กับบ้านได้ ด้วยฐานะของสามี คุณหาญ คุณปูสามารถทำอย่างนั้นได้ คนอื่นๆที่ทำงานอยู่ร่วมกันในกองถ่าย ไม่มีใครที่สามารถทำแบบคุณปูได้ หรือทำได้ แต่ก็ไม่มีใครทำเพราะมันไม่คุ้ม การทำแบบนี้ ช่วยให้เกิดผลดีกับคนรอบข้างทุกคน เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นจริง อย่างน้อยในระยะเวลานี้ น้องขวัญก็คงจะมากองถ่ายเร็วขึ้น แล้วก็ไม่แว๊บหายไปบ่อยๆแบบที่คุณปูพูด รวมทั้งไม่เรื่องมากในขณะถ่ายทำ คนในกองก็ไม่ต้องมานั่งรอน้องขวัญนานๆ ผู้กำกับ นักแสดงร่วม ช่างไฟ และทีมงานคนอื่นๆ ก็ทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้น ส่วนน้องขวัญก็สามารถปรับปรุงตัวเองให้มีระเบียบวินัยมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นผลดีกับน้องขวัญเองในอนาคต ส่วนละครก็น่าจะมีคนดูมากขึ้นเพราะได้โฆษณาฟรี ในข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ(แต่ผมคงไม่เป็นหนึ่งในจำนวนคนดูที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผมไม่มีความสามารถในการดูละครช่อง 7 ได้ ) คนที่จะเดือดร้อนมีคนเดียวคือคุณปู อย่างน้อยที่สุดถ้าคุณปูยังได้แสดงละครอยู่ ละครที่น้องขวัญเล่นซึ่งน่าจะมีอีกหลายเรื่อง คงจะไม่มีคุณปูร่วมแสดงด้วย สิ่งเดียวที่คุณปูได้จากเหตุการณ์นี้คือ ความสะใจ
ตอนแรกกะว่าจะจบเรื่องราวของขวัญกับปูแค่นี้แล้ว กลัวเหมือนกันว่ากระแสมันจะจางไปแล้ว แต่โชคดีครับ เมื่อกี้เพิ่งเห็นในข่าวของคมชัดลึก คุณปูก็มาให้สัมภาษณ์ update
ถึงสถานการณ์ตามหัวข่าวข้างล่างครับ
"ปู"แฉ"นางเอกดัง"ไม่ยอมจบชอบหาเรื่องกระแนะกระแหน
"ตอนนี้ สภาพจิตใจในกองถ่ายกับผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ก็ดี ไม่มีปัญหา แต่กับคู่กรณีไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเขาไม่หยุด วันที่ผู้ใหญ่เรียก ปู เขา และแม่ของเขาไปเคลียร์ ผู้ใหญ่บอกให้หยุดไม่ให้สัมภาษณ์ แต่ตัวเขา กับแม่ไม่หยุด ยังให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ล่าสุดให้สัมภาษณ์ ว่าถูกหนูกระแนกระแหน ซึ่งในความจริง หนูถูกแม่และน้องเขาแขวะ หนูมั่นใจ ว่าเขาเป็นคนให้ข่าว เพราะที่เกิดเหตุ มีเขากับแม่เขา และช่างแต่งหน้าช่างทำผมอยู่แค่นั้น
คือวันนั้นพี่ช่างทำหน้าทำดินสอเขียนคิ้วหล่น น้องเขาก็พูดแขวะขึ้นมา ว่าพี่ของมันหล่น อะไรที่มันเสียๆ ก็ให้โยนทิ้งไปอย่ามาใส่ใจ เดี๋ยวจะเป็นบ้า แต่เขากลับไปให้ข่าว ว่าเขาบอกหนู ว่าโรลล์ม้วนผมของหนูเก่าแล้ว น้องเขาแนะนำให้หนูซื้อใหม่ แล้วหนูก็ไม่พอใจ แล้วก็หันมาต่อว่าเขา ซึ่งมันไม่เป็นความจริง เพราะหนูไม่เคยเอาโรลล์ม้วนผมไปกองถ่าย ปกติจะใช้อุปกรรณ์กองถ่ายทุกอย่าง เขาให้ข้อมูลผิดพลาด ปูเป็นคนถูกแขวะ เป็นคนถูกกระทำ" ปูกล่าวเสียงจริงจัง
นอกจากนี้นักแสดงเรื่อง "ปมรักรอยอดีต" กล่าวต่อว่า นอกจากนางเอกคนดัง ซึ่งเป็นคู่กรณีแล้ว แม่ของนางเอกดังก็ร่วมหาเรื่องด้วย
"แม่เขาไม่พอใจปู เปิดประตูกระแทกใส่ปู และก็ไม่ยอมเดินออกไป ยืนขวางปูอยู่ ไม่ให้ปูเดินออก แม่เขาก็ยืนขวางอยู่นานเหมือนกัน แต่ปูก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร คือตอนนี้ปูรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนเขากับแม่พยายามเล่นสงครามประสาท ป่วนปูตลอด ต่อว่ากระแนะกระแหน มีอยู่วันหนึ่งก็พูดขึ้นมา ว่าวันนี้ไปทำบุญล้างซวยมา ปูอยากจะหยุดแล้ว ตั้งแต่ผู้ใหญ่เรียกไปคุย แต่ในเมื่อเขายังเป็นแบบนี้ และมีพี่นักข่าวมาถาม ปูก็ต้องพูดบ้าง ก็อยากจะระบายบ้าง" ปูกล่าว
ถามถึงเรื่องคดีความที่ได้แจ้งความเอาไว้ คืบหน้าไปถึงไหน ซึ่งทั้งนี้เธอบอกว่า จริงๆ แล้วถ้าหากคู่กรณีอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ไม่มาหาเรื่อง เธอก็จะยอมความ ตามที่ผู้ใหญ่ขอ แต่ถ้าหากยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็คงยอมไม่ได้
"ปูก็ดูพฤติกรรมของเขา ถ้าต่างคนต่างอยู่ ปูก็เชื่อผู้ใหญ่ พร้อมจะให้อภัย เพราะผู้ใหญ่ก็บอก ว่าอยากให้จบ แต่ถ้าเขายังมีพฤติกรรมแบบนี้ คงคุยกับผู้ใหญ่ใหม่ ปูก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน" ปูกล่าวทิ้งท้าย
ข้อความข้างบนนี่ตัดออกไปบ้างนะครับ ถ้าจะอ่านตัวเต็มก็ไปอ่านได้ที่ link ข้างล่างครับ
http://www.komchadluek.net/2008/07/27/x_ent_f001_212711.php?news_id=212711
ไม่รู้ว่าน้องขวัญจะตอบโต้อีกหรือเปล่า ยังไงก็แล้วแต่ กรณีนี้ถือว่าน้องขวัญซวย ดันมาทะเลาะกับคนที่ไม่กลัวตกงาน ส่วนกรณีเรื่องที่คุณปูแจ้งความ ถ้าน้องขวัญเป็นคนที่ส่ง message
ไปจริงๆนี่ผมก็สงสัยว่า ช่างแต่งหน้าที่เป็นคนให้น้องขวัญยืมโทรศัพท์จะกล้ามาเป็นพยานหรือเปล่า? บอกตำรวจว่าน้องขวัญยืมโทรศัพท์ไปส่งข้อความนั้น เพราะถ้าเป็นพยานก็หมายความว่า ช่างแต่งหน้าก็จะเป็นอีกคนที่จะไม่มีงานทำในกองถ่าย ก็ต้องรอดูต่อไปครับ
ตอนต่อไปผมจะพูดถึงข่าวเรื่องที่ผู้ว่าอภิรักษ์ปิ๊งแก้ลำน้ำมันแพง เล็งออกกฎเก็บเงินค่าผ่านทางเข้าโซนธุรกิจ สีลม-สาทร-สุขุมวิท ถ้าสนใจก็ติดตามอ่านดูได้นะครับว่าจะเกี่ยวกับเรื่องการทะเลาะของน้องขวัญกับคุณปูได้ยังไง
ความคิดเห็น