Admission สำเร็จได้จากความมุ่งมั่น อดทนอย่างจริงจัง
จนมาถึงวันนี้  หลายคนยังคงวิพากษ์วิจารณ์อยู่กับประเด็นที่ว่า Admission เหมาะกับสังคมไทย
หรือไม่ ถึงเวลาที่ต้องมาใช้ระบบนี้กันหรือยัง  หรือแม้กระทั่งว่า มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกหรือไม่ สำหรับ
การคัดเลือกนักเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย  หลายๆ ประเด็น หลายๆ กระแสที่มีเข้ามาในแต่ละวัน
จนถึงวันนี้ ผมว่าคิดว่ารัฐบาลได้เริ่มต้นและดำเนินการเกี่ยวกับการนำระบบนี้มาใช้แล้วแน่นอน  มีผลทันที
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  และเรื่อยไป 
ประเด็นที่ต้องมาพิจารณากันในวันนี้คือ น้องๆ  พร้อมกันจริงๆ หรือยัง  หรือเพียงแค่ได้เริ่มต้นบ้างแล้ว
น้องๆ ครับ พี่อยากจะบอกว่าความสำเร็จจะมีมากเท่าใด  ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นมุ่งมั่นอย่างจริงจัง 
และอดทนยอมรับกับความลำบาก  ความขี้เกียจ  ได้มากน้อยเพียงใด  หากน้องยังกลัวที่จะลำบาก  น้องจะมีแต่
\"ข้ออ้าง\" ต่างๆ นานา เพื่อเป็นข้ออ้างให้กับตัวเองว่าไม่สามารถเตรียมตัวได้ อ่านหนังสือไม่ได้ ไม่มีเวลา ไม่พร้อม
กิจกรรมมาก การบ้านเยอะ งานเยอะ โครงงานมากมาย ไม่ไหว  ไม่มีเวลาหรอก  ไม่มีเงินซื้อหนังสือ ยังเหลือเวลาอีก
ตั้งหลายเดือน  แต่บนพื้นฐานของข้ออ้าง น้องก็ยังมีความต้องการที่จะสอบผ่าน สอบได้ 
พูดง่ายๆ  คือ อยากได้ แต่ไม่พยายาม  พี่สรุปง่ายๆ ว่า น้องกำลังสร้างนิสัยขี้เกียจให้กับตัวเอง
ดังนั้น เพื่ออนาคตข้างหน้า น้องต้องตัด ข้ออ้าง ต่างๆ เหล่านี้ทิ้งไปให้หมด ไม่ให้เหลือเลย  เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
เปลี่ยนข้ออ้างเป็นข้อปฏิบัติ เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้  แล้วเริ่มลงมือทำ อย่างจริงจังเสียที 
น้องอาจจะถามว่า  แล้วต้องทำอะไรบ้าง  ทำเพื่อใคร  พี่ขอตอบคำถามหลังก่อน
ทำเพื่อน้องเองนั่นแหละ  เพื่อชีวิตของตัวเอง  เพื่อชีวิตของตัวเองในอนาคต  แล้ว อนาคตคือเมื่อไร  อนาคต
ก็คือหลังจากที่น้องจบจากโรงเรียนนี้ไป  ต้องทำงานอีก 40 - 50 ปี  น้องจะมีชีวิตอย่างไร จะอยู่อย่างไร
อยากมีอนาคตแบบไหน  อยากมีอาชีพอะไร อยากเป็นอะไร อยากทำงานอะไร ต้องคิด  คิด คิด คิดเพื่ออนาคตของตัวเองครับ
แล้วจะต้องทำอะไรบ้าง  พี่ขอ  List เป็นข้อๆ  ดังนี้ครับ
1.  น้องต้องหาหนังสือมาอ่านครับ  จะสอบผ่าน จะทำเกรดให้ได้ ก็ต้องอ่านหนังสือ ไม่มีวิธีการเตรียมตัววิธีใดดีกว่าการอ่านหนังสือ 
อ่าน อ่าน อ่าน ให้มาก จะอ่านยังไงให้เข้าใจ
2.  อ่านแล้วต้อง จด จด จด โน๊ตไว้ด้วยครับ เพื่อว่าวันหลังจะได้ไม่ต้องมาเปิดหนังสืออีก จดโน๊ตย่อเอาไว้ อ่านวันหลัง เก็บเป็นโน๊ต
รวบรวมเอาไว้  จะได้เป็นสมบัติของตัวเอง
3.  ทำข้อสอบเก่าๆ ไว้บ้าง ข้อสอบ Admission ทั้ง A-net และ O-net  พี่ว่าไม่แตกต่างไปจากข้อสอบ Ent มากนักหรอก  ลองเอาข้อสอบ
Ent ย้อนหลังสัก 5 พ.ศ. มาลองทำดู ก็จะได้แนวข้อสอบเอง  ไม่ยากหรอกครับ  ค่อยๆ ทำจากข้อง่ายไปยาก เปิดดูเฉลยก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอก
ค่อยๆเรียนรู้จากข้อสอบเก่าไปเรื่อยๆ จะทำให้เรามั่นใจเองครับ
4.  ให้กำลังใจตัวเอง  และลงมือทำอย่างมุ่งมั่น  กำลังใจสำคัญมาก  ถามว่าจะได้รับจากใคร  ไม่มีหรอกครับ กำลังใจจากตัวเองนั่นแหละ
สำคัญที่สุด  ให้รางวัลกับตัวเองบ้างเมื่ออ่านไปได้สักบท ก็พักบ้าง  ที่สำคัญคือ กำลังใจจะทำให้เราเกิดความมุ่งมั่น ทำต่อไปอย่างไม่มีวันเลิก
แล้วจะรู้สึกสนุกในการทำ เหมือนกับคนที่ชอบออกกำลังกาย  ถ้าวันไหนไม่ได้ออกก็จะรู้สึกหงุดหงิด 
อยากจะบอกว่า ข้อสุดท้าย สำคัญมากกว่าทุกข้อ  ถ้าไม่มีกำลังใจ  ไม่ลงมือทำ ไม่ทำด้วยตัวเอง  อ้างโน่นอ้างนี่  ข้อ 1 - 3 ก็จะไม่เกิดอย่างแน่นอน
สุดท้ายจริงๆ อยากให้นึกภาพวันที่คุณพ่อคุณแม่จะภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิต คือวันที่ลูกได้รับปริญญาครับ  วันที่น้องได้ถ่ายรูปร่วมกับคุณพ่อคุณ
แม่และทุกคนในครอบครัว  วันนั้นคือวันที่คุณพ่อคุณแม่หายเหนื่อย และมีความสุขที่สุด
พี่อยากจะบอกว่ายังมีบทความดีๆ ที่น่าอ่านและเป็นแนวทางในการเตรียมตัวสอบ  น้องๆ สามารถติดตามได้ ที่ 
http://www.tutorbobby.com
นอกจากนี้ยังมีโน๊ตสรุปย่อทุกรายวิชา  ให้น้องๆ ดาวน์โหลดไปอ่านกันได้ฟรี  ครับ
พี่บ๊อบบี้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น