วิธีอ่านหนังสือที่ถูกต้อง - วิธีอ่านหนังสือที่ถูกต้อง นิยาย วิธีอ่านหนังสือที่ถูกต้อง : Dek-D.com - Writer

    วิธีอ่านหนังสือที่ถูกต้อง

    วิธีอ่านหนังสือที่ถูกต้อง

    ผู้เข้าชมรวม

    2,927

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    2.92K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ส.ค. 48 / 13:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วันนี้พี่บ๊อบบี้มีวิธีการอ่านหนังสือแต่ละวิชาอย่างได้ผลกันจริงๆ มาฝากกันครับ
      ถึงวันนี้น้องๆ คงอยากจะเริ่มอ่านหนังสือ กันบ้างแล้ว เราจะเริ่มยังไงดี มาว่ากันเป็นข้อๆ ดีกว่านะครับ

      1. จะอ่านหนังสือต้องมีหนังสือครับ ไปสรรหาหนังสือกันก่อนดีกว่า หนังสือดีๆ มีหลายเล่มครับ
      พี่บ๊อบขอแนะนำสำนักพิมพ์ที่น่าอ่านกันเลยดีกว่า ลองไปหาหนังสือที่ร้านหนังสือ ถือตังค์ไปสัก 2,000 บาท
      บอกพ่อแม่ว่าอยากได้ตังค์สัก 2,000 บาทไปซื้อหนังสือมาอ่านสอบ พ่อแม่คงดีใจและหาตังค์มาให้ได้แน่นอนครับ
      หลักการเลือกก็ไม่มีอะไรมาก เลือกหนังสือที่อ่านง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ มีข้อสอบด้วยยิ่งดี มีข้อสอบเยอะๆ
      ยิ่งดี หรือถ้าอยากประหยัดหน่อยก็ซื้อ CD โน้ตย่อของพี่ไป Print อ่านเลย ครับ

      2. ได้หนังสือมาแล้ว ก็ต้องมีที่อ่านครับ สถานที่อ่านหนังสือไม่มีข้อกำหนดครับว่าต้องเป็นอย่างไร
      บางคนอาจชอบอ่านหนังสือที่สงบ บางคนชอบที่คนพลุกพล่าน บางคนชอบเสียงดัง บางคนชอบฟังเพลงไปด้วย
      อันนี้ไม่กำหนดตายตัวแล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน ขอแค่ว่าอ่านแล้วมีสมาธิได้ แค่นี้ก็พอ
      แต่ขอบอกว่าที่บ้านแหละดีที่สุด ห้องนอนนั่นแหละดีที่สุดแล้ว เงียบ และไม่มีใครมารบกวนครับ

      3. มีที่อ่านแล้วก็ต้องมีโต๊ะอ่านหนังสือ และอุปกรณ์ต่างๆ คงมีกันบ้างแล้วนะครับ
      โต๊ะอ่านหนังสือทำการบ้าน ขอให้เป็นมุมที่สงบหน่อยแล้วกัน น่าอ่าน ก็พอแล้วครับ
      การอ่านหนังสือควรจะมีอุปกรณ์อื่นๆ ประกอบด้วย เป็นต้นว่า ปากกา Hi-light หรือ กระดาษ A4 หรืออะไรอื่นๆ
      ที่ไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่หมอนนอน สองอย่างหลังนี่ห้ามเป็นอันขาดไม่งั้นแย่แน่

      4. เริ่มต้นอ่านกันเลย เริ่มยังไงดี เริ่มจากเรื่องที่เราชอบก่อน ชอบบทไหนอ่านบทนั้น เป็นอันดับแรก
      การอ่านหนังสือต้องมีโน้ตด้วยนะครับ อ่านไปจดไป จดให้เป็นระเบียบอย่าจดมั่ว อย่าจดส่งเดช อย่าจดแบบทิ้งๆ
      เอาแบบจดแล้วกลับมาอ่านทีหลังได้อีกเรื่อยๆ หลายครั้ง โน้ตแต่ละเรื่องก็เย็บๆ เก็บไว้
      อย่าลืมไปถ่ายเอกสารไว้ด้วยจะได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน เป็นผลงานของตัวเองด้วยครับ

      5. แล้วจะอ่านหนังสือยังไง วิชาไหนยังไงดี เอาละ มาเริ่มกันเลย
      วิชาประเภทคำนวณ เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เป็นวิชาที่ต้องเข้าใจหลักการ ทฤษฎี คุณสมบัติ ก่อน ครับ
      ต้องอ่านพวกนี้ให้เข้าใจก่อน แล้วค่อยทำแบบฝึกหัด ทีละ step ทำจากง่ายไปยาก เริ่มจากแบบฝึกหัดง่ายๆ ก่อน
      ไม่ต้องทำทั้งหมดเอาแค่ให้เข้าใจใน concept ก็พอ แล้วค่อยไปทำแบบยากขึ้นๆ ทีละนิด อย่าลืม
      ทำแล้วต้องจดโน้ตไว้ด้วยนะครับ ทำให้เป็น Form เอาไว้ครับ ว่าโจทย์มีกี่แบบ
      แต่ละแบบมีวิธีการทำโจทย์ยังไง มีวิธีลัดอย่างไร

      วิชาประเภทบรรยาย เช่น สังคม ภาษาไทย ชีววิทยา วิชาเหล่านี้เนื้อหาจะเยอะมาก ทำให้แค่พอเปิดๆ
      ดูเนื้อหาก็ไม่อยากจะอ่านแล้ว วิธีการไม่ยากเลย หาหนังสือที่สรุปไว้แล้วได้ concept ดีๆ
      มาอ่านแล้วโน้ตย่ออีกที ไม่ต้องไปอ่านทั้งหมด การอ่านวิชาพวกนี้ไม่ได้ยากเลย ต้องอ่านแล้วจดเป็นข้อๆ
      ให้ได้ พยายามโน้ตให้เป็นข้อๆ ทำ Mark หัวข้อสำคัญๆ ไว้ ที่สำคัญคือต้องหมั่นทำข้อสอบมากๆ
      จะรู้หลักการและรู้ว่าโจทย์มักออกเรื่องไหนมากที่สุด พี่เป็นห่วงวิชาชีววิทยา เพราะเนื้อหาค่อนข้างมาก
      ต้องรีบทำโน้ตไว้เสียแต่เนิ่นๆ ครับ ค่อยๆทำไปทีละนิดๆ สะสมไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้ว่าอ่านหนังสือสนุกจริงๆ
      วิชาประเภทภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ต้องเข้าใจหลักไวยากรณ์ การใช้ภาษา
      และทักษะเกี่ยวกับการอ่าน ก่อนเลย ไวยากรณ์อังกฤษที่จริงแล้วไม่ยาก มีหลักการของมัน
      ทำความเข้าใจวันละเรื่องๆ เป็นเรื่องๆ ไปนะครับ แล้วก็หมั่นทำแบบฝึกหัด แต่ละเรื่องๆ จนชำนาญก่อน
      อีกเรื่องหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือการท่องศัพท์ พี่บ๊อบบี้ใช้วิธีการท่องคำเหมือนครับ เช่น
      คำที่มีความหมายว่าเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงก็จะมีคำว่า change shift replace อะไรแบบนี้ครับ
      จะทำให้เราเข้าใจความหมายง่ายขึ้นและจำได้ทีละหลายๆ คำ มีเพื่อนพี่เคยท่อง dic ครับ
      แต่ไม่แนะนำนะครับเสียเวลาเปล่าๆ เอาอย่างที่พี่บอกนี่แหละเป็นวิธีที่พวกแพทย์เค้าใช้กันครับ
      และก็ได้ผลจริงๆ มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เยอะนะครับ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปครับ

      6. ลงมือทำ
      ก็พอรู้แล้วนะครับว่าแต่ละวิชาจะอ่านยังไง คราวนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องลงมือทำซะที
      อย่าได้ผัดวันประกันพรุ่งเป็นอันขาด มีน้องๆ หลายคนชอบวลีของพี่บ๊อบบี้ที่กล่าวว่า
      “อย่าทำร้ายอนาคตของตัวเองด้วยความขี้เกียจของวันนี้เป็นอันขาด” พี่บ๊อบภูมิใจมากครับ
      ที่แม้เพียงคำพูดเล็กๆน้อยๆ จะเป็นกำลังใจให้น้องๆ หลายคนเริ่มต้นทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันไว้ให้เป็นจริงได้
      แม้เป็นแค่ความพยายามแต่ก็เป็นความพยายามที่มีพื้นฐานจากกำลังใจที่ดี
      ดังนั้นยังไงก็ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน ได้เวลาเริ่มต้นแล้วครับ การเริ่มต้นที่ดีไม่มีคำว่าสายครับ
      เริ่มตอนนี้ดีกว่าเริ่มพรุ่งนี้ อย่างน้อยแค่การเตรียมสถานที่ที่มีอยู่ตอนนี้ หรือแค่จัดๆ
      หนังสือที่มีอยู่ แล้วสำรวจความพร้อมของตนเอง ก็ถือว่าเริ่มแล้ว ถ้าไม่เริ่มซะที ก็จะสู้คนอื่นไม่ได้
      บทความนี้พี่ส่งให้ หลายคนนะครับ คนที่กำลังอ่านเค้าก็ต้องอยากจะเริ่มเหมือนกัน ดังนั้น ช้าไม่ได้แล้ว
      บทความนี้มีคนอ่านวันละไม่ต่ำกว่า 1,000 คน เชื่อได้เลยว่าต้องมีคนที่อ่านแล้วลงมือทำทันที ดังนั้น

      น้องอ่านจบบทความนี้ก็เริ่มลุยกันได้แล้ว เราเสียเวลาให้กับความเหลวไหล ความขี้เกียจ
      การผัดวันประกันพรุ่ง เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องมานานพอแล้ว เลิกโกหกตัวเองเสียที
      เลิกโทษคนอื่นที่ทำให้เราไม่ได้เริ่มเสียทีได้แล้ว เลิกโทรศัพท์คุยกับเพื่อน เลิกดูละคร เลิกดูหนัง
      เลิกฟังเพลง เลิกซะเถอะครับ ได้เวลาแล้ว ได้เวลาทำให้ตัวเองแล้ว ได้เวลาทำความฝันให้เป็นจริงแล้ว
      ได้เวลาสร้างอนาคตของเราเองซะที ใครจะว่ายังไงอย่าไปสนใจเลยครับ
      ตอนที่พี่ทำอย่างนี้พี่โดนเพื่อนว่าทั้งห้องว่าไม่สนใจ ไม่คุยกับเพื่อน หยิ่ง บ้าง ยโสบ้าง สารพัด แต่
      พอพี่สอบได้โควต้า สอบตรงได้ แค่นั้นแหละ พี่ก็กลับไปเล่นกับเพื่อนได้เหมือนเดิม สนุกกว่าเดิมอีกครับ
      เพราะเราสำเร็จแล้ว น้องๆ ก็เหมือนกันครับ สักวันหนึ่งความสำเร็จก็เป็นของน้องครับ พี่บ๊อบเชื่อว่า
      หากคนเรามุ่งมั่นลงมือทำอย่างจริงจัง ต้องประสบความสำเร็จแน่นอนครับ
      สิ่งที่ยากก็กว่านี้ยังมีคนทำได้แล้ว ทำไมเราจะทำไม่ได้ คนเรามีทุกอย่างเหมือนกัน เวลาเท่ากัน
      โตมาเท่ากัน ต่างกันแค่ความคิด คนคิดก่อนย่อมลงมือก่อนแค่นั้นเอง
      คนที่เค้าเก่งกว่าไม่ใช่ว่าเค้าเก่งมากมายอะไรหรอก เพียงแต่ว่าเค้าเริ่มคิดได้ก่อน
      เค้าลงมือทำก่อนแค่นั้นเอง คราวนี้ถึงทีเราบ้าง สักวันหนึ่งเราก็ต้องทำได้เหมือนอย่างที่เค้าทำ
      ใครที่อ่านบทความนี้แล้วไม่ลงมือทำ ก็ให้รู้ไปเลยครับว่า ไม่รักอนาคตของตัวเอง
      ยังมีบทความอีกมาก ที่พี่บ๊อบเขียนไว้และยินดีส่งให้เป็นกำลังใจสำหรับน้องๆ
      ที่กำลังเตรียมตัวสอบอย่างมุ่งมั่นครับ หากน้องๆ ต้องการ ส่งเมล์มาได้ที่ tutorbobby@yahoo.com ครับ

      พี่บ๊อบบี้

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×