n e r d ♡ - 23
เช้าวันอาทิตย์ที่แสนสดใสของแจ็คสันต้องจบลง
เมื่อถูกน้องชายร่างยักษ์บุกเข้าบ้านถึงห้องนอนแล้วจับยัดเข้าห้องน้ำตามใจ
ก่อนจะโดนลากออกจากบ้านโผล่มาที่เมืองข้างๆ อืม.. ฟังไม่ผิดหรอกเมืองข้างๆ
มันปั่นจักรยานมาเมืองข้างๆที่มีเขานั่งซ้อนท้ายจักรยานมันอยู่
อันที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าควรอึ้งที่เด็กบ้าพลังนี่มันปั่นมาขนาดนี้
หรืออึ้งที่ตัวแจ็คสันเองที่ไม่ร่วงหล่นลงไประหว่างทาง ( ̄ェ ̄;)
“พี่อย่าช้าได้ไหม ผมสายแล้ว มัวแต่แต่งตัวไงเลยช้าเลยเนี่ย”
“แล้วกูบอกหรอว่าจะมากับมึง ?”
“ก็ผมบอกว่าจะมากับพี่หนิ”
“แต่กูไม่ได้บอกว่าจะมากับมึงงง”
“เถียงไปพี่ก็ไม่ได้กลับบ้านหรอกน่า เข้าไปข้างในกันดีกว่า”
เมื่อรับรู้ว่าการต่อปากกับแจ็คสันไม่มีทางยุติง่ายๆถ้าเขาไม่ยอมอ่อนให้ก่อน
ยูคยอมเลยเลือกที่จะพาร่างของอีกฝ่ายเข้าไปในรั้วของสนามแข่งบาสเก็ตบอลแทน
เสียงกระทบลูกบาสกับพื้นดังเคล้าไปกับเสียงโห่เชียร์ การแข่งขันแบบสามต่อสามยังคงดำเนินต่อไปแม้จะผ่านไปเกือบชั่วโมง
คู่แข่งสลับสับเปลี่ยนไปแบบไม่สามารถคาดการณ์เวลาที่แน่นอนได้ ยูคยอมสาวเท้าตรงตามทางเมื่อเห็นหลังของเพื่อนร่วมทีมลางๆ
“ช้าชิบหาย มึงรีบเขียนแล้วเอาไปส่งเลยไป” ยังไม่ทันจะถึงตัวของเพื่อนดี
คนที่ดูตัวสูงที่สุดก็หันหลังกลับมาพร้อมยื่นเอกสารมาให้
ยูคยอมพยักหน้ารับก่อนจะลงมือเขียนลวกๆให้พออ่านออกอย่างรวดเร็ว แล้วจัดการยื่นให้กรรมการที่ดูจะรู้จักกันอยู่พอสมควร
“แนะนำช้าไปหน่อย นี่พี่แจ็คสัน ส่วนนั่น มินกยู มยองโฮ แจฮยอน เท่านี้แหละ”
ยูคยอมแนะนำอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แจ็คสันทำได้เพียงพยักหน้าแล้วส่งยิ้มตอบกลับเป็นมารยาท
“เดี๋ยวกูเปลี่ยนชุดก่อน อีกสองคู่ใช่มั้ย” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเพื่อนใหม่พยักหน้าตอบรับ
หลังจากได้รับคำตอบก็ไม่ลืมคว้าตัวตุ๊กตาท้ายรถ(จักรยาน)ให้เดินตามจนถึงจุดเปลี่ยนเสื้อ
“เพื่อนมึงนี่สูงกันจังเนอะ กูว่ามึงสูงแล้วนะ” แจ็คสันกอดอกพิงข้างประตูเพื่อรออีกฝ่ายทำธุระพูดขึ้น
“ขนาดน้องที่ตัวเล็กที่สุดยังดูสูงกว่ากูเลย”
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าทำไมเด็กเดี๋ยวนี้ถึงโตไวได้ขนาดนั้น ฮืมมมมม ( ꒪◊꒪ ) #ทดลองสงสัยแบบโคนัน
“อยากสูงบ้างว่างั้น”
“ความจริงเท่านี้ก็ดี แต่ถ้ามันดีได้มากกว่านี้ก็เอา”
“เท่านี้ก็ดีแล้ว” เสียงกุกกักภายในห้องเงียบลงพร้อมกับยูคยอมที่มาโผล่ข้างๆ “แบบนี้มันลวนลามสะดวกดี”
นิ้วกลางจรดขึ้นปะทะกับสายตาของคนพูด รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นพร้อมกับถ้อยคำสวยหรูหลุดออกจากปากจนคนฟังยังอดหัวเราะไม่ได้
“พี่ไม่ควรทำแบบนี้กับคนที่ตัวเองชอบป่าววะ”
“ใครชอบมึงหละ ? กูหรอ รู้สึกว่าจะไม่ใช่นะ”
“เอ้า พูดแบบนี้เลิกชอบผมแล้วดิ ? ผมกำลังชอบพี่เลยเนี่ย J”
“หุบปากของมึงแล้วพาตัวเองออกไปซะ” แจ็คสันขู่ขึ้นด้วยสายตา
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ ในเมื่อยูคยอมถึงได้ลอยหน้าลอยตาเบะปากสลับกระตุกยิ้ม จนรู้สึกอยากปะทุร้ายจริงๆ
ทำหน้าดีๆไม่เป็นหรือไง สันนิบาตแด-กหน้าหรอ ?
ยังไม่ทันได้แซวอะไรอีกฝ่ายกลับไป ปากเรียวก็ต้องปิดลง
เมื่อสายตาคาดโทษยังคงส่งมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกดพอชหยุดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
แต่ช่างเถอะ ครั้งนี้จะยอมไม่แซวก็ได้ เห็นแก่หูที่เปลี่ยนสีกับเหงื่อที่ไหลเยอะขึ้นนั่นหรอกนะ
¯\_ʘᗜʘ_/¯
“ยิ้มอะไรของมึงนักหนาวะ
จะไม่แข่งหรือไง”
“คร้าบบ คร้าบบบ”
ฉุดกระชากลากถูกันทางสายตาอยู่นานกว่าจะเดินมาถึงสนามแข่ง
ไม่ต้องรอให้นั่งพักหรืออะไรก็ต้องเดินเข้าสนามไปทันที ยูคยอมจากท่าทีขี้เล่นเมื่อก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอีกคนเมื่อลูกบาสถูกปล่อยให้กับผู้เล่น
เสียงฝีเท้าหนักเสียดสีกับพื้นจนคนฟังยังรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเข้าไปร่วมในเกมส์
การแข่งขันสิ้นสุดลงเมื่อทีมหนึ่งได้รับคะแนนสิบห้าแต้มก่อน มยองโฮรับหน้าที่โยนผ้าขนหนูผืนหนากับน้ำเย็นให้กับเพื่อนตัวสูงอีกสองคนที่เดินหอบมา
ในขณะที่ยูคยอมยังคงท่าทีสบายพร้อมกับรอยยิ้ม คว้าผ้าขนหนูที่ตัวเองผาดไว้บนบ่าของแจ็คสันก่อนแข่งขึ้นซับเหงื่อตามใบหน้า
“ชนะแบบนี้ไม่มีรางวัลหรอ”
“แค่รอบแรก มึงอย่าหวัง”
“งั้นรอบต่อไป”
“หนึ่งในสาม”
“โอเค แต่ถ้าที่หนึ่งนี่ขอเรียกร้องของรางวัลแล้วกัน”
“มึงก็อย่าดีแต่ปากหละ”
ยูคยอมไม่ได้ตอบกลับอะไรไป มีเพียงรอยยิ้มที่กระตุกขึ้นมุมปาก ก่อนที่เสียงเรียกจากแจฮยอนจะดังขึ้น
ป้ายไวนิลถูกเขียนชื่อทีมแต่ละทีมไว้ เส้นสีดำลากจากช่องสู่อีกช่องแสดงถึงคู่แข่งที่ต้องพบ
กว่าจะถึงจุดสูงสุดก็ต้องผ่านการแข่งราวๆห้าครั้งได้
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรืออะไรที่คู่แข่งนัดต่อไปดันสละสิทธิ.. แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ช่างเถอะ
อย่างน้อยมันก็ทำให้ยูคยอมได้เข้าถึงสิ่งที่ต้องการมากขึ้นแค่นั้นก็ดีแล้ว (☆Θ艸Θ)
“เกือบชั่วโมงนึง มึงกินอะไรมายัง” มินกยูถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าสองคนที่สร้างโลกส่วนตัวอยู่นานสองนาน
“เอาเป็นว่าพวกกูจะไปหาอะไรกินรองท้องก่อน
มึงกับพี่เขาจะตามมามั้ยอีกเรื่องแล้วกัน” พูดจบแขนยาวก็พาดบนไหล่เพื่อนตัวเล็กที่มีแจฮยอนคลอเคลียกับกลุ่มผมนิ่มอยู่
ก่อนจะเดินวุ่นวายกันสามคนออกไปนอกลานกว้าง
“พี่ยังไม่ได้กินอะไรหนิ งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“มึงเลี้ยง ?”
ถึงจะชวนไปกินก็เถอะนะ แต่เรื่องเงินๆทองๆนี่มัน.. “ก็ได้”
อ่า.. อย่าสงสัยเลย ยูคยอมหนะคำนวณผลลัพธ์ไว้หมดแล้ว ถือว่าคุ้มอยู่ก็แล้วกัน J
“พร้อมยัง ?” หันไปถามเจ้าของความคิดที่ยังคงยืนกินอย่างสบายใจพยักหน้าตอบรับกลับมาจนอดบีบเข้าที่แก้มนุ่นไม่ได้
“เลิกกินก่อนก็ได้เนอะ~”
เจ้าของแก้มจ้องเขม็งกลับอย่างไม่ถอย
เว้นแต่ปากที่ยู่ยี่นั่นเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่
ในเมื่อมาร์คยังคงมีรอยยิ้มเอ็นดูปรากฏตรงหน้า
แบมแบมส่ายหน้าไปมาให้หลุดจากการจับกุมของอีกฝ่าย
ใจจริงอยากจะพ่นของในปากใส่ให้มันจบๆอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าเสียดายหนะนะ ส่วนมือสองข้างหนะหรอ
ไม่ว่างหรอก ถือของกินอยู่ไง
“ปล่อยยย”
“อ่าว หมดปากซะแล้วหรอ ไม่เห็นแก้มยุบเลยนึกว่ายังกินอยู่”
“ปากเสียแล้วไง” เบะปากไปหนึ่งทีก่อนจะผลักให้อีกฝ่ายเดินนำไป
มาร์คยืนมองป้ายสวนสัตว์ขนาดใหญ่ที่โชว์อยู่ตรงทางเข้าติดกับช่องขายตั๋ว “ตั๋วพี่”
ด้วยความที่เป็นวันครอบครัวอย่างวันอาทิตย์
จึงดูไม่ค่อยหน้าแปลกใจนักว่าเพราะอะไรคนถึงเยอะ
โดยเฉพาะเด็กที่มีจำนวนมากพอให้พบเห็นทุกครั้งที่กวาดสายตามอง สีหน้าที่บริสุทธิปราศจากการปรุงแต่งยิ่งมองยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย
เหมือนได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง
ก็ว่าไปนั้น.. ไม่มีใครย้อนเวลากลับไปได้หรอกน่า
“พี่มาร์ค ดูนี่ดิ ตัวใหญ่มากอะ”
“นั่นๆ ยีราฟมันกำลังนอนใช่มั้ย โห่ย รู้สึกปวดคอแทนจริงๆ”
“หว่า~ ตัวเล็กไปอีก”
แต่บางเรื่องก็ควรมีข้อยกเว้นนั่นแหละเนอะ
(¬ω¬;A)
แบมแบมยังคงวิ่งเล่นเหมือนเด็กน้อยจนบ่อยครั้งที่เขาเผลอมองว่าเจ้าตัวกับเหล่าตัวจิ๋วนั่นเป็นรุ่นเดียวกัน
ยิ่งประกอบกับท่าทีที่เดินเป็นขบวนนั่นอีก ให้ตายเถอะ น่ารักได้ขนาดนี้เลยหรอคนเรา
เวลายังคงเดินต่อไปพร้อมกับพลังที่เติมมาเริ่มหมดลง
หัวหน้าเด็ก(โข่ง)บอกลาสมาชิกคนสุดท้ายที่จากไปพร้อมกับผู้ปกครอง ก่อนจะเดินดุ้กดิ้กมาหาเสบียงสำคัญ
ที่ดูเหมือนจะรู้หน้าที่ดีอยู่แล้ว
“เสร็จแล้วจะไปไหนต่อ”
“แน่นอนอยู่แล้วว่าสัตว์น้ำสิ อ่ออ สัตว์กลางคืนด้วย”
คนฟังพยักหน้าตอบรับก่อนจะปล่อยให้เด็กน้อยตรงหน้าอิ่มเอมไปกับความสุขของตนเอง “มองอะไรขนาดนั้นหละ
ไม่คิดว่าผมเขินเลยว่างั้น” หลังจากกลืนอาหารคำสุดท้ายลงไป แบมแบมก็ทักขึ้น
“เขินเป็นด้วยหรอเราหนะ”
“หลอกด่าหรือปล่าว พ่อแม่เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนะครับ”
“เดี๋ยวก็สนิทแล้ว”
“ยังไง”
“ก็เดี๋ยวคงไปมาหาสู่กันบ่อยๆ”
“เขินว่ะ” หลบสายตาเจ้าเล่ห์ที่อีกคนส่งผ่านแว่นนั่นมาอย่างเปิดเผย เผลอเลียริมฝีปากที่แห้งเพราะความเขินพร้อมกับใบหูที่เปลี่ยนสีจนเห็นได้ชัด
มาร์คลอบมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ยิ่งเห็นท่าทียิ่งรู้สึกอดแกล้งไม่ได้
และเหมือนปากกับความคิดจะทำงานร่วมกันดีพอๆกับร่างกายที่ขยับเข้าใกล้ใบหูขึ้นสีนั่นจนอีกคนสะดุ้งเพราะรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่มาสัมผัส “เลียปากบ่อยขนาดนี้ให้ชวยเลียมั้ย ?”
เอ้า.. มาร์ค ไม่เก็บอาการเลย ภัยสังคมไปอีก..
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
#คีพลุคโหมดอะเกน
พลั่ก
แบมแบมตาตื่นขึ้นทันที ขาสองข้างก้าวเร็วราวกับว่ากำลังหนีจากอะไรบางอย่าง
ปล่อยให้คนขี้แกล้งนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวก่อนจะ(นึกได้ว่าควร)ตามออกไป
ให้ตายเถอะ ใจเต้นแรงไม่หยุดเลย เขาควรทำยังไงดี ?
หรือให้พี่มันช่วยจริงๆอย่างที่พูดดีวะ
เหอะ.. ล้อเล่นเถอะ ไม่มีทางหรอกน่า
ไม่รู้ว่าเพราะคนเยอะขึ้นหรืออะไรที่ทำให้แบมแบมห่างจากตัวมาร์คไปเรื่อยๆ
จนตอนนี้เห็นเพียงแค่หลังที่ดูเหมือนจะทิ้งห่างออกไปเช่นกัน ขาทั้งสองข้างยังคงก้าวยาวหวังจะไล่ตามคนตัวเล็กกว่าให้ทันเพียงอย่างเดียว
“ขอโทษค่ะ/ขอโทษครับ” คำกล่าวขอโทษดังออกมาจากคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
มาร์ครีบปล่อยไหล่บางทั้งสองข้างของหญิงสาวตัวเล็กที่เข้ามาชนเขา ไม่ลืมที่จะกล่าวขอโทษอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มไปอย่างเป็นมิตรแล้วรีบเดินไปตามทางที่คิดว่าต้องใช่ทางที่เด็กตัวแสบของเขาเดินผ่านแน่ๆ
สองเท้าหยุดอยู่หน้าทางเข้าของโซนสัตว์น้ำ ทางเดินภายในมืดพอสมควร
เลียนแบบความมืดของใต้ทะเลลึกได้เป็นอย่างดี
ระหว่างที่ยืนชั่งใจอยู่นานว่าควรเข้าไปเลยหรือยืนรอให้แน่ใจก่อนว่าแบมแบมเข้าไปด้านในแล้วจริงๆ
แรงพุ่งชนบริเวณหลังก็เป็นตัวบ่งบอกทันที หัวทุยสะบัดไปมาทั้งทียังชนกับหลังแกร่งของคนขี้แกล้งจนตัวเองเกิดเมื่อยไปเองจนเลิกเล่น
เห้ ! เมื่อกี้นี่ไม่ได้เล่นซะหน่อย ดูดพลังต่างหากหละ \(●⁰౪⁰●\)
“เข้าไปข้างในกัน” ไม่ทันให้ตอบตกลงแบมแบมก็จัดการลากคนแก่กว่าเข้าไปด้านในทันที
แอร์เย็นๆปะทะเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
แสงไฟสลัวไปตามทาง สัตว์น้ำจากตัวเล็กก็เริ่มใหญ่ขึ้น จากที่คุ้นตาก็เริ่มแปลกไป ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่
ผู้คนก็ยิ่งดูน้อยลงอย่างเห็นได้
“พี่มาร์ค”
“...”
“เมื่อกี้นี้หนะ” ความเงียบก่อตัวขึ้น ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไร
มาร์คหันไปมองอีกคนอย่างจงใจ
สายตาของแบมแบมยังคงมองตามเจ้าปลาตัวใหญ่ในตู้กระจกราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หรือว่าเขาหูแว่วไปเองหว่า ?
แต่แล้วก็พบว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้เขาไม่ได้คิดไปเอง
เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตาเข้าอย่างจัง
รอยยิ้มเล็กๆมุมปากกระตุกขึ้นพร้อมกับสายตาขี้เล่นของเจ้าตัว
“เมื่อกี้นี้ตอนเดินมาหนะ ผมเห็นว่าพี่เดินชนคนอื่น”
“...”
“อันที่จริงผมว่ามันก็ดีที่พี่มีอัธยาศัยดี ที่ขอโทษเขาไปพร้อมกับรอยยิ้ม”
“...”
“เพียงแต่ว่า ผมหึงเนี่ยสิครับ”
— TBC —
จะไม่บอกหรอกว่าแอบมีความสุขกับ97ไลน์มากขนาดไหน ฮาา
ตอนนี้นี่มันเหมือนงานขายตรงของ97เลย ยังไงดี ชอบชอบ ดีกับใจสุดสุดด ♥
โอ่ยย นี่มันอะไรกันคะ มบนี่สารคดีเลี้ยงลูกหรอ555555555555555555555555
ไม่ไหวแล้ว งงตัวเองจริงๆ ทำไมเหมือนพาลูกน้อยมาเที่ยวแบบนี้(วะ) ฮาา ~
จะย้ำอีกทีว่า มัคบวมนี่คบกันแบบ อเมริกันสไตล์นันจ้า รู้ตัวเองไม่ต้องขอ
โอ่ยย ‘เมกาบอยมาเองแบบนี้ แว้กว้ากก // ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะคะ เลิ้ป
ความคิดเห็น