stay - gego - stay - gego นิยาย stay - gego : Dek-D.com - Writer

    stay - gego

    ทั้งชีวิตของเกะโท สุงุรุ ไม่เคยเจอความสวยงามเทียบเท่ากับสิ่งตรงหน้านี้มาก่อน

    ผู้เข้าชมรวม

    256

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    256

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 พ.ย. 65 / 10:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

      

    sds

     

    warning: PG, romance, mermaid, blood

     

     

     

    เกะโท สุงุรุ เดินทางท่องไปในท้องทะเลกว้างตั้งแต่จำความได้

     

    เด็กกำพร้าไร้หัวนอนปลายเท้าในเมืองท่าใกล้ชายฝั่งเช่นเขาหนีไม่พ้นชะตากรรมการถูกขายไปเป็นทาส ถูกส่งตัวลงไปกับเรือจากหลากหลายสถานที่ ออกท่องไปบนพื้นท้องน้ำกว้างใหญ่เกินกว่าเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะรับไหว ทั้งความหวาดกลัว สิ้นหวัง และความเจ็บป่วยทรมานกายมากมายล้วนเข้ามาจนสองขานี้ก้าวเฉียดเข้าหุบเหวแห่งความตายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นับว่าพระเจ้ายังเมตตาเขาอยู่บ้าง หรือเป็นเพราะความพยายามของเขาเองก็ไม่รู้ ทำให้เขาสามารถหนีออกมาจากวังวนอันโหดร้ายนั้นได้ในที่สุด ล้มลุกคลุกคลานจนมีชีวิตดั่งเช่นคนทั่วไปในวันนี้

     

    เรื่องราวมันผ่านมาเกือบสิบปีเข้าไปแล้ว เด็กตัวเล็กในวันวานเติบโตขึ้นกลายเป็นกะลาสีเรือรับจ้าง ชายหนุ่มผมยาวดำขลับมัดผมครึ่งหัวมีดวงตาเรียวคมบนใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์ออกท่องโลกกว้างอย่างอิสระเหมือนนกนางนวลที่ผาดโผนโลดแล่นอยู่เหนือผิวน้ำทะเล ใช้ชีวิตอย่างไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ล่องลอยไปกับกระแสน้ำที่พัดผ่านไปทั่วท้องมหาสมุทร

     

    เป็นชีวิตที่น่าพอใจ ตัวเขาในตอนนี้คิดเช่นนั้น

     

    นอกจากความอิสระที่ได้รับ สิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบนั้นคือการวาดภาพ ทุกสถานที่และทุกสิ่งทุกอย่างที่ดวงตาสามารถกวาดมองทั่วถึงล้วนถูกนำมาถ่ายทอดลงบนพื้นกระดาษเนื้อหยาบเสียทั้งสิ้น มือหนาจรดแต่งแต้มวาดความทรงจำบนแผ่นกระดาษเนื้อหยาบที่มักจำนำติดตัวไปในที่ต่างๆ เสมอ นานวันเข้า ภาพของชายหนุ่มผมยาวสีดำขลับมัดครึ่งหัว นั่งเอนกายพิงกำแพงอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาเรียวคมบนใบหน้าหล่อเหลาจดจ้องภาพวาด มือจรดวาดลวดลายอิสระอย่างตั้งอกตั้งใจไม่สนใจในรอบข้าง ล้วนเป็นที่ชินตาของผู้คน

     

    สุงุรุลงมือฝึกฝนวาดรูปเพราะความชอบมานานจนตอนนี้เรียกได้ว่าพอจะมีฝีมือในระดับหนึ่ง ภาพของโลกภายนอกกว้างใหญ่ถ่ายทอดจากดวงตาลงสู่บนพื้นกระดาษด้วยความตั้งใจ ย่อมเป็นภาพที่งดงามและรับรู้ได้ถึงความใส่ใจของผู้สรรค์สร้าง บางครั้งภาพเหล่านั้นก็มักจะมีคนบางกลุ่มติดต่อขอซื้อหรือประมูล

     

     

    เขาวาดรูปได้ทุกที่เสมอเมื่อต้องการ แต่กระนั้นในใจก็สถานที่โปรดปรานในการลงมือวาดรูปอยู่

    ในเวลาค่ำคืนไร้ซึ่งแสงเทียน มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ให้ความสว่าง บนโขดหินริมชายฝั่งห่างไกลจากสายตาผู้คน ตรงหน้าเป็นท้องทะเลมืดมิดที่เกลียวคลื่นกระเพื่อมหยอกล้อกับแสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบผิวน้ำ สายลมเย็นของยามค่ำคืนชวนให้อภิรมย์ใจไม่น้อย สถานที่เงียบสงบเช่นนี้ส่งผลให้เขาชื่นชอบมากเป็นพิเศษ

     

    แต่แล้วก็มีค่ำคืนหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตของกะลาสีหนุ่มไปตลอดกาล

     

    คืนนั้นเกะโท สุงุรุกำลังวาดภาพอยู่บนโขดหินที่ประจำอย่างเช่นปกติ ท่ามกลางความสงบไร้เสียงและสายลมเอื่อยเฉื่อยพัดผ่าน พลันในหางตากลับมองเห็นบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ สิ่งนั้นเรียกความสนใจจากกะลาสีหนุ่มเป็นอย่างดี ใบหน้าหล่อเหลาคอยๆ หันไปตามทางนั้นอย่างเชื่องช้า

     

    ภาพตรงหน้าคือแผ่นหลังขาวซีดของใครบางคนลอยอยู่ท่ามกลางสีดำมืดของท้องทะเลยามวิกาล ห่างไกลจากเขาระยะหนึ่ง เกือบจะเอ่ยปากส่งเสียงเสียแล้วหากคนตรงหน้าไม่ก้มหัวดำลงใต้ผิวน้ำและเสี้ยววิต่อมาก็มีหางปลาขนาดใหญ่โผล่ออกมาให้เห็น ทั้งหมดนั้นทำเอาสุงุรุเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ในสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก เขาได้แต่จ้องมองเงือกตัวนั้นว่ายน้ำเล่นอย่างตะลึงงัน

    เมื่อทำอะไรไม่ถูก มือไม้พลันกลายเป็นเกะกะเอาเสียดื้อๆ จนกระทั่งเผลอทำหินก้อนเล็กจิ๋วกลิ้งร่วงจนเกิดเสียง ท่ามกลางความเงียบสงัด สุงุรุใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น เรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตปริศนาตรงหน้าแล่นปราดเข้ามาในสมอง เขาเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาแต่ก็ยังทำใจกล้าหันกลับไปมอง

     

    สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาสีฟ้ากระจ่างเป็นประกายราวกับรวบรวมมุกสีนวลล้ำค่าเอาไว้หันมาสบกัน ผิวขาวซีดและกลุ่มผมสีสว่างกระทบแสงจันทร์ ทำเอาภาพตรงหน้างดงามเสียไม่สามารถบรรยายได้ เกะโท สุงุรุได้แต่มองค้างด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง รู้ตัวอีกที เงือกตัวนั้นก็ก้มลงดำน้ำหายไปกับความมืดมิดของท้องทะเลเสียแล้ว

     

     

     

     

     

     

    คืนนั้นเกะโท สุงุรุกลับจากที่นั่นด้วยอาการเหม่อลอย ในใจเต็มไปด้วยความมึนงง ตื่นเต้น และสับสนอย่างมาก เขาเป็นกะลาสีและออกท่องไปบนโลกกว้างโดยให้ท้องทะเลนำพามานาน ได้ยินเรื่องราวลี้ลับของท้องมหาสมุทรมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีอันไหนเทียบได้กับความเป็นจริงที่ได้พบเจอ

     

    ในสมองเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงวุ่นวายเมื่อสิ่งมีชีวิตในจินตนาการของมนุษย์ที่ตัวเขาเองคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องราว แต่กลับเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง

     

    เมื่อตั้งสติและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน สุงุรุตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองให้เรื่องราวนี้ให้หายไปจากโลกพร้อมกับตัวเขา และหลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่กล้าไปเยือนโขดหินที่โปรดอีก

     

     

     

     

     

     

    เวลาผ่านไปสามอาทิตย์แล้ว วันหนึ่งเขาได้ข่าวจากชาวบ้านในเมืองพูดกันหนาหูว่าพระจันทร์ในคืนนี้จะสวยและเต็มดวงมากกว่าค่ำคืนไหน ด้วยเหตุผลนั้นดึงดูดใจให้เขาอยากนั่งวาดภาพใต้แสงจันทร์ที่โขดหินนั่นอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงสถานที่นั้นทีไร ภาพของดวงตาฟ้ากระจ่างเป็นประกายคู่นั้นก็ยังคงติดตรึงอยู่ภายในใจ

     

    ช่างเถอะ ยังไงก็คงไม่เจออีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    สุงุรุเดินมายังชายฝั่งลับตาคนสถานที่ประจำ สองขายาวก้าวผ่านโขดหินท่ามกลางความมืดของรัตติกาลตามความคุ้นเคย

    แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าบนโขดหินที่ประจำของเขานั้นมีสิ่งมีชีวิตหนึ่งกำลังนั่งอยู่ก่อนแล้ว เงือกตัวเดียวกันกับคราวก่อนกำลังนั่งสะบัดครีบหยอกล้อกับเกลียวคลื่น หางของมันประดับด้วยเกล็ดวาววับสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายงดงาม สุงุรุไล่สายตาก่อนจะหยุดจ้องมองใบหน้านั้น ในชีวิตที่ออกเดินทางไปกว้างไกล พบพานสิ่งต่างๆ มากมาย ความสวยงามที่คิดว่าเคยได้สัมผัส กลับเทียบไม่ได้เมื่อพบเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า

     

    ภาพของสิ่งมีชีวิตในตำนานกำลังหยอกล้อเล่นกับทะเลและแสงจันทร์

     

    สุงุรุนิ่งงันทำตัวเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกลัวและหนีไป จ้องมองซึมซับความงดงามตรงหน้าด้วยอารามตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อดวงตากระจ่างคู่นั้นไล่สายตามาหยุดมองอยู่ในทิศทางที่เขาแอบซ่อนอยู่ในเงามืด คราวนี้ต่างออกไป เมื่อต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกกันอีกแล้ว สุงุรุสบตากับดวงตาคู่สวยนั้นครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลงแล้วลงมือวาดภาพลงบนแผ่นกระดาษ ตวัดวาดภาพร่างที่อยู่ในความคิดออกมาโดยเร็วที่สุด

     

    แอบเหลือบมองอีกฝ่ายก็เห็นดวงตากลมสวยฉายแววสงสัยใคร่รู้อย่างไม่ปิดบังเหมือนกับสายตาของเด็กน้อยไร้เดียงสาทำเอาสุงุรุลอบอมยิ้มออกมา

     

    “เสร็จแล้ว”

     

    สุงุรุไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาสามารถวาดภาพออกมาอย่างรวดเร็วปานนั้น

    แม้เป็นเพียงภาพร่างยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ออกมาน่าพึงพอใจเสียจนเขาอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ก่อนจะหันแผ่นกระดาษไปอีกฝั่งเพื่อให้สิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งได้พิศมอง

     

    ภาพที่เขาวาดคือภาพร่างของเงือกบนโขดหิน

     

    เงือกแสนสวยมองดูภาพในมือเขาด้วยความตื่นเต้น เจ้าตัวดูตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ตรงหน้าราวกับเด็กน้อย ไร้คราบของสิ่งมีชีวิตที่สวยงามแต่แสนอันตรายตามความเชื่อที่เล่าขานสืบต่อกันมา ทำเอาเขาอดยิ้มเอ็นดูออกมาไม่ได้

     

    คืนนี้เป็นคืนชมจันทร์ที่ดีจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้น แม้ไม่บ่อยเสียจนเรียกว่าทุกวัน แต่บ่อยครั้งเสียจนเรียกได้ว่าเป็นประจำ ระหว่างเขากับเงือกตัวขาวแสนสวยตัวนั้น ต่างฝ่ายต่างก็รับรู้ได้ว่าต้องการพบเจอกันอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำพูดมากมาย วันไหนที่สุงุรุต้องการ เงือกตัวนั้นก็จะอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับเขาที่ไปอยู่ตรงนั้นหากเงือกตัวนั้นคะนึงหา

     

    “ซาโตรุ อย่าซนสิครับ”

    กะลาสีเรือหนุ่มมักจะวาดรูปสิ่งมีชีวิตแสนสวยในตำนานทุกครั้งที่มีโอกาส และมันทำให้เขารู้ว่าซาโตรุนั้นเป็นเงือกที่ซุกซนมากแค่ไหน หลายครั้งที่อีกฝ่ายว่าง่ายเป็นเด็กดีทำตัวนิ่งสงบให้เขาได้วาดภาพ แต่เมื่อภาพนั้นใกล้เสร็จสิ้นกลับขยับหนีลงน้ำหรือทำน้ำกระเซ็นใส่ เมื่อเห็นอาการโต้ตอบของเขา อีกฝ่ายก็จะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดี และเพราะรอยยิ้มน่ารักนั่น จะให้เขาทำใจเอ่ยดุอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่ดั่งคำกล่าวที่ว่าเวลาแห่งความสุขมักผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว สุงุรุสังเกตได้ว่าที่ท่าเรือเริ่มมีเรื่องราวของการพบเห็นเงือกแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง ความร้อนใจตีตื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ทั้งที่ปกติเขาเป็นสุขุมใจเย็นกว่านี้

    มนุษย์คนอื่นไม่เหมือนกับเขา ซาโตรุอาจตกอยู่ในอันตราย

     

    กะลาสีหนุ่มพยายามสร้างข่าวใหม่เพื่อกลบข่าวลือนั้น และไม่ไปเหยียบสถานที่ประจำนั้นอีกเพื่อป้องกันการถูกสะกดรอยตามแม้ในใจจะร้อนรุ่มแค่ไหนก็ตาม

     

    แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไปเฝ้าบริเวณนั้นแทบทุกค่ำคืน บางครั้งก็คิดถึงจนแอบไปมองดู

    ซาโตรุยังนั่งบนโขดหินทุกวัน ที่เดิมตรงนั้นของพวกเรา

    แววตาหม่นแสงไร้ชีวิตชีวาของเงือกตัวขาวทำให้สุงุรุรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน

    ขอเพียงให้ซาโตรุปลอดภัย ขอภาวนาให้เรื่องราวมันจบลงโดยไว

     

     

     

     

     

    แต่แล้วสิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้น

     

    ซาโตรุถูกพบแล้ว เหล่ากะลาสี ชาวเมือง ทหารจากทางการที่ได้ยินเรื่องราวแห่แหนกันมาบริเวณนั้น มาพร้อมกัปดักและอาวุธแหลมคมมากมายครบครันเพื่อมาเอาตัวซาโตรุไป ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจของเกะโทสุงุรุใจกระตุกวูบ ต่อมาต้องเต้นระรัวด้วยความระทึก ในวินาทีที่อันตรายใกล้เข้ามาทุกขณะ เขาพุ่งตัวไปข้างหน้า ว่ายลงทะเลไปเพื่อปกป้องอีกฝ่ายอย่างไม่คิดชีวิต

     

    เขาเอาตัวเข้าบังฉมวกแหลมมากมายที่พุ่งเข้ามาหมายจะทิ่มแทงร่างของเงือกตัวขาว เลือดสีแดงสดไหลนองผสมปนเปกับน้ำทะเลสีเข้ม เขามองเห็นสีหน้าตกใจสุดขีดและได้ยินเสียงร้องตะโกนก้องสุดเสียงของซาโตรุ แต่ในตอนนี้เขาทำได้เพียงขยับปากไร้เสียงให้อีกฝ่ายหนีไป

     

    ภาพสุดท้ายก่อนสติจะดับสูญ เขาเห็นปลายหางสีขาวสว่างแหวกว่ายหนีกลืนหายไปกับความลึกลับของมหาสมุทร

    เขายกยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า

    และยอมรับชะตากรรมที่จมลงสู่ก้นทะเล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อืม”

    แสบตาชะมัด

    ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสหลังจากรู้สึกราวกับตัวเองตกอยู่ในห้วงความฝันอันยาวนาน แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างตื่นเต็มตาเมื่อเริ่มได้สติและพบว่าตัวเองสมควรจะอยู่เฝ้าปะการังที่ก้นทะเล แต่กลับได้มานอนกลางหาดทรายสะท้านกับแสงแดดจ้าร้อนระอุอย่างนี้

     

    ในขณะที่กำลังงุนงงอย่างหนักก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว

     

    “สุงุรุ!”

     

     

    เขาผุดลุกขึ้นนั่งและหันไปตามเสียงเรียกอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มกว้างและดวงตาฟ้ากระจ่างเป็นประกายฉายแววดีใจอย่างปิดไม่มิดของซาโตรุ เขาเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจยามเห็นว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดี ก่อนจะต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อพบว่าท่อนล่างที่ควรเป็นหางปลาเกล็ดพราวระยับกลับกลายเป็นท่อนขาเรียวเนียนขาวของมนุษย์

     

     

    “ซาโตรุ เกิดอะไรขึ้นครับ”

    “ผมช่วยสุงุรุเองแหละ ตอนนี้ผมเป็นมนุษย์แล้ว ผมจะอยู่กับสุงุรุตลอดไป!”

     

    น้ำเสียงร่าเริงสดใสไม่ได้ทำให้สุงุรุตื่นตระหนกกับเรื่องราวน้อยลง จนกระทั่งต้องจับเงือกแสนซนนั่งจับเข่าคุยกันอย่างจริงจัง

     

     

    ซาโตรุเป็นเงือก เผ่าที่ได้รับพลังวิเศษจากพระเจ้าให้สัมผัสชีวิตอันเป็นอมตะ

    แต่ซาโตรุเลือกที่จะแลกพลังนั้นกับชีวิตของเขา

    ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา

     

     

    เมื่อได้รับรู้แล้วก็ทำเพียงนิ่งงัน เขามองดูใบหน้าสดใส จ้องมองดวงตากลมสวยสีฟ้าเป็นประกาย แม้จะเป็นมนุษย์ ก็ยังคงสวยงดงามล้ำค่าเกินกว่าที่เขาจะอาจเอื้อม

    แต่สัญญาว่าจะทำทุกทางเพื่อรักษาเอาไว้อย่างดีที่สุด

     

     

     

    “ขอบคุณนะครับซาโตรุ”

    “อื้อ สุงุรุก็ช่วยผมไว้เหมือนกัน ขอบคุณนะ”

     

     

    สุงุรุวาดแขนโอบกอดอีกฝ่ายเข้ามาพร้อมกับซุกหน้าลงไหล่บาง เช่นเดียวกับซาโตรุที่ใช้แขนเรียวโอบกอดตอบ ซึมซับความรู้สึกอันท่วมท้นของกันและกันอย่างไม่คิดปฏิเสธผลักไส

     

     

    “อยู่ด้วยกัน ตลอดไปเลยนะครับ”

    “อื้อ แน่นอนอยู่แล้ว”

     

     

     

     

     

    talk

    ถ้าเคยเจอใน readAwrite ไม่ต้องตกใจนะคะ คนเขียนจะมาลงไว้หลายที่

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×