stay - gego
ทั้งชีวิตของเกะโท สุงุรุ ไม่เคยเจอความสวยงามเทียบเท่ากับสิ่งตรงหน้านี้มาก่อน
ผู้เข้าชมรวม
256
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
warning: PG, romance, mermaid, blood
เกะโท สุงุรุ เดินทางท่องไปในท้องทะเลกว้างตั้งแต่จำความได้
เด็กกำพร้าไร้หัวนอนปลายเท้าในเมืองท่าใกล้ชายฝั่งเช่นเขาหนีไม่พ้นชะตากรรมการถูกขายไปเป็นทาส ถูกส่งตัวลงไปกับเรือจากหลากหลายสถานที่ ออกท่องไปบนพื้นท้องน้ำกว้างใหญ่เกินกว่าเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะรับไหว ทั้งความหวาดกลัว สิ้นหวัง และความเจ็บป่วยทรมานกายมากมายล้วนเข้ามาจนสองขานี้ก้าวเฉียดเข้าหุบเหวแห่งความตายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นับว่าพระเจ้ายังเมตตาเขาอยู่บ้าง หรือเป็นเพราะความพยายามของเขาเองก็ไม่รู้ ทำให้เขาสามารถหนีออกมาจากวังวนอันโหดร้ายนั้นได้ในที่สุด ล้มลุกคลุกคลานจนมีชีวิตดั่งเช่นคนทั่วไปในวันนี้
เรื่องราวมันผ่านมาเกือบสิบปีเข้าไปแล้ว เด็กตัวเล็กในวันวานเติบโตขึ้นกลายเป็นกะลาสีเรือรับจ้าง ชายหนุ่มผมยาวดำขลับมัดผมครึ่งหัวมีดวงตาเรียวคมบนใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์ออกท่องโลกกว้างอย่างอิสระเหมือนนกนางนวลที่ผาดโผนโลดแล่นอยู่เหนือผิวน้ำทะเล ใช้ชีวิตอย่างไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ล่องลอยไปกับกระแสน้ำที่พัดผ่านไปทั่วท้องมหาสมุทร
เป็นชีวิตที่น่าพอใจ ตัวเขาในตอนนี้คิดเช่นนั้น
นอกจากความอิสระที่ได้รับ สิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบนั้นคือการวาดภาพ ทุกสถานที่และทุกสิ่งทุกอย่างที่ดวงตาสามารถกวาดมองทั่วถึงล้วนถูกนำมาถ่ายทอดลงบนพื้นกระดาษเนื้อหยาบเสียทั้งสิ้น มือหนาจรดแต่งแต้มวาดความทรงจำบนแผ่นกระดาษเนื้อหยาบที่มักจำนำติดตัวไปในที่ต่างๆ เสมอ นานวันเข้า ภาพของชายหนุ่มผมยาวสีดำขลับมัดครึ่งหัว นั่งเอนกายพิงกำแพงอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาเรียวคมบนใบหน้าหล่อเหลาจดจ้องภาพวาด มือจรดวาดลวดลายอิสระอย่างตั้งอกตั้งใจไม่สนใจในรอบข้าง ล้วนเป็นที่ชินตาของผู้คน
สุงุรุลงมือฝึกฝนวาดรูปเพราะความชอบมานานจนตอนนี้เรียกได้ว่าพอจะมีฝีมือในระดับหนึ่ง ภาพของโลกภายนอกกว้างใหญ่ถ่ายทอดจากดวงตาลงสู่บนพื้นกระดาษด้วยความตั้งใจ ย่อมเป็นภาพที่งดงามและรับรู้ได้ถึงความใส่ใจของผู้สรรค์สร้าง บางครั้งภาพเหล่านั้นก็มักจะมีคนบางกลุ่มติดต่อขอซื้อหรือประมูล
เขาวาดรูปได้ทุกที่เสมอเมื่อต้องการ แต่กระนั้นในใจก็สถานที่โปรดปรานในการลงมือวาดรูปอยู่
ในเวลาค่ำคืนไร้ซึ่งแสงเทียน มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ให้ความสว่าง บนโขดหินริมชายฝั่งห่างไกลจากสายตาผู้คน ตรงหน้าเป็นท้องทะเลมืดมิดที่เกลียวคลื่นกระเพื่อมหยอกล้อกับแสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบผิวน้ำ สายลมเย็นของยามค่ำคืนชวนให้อภิรมย์ใจไม่น้อย สถานที่เงียบสงบเช่นนี้ส่งผลให้เขาชื่นชอบมากเป็นพิเศษ
แต่แล้วก็มีค่ำคืนหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตของกะลาสีหนุ่มไปตลอดกาล
คืนนั้นเกะโท สุงุรุกำลังวาดภาพอยู่บนโขดหินที่ประจำอย่างเช่นปกติ ท่ามกลางความสงบไร้เสียงและสายลมเอื่อยเฉื่อยพัดผ่าน พลันในหางตากลับมองเห็นบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ สิ่งนั้นเรียกความสนใจจากกะลาสีหนุ่มเป็นอย่างดี ใบหน้าหล่อเหลาคอยๆ หันไปตามทางนั้นอย่างเชื่องช้า
ภาพตรงหน้าคือแผ่นหลังขาวซีดของใครบางคนลอยอยู่ท่ามกลางสีดำมืดของท้องทะเลยามวิกาล ห่างไกลจากเขาระยะหนึ่ง เกือบจะเอ่ยปากส่งเสียงเสียแล้วหากคนตรงหน้าไม่ก้มหัวดำลงใต้ผิวน้ำและเสี้ยววิต่อมาก็มีหางปลาขนาดใหญ่โผล่ออกมาให้เห็น ทั้งหมดนั้นทำเอาสุงุรุเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ในสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก เขาได้แต่จ้องมองเงือกตัวนั้นว่ายน้ำเล่นอย่างตะลึงงัน
เมื่อทำอะไรไม่ถูก มือไม้พลันกลายเป็นเกะกะเอาเสียดื้อๆ จนกระทั่งเผลอทำหินก้อนเล็กจิ๋วกลิ้งร่วงจนเกิดเสียง ท่ามกลางความเงียบสงัด สุงุรุใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น เรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตปริศนาตรงหน้าแล่นปราดเข้ามาในสมอง เขาเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาแต่ก็ยังทำใจกล้าหันกลับไปมอง
สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาสีฟ้ากระจ่างเป็นประกายราวกับรวบรวมมุกสีนวลล้ำค่าเอาไว้หันมาสบกัน ผิวขาวซีดและกลุ่มผมสีสว่างกระทบแสงจันทร์ ทำเอาภาพตรงหน้างดงามเสียไม่สามารถบรรยายได้ เกะโท สุงุรุได้แต่มองค้างด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง รู้ตัวอีกที เงือกตัวนั้นก็ก้มลงดำน้ำหายไปกับความมืดมิดของท้องทะเลเสียแล้ว
คืนนั้นเกะโท สุงุรุกลับจากที่นั่นด้วยอาการเหม่อลอย ในใจเต็มไปด้วยความมึนงง ตื่นเต้น และสับสนอย่างมาก เขาเป็นกะลาสีและออกท่องไปบนโลกกว้างโดยให้ท้องทะเลนำพามานาน ได้ยินเรื่องราวลี้ลับของท้องมหาสมุทรมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีอันไหนเทียบได้กับความเป็นจริงที่ได้พบเจอ
ในสมองเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงวุ่นวายเมื่อสิ่งมีชีวิตในจินตนาการของมนุษย์ที่ตัวเขาเองคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องราว แต่กลับเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
เมื่อตั้งสติและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน สุงุรุตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองให้เรื่องราวนี้ให้หายไปจากโลกพร้อมกับตัวเขา และหลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่กล้าไปเยือนโขดหินที่โปรดอีก
เวลาผ่านไปสามอาทิตย์แล้ว วันหนึ่งเขาได้ข่าวจากชาวบ้านในเมืองพูดกันหนาหูว่าพระจันทร์ในคืนนี้จะสวยและเต็มดวงมากกว่าค่ำคืนไหน ด้วยเหตุผลนั้นดึงดูดใจให้เขาอยากนั่งวาดภาพใต้แสงจันทร์ที่โขดหินนั่นอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงสถานที่นั้นทีไร ภาพของดวงตาฟ้ากระจ่างเป็นประกายคู่นั้นก็ยังคงติดตรึงอยู่ภายในใจ
ช่างเถอะ ยังไงก็คงไม่เจออีกแล้ว
สุงุรุเดินมายังชายฝั่งลับตาคนสถานที่ประจำ สองขายาวก้าวผ่านโขดหินท่ามกลางความมืดของรัตติกาลตามความคุ้นเคย
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าบนโขดหินที่ประจำของเขานั้นมีสิ่งมีชีวิตหนึ่งกำลังนั่งอยู่ก่อนแล้ว เงือกตัวเดียวกันกับคราวก่อนกำลังนั่งสะบัดครีบหยอกล้อกับเกลียวคลื่น หางของมันประดับด้วยเกล็ดวาววับสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายงดงาม สุงุรุไล่สายตาก่อนจะหยุดจ้องมองใบหน้านั้น ในชีวิตที่ออกเดินทางไปกว้างไกล พบพานสิ่งต่างๆ มากมาย ความสวยงามที่คิดว่าเคยได้สัมผัส กลับเทียบไม่ได้เมื่อพบเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า
ภาพของสิ่งมีชีวิตในตำนานกำลังหยอกล้อเล่นกับทะเลและแสงจันทร์
สุงุรุนิ่งงันทำตัวเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกลัวและหนีไป จ้องมองซึมซับความงดงามตรงหน้าด้วยอารามตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อดวงตากระจ่างคู่นั้นไล่สายตามาหยุดมองอยู่ในทิศทางที่เขาแอบซ่อนอยู่ในเงามืด คราวนี้ต่างออกไป เมื่อต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกกันอีกแล้ว สุงุรุสบตากับดวงตาคู่สวยนั้นครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลงแล้วลงมือวาดภาพลงบนแผ่นกระดาษ ตวัดวาดภาพร่างที่อยู่ในความคิดออกมาโดยเร็วที่สุด
แอบเหลือบมองอีกฝ่ายก็เห็นดวงตากลมสวยฉายแววสงสัยใคร่รู้อย่างไม่ปิดบังเหมือนกับสายตาของเด็กน้อยไร้เดียงสาทำเอาสุงุรุลอบอมยิ้มออกมา
“เสร็จแล้ว”
สุงุรุไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาสามารถวาดภาพออกมาอย่างรวดเร็วปานนั้น
แม้เป็นเพียงภาพร่างยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ออกมาน่าพึงพอใจเสียจนเขาอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ก่อนจะหันแผ่นกระดาษไปอีกฝั่งเพื่อให้สิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งได้พิศมอง
ภาพที่เขาวาดคือภาพร่างของเงือกบนโขดหิน
เงือกแสนสวยมองดูภาพในมือเขาด้วยความตื่นเต้น เจ้าตัวดูตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ตรงหน้าราวกับเด็กน้อย ไร้คราบของสิ่งมีชีวิตที่สวยงามแต่แสนอันตรายตามความเชื่อที่เล่าขานสืบต่อกันมา ทำเอาเขาอดยิ้มเอ็นดูออกมาไม่ได้
คืนนี้เป็นคืนชมจันทร์ที่ดีจริงๆ
หลังจากวันนั้น แม้ไม่บ่อยเสียจนเรียกว่าทุกวัน แต่บ่อยครั้งเสียจนเรียกได้ว่าเป็นประจำ ระหว่างเขากับเงือกตัวขาวแสนสวยตัวนั้น ต่างฝ่ายต่างก็รับรู้ได้ว่าต้องการพบเจอกันอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำพูดมากมาย วันไหนที่สุงุรุต้องการ เงือกตัวนั้นก็จะอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับเขาที่ไปอยู่ตรงนั้นหากเงือกตัวนั้นคะนึงหา
“ซาโตรุ อย่าซนสิครับ”
กะลาสีเรือหนุ่มมักจะวาดรูปสิ่งมีชีวิตแสนสวยในตำนานทุกครั้งที่มีโอกาส และมันทำให้เขารู้ว่าซาโตรุนั้นเป็นเงือกที่ซุกซนมากแค่ไหน หลายครั้งที่อีกฝ่ายว่าง่ายเป็นเด็กดีทำตัวนิ่งสงบให้เขาได้วาดภาพ แต่เมื่อภาพนั้นใกล้เสร็จสิ้นกลับขยับหนีลงน้ำหรือทำน้ำกระเซ็นใส่ เมื่อเห็นอาการโต้ตอบของเขา อีกฝ่ายก็จะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดี และเพราะรอยยิ้มน่ารักนั่น จะให้เขาทำใจเอ่ยดุอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน
แต่ดั่งคำกล่าวที่ว่าเวลาแห่งความสุขมักผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว สุงุรุสังเกตได้ว่าที่ท่าเรือเริ่มมีเรื่องราวของการพบเห็นเงือกแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง ความร้อนใจตีตื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ทั้งที่ปกติเขาเป็นสุขุมใจเย็นกว่านี้
มนุษย์คนอื่นไม่เหมือนกับเขา ซาโตรุอาจตกอยู่ในอันตราย
กะลาสีหนุ่มพยายามสร้างข่าวใหม่เพื่อกลบข่าวลือนั้น และไม่ไปเหยียบสถานที่ประจำนั้นอีกเพื่อป้องกันการถูกสะกดรอยตามแม้ในใจจะร้อนรุ่มแค่ไหนก็ตาม
แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไปเฝ้าบริเวณนั้นแทบทุกค่ำคืน บางครั้งก็คิดถึงจนแอบไปมองดู
ซาโตรุยังนั่งบนโขดหินทุกวัน ที่เดิมตรงนั้นของพวกเรา
แววตาหม่นแสงไร้ชีวิตชีวาของเงือกตัวขาวทำให้สุงุรุรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
ขอเพียงให้ซาโตรุปลอดภัย ขอภาวนาให้เรื่องราวมันจบลงโดยไว
แต่แล้วสิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้น
ซาโตรุถูกพบแล้ว เหล่ากะลาสี ชาวเมือง ทหารจากทางการที่ได้ยินเรื่องราวแห่แหนกันมาบริเวณนั้น มาพร้อมกัปดักและอาวุธแหลมคมมากมายครบครันเพื่อมาเอาตัวซาโตรุไป ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจของเกะโทสุงุรุใจกระตุกวูบ ต่อมาต้องเต้นระรัวด้วยความระทึก ในวินาทีที่อันตรายใกล้เข้ามาทุกขณะ เขาพุ่งตัวไปข้างหน้า ว่ายลงทะเลไปเพื่อปกป้องอีกฝ่ายอย่างไม่คิดชีวิต
เขาเอาตัวเข้าบังฉมวกแหลมมากมายที่พุ่งเข้ามาหมายจะทิ่มแทงร่างของเงือกตัวขาว เลือดสีแดงสดไหลนองผสมปนเปกับน้ำทะเลสีเข้ม เขามองเห็นสีหน้าตกใจสุดขีดและได้ยินเสียงร้องตะโกนก้องสุดเสียงของซาโตรุ แต่ในตอนนี้เขาทำได้เพียงขยับปากไร้เสียงให้อีกฝ่ายหนีไป
ภาพสุดท้ายก่อนสติจะดับสูญ เขาเห็นปลายหางสีขาวสว่างแหวกว่ายหนีกลืนหายไปกับความลึกลับของมหาสมุทร
เขายกยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า
และยอมรับชะตากรรมที่จมลงสู่ก้นทะเล
“อืม”
แสบตาชะมัด
ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสหลังจากรู้สึกราวกับตัวเองตกอยู่ในห้วงความฝันอันยาวนาน แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างตื่นเต็มตาเมื่อเริ่มได้สติและพบว่าตัวเองสมควรจะอยู่เฝ้าปะการังที่ก้นทะเล แต่กลับได้มานอนกลางหาดทรายสะท้านกับแสงแดดจ้าร้อนระอุอย่างนี้
ในขณะที่กำลังงุนงงอย่างหนักก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว
“สุงุรุ!”
เขาผุดลุกขึ้นนั่งและหันไปตามเสียงเรียกอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มกว้างและดวงตาฟ้ากระจ่างเป็นประกายฉายแววดีใจอย่างปิดไม่มิดของซาโตรุ เขาเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจยามเห็นว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดี ก่อนจะต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อพบว่าท่อนล่างที่ควรเป็นหางปลาเกล็ดพราวระยับกลับกลายเป็นท่อนขาเรียวเนียนขาวของมนุษย์
“ซาโตรุ เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ผมช่วยสุงุรุเองแหละ ตอนนี้ผมเป็นมนุษย์แล้ว ผมจะอยู่กับสุงุรุตลอดไป!”
น้ำเสียงร่าเริงสดใสไม่ได้ทำให้สุงุรุตื่นตระหนกกับเรื่องราวน้อยลง จนกระทั่งต้องจับเงือกแสนซนนั่งจับเข่าคุยกันอย่างจริงจัง
ซาโตรุเป็นเงือก เผ่าที่ได้รับพลังวิเศษจากพระเจ้าให้สัมผัสชีวิตอันเป็นอมตะ
แต่ซาโตรุเลือกที่จะแลกพลังนั้นกับชีวิตของเขา
ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา
เมื่อได้รับรู้แล้วก็ทำเพียงนิ่งงัน เขามองดูใบหน้าสดใส จ้องมองดวงตากลมสวยสีฟ้าเป็นประกาย แม้จะเป็นมนุษย์ ก็ยังคงสวยงดงามล้ำค่าเกินกว่าที่เขาจะอาจเอื้อม
แต่สัญญาว่าจะทำทุกทางเพื่อรักษาเอาไว้อย่างดีที่สุด
“ขอบคุณนะครับซาโตรุ”
“อื้อ สุงุรุก็ช่วยผมไว้เหมือนกัน ขอบคุณนะ”
สุงุรุวาดแขนโอบกอดอีกฝ่ายเข้ามาพร้อมกับซุกหน้าลงไหล่บาง เช่นเดียวกับซาโตรุที่ใช้แขนเรียวโอบกอดตอบ ซึมซับความรู้สึกอันท่วมท้นของกันและกันอย่างไม่คิดปฏิเสธผลักไส
“อยู่ด้วยกัน ตลอดไปเลยนะครับ”
“อื้อ แน่นอนอยู่แล้ว”
talk
ถ้าเคยเจอใน readAwrite ไม่ต้องตกใจนะคะ คนเขียนจะมาลงไว้หลายที่
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Meownetic ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Meownetic
ความคิดเห็น