ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #86 : ตนไม้ใหญ่ที่จะไม่ถูกหักโค่นล้มลง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.34K
      499
      16 พ.ย. 60





    กาเล็ทใช้เวลาอยู่ในมิติเทพเจ้าอีกหลายชั่วโมงเพื่อช่วยนีน่าสร้างแก่นจิตวิญญาณและปรับสภาพของร่างกายให้เข้าที่ "ท่านแม่ มาถึงจุดนี้ข้าก็สามารถคลายใจลงได้เปราะหนึ่ง นับแต่นี้อาการป่วยของท่านจะค่อยๆดีขึ้น อาการอ่อนเพลียและเวียนหัวก็จะค่อยๆลดลงเช่นเดียวกัน" กาเล็ทลืมตาขึ้นเอ่ยกับผู้เป็นมารดา

    "ถ้าเป็นเช่นนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีแต่ถึงแม้จะไม่สำเร็จ กาเล็ทเจ้าก็อย่าได้โทษว่าตำหนิตัวเองนะลูก" นีน่าหันหลังกลับมาเอ่ยบอกกล่าวในสิ่งที่ตนเองเป็นห่วง นางเกรงว่าหากการรักษาตนเองนั้นเกิดข้อผิดพลาดขึ้น บุตรชายผู้นี้คงต้องโทษว่าตนเองตลอดชีวิตของเขาเป็นแน่

    "ครับท่านแม่" กาเล็ทตกปากรับคำในสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้อย่างแน่นอน หากว่าการรักษานีน่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นย่อมต้องเป็นความผิดของตนเองอย่างแน่นอนแต่เหตุเพราะที่ตนเองตกปากรับคำผู้เป็นมารดาง่ายดายถึงเพียงนี้เพราะว่าตนเองนั้นมีความมั่นใจถึง 9 ส่วนว่าจะสามารถรักษาอาการของผู้เป็นมารดาให้หายเป็นปกติสุขได้

    "จากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหักโหมดั่งเช่นหลายวันที่ผ่านมาอีก ท่านแม่เพียงแต่ต้องยินยอมให้ข้าใช้พลังจิตวิญาณถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของท่านวันละ 10-15 นาทีเพื่อกระตุ้นให้ไขสันหลังของท่านฟื้นฟูรักษาตนเองเท่านั้น อีกทั้งท่านแม่ยังต้องค่อยๆฝึกฝนพลังจิตวิญาณเพื่อเลื่อนระดับแก่นจิตวิญญาณของท่านควบคู่กันไป" กาเล็ทเอ่ยอย่างโล่งใจ การรักษานีน่าเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่เพียงแต่ราบรื่นเท่านั้นการรักษานีน่ายังคงใช้เวลารวดเร็วกว่าที่กาเล็ทคาดคิดไว้แต่แรกหลายเท่า กาเล็ทจึงรู้สึกเสมือนว่าได้ยกภูเขาที่หนักอึ้งออกจากอก

    นีน่าได้ฟังก็ผงกหัวรับแม้จะไม่รู้ว่่าไขสันหลังที่บุตรชายกล่าวมาคือสิ่งใดก็ตาม แต่นางนั้นเชื่อใจบุตรชายอย่างสุดหัวใจจึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามให้มากความ "เช่นนั้นเราก็ออกไปด้านนอกเถอะลูก เจ้าไม่อยู่เป็นเวลานานเช่นนี้ไม่ทราบว่าพ่อบ้านโจเซพจะวุ่นวายถึงเพียงไหน" นีน่าเอ่ย

    วูบบ ร่างของกาเล็ท นีน่าและมิร่าหายวับออกจากมิติเทพเจ้า

    "อ๊ะ" เสียงอุทานหวานใสดังขึ้นทันที ที่ร่างของกาเล็ท นีน่าและมิร่าปรากฎขึ้น

    แชลเทียที่ได้ยินเสียงอุทานของซิลเวียก็หันมองไปยังเพื่อนสาวของตน "กาเล็ท เจ้ากลับออกมาแล้ว การรักษาท่านป้านีน่าเป็นอย่างไรบ้าง ข้ารู้สึกเป็นห่วงแทบแย่" แชลเทียซึ่งหันมาพบเจอกับกาเล็ทพอดีก็เอ่ยถามขึ้น ในน้ำเสียงแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยจนกาเล็ทสามารถรู้สึกได้

    "ตอนนี้อาการของท่านแม่ถือว่าไม่น่าเป็นห่วงเท่าใดแล้ว เพียงแต่ยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าร่างกายของท่านแม่จะกลับคืนมาแข็งแรงเป็นปกติ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป" กาเล็ทเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ตนเองเฝ้าคิดถึงตลอดหลายวันมานี้ปรากฎอยู่เบื้องหน้า

    ลิลลี่และโรซ่ากลับยืนทำสีหน้าที่แสดงออกถึงความลำบากใจอยู่ด้านข้าง ที่พวกนางแสดงออกเช่นนี้เหตุเพราะว่าหลังจากที่พวกนางออกมาจากมิติเทพเจ้าได้ไม่นาน ก็ถูกแชลเทียเรียกมาสอบถามข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเรื่องการรักษาและอาการของนีน่า พวกนางนั้นได้รับปากกับกาเล็ทไว้แล้วว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องราวใดๆออกไป ทั้งเรื่องมิติเทพเจ้า ทั้งเรื่องอาการของนีน่า ทว่าผู้เอ่ยซักถามกลับเป็นว่าที่นายหญิงแห่งตระกูลบุสโซ่จึงทำให้พวกนางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

    "พวกเจ้าไม่ต้องลำบากใจไป แชลเทียพอจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับความลับของข้ามาบ้างอีกทั้งข้าก็ไว้ใจนางเรื่องนี้สมควรบอกกล่าวแก่นางแล้ว" กาเล็ทเอ่ยกับลิลลี่และโรซ่า เรื่องของมิติเทพเจ้านั้นแม้กาเล็ทยังไม่เคยพาแชลเทียเข้าไปดูให้เห็นกับตาแต่กาเล็ทนั้นก็เคยเอ่ยบอกกล่าวกับนางถึงการคงอยู่ของมันมาบ้างแล้ว

    กาเล็ทกลับสังเกตุเห็นร่างเล็กร่างหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหลังของแชลเทีย ร่างเล็กนี่ไม่ใช่ใครอื่นนางคือเจ้าหญิงแห่งโรฮานซิลเวียนั่นเอง ซิลเวียนั้นนับตั้งแต่งานพิธีของกาลาน นางก็ไม่ได้พบเจอกับกาเล็ทอีกเลย ที่ไม่ได้พบเจอไม่ใช่เพราะว่าในจิตใจของนางไม่อยากจะเจอทว่าเป็นเพราะใจของนางไม่กล้าพอ นางนั้นรู้สึกหวั่นเกรงต่อกาเล็ท ในจิตใจของนางนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด ตลอดเวลานับเดือนที่ผ่านมาซิลเวียเฝ้าเป็นกังวลใจตลอดมาว่าเมื่อกาเล็ทรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการหมั้นหมายแล้วเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร ใช่ไม่พอใจหรือไม่ ? ใช่กลับไปทำเมินเฉยเย็นชาใส่นางอีกหรือไม่ ? อีกทั้งยังมีเรื่องที่บิดาของตนเองปฎิบัติต่อบิดาของเขาอย่างไม่เป็นธรรม เขาจะเก็บมาใส่ใจและพาลโกรธเคืองนางด้วยหรือไม่? คำถามเหล่านี้เฝ้าวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของนานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่นางมาปรากฎตัวยังตระกูลบุสโซ่ในวันนี้ก็เนื่องจากแชลเทียเป็นผู้ไปหานางยังราชวังและนำพานางมา

    "หนูซิลเวีย มานี่สิลูก อีกหน่อยเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไม่ต้องทำตัวเป็นคนอื่นคนไกลไป" นีน่าเอ่ยเรียกเมื่อสัมผัสได้ว่าซิลเวียนั้นเกิดความรู้สึกตึงเครียดขึ้น
    "ท่านป้า" ซิลเวียก้าวออกมาจากเบื้องหลังของแชลเทียพร้อมทั้งค่อยๆเดินผ่านกาเล็ทไปยังด้านข้างของนีน่า แม้แต่ใบหน้าของเขานางยังไม่กล้าเหลียวมอง กล่าวไปแล้วกาเล็ทกลับกลายเป็นบุคคลเดียวที่นางมีความรู้สึกเกรงกลัวเช่นนี้ แม้แต่ราชาเบรุทบิดาของตนเองนางยังไม่เกรงกลัว
    "ไม่ต้องเป็นกังวลใจไปนะลูก เรื่องที่แล้วมาก็ให้มันผ่านไป อีกอย่างหนูซิลเวียก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราว อย่าได้คิดมากไป ใช่หรือไม่กาเล็ท" นีน่าคว้าข้อมือขาวผ่องของซิลเวียไว้พร้อมทั้งเอ่ยปลอบโยน พอถึงช่วงท้ายกลับเอ่ยถามบุตรชายออกมาทว่าน้ำเสียงในช่วงท้ายกลับไม่คล้ายเหมือนการถามไถ่ความเห็นแต่อย่างใด
    "ท่านไม่ต้องคิดมากไปองค์หญิง" กาเล็ทเอ่ย เดิมทีพอพบว่าซิลเวียเองก็อยู่ที่นี่ด้วยตนเองก็ไม่รู้ว่าต้องแสดงออกเช่นไรดีประจวบเหมาะพอดีที่มารดาเอ่ยถามความเห็นของตนขึ้น
    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ท ซิลเวียก็เหลือบตาขึ้นมองมายังใบหน้าของกาเล็ทเป็นครั้งแรกในรอบเดือน พอดีสบเข้ากับสายตาของกาเล็ทพอดี เมื่อเห็นว่าแววตาของเขาดูเหมือนไม่ได้กล่าวล้อเล่นความตึงเครียดในจิตใจของนางก็ผ่อนคลายลง นางรีบหลบสายตาไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งว่าหากนางจ้องมองเขาอีกชั่วครู่ตัวนางจะต้องถูกกลืนกินไป
    "มาแล้วก็พักอยู่กับป้าสักหลายวันนะลูก พวกเราจะได้ทำความรู้จักคุ้นเคยให้มากไว้" นีน่ากล่าวพลางเหลียวมองไปที่บุตรชายอีกครั้ง
    เห็นสายตาของผู้เป็นมารดากาเล็ทก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดไม่ทราบว่าต้องทำตัวเช่นไร ถึงแม้ในตอนนี้ซิลเวียจะกลายเป็นหนึ่งในคู่หมั้นของตนเองแล้ว แต่จะให้ตนเองทำตัวสนิทสนมกลมกลืนกับนางอย่างรวดเร็วก็ออกจะผิดธรรมชาติไป "ท่านก็พักอยู่ที่นี่เถอะองค์หญิง ท่านแม่จะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยด้วย เรื่องนี้คงต้องรบกวนท่านแล้วองค์หญิง" กาเล็ทเอ่ย
    "อืม ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงต้องรบกวนท่านป้าแล้ว" ร่างเล็กเอ่ยเสียงเบา
    "รบกวนอะไรกันล่ะลูก" นีน่าเอ่ยอย่างสุขใจ

    "ท่านแม่ เช่นนั้นข้าขอตัวสักครู่" กาเล็ทเอ่ยขอตัวกับผู้เป็นมารดา ตนเองไม่อยู่กว่า 2 วันคาดว่าพ่อบ้านโจเซพคงมีเอกสารมากมายที่ต้องการให้ตนเองตรวจตราลงความเห็นชอบ

    "ไปเถอะลูก" นีน่าเอ่ย
    "ไปด้วยน้า มิร่าไปด้วย" มิร่าที่จำแลงกายจากมังกรน้อยสีดำกลับมาอยู่ในร่างของมนุษย์กระโดดเข้าหากาเล็ทจากอ้อมอกของนีน่า
    ซิลเวียที่เห็นฉากการเปลี่ยนร่างของมิร่าก็ยกมือขึ้นมาป้องปากของตนเองด้วยความตกใจ หากจะกล่าวไปแล้วในที่นี้มีเพียงนางผู้เดียวที่ยังไม่รู้จักมิร่าดี

    "เดี๋ยวเถอะ" กาเล็ทเอ่ยเสียงดุเมื่อเห็นว่ามิร่ากระโจนออกจากอ้อมอกของนีน่าอย่างทันทีดันใด
    "ก็มิร่ากลัวถูกปะป๋าทิ้งไว้นีนา" มิร่าที่บัดนี้อยู่ในร่างเด็กหญิงและเกาะกุมกอดร่างของกาเล็ทอยู่เอ่ยขึ้น
    ได้ฟังน้ำเสียงของผู้เป็นบุตรบุญธรรมกาเล็ทก็ยากที่จะทำใจเอ่ยว่าตำหนิอีก

    กาเล็ทออกมาเดินดูตรวจตรายังเบื้องนอกปราสาทพร้อมกับพ่อบ้านโจเซพ "ท่านลุงเรื่องเงินทองคงไม่ใช่ปัญหาของตระกูลบุสโซ่เราอีกต่อไป ข้าคิดว่าพวกเราสมควรขยับขยายฐานกำลังของตระกูลบุสโซ่เพิ่มเติมอีก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นกับโจเซพ
    ได้ฟังโจเซพก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาเล็กน้อย จริงอยู่ที่ว่าเรื่องเงินอาจจะไม่ใช่ปัญหาแต่ว่าบางสิ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วจนเกินไปก็หาใช่เรื่องดี หากกล่าวถึงการเติบโตของตระกูลบุสโซ่ก็คงต้องบอกกล่าวว่าตระกูลบุสโซ่นั้นเติบโตขยับขยายด้วยความรวดเร็วที่น่าตื่นตกใจ เพียงเวลาไม่ถึงปีตระกูลบุสโซ่กลับกลายจากตระกูลขุนนางตกอับตระกูลหนึ่งมาเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์น่าจับตามองกว่าตระกูลใดในโรฮานเปรียบเสมือนมัจฉาแหวกว่ายผ่านประตูสวรรค์กลายร่างเป็นมังกรก็ไม่ปาน
    "เป็นไรหรือ หากท่านลุงไม่เห็นด้วยข้าก็พร้อมจะรับฟัง ท่านลุงโปรดจำไว้ว่าข้าถือว่าท่านลุงเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของข้าคนหนึ่ง อย่าได้เกรงอกเกรงใจ มีสิ่งใดไม่สบายใจท่านลุงสามารถเอ่ยบอกกล่าวได้อย่างเต็มที่" กาเล็ทเอ่ยเมื่อเหลียวมองมายังพ่อบ้านโจเซพที่มีท่าทีเสมือนว่ามีบางสิ่งต้องการจะกล่าวออกมา
    เห็นนายน้อยของตนเองเอ่ยกล่าวออกมาเช่นนี้โจเซพก็รู้สึกยินดีไม่น้อยและคิดว่าตนเองเลือกไม่ผิดจริงๆที่ยึดถือเอาตระกูลบุสโซ่เสมือนบ้านหลังที่สอง "นายน้อยข้าเกรงว่าหากขยับขยายอย่างรวดเร็วจนเกินไปคงไม่ใช่เรื่องดี ต้นไม้ที่สูงตระหง่านโดดเด่นจนเกินไปก็อาจหักโค่นล้มลงได้โดยง่าย อีกอย่างตัวข้าก็เกรงว่าตนเองจะไม่มีความสามารถพอในการจัดการควบคุมเรื่องราว"

    กาเล็ทได้ฟังคำกล่าวของโจเซพก็พอจะเข้าใจความหมายในวาจาของโจเซพอยู่หลายส่วน จะกล่าวไปแล้วแม้โจเซพนั้นจะรู้ว่าตนเองแข็งแกร่งแต่หากจะถามว่าโจเซพรู้หรือไม่ว่าตนเองมีระดับพลังอยู่ที่ระดับใด คำตอบคือโจเซพต้องไม่รู้ ยังมีความแข็งแกร่งของมิร่าที่มีพลังถึงระดับจักรพรรดิ์ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกเสียจากเทลเล่อ แม้ภายในตระกูลบุสโซ่จะมีคนมากมายรู้ว่ามิร่าเป็นสัตว์อสูรหาใช่มนุษย์ทว่ากลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางไม่เพียงเป็นสัตว์อสูรหากแต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์อสูรใดภายในหุบเขาอสูรฟ้า จะโทษว่าโจเซพก็ไม่ได้ที่ดูไม่ออก ผู้ใดจะคาดคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่น่ารักดั่งเช่นมิร่าจะซ่อนความน่าสะพรึงไว้

    กาเล็ทพลันตั้งสมาธิรวบรวมพลังจิตวิญญาณมาไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างจนเกิดเป็นแสงสีฟ้าอ่อนในฝ่ามือข้างขวา ส่วนฝ่ามือข้างซ้ายเกิดเป็นแสงสีเขียวอ่อนขึ้นแสดงถึงการแปลงคุณสมบัติธาตุลมและน้ำ จากนั้นกาเล็ทก็หันฝ่ามือทั้งสองเข้าหากัน ที่ช่องว่างใจกลางของฝ่ามือทั้งสองกลับปรากฎเป็นลูกบอลพลังที่มีประกายสายฟ้าโลดแล่นไปมาขึ้น

    โจเซพที่เห็นการกระทำของกาเล็ทแม้จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นภาพเช่นนี้แต่ก็รู้สึกฉงนใจไม่น้อยไปกว่ากันที่อยู่ๆเหตุใดนายน้อยของตนจึงทำเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามกาเล็ทพลันส่งลูกบอลพลังนั้นขึ้นสู่ฟากฟ้า ลูกบอลพลังพลันล่องลอยออกจากใจกลางฝ่ามือของกาเล็ททยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามืดครึ้มเบื้องบนอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงแตกระเบิดออกเป็นประกายสายฟ้าแผ่ขยายออกไปทำให้ท้องฟ้าดำมืดยามค่ำคืนสว่างไสวขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง

    "ว่ากันว่าผู้มีพลังระดับที่ 9 จะมีความสามารถเข้าถึงพลังจิตวิญญาณได้อย่างลึกซึ้งจนสามารถหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งกับพลังจิตวิญญาณได้ แรกเริ่มที่ได้ฝึกฝนพลังข้ากลับไม่เข้าใจว่าการหลอมเป็นหนึ่งกับพลังจิตวิญญาณที่แท้เป็นเช่นไร คิดไม่ถึงว่าจากวันนั้นผ่านมาไม่นานบัดนี้ข้ากลับเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หากว่าระดับที่ 9 สามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งกับพลังจิตวิญญาณได้ ผู้มีพลังระดับราชาก็สามารถแปรเปลี่ยนพลังจิตวิญญาณได้ดั่งใจนึกเสมือนว่าพลังจิตวิญญาณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไป ตอนนี้ข้ากลับมีความสงสัยใจว่าผู้มีพลังระดับจักรพรรดิ์จะมีความสามารถใด?" กาเล็ทเอ่ยขึ้นลอยๆ

    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ทโจเซพก็หันความสนใจของตนเองจากประกายสายฟ้าบนท้องฟ้าเมื่อครู่กลับมายังนายน้อยของตนที่ด้านข้าง "หรื..... หรือว่านายน้อยท่านบรรลุพลังระดับราชาแล้ว" โจเซพเอ่ยถามเสียงสั่นไหว หัวใจมันกลับเต้นแรงเสมือนว่าจะกระเด็นกระดอนออกจากร่าง

    กาเล็ทหันหน้าจากการมองไปยังฟากฟ้ากลับมายังพ่อบ้านของตนเอง บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม "ข้าไม่เพียงแต่บรรลุพลังระดับราชาแล้ว บัดนี้พลังของข้าใกล้เข้าสู่ขอบเขตราชาขั้นกลางแล้ว" กาเล็ทเอ่ย
    "จริงหรือนี่ จริงหรือนี่ ท่านช่างเหลือเชื่อนักนายน้อย ยินดีด้วย ยินดีด้วย ข้าขอแสดงความยินดีด้วย" โจเซพเข้ามากุมมือของผู้เป็นนายไว้พร้อมพรั่งพรูคำพูดมากมายที่แสดงออกถึงความยินดีปรีดาออกมาการแสดงออกของโจเซพนั้นประหนึ่งว่าตนเองเป็นผู้สำเร็จวิชาเองก็ไม่ปาน ในยามปกติโจเซพนั้นมักจะมีบุคลิคที่ดูเงียบขรึมทว่าบัดนี้กลับไม่สามารถควบคุมตนเองได้จนแสดงกริยาที่แตกต่างออกมาให้ได้เห็น

    "หากท่านลุงเปรียบตระกูลบุสโซ่เราเป็นดั่งต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ข้าก็ขอบอกแก่ท่านลุงได้เลยว่าตระกูลบุสโซ่เราจะเป็นต้นไม้ที่ไม่มีวันหักโค่นลงแม้ต้องเผชิญลมพายุรุนแรงหนักหนาถึงเพียงไหน แม้ลมพายุนั้นจะมีชื่อว่าจักรพรรดิ์แดงก็ตาม" กาเล็ทเอ่ย

    โจเซพที่สงบใจลงได้แล้วก็ได้แต่เหลียมมองนายน้อยของตนเองด้วยความฉงนใจอีกครา มันย่อมไม่ทราบว่าเหตุใดนายน้อยถึงมีความมั่นใจถึงเพียงนี้ ต่อให้นายน้อยมีพลังถึงระดับราชาก็ตามทีทว่าจักรพรรดิ์แดงนั้นแตกต่าง จักรพรรดิ์แดงนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ใดในทวีปตะวันออกนี้ ไม่เพียงแต่ทวีปตะวันออกเท่านั้น จักรพรรดิ์แดงยังเป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือที่ผู้คนทั่วทั้งดินแดนยูยานต้องหวั่นเกรงเพียงแค่ได้ยินชื่อเหตุใดนายน้อยของตนเองจึงเปรียบเปรยเสมือนว่าแม้ต้องเผชิญกับตัวตนที่เป็นตำนานอย่างจักรพรรดิ์แดงก็ไม่รู้สึกหวั่นเกรงเล่า?

    กาเล็ทเหลียวมองมาเห็นว่าใบหน้าของโจเซพพ่อบ้านร่วมทุกข์ร่วมสุขของตนเองนั้นเสมือนว่ามีคำถามว่าเพราะเหตุใด? ปรากกฎอยู่บนใบหน้าการเล็ทก็คลี่ยิ้มขึ้นอีกคราหนึ่งและเอ่ยขึ้น "เพราะตระกูลบุสโซ่เราที่ท่านลุงเปรียบเปรยเสมือนต้นไม้ใหญ่ มีระดับจักรพรรดิ์คอยพิทักษ์อยู่เช่นกันผู้มีพลังระดับจักรพรรดิ์นั้นคือนางเอง" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวแก่พ่อบ้านของตนเองพร้อมทั้งชี้มือมายังมิร่าน้อยซึ่งกลับกลายเป็นมังกรน้อยสีดำอีกครั้งที่กำลังนอนอยู่บนหัวของตน

    ได้ฟังสิ่งที่ยากจะเชื่อได้โจเซพก็ทำได้แต่ปากอ้าตาค้างเลื่อนสายตายขึ้นไปมองยังร่างของมิร่าน้อยซึ่งนอนอยู่บนหัวของกาเล็ท มันกลับประสานสายตาเข้ากลับดวงตากระจ่างสุดใสคู่หนึ่งที่เหลียวมองมาที่มันเช่นเดียวกัน

    ปล.จากผู้เขียนครับ ถ้าเข้าลูบรายละเอียดในการพัฒนาคน พัฒนาเมืองนี่ผู้อ่านจะเบื่อกันไหม พอดีอยากลงลายละเอียดตั้งแต่ก่อนฉบับรีไรท์แล้วแต่กลัวเบื่อกัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×