ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #345 : ค่ายกลอยู่คนอยู่ ค่ายกลแตกคนม้วย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.54K
      285
      30 เม.ย. 62


    "จักรพรรดิทมิฬแห่งทวีปตะวันออก?" หลินจื่อฝูถึงกับหลุดปากออกมาอย่างไม่อาจที่จะควบคุม การปรากฎตัวของกาเล็ททำให้จิตใจของมันสั่นไหวอยู่ไม่น้อยหากแต่เพียงไม่นานหลินจื่อฝูก็รีบปรับท่าทีของตนเองให้เป็นปกติ
    "ผ.ผู้คนของทวีปตะวันออกใยจึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของทวีปใต้" เอ่ยถามออกไปแต่ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบกลับ หลินจื่อฝูก็เปิดปากกล่าวคำขึ้นมาอีกครั้ง "หากว่าในวันนี้ท่านยินยอมที่จะถอนตัวล่าถอยกลับไปและให้สัญญาว่าจะไม่สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของทวีปใต้อีก ตระกูลหลินของข้าจะไม่ขัดขวางการจากไปของท่าน อีกทั้งการทำเช่นนี้ในภายภาคหน้าพวกเราทั้งสองฝ่ายยังคงที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้ได้ ขอให้ท่านจักรพรรดิทมิฬคิดใคร่ครวญให้ดี"
    กาเล็ทที่ได้เห็นท่าทีและได้รับฟังคำเอ่ยกล่าวของหลินจื่อฝูนั้นแทบที่จะหลุดคำหัวเราะขำออกมา ปากก็เปิดขึ้นเอ่ยกล่าวอย่างไม่ขบคิด "หลินจื่อฝูเจ้าปัญญาอ่อนหรือ?"
    สิ้นคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ทใบหน้าของหลินจื่อฝูกับหลินทงเทียนก็เขียวคล้ำขึ้นมาทันที
    "ในเมื่อตระกูลหลินของเจ้าหันไปสวามิภักดิ์ต่อทวีปกลางแล้วและตัวข้าก็ประกาศตัวเป็นศัตรูกับทวีปกลางโดยชัดแจ้งแล้วเช่นกัน เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้วในภายภาคหน้าพวกเราทั้งสองจะยังสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้อีกหรือ? ชั่งเป็นข้อเสนอที่โง่เง่าเบาญาเสียจริง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวด่าทอหลินจื่อฝูที่ขณะนี้นั้นกำลังโกรธจนมือไม้สั่นไม่อาจเอ่ยกล่าววาจาใดได้
    "จักรพรรดิทมิฬแห่งทวีปตะวันออกแล้วจะอย่างไร ในเมื่อน้ำชาคารวะไม่ยอมรับข้าจะให้เจ้ามาได้แต่กลับมาได้" หลินทงเทียนที่ยืนอยู่ข้างกายผู้เป็นบิดาอดรนทนไม่ได้ที่เห็นผู้เป็นบิดาถูกด่าทออย่างสาดเสียเทเสียจึงเอ่ยปากสอดคำขึ้นมา
    "ข้ากาเล็ทบุสโซ่คิดจะมาจะไปมีหรือที่กากเดนอย่างตระกูลหลินเจ้าจะสามารถกำหนดได้" กาเล็ทยกยิ้มขึ้นเอ่ยกล่าว
    สิ้นคำกล่าวของกาเล็ท หลินทงเทียนที่เดือดดาลถึงขีดสุดก็ส่งสัญญาณให้กับผู้คนของตนเองพร้อมกับเอ่ยคำ "เปิดการทำงานของค่ายกล"
    ทันทีที่เสียงสั่งการของหลินทงเทียนดังก้องขึ้น ม่านผ้าใบที่ถูกกางล้อมลอบห้องโถงโดยรอบอยู่ก็ถูกปลดเปลื้องออกเผยให้เห็นถึงนักรบของตระกูลหลินจำนวนมากนับร้อยชีวิตที่กำลังนั่งขัดสมาธิตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่รอบห้องโถงใหญ่ เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั้งหลินทงเทียนและหลินจื่อฝูที่ยืนสนทนาอยู่กับกาเล็ทเมื่อครู่ก็ขยับเข้าประจำที่ซึ่งตนเองจัดเตรียมไว้จากนั้นพวกมันทั้งสองก็เร่งพลังของตนเองขึ้น
    ชั่วพริบตาหลังสิ้นเสียงของหลินทงเทียนก็ปรากฎโดมม่านพลังขึ้นล้อมกรอบกลุ่มของกาเล็ทไว้
    "จิ้งจอกเผยหางแล้ว ที่แท้ก็ตระเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก" กาเล็ทที่แสร้งทำเป็นเรู้สึกหนือความคาดหมายกับสิ่งที่พึ่งจะเกิดขึ้นเอ่ยกล่าว
    เมื่อเกือบทุกสิ่งอย่างเป็นไปอย่างที่ตระเตรียมวางแผนไว้สีหน้าของหลินจื่อฝูและหลินทงเทียนก็ปรากฎเค้าลางของความโหดเหี้ยมอำมหิตขึ้น "ดูว่าต่อหน้าค่ายกลประหารเทพนี้เจ้ายังจะปากกล้าได้อีกหรือไม่" หลินทงเทียนเอ่ยกล่าวหากแต่ผู้เป็นบิดาของมันอย่างหลินจื่อฝูกลับยังคงสงบปากคำตั้งสมาธิส่งถ่ายพลังเข้าสู่กลไกของค่ายกลอย่างเต็มที่
    "เหม่งอี้ เนี่ยเฟย" กาเล็ทออกคำสั่ง
    "ขอรับ/ขอรับ" ทั้งสองเอ่ยตอบอย่างพร้อมเพรียงจากนั้นจึงก้าวออกมาเร่งพลังระดับจักรพรรดิขั้นต้นของตนเองขึ้นจากนั้นจึงพุ่งเข้าจู่โจมใส่ขอบของม่านพลังที่ปรากฎกักขังกลุ่มของพวกตนไว้หากแต่ไม่ว่าทั้งเหม่งอี้และเนี่ยเฟยจะระดมจู่โจมเข้าใส่ขอบของม่านพลังที่เกิดขึ้นเพียงไรก็ไม่สามารถที่จะทำลายม่านพลังให้หายไปได้ ไม่ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย ด้วยการรวมพลังกันของนักรบจากตระกูลหลินนับร้อยชีวิตยังมีหลินจื่อฝูกับหลินทงเทียนซึ่งมีระดับพลังถึงระดับจักรพรรดิขั้นกลางและระดับจักรพรรดิขั้นต้นรวมอยู่ด้วยแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลำพังเหม่งอี้และเนี่ยเฟยซึ่งมีระดับพลังอยู่เพียงระดับจักรพรรดิขั้นต้นจะไม่สามารถทำอย่างไรกับพลังงานที่ครอบคลุมกักขังกลุ่มของพวกตนเองอยู่ได้
    หลินจื่อฝูซึ่งทำหน้าที่ควบคุมดูแลภาพรวมของค่ายกลปรากฎสีหน้าที่ดูผ่อนคลายขึ้นมากกว่าเดิม แรกเริ่มเดิมทีมันยังลอบหวั่นวิตกว่าค่ายกลประหารเทพที่ตระกูลหลินของมันทุ่มทรัพยากรไปมากมายนี้จะไม่สามารถต้านรับกับกำลังของศัตรูได้หากแต่เมื่อเห็นว่าการจู่โจมของผู้มีพลังระดับจักรพรรดิขั้นต้นถึงสองคนกลับไม่สามารถที่จะทำอย่างไรกับค่ายกลประหารเทพของมันได้เลยจึงทำให้ความมั่นใจของมันเพิ่มพูนสูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม
    "เป็นอย่างไรบ้างท่านพ่อ" หลินทงเทียนเอ่ยถามผู้เป็นบิดา
    "ต่อให้พวกมันทั้งสองรีดเร้นพลังจิตวิญญาณจนหมดจากร่างเพื่อจู่โจมก็ไม่อาจจะทำอย่างไรกับค่ายกลประหารเทพได้ ถึงแม้ต้องรับการจู่โจมที่รุนแรงมากกว่านี้อีกสิบเท่าก็ไม่มีปัญหา" หลินจื่อฝูเอ่ยกล่าวบอกต่อผู้เป็นบุตรชาย
    หลินทงเทียนได้รับฟังเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากด้วยความรู้สึกยินดี "กาเล็ทบุสโซ่ หากจะโทษผู้ใดก็โทษว่าตัวเจ้าเองเถอะที่แส่หาเรื่องสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่น" หลินทงเทียนเอ่ยกล่าวเย้ยหยัน ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดมันจึงเกิดความรู้สึกอยากประชันขันแข่งกับบรุษซึ่งถูกผู้คนเรียกขานว่าจักรพรรดิทมิฬผู้นี้ อาจบางทีเพราะความทะเยอทะยานภายในจิตใจของตัวมันเรียกร้องให้มันนั้นพิสูจน์ตนเองว่าตนเองนั้นไม่ด้อยกว่าบรุษใด
    กาเล็ทที่ลอบสังเกตุความเคลื่อนไหวของพลังงานซึ่งไหลผ่านค่่ายกลม่านพลังประหารเทพของตระกูลหลินอยู่ได้รับฟังคำเอ่ยกล่าวเย้ยหยันของหลินทงเทียนก็หันกลับมาให้ความสนใจต่อสองพ่อลูกตระกูลหลินอีกครั้งจากนั้นจึงเปิดปากเอ่ยกล่าวขึ้น "คำกล่าวที่ว่าบิดาพยัคฆ์ไม่ให้กำเนิดลูกสุนัขนั้นเป็นความจริงไม่แปลกปลอม"
    หลินทงเทียนได้รับฟังเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องได้ใจยิ่งกว่าเดิม "สำนึกเสียใจ.." ทว่าเอ่ยกล่าวยังไม่ทันจบประโยคใบหน้าของมันก็ต้องเขียวคล้ำเพราะความโกรธขึ้นมาอีกครั้งเพราะประโยคที่ตามมาของกาเล็ท
    "ทว่าคำกล่าวที่ว่าบิดาสุนัขมักให้กำเนิดลูกสุนัขคล้ายเหมือนว่าจะเป็นความจริงยิ่งกว่า" กาเล็ทเอ่ยกล่าว
    สิ้นคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ทแม้แต่ซานซานเองยังต้องเผยรอยยิ้มขบขันออกมาปากก็เอ่ยกล่าวชื่อของชายคนรักออกมาในเชิงห้ามปราม "กาเล็ท"
    "จ..เจ้าจะตายอยู่แล้วยังจะทำปากดีอีก" เอ่ยกล่าวอย่างโกรธแค้นออกมาหลินทงเทียนก็หันไปหาผู้เป็นบิดา "ท่านพ่อ"
    หลินจื่อฝูผงกศรีษะรับจากนั้นมันที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็วาดมือของมันไปมาเพื่อบังคับให้ม่านพลังค่อยๆหดตัวเข้าเพื่อบีบรัดหมายจะเผด็จศึก
    กาเล็ทที่รับรู้เช่นนั้นก็หันไปสบสายตากับซานซาน "ซานซานพวกสองคนเราทดลองต้านทานดูสักครั้งเถอะ"
    ซานซานผงกศรีษะรับจากนั้นทั้งกาเล็ทและซานซานก็หยุดรวบรวมพลังระดับจักรพรรดิขั้นสูงของคนเองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อรวบรวมพลังได้ถึงระดับที่พอเหมาะแล้วทั้งกาเล็ทและซานซานก็แผ่พุ่งพลังงานจิตวิญญาณออกจากร่างเพื่อกระจายตัวออกไปต้านรับกับขอบเขตของม่านพลังประหารเทพที่กำลังหดตัวบีบรัดเข้ามาก่อเกิดเป็นการประลองกำลังงัดข้อขึ้น
    ทั้งเหม่งอี้และเนี่ยเฟยเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้ารวบรวมพลังของตนเองและส่งออกไปหนุนเนื่องประสานเสริมกับผู้เป็นนายทั้งสองในทันที
    หลินจื่อฝูที่เฝ้าสังเกตุอยู่ก่อนแล้วย่อมรู้ดีว่านี่คือการประลองกำลังเพื่อตัดสินว่าฝ่ายใดจะอยู่ฝ่ายใดจะไป มันทราบดีว่าอีกฝ่ายนั้นตรียมที่จะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อทำลายค่ายกลประหารเทพของมันแล้ว รู้เช่นนั้นมันจึงรวบรวมสมาธิและทุ่มพลังที่รวบรวมมาจากนักรบของตระกูลหลินกว่าร้อยชีวิตเพื่อส่งผ่านเข้าสู่ค่ายกลประหารเทพอย่างเต็มที่
    หลินจื่อฝูรับรู้ได้ถึงแรงต้านมหาศาลที่ดีดสะท้อนกลับมาอย่างหนักหน่วง "การร่วมมือกันของระดับจักรพรรดิแห่งทวีปทั้งสองไม่อาจดูแคลนจริงๆ สักวันหนึ่งข้าจะต้องไปให้ถึงขีดขั้นนั้นให้จงได้แต่ในวันนี้ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าทั้งสี่ก็ไม่อาจหนีรอดกลับออกไปอย่างมีชีวิตแน่นอน" หลินจื่อฝูขบคิดกับตนเอง เมื่อหยั่งรู้ถึงขุมกำลังที่คิดว่าอีกฝ่ายทุ่มสุดชีวิตออกมาแล้ว หลินจื่อฝูก็ไม่รีรอลังเลอีก มันทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อหมายจะบดขยี้ผู้ที่อยู่ภายในค่ายกลประหารเทพให้แหลกสลายเป็นผุยผง

    "กาเล็ท" ซานซานที่รับรู้ว่าการร่วมมือกันของฝ่ายตนไม่อาจต้านทานหยุดยั้งการบีบรัดของค่ายกลประหารเทพได้ก็เอ่ยเรียกกาเล็ทออกมาอีกครั้งเสมือนว่ากำลังรอสัญญาณบางอย่าง
    "นับว่าตระกูลหลินทุ่มหมดหน้าตักกับแผนการนี้จริงๆ ค่ายกลม่านพลังนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรองรับพลังงานจากผู้คนของตระกูลหลินเท่านั้นหากแต่มันยังเชื่อมต่อกับแก่นจิตวิญญาณของพวกมันโดยตรง หลินจื่อฝูเป็นเพียงผู้ที่คอยควบคุมกระแสพลังโดยรวมเท่านั้น เช่นนี้คงเข้าข่ายปรโยคที่ว่าค่ายกลอยู่คนอยู่ค่ายกลแตกคนม้วยแล้ว" กาเล็ทเอ่ย
    "อืม" ซานซานเอ่ยตอบ
    "หยุดการหยั่งดูเชิงเพียงเท่านี้เถอะ ซานซานใช้พลังได้อย่างเต็มที่" กาเล็ทเอ่ยปาก
    สิ้นคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ท ซานซานที่ได้รับสัญญาณอนุญาติก็ปลดปล่อยกระแสพลังระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันจักรพรรดิซึ่งแข็งแกร่งกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสูงเกือบเท่าตัวออกไป มวลพลังจิตวิญญาณมหาศาลหลังไหลดั่งสายน้ำที่บ้าคลั่งเข้าปะทะหนุนเสริมเข้าใส่ขอบของค่ายกลประหารเทพที่กำลังบีบรัดเข้ามาส่งให้การบีบรัดหยุดชะงักลงในทันที
    "ด.ได้ยังไง" หลินจื่อฝูที่สัมผัสได้ถึงการตีกลับของกระแสพลังมหาศาลหลั่งเหงื่อโทรมกายเอ่ยคำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพียงชั่วพริบตาหนึ่งมันกลับรู้สึกคล้ายเหมือนถูกค้อนใหญ่ทุบเข้าใส่ร่างจนทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านยากจะควบคุม
    กาเล็ทที่เห็นว่าเพียงลำพังกำลังของซานซานยังไม่มากพอที่จะตัดสินผลของการประลองกำลังครั้งนี้ได้อย่างเด็ดขาดก็เร่งพลังของตนเองขึ้นจนถึงขีดสุด ทันทีที่กาเล็ทเร่งพลังระดับราชันจักรพรรดิของตนเองขึ้น สมดุลของการประลองกำลังก็ถูกทำลายในทันที
    ฟึ่ม โดมม่านพลังแตกกระจายออกทันทีที่ปะทะเข้ากับพลังระดับราชันจักรพรรดิของกาเล็ทไม่เพียงแต่โดมม่านพลังที่แตกกระจายออก เหล่านักรบของตระกูลหลินที่นั่งรายล้อมเพื่อส่งถ่ายพลังอยู่โดยรอบโถงใหญ่บ้างก็ผงะหงายสิ้นใจตายไปในบัดดล บ้างก็กระอักเลือดคำโตออกมาแล้วล้มหงายไร้ความรู้สึกไป ในจำนวนนี้แม้แต่หลินจื่อฝูและหลินทงเทียนเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ยังดีที่ก่อนค่ายกลประหารเทพจะถูกกระแสพลังมหาศาลของศัตรูโถมทำลายไปมันก็ชิงตัดการเชื่อมต่อของตนเองกับผู้เป็นบุตรชายไปเสียก่อน เพราะเหตุนี้จึงทำให้มันและบุตรชายยังไม่ถึงกับสิ้นใจตายในบัดดลหรือกลายเป็นคงพิกลพิการเสมือนกับนักรบกว่าร้อยชีวิตของตระกูลหลินคนอื่นๆ
    ขณะที่ประคองสติอย่างยากเย็นหลินจื่อฝูกลับได้ยินเสียงแว่วดังขึ้นที่ข้างหู "มิใช่ว่ายึดหลักค่ายกลอยู่คนอยู่ค่ายกลแตกคนม้วยหรอกหรือ เหตุใดท่านหัวหน้าตระกูลหลินจึงทอดทิ้งผู้คนของตนเอง"



    ปล.อีกครั้งอย่าลืมกดเข้าไปอ่านนิยายอีกเรื่องของผมด้วยนะครับ สนุกไม่แพ้กัน ฝากด้วยครับลิ้งด้านล่างเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×