ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #322 : ของหมั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.59K
      294
      1 มี.ค. 62


    กาเล็ทที่พึ่งจะหลอมสร้างแส้ผลาญฟ้าแล้วเสร็จเดินทางออกจากมิติเทพเจ้าสู่โลกภายนอกในทันที ในมือยังคงยึดจับแส้ผลาญฟ้าไว้
    ซานซานที่กำลังยืนรอคอยอยู่ภายในสวนเมื่อสัมผัสได้ถึงการมาของกาเล็ทก็หันกลับไปมองยังทางทิศทางที่ตนเองสัมผัสรู้ถึงตัวตนของผู้ที่รอคอยอยู่
    การเล็ทเดินยิ้มแห้งๆเข้ามาภายในสวน ปากก็เอ่ยกล่าว "ขออภัยซานซานที่ข้ามาช้ากว่าเวลาที่นัดหมายไว้"
    ซานซานที่เหลียวมองมายิ้มให้แก่กาเล็ทอย่างไม่ถือสา แต่แล้วสายตาของนางพลันเหลือบมองไปยังสิ่งของบางอย่างในมือของกาเล็ท
    กาเล็ทที่ก้าวเดินเข้ามาถึงเบื้องหน้าของซานซานหยิบยื่นด้ามของแส้ผลาญฟ้าที่ยังคงอยู่ในรูปของแท่งโลหะที่ตั้งตรงส่งมอบออกไปยังเบื้องหน้าของซานซาน
    คิ้วทั้งสองข้างของซานซานหยักขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ "นี่คือ?"
    "มอบให้แก่ซานซาน นี่คือแส้ผลาญฟ้าที่ตัวข้าใช้ความพยายามหลอมสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ซานซาน" กาเล็ทเอ่ยอธิบายบอกกล่าว
    "แส้ผลาญฟ้า?" ซานซานยังคงมึนงงกับคำเอ่ยกล่าวอธิบายของกาเล็ท สาเหตุก็เพราะวัตถุตรงหน้าที่กาเล็ทส่งยื่นมอบมาให้แก่ตนเองนั้นไม่ว่ามองดูอย่างไรก็ไม่คล้ายเหมือนกับแส้แม้แต่น้อย หากจะให้กล่าวว่าเป็นกระบองชิ้นหนึ่งยังจะน่าเชื่อเสียยิ่งกว่า
    "ที่มาช้ากว่านัดหมายก็เพราะสิ่งนี้เอง" เมื่อเห็นว่าซานซานยังคงแสดงออกถึงความสงสัยใจออกมาให้ได้เห็นและยังไม่รับเอาแส้ผลาญฟ้าจากมือของตนเองไป กาเล็ทก็ก้าวถอยหลังทิ้งระยะห่างออกมาจากซานซาน จากนั้นกาเล็ทจึงประจุพลังของตนเองเข้าไปในตัวของแส้ผลาญฟ้า ทันทีที่กาเล็ทประจุพลังของตนเองเข้าไปในตัวแส้ ตัวของแส้ก็เกิดแสงสว่างเรืองรองขึ้นมาเพื่อตอบรับกับพลังจิตวิญญาณที่กาเล็ทประจุดเข้าสู่ภายใน
    ทันทีที่ตัวแส้สว่างไสวขึ้นจากพลังงานจิตวิญญาณ รูปทรงของมันก็เปลี่ยนรูปและขยายยืดยาวออก ส่วนบนของตัวแส้ที่เดิมทีมีความยาวกว่าหนึ่งเมตรยืดตัวออกเป็นปล้องเล็กปล้องน้อยที่ถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันจากเส้นพลังงานจิตวิญญาณเข้มข้น เพียวชั่วพริบตาเดียว แส้ผลาญฟ้าซึ่งเดิมทีมีรูปทรงคล้ายกระบองก็แปรเปลี่ยนสภาพไปกลายเป็นแส้อย่างที่มันควรจะเป็น
    ซานซานที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างพิศดารของแส้ผลาญฟ้าก็ถึงกับปากอ้าตาค้างไป
    "เกรงว่าทดสอบภายในสวนเช่นนี้คงไม่เหมาะสมเท่าใดนัก หากว่าต้นไม้เกิดหักโค่นเสียหาย ข้าคงต้องถูกท่านแม่ต่อว่าตำหนิแล้ว" กาเล็ทเผยรอยยิ้มเอ่ยกล่าวออกมา จากนั้นจึงรั้งดึงพลังของตนเองกลับส่งให้แส้ผลาญฟ้าในมือกลับคือสู่สภาพเดิม "ที่ตั้งชื่อว่าแส้ผลาญฟ้าก็เพราะข้าคิดว่าเมื่อแส้เส้นนี้อยู่ในมือของซานซานประกอบเข้ากับวิชาประจำตัวของซานซานแล้ว เช่นนั้นหากว่ามีการกวัดแกว่งใช้ออก อานุภาพของมันคงเหนือล้ำถึงขนาดที่สามารถย้อมเผาผลาญแผ่นฟ้าให้กลายเป็นสีแดงฉานได้" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งกับส่งมอบแส้ในมือออกไปเบื้องหน้าของซานซานอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าซานซานรับเอาแส้จากตนเองไปแล้วกาเล็ทก็ยกมือของตนเองขึ้นมาปาดเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าผากของตนเอง การตั้งสมาธิอย่างจดจ่อเพื่อหลอมสร้างแส้ผลาญฟ้านี้เป็นเวลาติดต่อกันกว่าห้าวันภายในมิติเทพเจ้านั้นทำให้กาเล็ทเกิดความรู้สึกเหนื่อยอ่อนอยู่ไม่น้อย
    "บอกต่อซานซานตามความจริงว่าแส้ผลาญฟ้าเส้นนี้นั้นถูกหลอมสร้างขึ้นมาจากโอริฮารูกอนซึ่งเป็นโลหะซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษและมีความยืดหยุ่นแปรเปลี่ยนเหนือกว่าโลหะทั้งปวงอีกทั้งข้ายังได้สลักอักขระพิเศษพร้อมทั้งฝังแก่นจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิไว้ในด้ามแส้ ด้วยแก่นจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิและอักขระพิเศษที่ฝังอยู่ภายในทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะดึงพลังงานที่แฝงอยู่ออกมาผนวกเข้ากับพลังของตนเองเพื่อใช้ออกเป็นการจู่โจมที่ทรงพลังเป็นเท่าทวี" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอธิบายอย่างคร่าวๆให้แก่ซานซานที่กำลังก้มลงมองพินิจตรวจดูแส้ผลาญฟ้าในมือของตนเอง
    ซานซานที่ได้รับฟังเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกซึ่งยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ นางไม่นึกฝันมาก่อนว่าแม้แต่ความรู้ความสามารถในการหลอมสร้างอาวุธเขาผู้นี้ก็มีโดดเด่นเหนือกว่าผู้ใด ต้องดูว่าช่างฝีมือที่สามารถหลอมสร้างอาวุธนั้นถือว่าเป็นบุคลากรที่ล้ำค่าไม่ว่าจะอยู่ยังที่ใด ยิ่งเป็นช่างฝีมือระดับสูงซึ่งสามารถที่จะหลอมสร้างอาวุธระดับสูงได้เช่นนี้ย่อมไม่ต้องกล่าวถึง ยังมีสิ่งที่ต้องจ่ายออกต่อการหลอมสร้างอาวุธวิเศษแต่ละชิ้นขึ้นมานั้นก็มากมายเหนือคณานับ ยิ่งเป็นอาวุธที่เหนือล้ำมากเท่าใด ราคาที่ผู้หลอมสร้างต้องจ่ายออกก็ย่อมมากขึ้นเท่านั้น บางครั้งคราช่างฝีมือที่หลอมสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมาถึงกลับต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยพลังชีวิตของตนเอง เพียงเหลียวมองดูแส้ผลาญฟ้าที่อยู่ในมือของตนเองแค่วูบเดียวก็ทราบได้แล้วว่าแส้ชิ้นนี้นั้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง ต่อให้ทอดตามองหาทั่วทั้งดินแดนยูยานก็คงเป็นเรื่องยากที่จะหาอาวุธที่ทรงพลังเทียบเคียงกับแส้ที่อยู่ในมือของตนเองขณะนี้ได้
    "ก.กาเล็ทดีต่อซานซานถึงเพียงนี้ ไม่ทราบว่าน้ำใจที่ได้รับมาอย่างมากมายซานซานจะตอบแทนคืนกลับได้หมดสิ้นได้อย่างไรหมด" ซานซานเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปที่กาเล็ทและเอ่ยกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ
    "ขอซานซานอย่าได้คิดมาก สำหรับกับข้าการหลอมสร้างแส้เส้นนี้ขึ้นมาไม่ได้ถือว่ายากลำบากเท่าใดนัก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเพื่อให้หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าเกิดความรู้สึกสบายใจขึ้น
    ซานซานมีหรือที่จะไม่รู้ถึงจิตเจตนาของกาเล็ท นางเพียงเหลียวมองดูวูบเดียวก็ทราบได้ว่ากาเล็ทในยามนี้นั้นอยู่ในสภาพที่อิดโรยเหนื่อยอ่อน การที่กาเล็ทอยู่ในสถาพเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะการหลอมสร้างแส้วิเศษชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อตนเองแล้วจะเพราะสาเหตุใดได้อีก?
    "อ้อ ลืมแจ้งบอกแก่ซานซานๆ แม้ว่าแส้เส้นนี้จะมีขุมพลังที่สามารถดึงออกมาใช้ออกเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการจู่โจมฟาดหวดได้ ทว่าแม้แก่นจิตวิญญาณที่ถูกฝังไว้จะเป็นแก่นจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิแต่ก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ หากข้าคิดคำนวนไว้ไม่ผิดพลังงานที่กักเก็บไว้ภายในสามารถที่จะดึงออกมาใช้ได้เพียงสองครั้งติดต่อกันเท่านั้น จากนั้นต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าที่พลังงานภายในตัวแส้จะฟื้นคืนกลับมา" กาเล็ทเปิดปากอธิบายถึงสิ่งที่ลืมแจ้งบอกต่อซานซานไป
    ซานซานๆได้ยินเช่นนั้นก็ผงกศรีษะรับ หากว่าความสามารถที่แฝงอยู่ภายในตัวแส้นี้เป็นอย่างที่เขาแจ้งบอกมาจริง ย่อมไม่ใช่คำ "เพียงแค่สองครั้ง" ในการต่อสู้พัวพันของผู้มีพลังระดับสูง ทุกการเคลื่อนไหวและทุกกระบวนท่าที่ใช้ออกย่อมสามารถที่จะส่งผลไปถึงผลลัพธ์ของการต่อสู้ หากว่าคู่ต่อสู้ทั้งสองมีระดับพลังที่ทัดเทียมสูสีก้ำกึ่งกันเช่นนั้นหากว่าอยู่ๆการจู่โจมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีระดับพลังเพิ่มพูนสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจะเกิดสิ่งใดขึ้น? ผลลัพธ์ย่อมสามารถที่จะคาดเดาได้ การที่แส้เส้นนี้สามารถเสริมพลังให้กับการจู่โจมของผู้ใช้ได้อีกเท่าตัวได้ถึงสองครั้ง นี่มิใช่หมายความว่านางสามารถใช้ออกด้วยไพ่ลับนี้สังหารผู้คนที่มีระดับพลังทัดเทียมกับนางได้ในการต่อสู้? หากเป็นเช่นนั้นจริงต่อให้ตัวนางถูกกลุ้มลุมจากผู้มีพลังระดับจักรพรรดิถึงสองคนแต่หากว่ามีแส้ผลาญฟ้าเส้นนี้อยู่ในมือแล้ว นางยังมีความมั่นใจที่จะสามารถชิงชัยมีเปรียบได้ เพียงนึกคิดเช่นนั้นก็ทำให้ซานซานอดใจไม่ไหวที่จะลงมือทดสอบขีดความสามารถของแส้ผลาญฟ้าที่อยู่ในมือแล้ว "น้ำใจของกาเล็ท ซานซานจะขอรับไว้"
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาและผงกศรีษะรับ "ขอซานซานรอคอยอีกชั่วครู่หนึ่ง ข้าจะไปนำมิร่าน้อยมาจากนั้นเราจึงค่อยเข้าสู่มิติเทพเจ้าไปพร้อมกัน"
    ซานซานได้ยินเช่นนั้นก็ผงกศรีษะรับ เหลียวมองดูเงาหลังกาเล็ทที่เดินออกจากสวนภายในปราสาทบุสโซ่ไปแล้วซานซานก็ก้มลงมองยังแส้ผลาญฟ้าที่ยังคงอยู่ในมือของตนเองอีกครั้ง จากนั้นใบหน้าของนางก็คลี่ยิ้มออก "หรือว่านี่จะเป็นของหมั้นทีเขาเตรียมไว้?" คิดได้เช่นนั้นใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
    ในคราครั้งนี้ซานซานรอคอยอยู่ไม่นาน กาเล็ทที่อุ้มร่างเล็กอยู่ในวงแขนก็เดินกลับเข้ามาภายในสวน "ซานซานพร้อมแล้วหรือไม่?"
    ซานซานผงกศรีษะรับ
    เห็นเช่นนั้นกาเล็ทจึงเอ่ยกล่าวขออภัยพร้อมทั้งยื่นมือของตนเองไปแตะยังร่างของซานซานเพื่อนำนางเข้าสู่มิติเทพเจ้าไป เมื่อเข้ามาสู่มิติเทพเจ้า กาเล็ทก็นำแก่นจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิกว่าสามชิ้นที่ตนเองมีอยู่ออกมาพร้อมทั้งยื่นส่งป้อนให้แก่มิร่าที่กำลังอ้าปากงับเล่นไปยังส่วนต่างๆของเสื้อผ้าตนเองอยู่ "มานี่อย่าได้ห่วงแต่เล่น" กาเล็ทเอ่ยกล่าว หากแต่มิร่ากลับไม่ได้ให้ความสนใจกับแก่นจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิที่ล่องลอยอยู่เบื้องหน้ากับที่กาเล็ทหยิบยื่นส่งมาให้ มิร่ายังคงใช้ศรีษะของตนเองถูไถและพยายามจะมุดเข้าไปภายในเสื้อของกาเล็ท
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่หัวเราะออกมา "ห่วงแต่เล่นจริงๆเลยนะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับมิร่าพร้อมกับหันไปเอ่ยบอกกล่าวกับซานซานที่กำลังยิ้มมองดูอยู่ "ด้วยที่นางเป็นสัตว์อสูร การกลืนกินแก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรด้วยกันหรือของมนุษย์ที่เป็นผู้ฝึกฝนพลังจะช่วยให้ระดับพลังของนางเพิ่มพูนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว"
    ซานซานได้รับฟังคำอธิบายเช่นนั้นก็ยิ้มพร้อมทั้งผงกศรีษะ "เช่นนั้นเหตุใดดูเหมือนว่านางจึงดูเหมือนไม่ค่อยสนใจแก่นจิตวิญญาณที่กาเล็ทต้องการจะมอบให้แก่นางเลย"
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา "เพราะนางนั้นห่วงแต่เล่น อาจบางทีหากกลืนกินแก่นจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิเหล่านี้ไปแล้ว นางอาจที่จะพัฒนาแก่นจิตวิญญาณของตนเองไปจนถึงระดับราชันย์จักรพรรดิได้ในคราวเดียวแต่หลังจากที่นางกลืนกินแก่นจิตวิญญาณเข้าไปและสะสมพลังได้มากพอแล้ว เพื่อที่จะพัฒนาให้แก่นจิตวิญญาณของตัวเองได้ดูดซับพลังงานจำนวนมหาศาลนี้แล้วนางจำเป็นที่จะต้องนอนหลับไหล"
    "นอนหลับหรือ?" ซานซานยังคงเอ่ยถามต่อ
    "ใช่แล้ว นางจำเป็นต้องนอนหลับ อาจบางทีครั้งนี้นางอาจจะต้องหลับไหลไปนานนับปีเลยก็ได้ ซึ่งตัวนางก็รู้ดีถึงเรื่องนี้ ที่นางแสดงออกเช่นนี้ก็เพราะนางนั้นยังไม่ต้องการที่จะหลับไหลไปยาวนานถึงเพียงนั้น" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอธิบายขยายความ
    ได้รับฟังคำอธิบายซานซานก็เหมือนจะเข้าใจคำ "ห่วงแต่เล่น" ที่กาเล็ทเอ่ยกล่าวออกมาเมื่อครู่ขึ้นมา
    "ข้าขอเวลาสักครู่หนึ่งเพื่อจัดการกับนางให้เข้าใจถึงความหนักเบาของเรื่องราว ระหว่างนี้ซานซานเองก็ลองทดสอบแส้ผลาญฟ้าดูสักหน่อยเถอะ ภายในมิติเทพเจ้าแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกังวลว่าจะผุพังเสียหาย ซานซานสามารถที่จะลงมือทดสอบได้อย่างเต็มที่" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    ปล.ขออภัยครับลงครั้งแรกเหมือนจะเบิ้ล น่าจะเพราะเมาส์พังคลิกเบิ้ลซะแล้ว




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×