ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #320 : ข่าวจากบาทหลวงเจมินี่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.8K
      369
      25 ก.พ. 62


    วันเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าหนึ่งอาทิตย์ ในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้มีสิ่งต่างๆมากมายเกิดขึ้นไม่น้อย ทั้งต้องจัดการกับทรัพย์สินและเรือเหาะมากมายที่ซานซานนำมาเพื่อส่งมอบเป็นของขวัญให้กับตนเองยังมีการมาถึงของผู้คนจากแคว้นสมิธที่นัดหมายกันไว้อยู่ก่อนแล้ว ทำให้ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมากาเล็ทนั้นวุ่นวายหัวหมุนอยู่กับการจัดการหลายๆอย่างให้เข้าร่องเข้ารอยอย่างที่ตนเองวางแผนไว้
    แต่สำหรับกับซานซานนั้นแตกต่าง หลังจากได้รับคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะจากปากของกาเล็ทแล้ว ซานซานก็ไม่รบเร้าพัวพันสร้างความลำบากให้กับกาเล็ทอีก ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ผู้เลอโฉมได้ออกท่องเที่ยวไปพร้อมกับเหล่าน้องสาวทั้งห้าซึ่งพึ่งจะได้พบพานกันไปทั่วทั้งเมืองหลวงของโรฮาน ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เหล่าพี่สาวน้องสาวแห่งตระกูลบุสโซ่กลุ่มนี้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิมมากนัก
    "หากว่าท่านพี่ซานซานเดินทางกลับไปยังทวีปใต้แล้วพวกข้าคงต้องคิดถึงท่านพี่ซานซานมากแน่ๆ" เซลิน่าเปิดปากเอ่ยกล่าวขึ้น
    ซานซานได้รับฟังเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา "หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดเกิดขึ้น ตัวข้าเองก็ยังไม่มีกำหนดการที่จะเดินทางกลับ อย่างน้อยก็ต้องอาศัยอยู่ยังโรฮานจนกว่าการประชุมหารือสามทวีปจะจบลง" ซานซานที่ยกมือขึ้นเล่นกับปอยผมของตัวเองอย่างเก้อเขินเอ่ยบอกกล่าว หรือจะให้นางเอ่ยบอกกล่าวไปตามความจริงว่าตนเองยังคงจะพักอยู่ยังตระกูลบุสโซ่จนกว่างานแต่งจะแล้วเสร็จ? "คงไม่เป็นการรบกวนน้องๆทั้งห้ามากไปกระมัง?"
    "จะรบกวนได้อย่างไร พวกเรามิใช่ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วหรอกหรือ ไม่ว่าท่านพี่ซานซานจะรั้งอยู่นานเท่าใด พวกเราล้วนยินดีต้อนรับ" เบลล่าเอ่ยกล่าว
    "พวกเจ้าแต่ละคนล้วนแล้วแต่งดงามไปทั้งกายและใจ มิน่าเล่ากาเล็ทถึงได้รักเอ็ยดูและห่วงใยพวกเจ้าถึงเพียงนั้น ทราบหรือไม่ว่าเมื่อตอนอยู่ที่ทวีปใต้ เขาเอาแต่เหม่อมองอย่างครุ่นคิด พอข้าถามไถ่สาเหตุดูเขากลับบอกว่าเป็นห่วงเรื่องทางบ้านแต่ข้านั้นทราบดีว่าแท้จริงแล้วเขาคิดถึงพวกเจ้าทั้งหมดต่างหาก" ซานซานเอ่ยกล่าว
    ได้ยินถึงสิ่งที่ซานซานเอ่ยกล่าวออกมาทำให้ทั้งแชลเทียและซิลเวียต่างเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาในจิตใจ เนื่องจากเมื่อหลายวันก่อนตนเองกลับนึกเข้าใจผิดกาเล็ทไป
    เสียงร้องหงิงๆดังระงมไปทั่วพร้อมกับเสียงของฝีเท้ามากมายที่กำลังตระกุยผืนดินวิ่งมา ดึงดูดความสนใจของเหล่าท่านหญิงแห่งตระกูลบุสโซ่ที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน "เป็นหมาป่าขนแดง?" ซานซานที่เหลียวมองดูเอ่ยถามออกมา ในน้ำเสียงของนางนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
    "ถูกแล้วเป็นเหล่าหมาป่าขนแดงจากหุบเขาอสูรฟ้าที่กาเล็ทนำมาเพาะเลี้ยง" เบลล่ายิ้มเอ่ยตอบพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหยิบยื่นเม็ดยาหมื่นอสูรออกมาส่งมอบให้แก่เหล่าหมาป่าขนแดงที่วิ่งมาต้อนรับกลุ่มของตนเองได้แบ่งกิน
    "เพาะเลี้ยงหรือ?" ซานซานยังคงเอ่ยถามอย่างแปลกประหลาดใจ การฝึกฝนและนำสัตว์อสูรมาใช้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับกับนาง เรื่องเช่นนี้ในทวีปใต้ก็มีเกิดขึ้นให้ได้เห็นอยู่ไม่น้อยแต่สำหรับการเพาะเลี้ยงแล้วนางกลับไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดเคยกระทำมาก่อน
    "ถูกแล้ว ท่านพี่ซานซานทราบหรือไม่ว่าเป็นผู้ใดที่จัดการสยบเหล่าหมาป่าที่ดุร้ายให้อยู่กับร่องกับรอยได้เช่นนี้กัน" เบลล่าเอ่ยกล่าว
    "เป็นผู้ใดกัน?" ซานซานเอ่ยถาม
    เบลล่าเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างภูมิใจออกมาพร้อมทั้งเอ่ยกล่าว "เป็นมิร่าน้อยเอง หากจะให้กล่าวแล้วนางนั้นเปรียบเสมือนจ่าฝูงขอพวกหมาป่าเหล่านี้ก็ว่าได้ หากไม่ใช่เพราะนางคอยดูแลควบคุม หมาป่าเหล่านี้คงไม่ยินยอมที่จะอยู่แต่ภายในอาณาเขตที่กั้นไว้เช่นนี้แน่"
    ซานซานได้รับฟังเช่นนั้นก็ผงกศรีษะอย่างเข้าใจ "มิน่าเล่า เพราะมีมิร่าน้อยอยู่จึงสามารถที่จะสยบสัตว์อสูรที่ดุร้ายให้อยู่กับร่องกับรอยได้เช่นนี้ แนวความคิดของกาเล็ทช่างแปลกใหม่นัก หลายวันที่ผ่านมานี้ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อยเลย" หลายวันที่ผ่านมาจากการออกท่องเที่ยวสำรวจไปทั่วทั้งหมู่บ้านบุสโซ่ทำให้ซานซานได้เห็นถึงข้อแตกต่างของหมู่บ้านบุสโซ่กับตัวเมืองใหญ่ต่างๆมากมาย ภายในหมู่บ้านบุสโซ่นั้นถือได้ว่ามีการจัดการบริหารอย่างเป็นระบบอย่างน่าเหลือเชื่อ ตามถนนหนทางต่างสะอาดสะอ้าน อีกทั้งพื้นที่ชุมชนชั้นในซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นก็ไม่มีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากของเสียงเหมือนกับตัวเมืองใหญ่ทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในเองก็ต่างยิ้มแย้มให้แก่กันและกันอย่างเป็นมิตร ตามถนนหนทางไม่ปรากฎผู้คนเร่ร่อนหรือทาสให้เห็นแม้สักคนเดียว หากนี่ไม่เกิดจากการบริหารจัดการที่ดีและเป็นระบบระเบียบมีประสิทธิภาพแล้วยังจะเกิดจากสาเหตุใดได้อีก? นี่ย่อมเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถของผู้ที่อยู่เบื้องหลังของหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งก็คือกาเล็ทบรุษซึ่งตัวนางเองนั้นมีใจให้ ทำให้ซานซานอดรู้สึกที่จภูมิใจไปด้วยไม่ได้ที่ตนเองนั้นเลือกคนไม่ผิด
    "น้องเบลล่านั่นคือ.." ซานซานที่สังเกตุเห็นถึงเม็ดกลมที่เบลล่ากำลังแจกจ่ายให้กับ ซิลเวีย แชลเทีย เซลิน่าและโซเฟียเพื่อช่วยกันส่งป้อนให้กับเหล่าหมาป่าขนแดงเปิดปากเอ่ยถามขึ้น
    "เม็ดยาหมื่นอสูรที่กาเล็ทปรุงแต่งขึ้น เห็นเขาบอกว่ามันจะช่วยเสริมสร้างบำรุงสุขภาพของเหล่าสัตว์อสูรอีกทั้งยังให้พลังงานอย่างเพียงพอต่อพวกมันแทนมื้ออาหารได้" เบลล่ายิ้มเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งส่งมอบเม็ดยาหมื่นอสูรจำนวนหนึ่งให้แก่ซานซาน
    ซานซานได้รับฟังเช่นนั้นก็ขบคิดย้อนกลับไปถึงตัวยาวิเศษที่กาเล็ทใช้ช่วยชีวิตผู้เป็นยายของตนเอง "หากว่าเขาไม่มีความสามารถในการหลอมสร้างตัวยาคงไม่สามารถที่จะครอบครองตัวยาวิเศษถึงเพียงนั้น"
    ตัดกลับมาที่กาเล็ทซึ่งกำลังกางแผ่นแบบแปลนเอ่ยกล่าวปรึกษาพูดคุยกับหัวหน้าตระกูลซานเดรียและหัวหน้าตระกูลเคนนี่เกี่ยวกับการจัดสร้างปืนและดัดแปลงเรือเหาะที่ได้รับมา
    "นี่.." หัวหน้าตระกูลซานเดรียและหัวหน้าตระกูลเคนนี่แทบที่จะไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นในแววตาของตนเองได้เมื่อครั้งแรกเห็นแบบแปลนกลไกลของสิ่งประดิษที่แปลกใหม่ซึ่งวางอยู่ตรงหน้า
    "สิ่งนี้เป็นแบบแปลนของอาวุธชนิดใหม่ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ นี่เป็นเพียงแบบแปลนขั้นพื้นฐานที่อธิบายถึงกลไกการทำงานและส่วนประกอบต่างๆของมันเท่านั้น การที่จะทำให้เจ้าสิ่งนี้เสร็จสมบูรณ์ขึ้นมาได้คงต้องหวังพึ่งความสามารถของพวกท่านแล้ว" กาเล็ทเอ่ยกล่าว
    "ขอให้ท่านจักรพรรดิทมิฬโปรดวางใจได้ พวกข้าจะไม่ทำให้ท่านจักรพรรดิทมิฬผิดหวังแน่นอน" หัวหน้าตระกูลเคนนี่และหัวหน้าตระกูลซานเดรียเอ่ยกล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
    "ท่านหัวหน้าตระกูลทั้งสอง โปรดจดจำไว้ว่านี่เป็นความลับที่สำคัญอย่างยิ่งยวด ขอให้เฉพาะแต่บุคคลที่ไว้วางใจได้เท่านั้นที่สามารถเห็นแบบแปลนนี้ได้" กาเล็ทเอ่ยย้ำเตือน
    "พวกข้าทั้งสองเข้าใจแล้วขอรับ"
    "ยังมีเรื่องเกี่ยวกับการดัดแปลงเรือเหาะให้เหมาะสบและสามารถใช้งานในการรบได้ คงต้องรบกวนหัวหน้าตระกูลทั้งสองด้วยอีกแรงหนึ่ง หากว่าขาดเหลือสิ่งใดก็ขอให้แจ้งบอกต่อข้าได้อย่างเต็มที่" กาเล็ทเอ่ยปาก
    "ขอรับ"
    เอ่ยกล่าวพูดคุยรายละเอียดปลีกย่อยกับหัวหน้าตระกูลทั้งสองจนแล้วเสร็จกาเล็ทก็หันกายก้าวเดินออกมา เมื่อออกมาจากกระโจมที่ถูกก่อสร้างไว้ชั่วคราวสำหรับเป็นที่พักพิงให้กับผู้คนจากแคว้นสมิธแล้วกาเล็ทกลับพบว่าเรน่ามายืนคอยท่าตนเองอยู่ก่อนที่หน้ากระโจมแล้ว "มีสิ่งใดหรือ" กาเล็ทเอ่ยปากกล่าวถามถึง
    "เครือข่ายของสายข่าวที่นายน้อยจัดวางไว้ติดต่อกับผู้คนของทวีปกลางมีการเคลื่อนไหวแล้วเจ้าค่ะ" เรน่าเอ่ยรายงานพร้อมกับส่งยื่นจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งถูกปิดผนึกไว้เป็นอย่างดีให้กับกาเล็ท
    กาเล็ทไม่รอช้า เมื่อรับเอาจดหมายจากมือของเรน่ามาก็ทำการเปิดออกอ่านดูเนื้อความในจดหมายในทันที เมื่ออ่านและจดจำถึงสิ่งที่เขียนมาในจดหมายจนแล้วเสร็จกาเล็ทก็ใช้พลังของตนเองเผาจดหมายในมือให้กลายเป็นเถ้าธุลีลอยไปในอากาศ ถึงแม้ว่าเนื้อความในจดหมายจะถูกเขียนด้วยรหัสลับที่มีเพียงแต่ตนเองและบาทหลวงเจมินี่ซึ่งจะสามารถเข้าใจได้ แต่การรอบคอบและระแวดระวังไว้ก่อนหาใช่เรื่องเสียหายอันใด "ดูท่าว่าเรายังคงพอมีเวลาอยู่อีกสักระยะหนึ่ง จักรพรรดิจรัสแสงยังคงเก็บตัวฝึกฝนเพื่อที่จะบรรลุสู่ขีดขั้นระดับราชันย์จักรพรรดิ" กาเล็ทเปิดปากเอ่ยกล่าว
    เรน่าได้ยินเช่นนั้นก็แสดงออกถึงสีหน้าที่เป็นกังวลใจออกมา "นายน้อย หากว่าจักรพรรดิจรัสแสงสามารถที่จะบรรลุสู่ระดับราชันย์จักรพรรดิได้จริงพวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มและยกมือขึ้นไปตบยังบ่าของเรน่า "มันย่อมสามารถแน่นอน การที่มันเก็บตัวตัดขาดตนเองจากโลกภายนอกเช่นนี้ย่อมหมายความว่าระดับพลังของมันคงก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดและพร้อมที่จะบรรลุสู่ระดับราชันย์จักรพรรดิได้ทุกเมื่อแล้ว ดังนั้นมันจะสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับราชันย์จักรพรรดิได้เมื่อไหร่ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น"
    เรน่าได้รับฟังเช่นนั้นก็ยิ่งแสดงออกถึงความวิตกกังวลออกมาให้ได้เห็น
    "มันสามารถบรรลุสู่ระดับราชันย์จักรพรรดิได้เหตุใดข้าจะไม่สามารถกัน? การทะลวงสู่ระดับราชันย์จักรพรรดิหาใช่เรื่องง่ายดายที่นึกอยากจะกระทำก็สามารถที่จะกระทำได้เลย มิเช่นนั้นมันคงไม่คิดวางแผนที่จะใช้จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้เป็นเครื่องสังเวย เมื่อแผนการของมันล้มเหลวเช่นนี้ คิดว่าอย่างน้อยจักรพรรดิจรัสแสงคงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยถึงครึ่งปีกว่าที่จะทะลวงสู่ขีดขั้นราชันย์จักรพรรดิได้สำเร็จ" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว
    "ครึ่งปีหรือเจ้าคะ?" เรน่ายังคงเอ่ยถาม
    "ถูกต้อง ภายในระยะเวลาครึ่งปีต่อจากนี้ตัวข้าเองก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตของระดับราชันย์จักรพรรดิได้เช่นกัน สำหรับการรับมือกับจักรพรรดิจรัสแสงให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง อย่าได้เป็นกังวลไปมากนักเลย ในยามนี้สิ่งที่พวกเราควรที่จะกังวลและขบคิดคือจะใช้เวลาอันมีค่าที่เหลืออยู่เช่นไรถึงจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถของกำลังรบฝ่ายเราให้เพิ่มพูนทัดเทียมกับทวีปกลางได้จึงถูกต้อง" กาเล็ทเอ่ยปากบอกกล่าว
    เมื่อเรน่าได้รับฟังเช่นนั้นความรู้สึกกังวลใจที่มีก็มลายหายไปจนหมดสิ้น จะอย่างไรผู้เป็นนายของตนเองไม่เคยบอกกล่าวในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกมา ในเมื่อผู้เป็นนายบอกกล่าวว่าสามารถที่จะบรรลุสู่ระดับราชันย์จักรพรรดิได้ภายในครึ่งปีก็ย่อมที่จะสามารถกระทำได้ตามที่บอกกล่าวแน่นอน หากมีระดับพลังที่ทัดเทียมกันแล้ว ยังจะมีผู้ใดในโลกหล้าที่แข็งแกร่งและสามารถต่อกรกับผู้เป็นนายของตนเองได้อีก?
    "เจ้าค่ะนายน้อย" เรน่าเอ่ยตอบรับ
    เมื่อใช้สายตามองส่งเรน่าจากไปแล้วกาเล็ทก็ขบคิดกับตัวเอง "ดูท่าว่าตัวเราก็สมควรได้แก่เวลาที่จะต้องเก็บตัวฝึกฝนได้แล้ว"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×