ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #232 : การมาเยือนของข้าให้จบแต่เพียงนี้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.64K
      482
      17 ส.ค. 61



    จ้องมองไปที่จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ ดวงตาของกาเล็ทหรี่เล็กลงอย่างครุ่นคิด "ข้าไม่คิดจะไว้ชีวิตผู้ใดซึ่งคิดร้ายหมายชีวิตต่อข้า" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    จักรพรรดินีซานซานได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าหม่นหมองออกมาให้ได้เห็นจากนั้นนางที่ล่องลอยขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าของกาเล็ทพลันย่อกายลงเป็นเชิงขออภัย "เรื่องบานปลายมาถึงเพียงนี้ก็เพราะซานซานเป็นต้นเหตุ ท่านจักรพรรดิออก้าเพียงแต่กระทำการไปด้วยเพราะความเข้าใจผิด หากว่าท่านจักรพรรดิทมิฬต้องการจะคาดคั้นเอาผิดผู้ใด ก็ให้ผู้นั้นเป็นซานซานเถอะ"

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ลอบหายใจออกมาพร้อมทั้งเหลือบมองไปยังออก้าซึ่งถูกจักรพรรดิเซอกีย์หยุดยั้งไว้ "อาจบางทีเป็นเราที่คิดมากไปเอง ?" คิดได้เช่นนั้นกาเล็ทก็เหลือบมองไปทางด้านของผู้เป็นอาจารย์ซึ่งกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับขุนพลทั้งสองของออก้า "ท่านอาจารย์โปรดหยุดมือ" กาเล็ทเปล่งเสียงดังก้องเพื่อแจ้งบอกกับเทลเล่อ

    ทางด้านเทลเล่อที่กำลังรุกไล่เข้าใส่ขุนพลทั้งสองของออก้าอย่างมีเปรียบได้ยินเสียงของผู้เป็นศิษย์ก็หยุดมือไว้แต่กลางคันและทิ้งระยะห่างออกมาจากขุนพลทั้งสองของออก้า ส่วนขุนพลทั้งสองของออก้าเมื่อเห็นว่าการปะทะกันของผู้เป็นนายหยุดยั้งลงแล้วก็ไม่คิดดึงดันแข็งขืนต่อไปอีก

    "เป็นเราเองซึ่งเป็นผู้ร้องขอให้นางช่วยทดสอบฝีมือ หากจะกล่าวไปแล้วก็เป็นเราเองที่แส่หาเรื่องเอง" คิดได้เช่นนั้นกาเล็ทก็เปิดปากเอ่ยกลับจักรพรรดินีซานซานที่อยู่ในท่าย่อตัวขออภัยต่อหน้าตน "ท่านจักรพรรดินีอย่าได้กระทำเช่นนี้ อาจบางทีเป็นข้าที่ใจร้อนวู่วามคิดมากไปเอง"

    สิ้นคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ทจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ก็ยืนตัวตรงขึ้นกลับสู่สภาวะดังเดิม "เช่นนั้นซานซานขอเป็นตัวกลางช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยแก้ข้อเข้าใจผิดให้ท่านจักรพรรดิทมิฬเอง"

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็คิดกับตนเอง "ที่นางเอ่ยกล่าวถึงใช่รวมถึงเรื่องระหว่างตนกับจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือด้วยหรือไม่?" แต่แล้วจู่ๆกาเล็ทก็ถอนหายใจออกมาอย่างได้คิด "พันธมิตรที่เกิดความรู้สึกกินแหนงแคลงใจกันเช่นนี้จะไปมีประโยชน์อะไร? ไม่เพียงแต่ต้องระวังศัตรูหากแต่กลับต้องมาระวังพวกพ้องกันเองด้วยเช่นนี้สู้อย่างได้มีเสียเลยจะดีกว่า" ตัดสินใจได้เช่นนั้นกาเล็ทพลันส่ายหน้าให้แก่จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้

    "ข้าซาบซึ้งใจในความหวังดีของท่านจักรพรรดินีแต่เกรงว่าน้ำใจนี้ข้าคงไม่อาจรับไว้ การมาเยือนทวีปใต้ของข้าขอจบไว้แต่เพียงนี้เถอะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้

    ได้ฟังคำกล่าวของจักรพรรดิหนุ่มทำให้ซานซานรู้สึกใจหายวาบ

    กาเล็ทเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าภาพเช่นจักรพรรดินีซานซานได้เอ่ยกล่าวดึงรั้งตนเองไว้ หลังบอกกล่าวการตัดสินใจของตนเองออกไปกาเล็ทก็ส่งสัญญาณให้แก่เทลเล่อและเรียกมิร่าที่แอบซ่อนอำพลางตนเองอยู่ผ่านทางพันธสัญญาให้ล่าถอย

    จักรพรรดินีซานซานได้แต่ใช้สายตาที่หม่นหมองมองดูร่างของกาเล็ทซึ่งกลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานจากไป

    "ซานซานอย่าได้โทษว่าตำหนิตนเอง" จักรพรรดิแห่งแดนเหนือเซอกีย์เคลื่อนตัวเข้ามาเอ่ยกล่าวคำปลอบประโลม

    "หากว่าซานซานหยุดยั้งเรื่องราวความเข้าใจผิดไว้แต่แรก เรื่องราวคงไม่ลุกลามบานปลายถึงเพียงนี้" จักรพรรดินีซานซานยังคงเอ่ยกล่าวตำหนิตนเอง

    เซอกีย์ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา "เรื่องราวมีเบื้องลึกเบื้องหลังใช่ว่าข้าจะดูไม่ออก หากแต่ยังคงฉวยโอกาสลงมือระบายแค้นหากจะโทษว่าเอาผิดข้าเองก็นับว่ามีส่วนผิด"

    "ความแค้นระหว่างท่านกับเขา.." ซานซานเอ่ยยังไม่ทันจบเซอกีย์ก็ส่ายหัวพร้อมกับเอ่ยแทรกขึ้นมา "เรื่องนี้ซานซานไม่ต้องลำบากใจ ข้าแยกแยะเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวมออก"

    ได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวของซานซานฟื้นฟูกลับคืนมาได้หลายส่วน หากแต่นางยังคงถอนหายใจออกมาพร้อมกับหันมองไปยังทิศทางซึ่งกาเล็ทจากไป "ความสามารถของเขานับว่าไม่เป็นรองจักรพรรดิจรัสแสงแห่งทวีปกลาง หากเขาตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรกับพวกเราสงครามครั้งนี้ก็มีความหวังขึ้นมาแล้ว"

    "ให้เวลามันได้ครุ่นคิดสักพักเถอะ ขอให้ซานซานวางใจ ด้วยนิสัยใจคอของเด็กน้อยนั่นรับรองว่ามันไม่เข้าร่วมกับทวีปกลางแน่นอน" เซอกีย์เอ่ยด้วยความมั่นใจ

    "อาการของท่านจักรพรรดิออก้าเป็นเช่นไรบ้าง" ซานซานเปลี่ยนเรื่องเอ่ยถามขึ้น

    "บาดแผลทางกายไม่น่าเป็นห่วง หากแต่ทางใจเกรงว่าจะหนักเอาการ" เซอกีย์เอ่ยตอบ


    ตัดกลับมาที่ฝั่งของกาเล็ทซึ่งเดินทางออกมาจากทวีปใต้ได้สักพัก

    "ไม่ได้พันธมิตรเพิ่มมายังพอทำเนาไฉนกลับกลายเป็นเพาะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีก" เทลเล่อเอ่ยกล่าวขึ้น

    ได้ยินคำถามของผู้เป็นอาจารย์กาเล็ทก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา "ข้าเองก็ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้"

    "เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่อยู่ต่อเพื่อไกล่เกลี่ย?" เทลเล่อเอายถาม

    "พันธมิตรที่ต้องหวาดระแวงซึ่งกันและกันข้าคิดว่าสู้ไม่มีเลยยังจะดีเสียกว่า" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    "ข้าคิดว่าจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้นางเองก็มีนิสัยใจคอที่ไม่เลวนัก ส่วนจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา ถึงแม้จักรพรรดิออก้าแห่งทวีปตะวันตกจะดูแปลกไปบ้าง การเป็นพันธมิตรกับพวกเขาก็นับว่าไม่เลวนักกระมัง?" เทลเล่อเอ่ยกล่าวความเห็นของตนเองออกมา

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างฝืนๆออกมา "บอกกล่าวต่อท่านอาจารย์ตามตรง ข้ารู้สึกไม่วางใจต่อจักรพรรดิออก้าแห่งทวีปตะวันตก การจู่โจมของมันหวังผลที่จะสังหารข้าให้ตกตาย เรื่องนี้ข้าเชื่อว่าต้องมีเบื้องหลังแน่นอน" กาเล็ทเอ่ย

    "เช่นนั้นเหตุใดจึงได้หยุดมือไว้" เทลเล่อเอ่ยถาม

    "เกรงว่าต่อให้คาดคั้นอย่างไรมันยังคงไม่ยอมบอกออกมา หากฆ่าฟันกันต่อไปเกรงว่าจะกลายเป็นการช่วยผ่อนแรงให้แก่ทวีปกลางแล้ว" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    เทลเล่อได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองไปยังผู้เป็นศิษย์ "หืม มีแต่เพียงนี้? ข้าก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่เพราะว่ารูปโฉมของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้"

    กาเล็ทได้ยินเช่นั้นก็ส่งเสียงร่ำร้องประท้วงออกมา "โถ่ท่านอาจารย์จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร"

    "ทราบหรือไม่ว่าตัวเจ้านั้นใจอ่อนกับสตรีเสมอ จงจำไว้ว่าในสนามรบไม่มีแบ่งแยกบรุษหรือสตรี หากว่าเจ้าถือดีในฝีมือแล้วจะใจอ่อนกับศัตรูก็ขอให้นึกคิดถึงหน้าของท่านหญิงและคู่หมั้นคนรักทั้ง 5 ไว้ หากเจ้าพ่ายแพ้ลงพวกนางคงไม่มีจุดจบที่ดี" เทลเล่อเอ่ยกล่าวกระตุ้นเตือนผู้เป็นศิษย์

    กาเล็ทได้ฟังคำสอนก็ได้แต่นิ่งเงียบครุ่นคิดกับตนเอง เป็นจริงดังที่อาจารย์ของตนเองว่า ไม่ว่าจะอย่างไรตนเองก็ไม่สามารถที่หักใจลงมือกับสตรี เรื่องนี้สมควรที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขความคิดของตนเองที่คดงอให้ตั้งตรง ในโลกที่กำลังคือทุกสิ่งเช่นนี้ ความเป็นความตายวัดกันเพียงเสี้ยววิ ตนเองก็ไม่สามารถที่จะมืออ่อนยั้งมือไว้ไมตรีให้แก่สตรี ครุ่นคิดกับตนเองได้สักพักกาเล็ทกลับพบว่ามิร่าน้อยที่นอนแผ่หราเกาะกุมอยู่บนศรีษะของตนเองกลับมีท่าทีแปลกใจ นางในตอนนี้นั้นกลับนอนหันหลังอยู่บนศรีษะของตนเองอีกทั้งยังแน่นิ่งไม่ไหวติง

    "มิร่าน้อยเป็นอะไร" กาเล็ทเอ่ยถามพร้อมทั้งยื่นมือขึ้นไปคว้าจับร่างของนางลงมาจากบนศรีษะ

    "หง่าง หง่าง หง่าง" มิร่าส่งเสียงไม่เป็นภาษาออกมาขณะที่สบัดศรีษะของตนเองไปมา

    "ท่านอาจารย์ดูนางทำ" กาเล็ทถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องพูดคุยกับเทลเล่อ

    เทลเล่อหันมาเห็นท่าทางชวนพิลึกของมิร่าก็ได้แต่เผยรอยยิ้มบางๆออกมา "มิร่าน้อยไม่พอใจแล้ว" เทลเล่อเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งยื่นมือออกไปรับเอาร่างของมิร่ามาจากมือของกาเล็ท "ปะป๋ากาเล็ทนี่ไม่ไหวเลย ไม่ยอมเข้าใจเลยว่ามิร่าน้อยนั้นเป็นห่วง เอาแต่สั่งให้คอยระวังป้องกันศัตรูที่มองไม่เห็น"

    "กรู๊" มิร่าในวงแขนของเทลเล่อกลับมาเป็นปกติพร้อมทั้งกู่ร้องออกมาอย่างเห็นด้วยกับคำกล่าวของเทลเล่อ

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเขียวคล้ำขึ้นมาทันใด "ผู้เป็นอาจารย์ของตนเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยชัดๆแต่บัดนี้กลับผลักภาระมาให้แก่ตนเองเพียงผู้เดียว"

    "ไม่เห็นจะมีศัตรูร้ายที่มองไม่เห็นเลยเนอะ มิร่าน้อยเลยพลาดโอกาสจัดการกับพวกคนไม่ดีที่อวดเก่งให้รู้สำนึกเลย" เทลเล่อยังคงทำเป็นไม่สนใจกาเล็ทที่ด้านข้างขณะที่ดัดเสียงให้เล็กต่ำพูดคุยกับมิร่าต่อไป

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนไว้ "ท่านอาจารย์ถือโอกาสเอาคืนแล้ว" จากนั้นจึงเอ่ยกล่าวเพื่อคลายวงล้อมให้แก่ตนเอง "โถ่ท่านอาจารย์ก็ทราบสาเหตุดี" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขณะที่ยื่นมือออกไปเพื่อรับร่างเล็กของมิร่ากลับคืนมาจากเทลเล่อ

    "หนูเคยถามปะป๋าใช่ไหมคะว่าถ้าหนูไม่มีพลังแล้วปะป๋าจะยังรักหนูอยู่ไหม" กาเล็ทเอ่ยกับมิร่าในวงแขน

    ได้ยินคำถามมิร่าก็จ้องมองไปที่กาเล็ทอย่างใคร่รู้

    "ต่อให้หนูไม่มีพลังอะไรเลยและเป็นแค่มังกรน้อยที่น่ารัก ปะป๋าก็จะยังรักหนูเหมือนเดิม หนูไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยปะป๋าต่อสู้ ทุกครั้งที่ปะป๋าต้องให้หนูต่อสู้ ปะป๋าก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้น จะมีปะป๋าที่ไหนอยากให้ลูกรักของตัวเองไปต่อสู้เสี่ยงอันตรายกัน" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    ได้ยินเช่นนั้นมิร่าก็ไม่อาจที่จะนิ่งเงียบได้อีก "มิร่าจะช่วยนะ มิร่าอยากช่วย ปะป๋าไม่ต้องกลัวนะ มิร่าแข็งแรง" มิร่าส่งเสียงมาตามพันธสัญญา

    กาเล็ทได้รับฟังเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับก้มลงจูบไปที่ศรีษะของมิร่า "หนูแข็งแกร่งปะป๋ารู้ ความแข็งแกร่งของหนูเป็นนั้นถือได้ว่าเป็นไม้ตายลับของปะป๋า ไม้ตายลับก็ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ถ้ามีศัตรูอย่างเจ้าผมแดงมาอีกปะป๋าจะให้หนูช่วยดีหรือเปล่าคะ" กาเล็ทเอ่ย

    "ดี" มิร่าส่งเสียงตอบ "ถ้ามีเจ้าผมแดงมาอีกมิร่าจะจัดการให้นะ"

    กาเล็ทได้แต่ยิ้มตอบให้แก่มิร่า สำหรับกับกาเล็ทแล้วมิร่าคือไพ่ลับสุดยอดและเป็นไพ่ใบสุดท้ายของตนเองซึ่งหากไม่จำเป็นจริงๆกาเล็ทก็ไม่ต้องการที่จะใช้ออกมาหรือเปิดเผยให้ใครได้รู้ ในการต่อสู้หลายๆครั้งกาเล็ทมักจะเลือกที่จะให้มิร่าทำหน้าที่เฝ้าระวังตรวจสอบศัตรูที่มองไม่เห็นเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ ด้วยความสามารถของมิร่าที่สามารถปิดบังอำพลางตัวตนได้อย่างแนบเนียนประกอบกับความสามารถในการตรวจจับกระแสจิตนึกคิดที่ละเอียดอ่อนทำให้ยากที่จะมีสิ่งใดเล็ดลอดหลุดผ่านไปจากสายตาของนางได้กาเล็ทจึงเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เสียมากกว่า สำหรับกับกาเล็ทแล้วด้วยความสามารถของตนเองในตอนนี้ทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับการต่อสู้ซึ่งหน้าได้อย่างหมดห่วงไร้ปัญหาและมันก็ได้พิสูจน์แล้วจากการต่อสู้กับออก้าที่ผ่านมาแต่สิ่งที่กาเล็ทรู้สึกเป็นกังวลใจนั่นคือการจู่โจมจากที่ลับซึ่งไม่อาจมองเห็นหยั่งรู้ได้ ตัวของออก้านั้นนับว่าไม่น่ากลัวเท่าใดสำหรับกาเล็ทเมื่อต่อสู้กันซึ่งหน้าแต่การลอบจู่โจมซัดขว้างหอกพลังเข้าใส่ของออก้ากลับทำให้กาเล็ทรู้สึกหวั่นหวาดใจได้ หากว่าจักรพรรดิแห่งแดนเหนือและจักรพรรดินีซานซานต่อสู้พัวพันกับตนเองอย่างเต็มกำลังแล้วตัวของกาเล็ทเองก็คงไม่สามารถที่จะแบ่งแยกสมาธิไปรับมือกับหอกพลังของออก้าได้อย่างที่ได้กระทำไป ด้วยพลังทำลายของหอกพลังที่ออก้าซัดขว้างมาย่อมจัดได้ว่าเพียงพอที่จะปลิดชีพสังหารตนเองหากว่าจู่โจมในช่วงจังหว่ะที่พอเหมาะพอเจาะ เช่นนั้นหากว่าในโลกแห่งนี้ยังมีผู้ซึ่งเชี่ยวชาญและทรงพลังในการต่อสู้ระยะไกลมากกว่าออก้าเล่า? เพราะเหตุนี้กาเล็ทจึงเลือกที่จะวางตัวให้มิร่าทำหน้าที่เฝ้าระวังคอยคุ้มกันหลังแก่ตนเองในขณะที่ทุ่มสมาธิต่อสู้







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×