ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #151 : คำร้องขอจากราชา [ตามเนื้อหาเก่าทันแล้วนะ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.1K
      439
      17 ม.ค. 61



          หลายวันที่ผ่านมานี้เงื่อนปมภายในจิตใจของมิร่าค่อยๆคลายออกทีละน้อย ความกังวลในจิตใจที่เคยมีก็ค่อยๆสลายหายไป ผลที่เกิดขึ้นจากการยอมรับตัวตนของตัวเองของมิร่านั้นทำให้แม้แต่กาเล็ทยังต้องตกใจ แก่นจิตวิญญาณของมิร่าที่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่มานานเมื่อนางได้กลืนกินแก่นจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิ์ของจักรพรรดิ์แดงเข้าไปก็ขายใหญ่ขึ้นจนเกือบที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงได้แล้ว ทำให้ในวันนี้กาเล็ทรู้สึกยินดียิ่ง ยิ่งมิร่าแข็งแกร่งขึ้นเพียงไรก็ย่อมเป็นหลักประกันที่ดีว่าความมั่นคงในชีวิตในขณะนี้ของตนเองและครอบครัวจะไม่ถูกสั่นคลอน
    เมื่อครั้งที่ต่อสู้กับจักรพรรดิ์แดง แก่นจิตวิญญาณของมิร่ายังคงอยู่เพียงระดับจักรพรรดิ์ขั้นกลางแต่กระนั้นมิร่าก็สามารถต่อสู้กับจักรพรรดิ์แดงที่ได้รับการเสริมพลังจากแก่นจิตวิญญาณเทียมจนมีระดับพลังอยู่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงกว่าเท่าตัวได้อย่างสูสี ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่งของร่างกายมิร่าในครั้งนั้นกลับมีพลังอยู่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงแล้ว บัดนี้หากว่าแก่นจิตวิญญาณของมิร่าเติบโตไปอีกขั้นหนึ่งสู่ระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงที่แท้จริง มิร่าใช่จะสามารถจัดการกับระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงอื่นด้วยตัวคนเดียวได้โดยง่ายแล้วหรือไม่? กาเล็ทได้แต่เก็บความสงสัยใจนี้ไว้กับตนเองเพียงผู้เดียว
    ไม่เพียงความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนของมิร่า กาเล็ทที่เฝ้าสังเกตุมิร่านั้นพบว่าเมื่อมิร่าาอยู่ในร่างมังกรคุณสมบัติที่เข้ากันกับจิตวิญญาณธาตุต่างๆของมิร่าก็ถูกเติมเต็ม มิร่ากลับสามารถใช้คุณสมบัตไฟได้เมื่ออยู่ในร่างของมังกร จากการทดสอบเบื้องต้นกาเล็ทพบว่าไฟที่พ่นออกมาจากปากของมังกรน้อยตัวนี้มีพลังทำลายล้างอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ตนเองยังไม่กล้าที่จะทดสอบต้านรับไฟนั้นโดยตรง ขนปุกปุ่ยบนร่างน้อยๆนั้นเมื่อยามเข้าต่อสู้ประจัญบานก็จะกลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งยวด จากการทดสอบโดยใช้ดาบที่ทำจากแร่โอริคัลคุมของตนเองฟาดฟันดูกาเล็ทก็พบว่าตนเองไม่สามารถทำอย่างไรกับมงกรน้อยตัวนี้ได้เลย ฟันของมิร่าในร่างของมังกรก็แข็งแกร่งและคมยิ่ง มิร่าในร่างของมังกรกลับสามารถใช้ฟันบดขยี้ดาบซึ่งทำจากแร่มิธริลได้อย่างง่ายดาย
    เมื่อปล่อยตัวปล่อยใจให้ซิลเวียและแชลเทียอุ้มอย่างสมใจแล้วมังกรน้อยก็โผบินขั้นกลับมานอนอยู่บนศรีษะของกาเล็ทประหนึ่งว่าตัวของตนเองเป็นหมวกให้ผู้เป็นบิดาสวมใส่
    "ซิลเวีย แชลเทีย วันนี้ข้าจะเข้าไปพูดคุยหารือเกี่ยวกับกำหนดการย้านเด็กๆจากสถานรับเลี้ยงเด็กในตัวเมืองมายังสถานรับเลี้ยงเด็กซึ่งพึ่งจัดสร้างแล้วเสร็จในหมู่บ้านบุสโซ่กับคุณครูเซน่าเสียหน่อย" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้น

    ได้ฟังเช่นนั้นซิลเวียก็เอ่ยขึ้น "จะว่าไปข้ากับแชลเทียก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเด็กๆนานมากแล้วนับตั้งแต่วันที่ท่านพ่อถูกวางยาใน" ซิลเวียเอ่ย "กาเล็ทแวะไปรับท่านพี่เพื่อร่วมทางไปกับเราด้วยได้หรือไม่ ท่านพี่เองก็เคยบ่นกับข้าอยู่เหมือนกันว่าอยากที่จะหาโอกาสไปเยี่ยมดูเด็กๆสักครั้ง" ซิลเวียเอ่ยร้องขอ
    "เช่นนั้นเราจัดซื้อของไปซะเยอะหน่อยดีหรือไม่ อืมนำผู้คนไปด้วยสักหลายคนก็ดีจะได้ถือเอาโอกาสนี้จัดเลี้ยงให้แก่เด็กที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่ยังบ้านใหม่ด้วย" แชลเทียเอ่ยเสนอความคิด
    กาเล็ทซึ่งได้ยินความคิดนี้ของแชลเทียก็ผงกหัวอย่างเห็นด้วย "เป็นความคิดที่ดี" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งใช้มือของตนเองลูบไปที่ศรีษะของแชลเทียอย่างอ่อนโยน
    เมื่อมาถึงราชวังกาเล็ทซึ่งก้าวลงจากรถม้าโดยมีมังกรน้อยเกาะกุมอยู่บนหัวของตนเองก็ได้ทำให้ผู้พบเห็นแสดงอาการประหลาดใจออกมาโดยเฉพาะทหารยาม "ไม่ต้องตกใจไปนี่บุตรสาวที่น่ารักของข้าเอง" กาเล็ทเอ่ยแนะนำ "มิร่าทักทายพี่ๆทหารหน่อยสิ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับมิร่าที่กำลังใช้ดวงตาดำคลับของมังกรจ้องมองไปที่ทหารยามทั้งสองคน
    กรู๊ มิร่าส่งเสียงร้องออกมาคราหนึ่ง ไม่เพียงแต่ทหารยามที่แปลกใจ เบลล่าซึ่งคุ้นเคยกับมิร่าน้อยที่สุดในหมู่สามสาวที่กาเล็ทใกล้ชิดด้วยที่สุดก็แสดงอาการประหลาดออกมาเช่นกันเมื่อเห็นมังกรตัวน้อยที่อยู่บนศรีษะของมาร์ควิสบุสโซ่
    "ท่านพี่นางคือมิร่า น่ารักหรือไม่" ซิลเวียเอ่ยแนะนำ
    แม้เบลล่าจะพอรู้มาบ้างแล้วว่ามิร่านั้นไม่ใช้เด็กมนุษย์ทั่วไปแต่เมื่อได้มาเห็นร่างที่แท้จริงก็ย่อมต้องแสดงอาการแปลกประหลาดใจออกมาเป็นธรรมดา
    เบลล่าที่รู้ว่ามังกรตัวน้อยนั้นคือมิร่า เด็กหญิงที่มักจะคลอเคลียอยู่ใกล้กับกาเล็ทตลอดเวลาก็จ้องมองไปที่มังกรน้อยด้วยแววตาซึ่งดูเปล่งประกายพิกล
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นจึงอุ้มมิร่าลงจากบนศรีษะของตนเองและยื่นส่งถึงเบื้องหน้าของเบลล่า "อยากทดลองอุ้มนางดูหรือไม่องค์หญิง"
    เบลล่าได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้ารีบยื่นมือของตนเองออกไปเพื่อคว้าตัวของมิร่าน้อยไว้เพื่อที่จะทดสอบลูบคลำดูอย่างที่ใจของตนเองปราถนา
    "ระวัง นางมีน้ำหนักตัวอยู่พอสมควร" กาเล็ทเอ่ยเตือนขณะที่เบลล่ารับตัวของมิร่าไป เนื่องจากเบลล่านั้นไม่ได้ฝึกฝนพลังจิตวิญญาณจึงทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่ากับซิลเวียและแชลเทีย การจะอุ้มมิร่าซึ่งมีน้ำหนักหลายสิบกิโลในร่างของมังกรย่อสร้างความลำบากให้นางไม่น้อย
    กรู๊ มิร่าส่งเสียร้องออกมาคราหนึ่ง ไม่ทราบว่าที่มังกรน้อยส่งเสียงร้องออกมาเช่นนี้เพราะว่าถูกผู้เป็นบิดายกตนเองให้ผู้อื่นลูบคลำได้ตามใจหรือเพราะบิดาของตนเองบอกกล่าวว่าตนเองมีน้ำหนักเยอะกันแน่ เรื่องนี้ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถบอกกล่าวได้แม้แต่กาเล็ทเองก็ตาม
    เมื่อเบลล่าลูบคลำจนพอใจแล้วจึงส่งร่างของมังกรน้อยคืนให้กับกาเล็ท ในสายตายังคงแฝงแววเสียดายอยู่บ้างที่ต้องส่งคืนสิ่งมีชีวิตน่ารักเช่นนี้กลับคืนไป
    กรู๊ มิร่าส่งเสียงร้องออกมาอีกคราหนึ่ง "หืม ในหนังสือเรื่องเล่าต่างกล่าวว่าเสียงคำรามของมังกรน่าเกรงขามนัก มิร่าน้อยลองคำรามแบบหน้ากลัวให้ปะป๋าดูหน่อยสิ" กาเล็ทเอ่ยหยอกล้อขณะรับตัวของมังกรน้อยกลับคืนมา
    กร๊าววววว มิร่าในร่างของมังกรพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะคำรามออกมาแต่ถึงกระนั้นเสียงที่เปล่งออกมากลับไม่มีความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย

    เห็นเช่นนั้นทั้งสามสาวต่างหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู กาเล็ทเองเห็นเช่นนั้นก็ก้มลงหอมไปทีจมูกของมังกรน้อยครั้งหนึ่ง
    "ว่าแต่วันนี้ทำไมถึงได้เข้ามาหาข้าได้" เบลล่าเอ่ยถามน้องสาวของตนเองในน้ำเสียงแฝงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่หลายส่วนที่น้องสาวของตนไม่เข้ามาหาตนเองเลยเป็นเวลานับอาทิตย์ ไม่ทราบว่าน้ำเสียงนี้เอ่ยตำหนิแต่เพียงน้องสาวของตนเองหรือรวมถึงบรุษซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าของตนเองด้วยแม้แต่ตัวของเบลล่าเองก็ยากที่จะหาคำตอบให้แก่ตนเองได้
    "ท่านพี่ข้ากับแชลเทียและกาเล็ทกะว่าจะไปเยี่ยมสถานรับเลี้ยงเด็กของคุณครูเซน่าสักหน่อย เห็นว่าท่านพี่เองก็อยากที่จะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนเด็กๆเช่นกันพวกข้าเลยถือโอกาสนี้มาชวนท่านพี่ไปด้วยกัน อีกทั้งวันนี้จะได้ถือโอกาสจัดเลี้ยงให้กับเด็กๆที่จะได้ย้ายเข้าสู่บ้านหลังใหม่ด้วยพอดี" ซิลเวียเอ่ยบอกถึงเจตนาการมาของตนเอง
    เบลล่าได้ฟังก็เหลือบมองไปที่กาเล็ทวูบหนึ่งจากนั้นบนใบหน้าก็ปรากฎรอยยิ้มที่นุ่มนวลงดงามขึ้น รอยยิ้มนี้แม้แต่กับกาเล็ทเองยังแทบที่จะละสายตาไปไม่ได้ น้อยนักที่จะสามารถเห็นรอยยิ้มขององค์หญิงแห่งโรฮานผู้นี้ "อืมเช่นนั้นรอข้าสักครู่ ขอเวลาข้าไปเตรียมตัวก่อน" กล่าวจบเบลล่าก็หันกายจากไปด้วยความยินดีปล่อยให้ทั้งสามคนรอคอยยู่ในห้องรับแขกของปราสาทราชวัง
    "ซิลเวีย เจ้าไม่ไปเอาข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเพิ่มหรือ?" กาเล็ทเอ่ยถาม
    ซิลเวียเมื่อได้ฟังคำถามใบหน้าของนางก็ขึ้นสีเล็กน้อย "ข...ข้าให้หญิงรับใช้มาขนไปจนหมดสิ้นแล้ว" จะไม่ให้หน้าแดงเขินอายได้หรือ? ตนเองกลับขนข้าวของย้ายเข้าไปอยู่ในตระกูลบุสโซ่ประหนึ่งว่าแต่งให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว
    "แชลเทีย เจ้าควรเอาอย่างซิลเวียด้วยเห็นหรือไม่? รีบเร่งกลับไปย้ายข้าวของมาอยู่กับข้าได้แล้ว" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับแชลเทียด้วยน้ำแสงทีเล่นทีจริง
    "ผ..ผู้ใดจะทำกัน" แชลเทียเอ่ย ถึงจะเอ่ยเช่นนั้นแต่บนใบหน้าของแชลเทียเองก็ขึ้นสีเล็กน้อยเช่นกัน
    การได้หยอกล้อคนรักของตนเองเช่นนี้ก็นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งของกาเล็ท
    ผ่านไปไม่นานเบลล่าก็ปรากฎตัวขึ้นในชุดใหม่ที่ดูไม่สะดุดตาเหมือนเช่นเมื่อครู่ "เจ้าหญิงผู้นี้กลับรู้จักปลอมแปลงโฉมแล้ว" กาเล็ทคิดในใจเมื่อเห็นว่าเบลล่าสวมชุดธรรมดาสำหรับชาวบ้าน ถึงชุดที่สวมใส่นั้นจะดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษแต่มันก็ไม่อาจปกปิดความงดงามปานบุปผาซึ่งผลิบานอย่างเต็มที่แล้วของเบลล่าได้เลย
    ขณะที่กาเล็ทนำพาทั้งหมดออกจากราชวังเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก ราชาของโรฮานก็ออกจากราชวังของตนเองไปเช่นกันแต่จุดหมายหาไดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กดั่งเช่นกาเล็ทไม่ จุดหมายปลายทางของราชาเบรุทในครั้งนี้กลับเป็นตระกูลบุสโซ่
    เมื่อมีคนมารายงานแจ้งถึงการมาเยือนของราชาเบรุทต่อนีน่า นีน่าก็รู้สึกประหม่ายิ่ง
    "ท่านหญิงนีน่าข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของท่านหญิงหรือไม่?" ราชาเบรุทเอ่ยด้วยความเกรงใจ จะไม่ให้เกรงอกเกรงใจได้หรือสตรีเบื้องหน้านี้นั้นเป็นถึงมารดาของผู้ที่ได้รับฉายาว่าจักรพรรดิทมิฬ ผู้ซึ่งลงมือสังหารจักรพรรดิ์แดงลงได้ ณ ตอนนี้ในทวีปตะวันออกเขาผู้นี้ย่อมเป็นผู้ที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจที่สุด
    "องค์ราชาให้เกียรติมาเยือนตระกูลบุสโซ่ของเราจะถือว่าเป็นการรบกวนได้อย่างไร นีน่าเพียงแต่เกรงว่าต้อนรับไม่ดีพอ" นีน่าเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจและนอบน้อม ตัวนีน่านั้นไม่เหมือนดั่งกลับกาเล็ทผู้เป็นบุตรชาย ท่าทีที่แสดงออกกับราชาเบรุทของนีน่ายังคงเป็นท่าทีของข้าราชบริภารที่ต่ำต้อยกับองค์ราชาผู้สูงส่ง "น่าเสียดายที่วันนี้บุตรชายของนีน่าไม่อยู่บ้าน เขาพึ่งออกไปกับองหญิงซิลเวียสักครู่นี้เอง องค์ราชาคงมาเสียเวลาเปล่าแล้ว" นีน่าเอ่ย
    "ท่านหญิงอย่าได้เกรงอกเกรงใจไป ซิลเวียในไม่ช้าก็จะแต่งเข้าตระกูลบุสโซ่ของท่านหญิงแล้ว ดังนั้นไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังท่านหญิงไม่จำเป็นต้องถือยศฐาใดๆกับนางอีก ข้ามาในวันนี้มิใช่เพราะต้องการพบปะพูดคุยกับมาร์ควิสบุสโซ่แต่ที่ข้ามาก็เพื่อพบกับท่านหญิงนีน่าโดยครง" ราชาเบรุทเอ่ย

    "พบกับข้า?" นีน่ากลับแสดงอาการประหลาดใจขึ้น
    "ท่านหญิงตัวข้านั้นเป็นราชาที่ใช้การไม่ได้ไม่พอ ข้ายังนับว่าเป็นบิดาที่ไม่ได้เรื่องอีกด้วย" ราชาเบรุทเอ่ยรำพึงรำพันขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
    "องค์ราชาอย่าได้กล่าวเช่นนั้น หากองค์ราชามีเรื่องใดให้นีน่าช่วยเหลือ ถ้านีน่าสามารถกระทำได้นีน่าจะพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน" นีน่าเอ่ย
    ราชาเบรุทได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกยินดียิ่ง "ตัวข้านั้นมีบุตรสาวอยู่สองคน คนแรกคือซิลเวียซึ่งเมื่อก่อนนั้นข้าก็เป็นห่วงนางไม่น้อยเหตุเพราะนางนั้นนับว่าค่อนข้างอ่อนต่อโลกและไม่เข้าใจโลกภายนอกเท่าใดนักแต่ในตอนนี้สำหรับกับซิลเวียข้านั้นมีความรู้สึกวางใจแล้ว รอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้ซิลเวียนางนั้นนับว่าเติบใหญ่ขึ้นมากแล้ว" กล่าวถึงตรงนี้ราชาเบรุทก็ถอนหายใจออกมา "ส่วนบุตรสาวคนที่สองของข้านั้นคือเบลล่า อย่างที่ท่านหญิงทราบดีตัวข้านั้นติดค้างนางมากนัก" ราชาเบรุทเอ่ย
    นีน่าซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าราชาเบรุทต้องการจะสื่อถึงอะไรก็ได้แต่นิ่งเงียบรอรับฟัง
    "เบลล่าบุตรสาวผู้นี้ของข้านั้นน่าเวทนานัก เพื่อความมั่นคงของโรฮาน ข้ากลับต้องจำใจต้องส่งนางไปยังไอออนเพื่อเป็นหลักค้ำประกันถึงการไม่รุกรานโรฮานของเรา ไม่ทราบว่าตอนอยู่ที่นั่นนางต้องได้รับความลำบากมากน้อยเท่าใด" ราชาเบรุทเอ่ย
    "ช่างน่าเวทนานัก" นีน่าเอ่ยอย่างเห็นใจ
    ได้ยินเช่นนั้นราชาเบรุทก็กล่าวต่อ "เบลล่านั้นต้องทุกข์ทนมานานเนื่องจากนางมีอายุมากกว่าซิลเวียอยู่หลายปีดังนั้นเรื่องยากลำบากหลายๆเรื่องนางจึงต้องเป็นผู้แบกรับไว้ ยากนักที่ข้าจะสามารถมองเห็นรอยยิ้มของนางได้ ตัวข้าซึ่งเป็นบิดาและเคยทำผิดต่อนางต้องการให้นางมีความสุขด้วยใจจริง" ราชาเบรุทเอ่ย
    "องค์ราชาอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ท่าน แต่พวกเราทุกคนซึ่งเป็นชาวโรฮานต่างติดค้างเจ้าหญิงเบลล่า" นีน่าเอ่ยอย่างเห็นใจ
    "เหตุการณ์เมื่อเดือนก่อนข้าคิดว่าท่านหญิงคงทราบกระจ่างแล้ว เมื่อข้าถูกบุตรชายแท้ๆของตนเองทรยศหักหลังวางยาทำร้ายหมายชีวิต ในห้วงคับขันเป็นตายทำให้ข้านึกขึ้นได้ว่าตำแหน่งยศฐาและอำนาจนั้นล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม คนข้างกายเราต่างหากที่สำคัญ ยามที่ข้าล้มลงกลับมีแต่เพียงบุตรสาวทั้งสองของข้าคอยอยู่เคียงข้าง ทั้งๆที่ข้าผู้เป็นบิดาทำผิดต่อพวกนางอย่างไม่น่าให้อภัยได้ วันนี้ข้าจึงแบกหน้ามาขอร้องท่านหญิง" ราชาเบรุทเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้องขอ
    "องค์ราชาโปรดบอกกล่าว หากมีเรื่องใดที่นีน่าช่วยเหลือได้นีน่าจะไม่นิ่งเฉยแน่นอน" นีน่าเอ่ย
    "หลายวันมานี้ข้านั้นลอบสังเกตุเห็นว่าบุตรสาวคนโตของข้าเปลี่ยนไป ข้าสังเกตุเห็นนางยิ้มอยู่บ่อยครั้ง จากการเฝ้าสังเกตุของข้า ข้าคิดว่านางคงกำลังมีความรัก" ราชาเบรุทเอ่ย
    "ความรักหรือ? องค์ราชาต้องการให้นีน่าเป็นแม่สื่อให้แก่องค์หญิงหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดโชคดีที่องค์หญิงมีใจให้?" นีน่าเอ่ยถามด้วยความรู้สึกยินดี
    "เป็นบุตรชายของท่านหญิงเอง" ราชาเบรุทเอ่ย
    นีน่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็แสดงความรู้สึกแปลกประหลาดใจออกมา
    "ก.กาเล็ทหรือ?" นีน่าเอ่ยอย่างประหลาดใจที่ชายหนุ่มผู้นี้กลับกลายเป็นบุตรชายของตนเอง
    "ตอนแรกข้าก็ไม่แน่ในเท่าใดแต่พอข้าลองสอบถามความคิดเห็นของเบลล่าเกี่ยวกับมาร์ควิสบุสโซ่ดู นางกลับเอ่ยชื่นชมเขา สีหน้านางตอนที่พูดถึงเขาก็เป็นสีหน้าซึ่งแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง เบลล่านางนั้นไม่เคยชื่นชมบรุษใดมาก่อน กล่าวไปเมื่อก่อนนางกลับชิงชังบรุษอยู่ไม่น้อย สายตาที่นางมองมาร์ควิสบุสโซ่หลายต่อหลายครั้งก็หาใช่สายตาของสตรีปกติที่มองดูบรุษไม่" ราชาเบรุทพยายามเอ่ยอธิบาย "ท่านหญิงบอกกล่าวต่อท่านหญิงตามตรงครั้งแรกที่ข้าเสนอให้ซิลเวียทำการหมั้นหมายกับบุตรชายของท่านหญิง เมื่อแรกเริ่มนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงในยามนั้นของข้าก็เพียงเพื่อต้องการเกี่ยวดองทางการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ที่จะได้รับจากความเข้มแข็งของบุตรชายท่านหญิงนั่นเป็นสิ่งโง่เขลาที่ตัวข้าในอดีตคิดได้แต่ในตอนนี้นั้นแตกต่าง ตอนนี้ข้าหวังแต่เพียงให้บุตรสาวทั้งสองได้อยู่ดีมีสุข ข้าอยากเห็นรอยยิ้มของพวกนาง นี่เป็นเพียงความหวังของบิดาผู้หนึ่งที่ต้องการจะให้บุตรสาวของตนเองมีความสุข ข้าคาดหวังแต่เพียงว่าท่านหญิงจะไม่รังเกียจบุตรสาวคนโตของข้าผู้นี้ที่เคยหมั้นหมายกับผู้อื่นมาก่อน" ราชาเบรุทเอ่ยตีแผ่ความรู้สึกในใจตนต่อนีน่า
    ค่านิยมของคนในโลกนี้นั้นมีอยู่บ้างที่ทางครอบครัวของฝ่ายชายจะรังเกียจเดียดฉันท์ฝ่ายหญิงที่เคยหมั้นหมายมาก่อนรอบหนึ่ง
    นีน่ากลับเผยรอยยิ้มที่นุ่มนวลอ่อนโยนออกมาคลายความกังวลใจของราชาเบรุทไป "จะมีผู้ใดรังเกียจยอดหญิงที่เสียสละตนเองเพื่อส่วนรวมไปได้ หากนีน่าคิดเช่นนั้นนีน่าก็ใช้การไม่ได้แล้ว" นีน่าเอ่ย "หากว่าองค์หญิงเบลล่ามีใจนึกคิดชอบพอบุตรชายของนีน่าจริงองค์ราชาวางใจได้ เรื่องนี้นีน่าจะไม่ปล่อยให้บุตรชายของนีน่าห่างเหินดูแคลนนางแน่นอนแต่หากว่านี่เป็นเพียงความเข้าใจผิดนีน่าก็ไม่อยากบังคับแข็งขืนผู้ใดขอองค์ราชาโปรดเข้าใจ"
    ถึงแม้ประโยคสุดท้ายของนีน่าจะดูเหมือนไม่เชื่อในคำกล่าวของราชาเบรุทอยู่แต่นั่นหาได้ทำให้ราชาเบรุทรู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใด
    "ท่านหญิงท่านยอมรับปากช่วยเหลือข้าแล้วหรือ? เบลล่านั้นเป็นคนอดทนอดกลั้นและมักจะเก็บความรู้สึกของตนเองไว้ ด้วยหลายๆอย่างหากไม่มีผู้ใดช่วยเหลือนางคงไม่ยอมบอกกล่าวออกไปแน่นอน เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือเป็นเพียงความเข้าใจผิดขอให้ท่านหญิงลองใช้เวลาสังเกตุดูก็จะทราบได้เอง เอาเช่นนี้ดีหรือไม่? ให้นางมาพักอยู่ที่ตระกูลบุสโซ่อีกสึกคนสักพักหนึ่งท่านหญิงจะได้ลองสังเกตุถามไถ่นางด้วยตนเอง" ราชาเบรุทเอ่ยเสนอแนะความคิดของตนเองออกไป
    "เอาเช่นนั้นเถอะ องค์ราชาโปรดวางใจนีน่าจะดูแลองค์หญิงเบลล่าเป็นอย่างดี" นีน่าเอ่ย
    "เช่นนั้นวันนี้ข้าขอรบกวนท่านหญิงแต่เพียงนี้ ข้าขออำลา" ราชาเบรุทกล่าวคำอำลา วันนี้ราชาเบรุทแบกเอาความหนักใจมาที่ตระกูลบุสโซ่อย่างยากลำบากแต่ขากลับนั้นกลับจากไปด้วยรอยยิ้ม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×