ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #83 : อัจฉริยภาพที่เหนือกว่าผู้ใด[รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.35K
      483
      14 พ.ย. 60





    เมื่อลิลลี่กับโรซ่าจัดการเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว พวกนางก็มารอกาเล็ทอยู่ที่ห้องทำงาน สีหน้าของพวกนางดูตื่นเต้นตึงเครียดไม่น้อย

    "หนูลิลลี่กับหนูโรซ่าไม่ต้องเป็นกังวลไป ทำตัวตามสบายเถอะ กาเล็ทน่ะเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็นหรอกลูก หากว่ากาเล็ทเขาทำอะไรแปลกๆกับพวกหนูก็ให้มาบอกกับป้า ป้าจะจัดการให้" นีน่าเอ่ยกับหญิงรับใช้ทั้งสอง แม้ว่าตอนนี้สถานะของนีน่าจะสูงส่งกว่าเมื่อก่อนมากนักแต่นางกลับไม่ได้ถือเนื้อถือตัวเหมือนกับนายหญิงตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นทำเลยแม้แต่น้อย นางยังคงให้เกียรติแก่ทุกผู้คน แม้แต่กับเหล่าหญิงรับใช้นางก็ไม่ถือเนื้อถือตัว นางนั้นมักจะปฎิบัติกับเหล่าหญิงรับใช้อย่างเท่าเทียมโดยไม่คิดว่าเหล่าหญิงรับใช้ต่ำต้อยกว่าตนเองแต่อย่างใด
    ได้ยินคำกล่าวของนายหญิงแห่งตระกูลบุสโซ่ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาทั้งลิลลี่และโรซ่าก็คลายความกังวลไปได้หลายส่วน
    "โถ่ท่านแม่ ข้าไม่ทำอะไรแปลกๆหรอกน่า" กาเล็ทที่พึ่งแล้วเสร็จจากการฝากฝังเรื่องราวกับพ่อบ้านโจเซพเดินเข้ามาและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
    นีน่าได้ยินน้ำเสียงของบุตรชายก็หันไปมองยังต้นเสียงนั้น "ผู้ใดจะทราบได้ หากว่าเจ้าทำอะไรแปลกๆกับพวกหนูโรซ่าล่ะก็ แม่จะโกรธจริงๆด้วย" นีน่ายังคงกล่าวทีเล่นทีจริงเป็นเชิงหยอกเย้าบุตรชาย นีน่าย่อมเชื่อมั่นว่าบุตรชายของตนเองไม่ใช่คนที่จะใช้อำนาจยศฐาที่มีเพื่อฉวยโอกาศเอารัดเอาเปรียบกับเหล่าหญิงรับใช้อยู่แล้วดังนั่นถ้อยคำที่กล่าวไปเมื่อครู่จึงเป็นเพียงการกล่าวหยอกเย้าเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นเท่านั้น แต่บุตรชายของตนเองไม่กระทำหาใช่ผู้อื่นจะไม่กระทำ เรื่องที่เหล่าหญิงรับใช้หน้าตาดีโดนคุณชายของตระกูลขุนนางหรือแม้แต่หัวหน้าตระกูลใหญ่เอารัดเอาเปรียบตลอดจนการบังคับขืนใจให้พวกนางมอบกายให้มีมาให้ได้เห็นในยุคนี้อยู่บ่อยๆจึงไม่แปลกที่เหล่าหญิงรับใช้ในตระกูลบุสโซ่จะหวาดเกรงต่อกาเล็ท

    ได้ฟังคำกล่าวของผู้เป็นมารดาแม้จะรู้ดีว่าในน้ำเสียงแฝงแววหยอกเย้าทว่ากาเล็ทยังคงยกมือขึ้นเกาหัวอย่างโง่งมไม่ทราบว่าจะกล่าวเช่นไรต่อไปดี
    ทั้งลิลลี่และโรซ่าที่ได้เห็นอาการของกาเล็ทก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดใจมากกว่าเดิม นายน้อยที่มักจะเคร่งขรึมจริงจังกลับแสดงอาการเช่นนี้ออกมาให้ได้เห็น อันที่จริงกาเล็ทก็ไม่ได้ตั้งใจให้ภาพลักษณ์ของตนเองออกมาย่ำแย่น่ากลัวในหมู่คนรับใช้แต่เหตุที่เหล่าคนรับใช้และนักบู๊ในตระกูลต่างหวาดเกรงต่อกาเล็ทนั้นก็สืบเนื่องมาจากวิธีในการใช้ชีวิตของกาเล็ท กาเล็ทนั้นไม่ได้สนใจว่าผู้อื่นจะมองตนเองเช่นไร ในยามค่ำคืนกาเล็ทจะใช้เวลาเข้าไปฝึกฝนอยู่ในมิติเทพเจ้าเสมอและในยามรุ่งเช้ากาเล็ทก็จะออกมาตรวจสอบงานการที่ได้สั่งไว้เนื่องด้วยนิสัยที่เอาจริงเอาจัง ในเวลาทำงานกาเล็ทก็มุ่งเน้นแต่เพียงเรื่องงานเท่านั้นเป็นเหตุให้ทุกครั้งที่เหล่าคนของตระกูลบุสโซ่ได้เห็นนายน้อยของตนเอง ก็จะได้เห็นในมุมที่จริงจังเคร่งเครียดกับงานการ น้อยนักที่จะได้เห็นกาเล็ทในมุมที่ผ่อนคลายเช่นที่ลิลลี่และโรซ่าเห็นในต้อนนี้ แม้ว่าจะเป็นหญิงรับใช้ภายในตระกูลทว่าพวกนางก็ไม่ได้พบเจอกับกาเล็ทบ่อยมากนัก เวลาที่ได้พบเจอกับกาเล็ทก็มักจะเป็นเวลาที่พวกนางยกข้าวปลาอาหารเข้ามาให้แก่กาเล็ทและนีน่าในห้องอาหารซึ่งถือได้ว่าเป็นเวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้นจึงไม่แปลกที่พวกนางจะรู้สึกหวาดกลัวต่อนายเหนือแห่งตระกูลบุสโซ่เช่นกาเล็ท

    "เอาล่ะ เรื่องต่อจากนี้ข้าขอให้พวกเจ้าเก็บไว้เป็นความลับอย่างได้แพร่งพรายต่อผู้ใด สถานที่ที่ข้าจะนำพวกเจ้าไปนั้นเป็นสถานที่พิเศษ ทำใจให้สงบ" กาเล็ทกล่าวบอกพร้อมทั้งเดินเข้าไปใกล้ลิลลี่และโรซ่า "ขออนุญาติด้วย" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเพื่อขออนุญาติแตะเนื้อต้องตัวพวกนาง เมื่อพวกนางพยักหน้ากาเล็ทก็ยื่นมือไปแตะทีตัวของพวกนางทีละคน จากนั้นร่างของพวกนางก็ค่อยๆหายวับไปทีละคน "ท่านแม่ไปกันเถอะ" กาเล็ทหันมาเอ่ยกล่าวกับนีน่า

    ทันทีที่ร่างของกาเล็ทปรากฎเข้ามาในมิติเทพเจ้า มังกรน้อยก็พุ่งทะยานเข้ามาหาพร้อมกับสงเสียงร้องไม่เป็นภาษาออกมาทันที
    "หิ๊ด ๆ ๆ" มิร่าในร่างของมังกรตัวน้อยน่ารักพุ่งเข้ามาพร้อมทั้งส่งเสียงร้องในโทนสองออกมา เนื่องจากกาเล็ทเห็นว่าจะอย่างไรตนเองก็ต้องกลับเข้ามาในมิติเทพเจ้าอยู่แล้วดังนั้นในยามที่ออกไปเพื่อหาอาสาสมัครกาเล็ทจึงทิ้งมิร่าให้อยู่ในมิติเทพเจ้า จะกล่าวไปแล้วสัตว์อสูรดังเช่นมิร่านั้นหาได้คล้ายคลึงกับมนุษย์ไม่ มนุษย์ก็มีวิธีในการฝึกฝนเพิ่มพูนพลังของมนุษย์ ส่วนสัตว์อสูรดั่งเช่นมิร่าก็มีวิธีในการเพิ่มพูนพลังของตนเอง ถึงจะกล่าวบอกว่าเป็นวิธีทว่าสัตว์อสูรดั่งเช่นมิร่านั้นหาต้องฝึกฝนอันใด สัตว์อสูรนั้นเพียงแต่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอนูจิตวิญญาณหนาแน่นพลังก็จะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อกาลเวลาผ่านไป ยังมีสัตว์อสูรยังสามารถกลืนกินแก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรตนอื่นหรือแม้แต่ของมนุษย์ผู้ฝึกพลังเพื่อเพิ่มพูนระดับพลังของตนเองให้รวดเร็วยิ่งขึ้นได้เช่นกัน และภายในมิติเทพเจ้านั้นยังมีความหนาแน่นของอนูจิตวิญญาณมากกว่าโลกภายนอกถึงสามเท่าตัว ภายในมิติเทพเจ้านี้ย่อมเป็นสถานที่ชั้นดีสำหรับมิร่าในการเพิ่มพูนพลังของตนเอง กาเล็ทย่อมต้องการให้นางอยู่ในมิติเทพเจ้าให้มากไว้เพื่อผลประโยชน์แก่ตัวนางเองแต่ติดตรงที่มิร่านั้นยากที่จะยอมอยู่ห่างจากตนได้เป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่ตนเองออกไปตรวจงานยังโลกภายนอกนางก็มักจะรบเร้าพัวพันขอออกไปด้วยเป็นประจำ

    "หือ เป็นอะไร" กาเล็ทที่โอบกอดลูบคลำร่างของมิร่าเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่ามังกรน้อยยังคงส่งเสียงร้องออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งถูไถร่างกายพร้อมทั้งสูดดมกลิ่นกายของกายเล็ทประหนึ่งว่าไม่ได้พบเจอกับผู้เป็นบิดามาเป็นเวลาแรมปี แม้ว่าเวลาในภายนอกจะผ่านไปแค่สามสิบนาทีแต่ในมิติเทพเจ้านั้นมิร่าได้อยู่ในนี้มาเพียงลำพังกว่าหกชั่วโมงแล้ว สำหรับกับมิร่าที่ตั้งแต่ออกมาจากหุบเขาอสูรฟ้าก็ตามติดพัวพันอยู่กับกาเล็ทแทบไม่ห่างนี่จึงนับเป็นครั้งแรกที่นางอยู่ห่างจากกาเล็ทยาวนานถึงเพียงนี้การที่นางแสดงอาการเช่นนี้ออกมานับว่าไม่แปลกเลย

    กาเล็ทที่กำลังลูบคลำร่างของมิร่าน้อยอยู่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับพบว่าทั้งลิลลี่และโรซ่าต่างแสดงออกถึงความตื่นตกใจ "นางคือมิร่าเอง" กาเล็ทส่งยิ้มให้แก่ทั้งสองพร้อมทั้งเอ่ยบอก อันที่จริงกาเล็ทก็ไม่ได้ต้องการจะปิดบังคนในตระกูลบุสโซ่เกี่ยวกับเรื่องที่มิร่าเป็นสัตว์อสูรแต่อย่างไร หากว่าต้องทำเช่นนั้นมิใช่ต้องสร้างความอึดอัดให้แก่มิร่าแล้ว?

    "คุณหนูมิร่า?" ลิลลี่เอ่ยออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    "ใช่แล้ว นางพิเศษกว่าปกติน่ะ อย่าได้เกรงกลัวนาง" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังทั้งลิลลี่และโรซ่าต่างหันมองซึ่งกันและกัน เกรงกลัว? พวกนางล้วนไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องเกรงกลัว ที่เบื้องหน้าพวกนางตอนนี้มิใช่สิ่งมีชีวิตที่หน้ารักตัวหนึ่งหรอกหรือ? แน่นอนว่ามิร่านั้นเมื่ออยู่ที่เบื้องหน้าของกาเล็ทไม่ว่าจะอยู่ในร่างของเด็กหญิงหรือมังกรก็จะดูน่ารักใสซื่อน่าโอบกอดไร้พิษภัย ผู้ใดจะทราบได้ว่าภายใต้รูปลักษณ์เช่นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความน่าสะพรึงอย่างที่ไม่มีผู้ใดจะคาดคิดออก ไม่ทราบว่าหากพวกนางที่คิดว่ามิร่าดูน่ารักน่าชังไม่มีเหตุผลที่ต้องเกรงกลัวอยู่ตอนนี้ได้เห็นฉากที่ร่างเล็กบั่นศรีษะของเมลโล่แห่งตระกูลเจอริโก้ลงมาเมื่อครั้งนั้นพวกนางจะยังคงยืนยันความคิดนี้อยู่หรือไม่?

    "นี่คือความลับอีกอย่างหนึ่งของข้า ในนี้เป็นสถานที่พิเศษ เป็นสถานที่ซึ่งมีเพียงข้าเป็นผู้ควบคุม หากว่าผู้ใดไม่ได้รับอนุญาติจากข้าก็ไม่สามารถเข้ามาได้" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย "ยังมีเวลาในนี้ยังเดินรวดเร็วกว่าโลกภายนอกถึง 12 เท่า" กาเล็ทเอ่ยบอกถึงจุดสำคัญในข้อนี้ ย่อมไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบังแก่ทั้งหมด ในเมื่อนำทั้งลิลลี่และโรซ่าเข้ามาแล้ว จะอย่างไรเมื่อออกไปสู่ด้านนอกพวกนางต้องสังเกตุออกอยู่แล้วมิสู้บอกออกไปตรงๆจะดีเสียกว่า

    เมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวของกาเล็ททั้งนีน่า ลิลลี่ โรซ่า ต่างแสดงออกถึงความงุนงงสับสนไม่เข้าใจออกมา
    "เอาเถอะให้เข้าใจเพียงว่าอยู่ในนี้ 12 วัน เท่ากับเวลาที่เบื้องนอกเพียง 1 วัน ที่ข้าให้พวกเจ้าออกไปเตรียมตัวบอกกล่าวแก่ครอบครัวสามวันนั่นหมายความว่าอย่างน้อยเราจะอยู่ในมิติเทพเจ้านี้ถึงหนึ่งเดือน" กาเล็ทเอ่ย
    แม้จะได้ยินเช่นนั้นทั้งลิลลี่และโรซ่าก็ยังคงสับสนไม่เข้าใจอยู่ดี นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใดที่พวกนางจะสับสนไม่เข้าใจ แม้แต่เทลเล่อเองที่มีอายุอยู่มานับร้อยปีแล้วและเป็นถึงผู้มีพลังระดับราชาเมื่อแรกเริ่มเข้ามาในมิติแห่งนี้ครั้งแรกยังคงแสดงอาการตื่นตะลึงกว่าพวกนางอีก กาเล็ทยังคงต้องใช้เวลานับชั่วโมงในการกล่าวอธิบายให้เทลเล่อเข้าใจนับประสาอะไรกับพวกนางที่เป็นเพียงคนปกติธรรมดา

    ส่วนนีน่าเมื่อได้ฟังคำกล่าวอธิบายของบุตรชาย นางกลับเหลียวมองไปยังบุตรชายด้วยสายตาที่เป็นห่วง แววตาของนางแสดงออกถึงความกังวลใจ สิ่งที่นางกลัวที่สุดนับตั้งแต่บุตรชายของตนเองฟื้นจากอาการบาดเจ็บเจียนตายเมื่อหลายเดือนก่อนคือบุตรชายของนางจะมุทะลุเคร่งเครียดจนเกินไป นับตั้งแต่บุตรชายฟื้นจากอาการบาดเจ็บ บุตรชายของนางก็เสมือนว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน บุตรชายของนางที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้แก่นางได้ ทว่าบุตรชายของนางนั้นมักจะมุทะลุเอาจริงเอาจังจนเกินไป บางครั้งคราวบุตรชายมักจะเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลานานแม้แต่ข้าวปลาอาหารก็ไม่ยอมกิน นางเฝ้าเป็นห่วงบุตรชายในเรื่องนี้ตลอดมา พอได้ฟังคำอธิบายเมื่อครู่จากบุตรชาย แม้จะยังไม่เข้าใจดีนักทว่าหากเวลาในที่นี้เดินเร็วกว่าโลกภายนอกถึงสิบสองเท่าเช่นนั้นมิใช่ว่าบุตรชายของตนเองผู้นี้ต้องผ่านความยากลำบากมามากน้อยเท่าใดแล้ว? ด้วยนิสัยของเขาหากว่ามีสถานที่เช่นนี้อยู่มีหรือที่เขาจะไม่ใช้เวลายามค่ำคืนเข้ามาอยู่ในที่นี้ทุกคืนวัน มีหรือที่เขาจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ดวงตาของนีน่าที่เหลียวมองดูบุตรชายอยู่ค่อยๆปรากฎน้ำใสเอ่อคลอขึ้น

    "ลำบากมากเลยใช่ไหมลูก" นีน่าเดินเข้าไปโอบกอดกาเล็ทที่กำลังอุ้มมิร่าน้อยไว้อยู่ ไม่ทราบว่าบุตรชายของนางต้องผ่านความยากลำบากมามากน้อยเท่าใดโดยที่นางไม่รับรู้

    "ท่านแม่" กาเล็ทย่อมเข้าใจความหมายในวาจาของผู้เป็นมารดา "หากเทียบกับความลำบากของท่านแม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เท่านี้ไม่นับได้ว่าลำบากอันใด" กาเล็ทเอ่ยปลอบ "อย่าได้เสียเวลาอยู่เลย สำหรับข้าท่านแม่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด ข้าจะไม่ยอมเสียท่านไปอย่างแน่นอน"

    กล่าวจบกาเล็ทก็ผลักร่างของผู้เป็นมารดาออกห่างพร้อมทั้งนำผ้านวมสามผืนออกมาจากแหวนมิติเพื่อปูบนพื้นภายในมิตินั้น "ขั้นตอนการตรวจสอบต้องใช้เวลานาน ท่านแม่ ท่าน โรซ่าและลิลลี่นอนบนผ้าปูนี้เถอะ ข้าจะใช้เวลาครั้งละ 12 ชั่วโมงเพื่อตรวจสอบจากนั้นจะให้พวกท่านพักดิื่มน้ำและรับประทานอาหารสักหน่อย จากนั้นจึงจะตรวจสอบต่อวนอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนพบความผิดปกติของร่างกายท่านได้ คงต้องลำบากท่านแม่กับพวกเจ้าแล้ว" กาเล็ทเอ่ยจบก็ปรากฎว่าร่างของกาเล็ทแยกออกมาเป็นสามร่างในคราเดียว

    ลิลลี่กับโรซ่าซึ่งกำลังซาบซึ้งอยู่กับฉากที่กาเล็ทเอ่ยปลอบนีน่าเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นตกใจอีกคราหนึ่ง

    "เรามาเริ่มกันเถอะ" กาเล็ทเอ่ยคำพร้อมทั้งอุ้มร่างของมิร่าขึ้นไปให้นอนอยู่บนศรีษะของตนเอง หากว่าไม่มีมิร่าอยู่บนศีรษะ ย่อมไม่สามารถแยกออกได้เลยว่ากาเล็ทผู้ใดคือร่างจริงผู้ใดคือร่างภาชนะที่สร้างขึ้นจากพลังจิตวิญญาณ


    ปล.วันนี้ออกสามตอนนะครับรออ่านได้เลย[สัญญาไว้เพื่อกระตุ้นตัวเอง55] ไม่ว่ายังไงต้องเข็นออกมาให้ได้ชดเชยกับที่ไม่ได้ออกไปสองวัน ที่ต้องเวิ่นเว้อกับบทตรงนี้นานก็อยากจะสื่อให้เห็นว่ากาเล็ทให้ความสำคัญกับนีน่าขนาดไหนพร้อมทั้งปูความสามารถในการรักษาของตัวเอกและจะค่อยๆสร้างความสัมพันธ์ของพระเอกกับลูกน้องด้วยครับ สงสัยตรงไหนถามได้นะครับ คำผิดถ้าเจอทักด้วย ช่วงหลังผมอ่านทวนแค่ 1 รอบอาจจะยังพอมีคำผิดเหลือก็ขออภัยด้วย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×