ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ความอดกลั้นที่ถึงขีดสุด [รีไรท์ 2020]
เสียงหอบหายใจดังฟืดฟาดของกาเล็ทดังขึ้นไม่ขาดในขณะที่ฝึกฝนร่างกายของตนเอง เมื่อร่างกายของตัวเองนั้นแข็งแกร่งขึ้น..พลังจิตวิญญาณก็จะทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมในการขยายความแข็งแกร่งในให้เพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าทวี
ด้วยความรู้ที่ติดตัวมาจากโลกเก่าทำให้กาเล็ทนั้นสามารถใช้ความรู้พวกนั้นซึ่งตัวเองได้เคยศึกษามาฝึกฝนร่างกายของตัวเอง แต่ทว่าด้วยตอนนี้สภาพร่างกายของตัวเองนั้นไม่ได้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไปจากโลกเก่า ในตอนนี้ร่างกายและกล้ามเนื้อของกาเล็ทนั้นแข็งแรงและมีพละกำลังเหนือกว่ามนุษย์ปกติทั่วไปหลายเท่าถึงแม้จะยังไม่ได้เสริมพลังด้วยพลังจิตวิญณาณก็ตาม เพราะสาเหตุนี้เองกาเล็ทจึงต้องใช้ตัวช่วยในการออกกำลังกายนั่นก็คือตัวถ่วงน้ำหนักหลายสิบกิโลกรรมที่ทำขึ้นจากเหล็กกล้าหลายชิ้น
"กาเล็ทหยุดพักสักหน่อยเถอะลูก มากินกับข้าวที่แม่เตรียมไว้ให้ก่อนเถอะ" นีน่าเดินออกมาที่ชาญบ้านเพื่อเอ่ยเรียกกาเล็ทซึ่งกำลังฝึกฝนอย่างตั้งอกตั้งใจ
จะว่าไปแล้วในโลกก่อนเคยเป็นอย่างนี้ ในโลกนี้ก็ยังคงไม่แตกต่าง ด้วยสิ่งที่กาเล็ทนั้นมีเหนือและแตกต่างไปจากคนทั่วไปอย่างมากก็คือความจดจ่อ เมื่อกาเล็ทเลือกจะทำอะไรสักอย่างแล้ว กาเล็ทก็จะมีความจดจ่อต่อสิ่งนั้นและอดทนพยายามเพื่อให้ตนเองไปถึงเป้าหมายแห่งความสำเร็จเหนือกว่าคนทั่วไปมาก ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของคนปกติทั่วไป ขอเพียงให้จดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือเพียงแค่สองชั่วโมงก็จะเริ่มเกิดอาการวอกแวกสมาธิแตกไปสนใจในสิ่งอื่นแล้ว แต่สำหรับกาเล็ทนั้นกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น ... กาเล็ทนั้นเป็นคนที่ต่อให้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเป็นระยะเวลาติดต่อกันนานนับ 10 ชั่วโมงก็ไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาแม้แต่น้อยถ้าเนื้อหาในหนังสือนั้นเป็นสิ่งที่ตัวเองให้ความสนใจและต้องการจะเรียนรู้ เพราะสาเหตุนี้เองทำให้กาเล็ทซึ่งมีห้วงสมาธิและความจดจ่อต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากกว่าปกติหลายเท่าสามารถที่จะฝึกฝนพลังจิตวิญญาณซึ่งต้องใช้สมาธิและความจดจ่อมากกว่าสิ่งไหนๆได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าใครอย่างที่หาใครเปรียบได้ยาก
นับจากที่โจเซพกลับมาเวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านพ้นมาถึงสองเดือนแล้ว กาเล็ทเองก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสองเดือนที่ผ่านมานี้สูญเปล่าไป ในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมานี้เนื่องจากการฝึกฝนตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนทำให้ระดับแก่นจิตวิญญาณของกาเล็ทพุ่งพรวดยกระดับสูงขึนอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่ว่าใครภายในโลกแห่งนี้ก็ไม่สามารถที่จะนึกคิดจินตนาการถึงได้ แต่เดิ่มที่แก่นจิตวิญญาณของกาเล็ทอยู่ในระดับที่ 5 ขั้นต้นแต่ตอนนี้รัศมีพลังซึ่งแผ่พุ่งออกมาจากร่างของกาเล็ทกลับเป็นกลิ่นอายของรัศมีพลังจากแก่นวิญญาณระดับที่ 7
การที่กาเล็ทสามารถเร่งระดับพลังของตัวเองให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วได้นั้นไม่ใช่เพียงเพราะพรสวรรค์ที่มากกว่าคนปกติทั่วไปเท่านั้น..หากแต่เป็นเพราะความพยายามอย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากที่มีตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาด้วย แน่นอนว่าอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้กาเล็ทสามารถที่จะพัฒนาแก่นจิตวิญญาณของตัวเองให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ได้ก็เพราะได้รับผลจากยาเทพโอสถซึ่งกินเข้าไปก่อนหน้านี้ด้วย ถึงแม้ว่ายาเทพโอสถที่กาเล็ทสามารถหลอมได้นั้นจะยังคงเป็นเพียงเม็ดยาระดับต่ำสุดจากตำราซึ่งได้เรียนรู้มาในมิติพิศวง ทว่าจากการที่โจเซพได้หาข้อมูลมาทำให้รู้ว่าตัวยาที่มีผลทำให้ผู้ฝึกพลังสามารถดูดซับและฝึกฝนพลังจิตวิญญาณได้รวดเร็วขึ้นนั้นหาได้ยากมากในท้องตลาด โดยเฉพาะในโรฮานที่เป็นอาณาจักรเล็กๆและปราศจากผู้มีความสามารถในการหลอมยา จากข้อมูลที่มีอยู่นั้นทำให้รู้กาเล็ทรู้ว่าแม้แต่ลูกหลานตระกูลขุนนางหรือผู้มั่งมีเงินทองในโรฮานยังถือว่าเป็นเรื่องยากซึ่งจะสามารถได้รับยานี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นราคาของยาแต่ละเม็ดจึงถือได้ว่ามีราคาสูงมากในท้องตลาด
ในโลกยูยานแห่งนี้นั้นหน่วยเงินตราที่ใช้คือเหรียญทองแดง เหรียญเงินและเหรียญทอง โดย 100 เหรียญทองแดงจะเท่ากับ 1 เหรียญเงิน 100 เหรียญเงินจะเท่ากับ 1 เหรียญทอง การที่โลกแห่งนี้ใช้หน่วยเงินแบบนี้ย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะแร่แต่ละอย่างนั้นย่อมถือว่าเป็นสิ่งมีค่าในตัวของมันเอง ต่างกับเงินกระดาษที่ไร้ค่า ด้วยระบบเศรษฐกิจของโลกนี้ยังถือว่าล้าหลังอยู่มากทำให้การใช้สกุลเงินเหรียญจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร
ถ้าจะให้พูดถึงค่าของเงินว่าเงิน 10 เหรียญทองนั้นมีค่ามากขนาดไหนในโลกยูยานแห่งนี้ก็ต้องเปรียญเทียบให้เห็นว่ากรรมกรแบกหามซึ่งเป็นชนชั้นแรงงานสามารถหาเงินได้ถึงเดือนละ 10 เหรียญเงินต่อเดือนต่อคนก็ถือว่ามากโขแล้ว ยกตัวอย่างให้เห็นก็อย่างนีน่าที่นั่งตรากตรำทำงานเย็บปักถักร้อยอย่างยากเย็นแต่กลับมีรายได้ต่อเดือนเพียง 3-4 เหรียญเงินเท่านั้น
ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ตระกูลบุสโซ่ในตอนนี้ไม่ต้องห่วงพะวงเรื่องเงินทองอีกต่อไป ตัวยาเทพโอสถที่กาเล็ทสามารถหลอมขึ้นมานั้นไม่เพียงเป็นตัวยาที่ช่วยให้สามารถดูดซับพลังจิตวิญญาณได้ดีขึ้นเท่านั้น หากนำมาเทียบกับตัวยาที่มีขายอยู่ในโรฮานแล้วยาเทพโอสถของกาเล็ทยังถือได้ว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าตัวยาในท้องตลาดอยู่หลายส่วน ดังนั้นเมื่อโจเซพนำเม็ดยาที่กาเล็ทหลอมขึ้นไปปล่อยขายในท้องตลาดจึงมีผู้คนซึ่งรู้ข่าวมากมายเดินทางมาเพื่อประมูลจากสถานที่จัดประมูล
"ฝีมือการทำอาหารของท่านแม่สุดยอดที่สุด" กาเล็ทเอ่ยยิ้มชมถึงฝีมือในการทำอาหารของนีน่าออกมาด้วยรอยยิ้ม ในตอนนี้ข้าวปลาอาหารที่นีน่านั้นทำให้กับกาเล็ทไม่ใข่เพียงข้าวต้มหนึ่งเหมือนแต่ก่อนแล้ว ด้วยฐานะทางการเงินที่เพิ่มพูนมั่งคั่งขึ้นทำให้อาหารการกินซึ่งสามารถเลือกซื้อได้ก็มีคุณภาพเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
"อย่างนั้นก็กินให้เยอะๆเลยนะลูก กาเล็ทไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่เหลือให้ท่านพ่อบ้าน ส่วนของท่านพ่อบ้านโจเซพแม่แบ่งแยกไว้ในบ้านต่างหากแล้ว" นีน่าเอ่ยกับกาเล็ทลูกชายของตนอย่างเอ็นดู
หลังจากที่ลูกชายของตนบาดเจ็บสาหัสสลบไสลไม่ได้สติอยู่หลายอาทิตย์ เมื่อลูกชายของตนสามารถตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างกับปาฎิหารย์ นีน่านั้นพบว่ากาเล็ทลูกชายของตนได้เปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคนจากแต่ก่อน ในตอนนี้นีน่ามีความรู้สึกว่าลูกชายของตนได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วอีกทั้งยังสามารถกลายมาเป็นที่พึ่งพิงให้กับตนและตระกูลบุสโซ่ได้ แม้ในหลายแง่มุมจะทำให้นีน่ารู้สึกว่าลูกชายของตนโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ที่น่าแปลกใจคือกลับมีสิ่งหนึ่งซึ่งพัฒนากลับด้านอย่างตาลปัตร ตั้งแต่ที่ฟื้นตื่นขึ้นมาจากอาการโค่ม่า นีน่าก็พบว่าผู้เป็นลูกชายของตนอย่างกาเล็ทนั้นมักจะหาโอกาสเข้ามาคลอเคลียกอดหอมตนอยู่บ่อยครั้งเสมือนกับตอนเป็นเด็ก
แครก แครก เสียงของน้ำแข็งที่กำลังก่อตัวกัดกินหุ่นฟางดังขึ้นภายนอกของบ้านหลังเล็ก เสียงนี้ย่อมมาจากการฝึกฝนของกาเล็ท หลายวันที่ผ่านมานี้นีน่านั้นพบว่าลูกชายของตนฝึกฝนในลักษณะนี้อยู่ตลอด นีน่าซึ่งเฝ้ามองดูกาเล็ทอย่างไม่รู้เบื่อเกิดความรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ลูกชายของตนในตอนนี้นั้นสามารถที่จะเรียกน้ำเรียกฝน หรือแม้แต่สร้างกำแพงดินขึ้นมาจากอากาศได้อย่างกับผู้วิเศษ
เมื่อระดับแก่นจิตวิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับที่ 7 กาเล็กกลับพบว่าขีดความสามารถในการกระทำเรื่องราวของตนเองนั้นเพิ่มพูนสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่เพียงพละกำลังทางกายที่เพิ่มพูน ในตอนนี้ตัวเองยังสามารถที่จะแปรเปลี่ยนพลังจิตวิญญาณให้กลายเป็นสสารยกตัวอย่างเช่น น้ำ ไฟ ลม หรือแม้แต่ดิน แม้กระทั่งการสร้างน้ำแข็งตนเองก็สามารถที่จะกระทำได้ไม่ยาก เมื่อตระหนักรู้ได้อย่างนั้น กาเล็ทจึงไหว้วานให้โจเซพเป็นธุระช่วยจัดหาหุ่นฟางมาเป็นจำนวนมากเพื่อใช้สำหรับการฝึกของตน
"ท่านลุงโจเซพ" กาเล็ทที่สังเกตุเห็นแต่ไกลว่าโจเซพนั้นเดินทางกลับมาจากตัวเมืองแล้วและกำลังตรงมายังบ้านของพวกตนเอ่ยร้องเรียกพร้อมกับที่โบกมือให้ แต่พอโจเซพเข้ามาใกล้พอกาเล็ทกลับสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ในตอนนี้เสื้อผ้าของโจเซพนั้นเปียกปอนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสกปกมากมาย "ท่านลุงเกิดเรื่องอะไรขึ้น?" กาเล็ทเอ่ยถามถึงแม้ว่าตนเองพอรู้ถึงสาเหตุอยู่แล้วว่าเพราะอะไรโจเซพจึงอยู่ในสภาพอย่างนี้
"นายน้อยอย่าได้ใส่ใจ วันนี้ข้าเพียงแค่โชคไม่ดีเท่านั้นเอง" โจเซพพยายามบ่ายเบี่ยง
กาเล็ทเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับอารมณ์เดือดดาบโกรธแค้นที่เพิ่มสูงขึ้น "ท่านลุงอย่าได้โกหกข้า...ใช่เพราะอันธพาลน้อยเหล่านั้นหรือไม่?"
"วันนี้เพียงโชคไม่ดีที่ไปเจอกับคนพวกนั้นเข้าเท่านั้นนายน้อย ครั้งหน้าข้าจะระวังให้มากกว่านี้" โจเซพเอ่ยโดยโทษว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของตนเอง
"ท่านลุงมันไม่ใช่ความผิดของท่านลุงแม้แต่น้อย....เป็นข้าเอง....เป็นข้าเองที่ผลักภาระไปให้กับท่านทั้งๆที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ทุกเมื่อ จะยังไงก็ถือว่าโชคดีที่ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ท่านลุงไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ ครั้งหน้าข้าจะเป็นคนเข้าเมืองไปจัดการเรื่องราวเอง" กาเล็ทเอ่ยอย่างรู้สึกผิดแต่พอคำพูดเอ่ยมาถึงช่วงท้าย น้ำเสียงของกาเล็ทกลับแข็งกร้าวขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "ตัวเราพยายามสงบจิต ทำใจให้มีเมตตาไม่ถือสาหาความกับพวกมันแล้ว...แต่พวกมันกลับตามราวีบีบคั้นไม่เลิก....ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษว่ากันก็แล้วกัน.." กาเล็ทนึกคิดกับตัวในใจ...ขณะที่แววตาของกาเล็ทในตอนนี้กลับปรากฎเค้าลางของความอำมหิตออกมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจน
รีไรท์ 2020 ยากกว่าเขียนใหม่อีก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น