ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น [รีไรท์ 2020]

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 63



        

          ณ ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอและทีมแพทย์กำลังวุ่นวายอยู่กับการพยายามยือชีวิตของชายคนหนึ่ง 

         "นี่เราจะต้องมาตายแบบนี้จริงๆหรอ?...ไม่จริง ทั้งๆที่ยอมทิ้งทุกอย่างทุ่มเทให้กับการเรียน ทุ่มเทให้กับงาน แต่สุดท้ายที่เราได้กลับมาก็มีแต่ความว่างเปล่า โรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา  ไม่จริง เราไม่ยอม ไม่ยอม จะจบไปทั้งแบบนี้ได้ยังไง?" ภาพความทรงจำในวันวานของคลาวด์ค่อยๆย้อนกลับคืนมาแจ่มชัดขึ้นทุกขณะ


         คลาวด์ในวันวานนั้นแทบที่จะยอมสละทิ้งได้ทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของตัวเอง..ถูกต้อง ทิ้งได้ทุกอย่างแม้กระทั่งครอบครัวและคนรัก ที่ผ่านมาตลาวด์ทุ่มเทชีวิตให้กับการศึกษาหาความรู้และก็งานโดยมุ่งหวังว่าตนจะประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต แต่ในเวลานี้ความฝันและทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างมาทั้งหมดนั้นกลับต้องมาพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

         คลาวด์เป็นคนที่เรียกได้ว่าคืออัจฉริยะ เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่เหลือล้น ตัวเขาเมื่อวันวานมีความสามารถที่จะจดจำทุกอย่างซึ่งเขาเคยเห็นและอ่านผ่านตามาได้อย่างไม่มีทางที่จะลืม เพราะอย่างนั้นเขาจึงสามารถเรียนจบปริญญาเอกได้ด้วยวัยเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น 

         ตัวคลาวด์นั้นเป็นคนที่มีอนาคตไกล หลังจากทุ่มเททุกอย่างที่มีในการศึกษาหาความรู้เขาหวังไว้ว่าในวันหนึ่งเขาจะได้ใช้ความสามารถของเขาไขว่คว้าหาความสำเร็จอย่างที่ไม่มีใครคนไหนในโลกเคยทำได้มาก่อนทว่าพออายุย่างเข้าสู่ปีที่สิบห้าทุกอย่างที่เขาหวังไว้ก็ต้องพังทลายลง ร่างกายของเขาเริ่มแสดงอาการผิดปกติออกมาให้ได้เห็น..จากนั้นตัวเขาก็ค่อยๆมีสุขภาพที่ทรุดโทรมลงเรื่อยจนไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้อีกต่อไป ในที่สุดตัวเขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลและใช้ชีวิตอยู่เป็นผู้ป่วยติดเตียงมาตลอดหลายปีเพื่อยื้อชีวิตของตัวเขาเองไว้ 

         ตลอดระยะเวลาที่เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เขาเฝ้าคิดตลอดมาว่าเพราะอะไรสวรรค์ถึงได้ให้พรสวรรค์ที่สูงกว่าคนอื่นแต่กลับให้เวลาเขาสั้นนัก ถึงแม้ตัวเขาจะมีความสามารถสูงถึงขนาดไหนแต่เขากลับไม่ได้มีโอกาสจะใช้มันให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นเลย ยังไม่ทันที่ตัวเขาจะได้เริ่มเดินในเส้นทางที่ฝันไว้แต่ก็ต้องมาจบลงด้วยความตาย  ความตายที่ตัวเขาไม่ยินยอมพร้อมใจ

         
         ในห้วงสุดท้ายของชีวิต คลาวด์รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อยกแขนของตัวเองขึ้นมา แขนที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก แขนซึ่งอ่อนแรงและสั่นเทา "เจ็บใจนัก น่าแค้นใจจริงๆที่คนอย่างเราต้องมาตายจากไปเพราะโรคร้ายซึ่งไม่มีทางรักษาหาย" ภาพอดีตที่ผ่านมาตลอดช่วงชีวิตแล่นวูบเข้ามาภายในห้วงความคิด

         "คลาวด์ วันนี้ไปซื้อของเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ  นะ นะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเราแล้ว" เด็กสาวเอ่ยกับคลาวด์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่

         "อริส เราไม่ว่าง เราไม่มีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก" คลาวด์เอ่ยกับอริสอย่างรู้สึกลำคาญ

         อริสนั้นคือเพื่อนสมัยเด็กของคลาวด์ที่มักจะมาเยี่ยมเยือนและเล่นกับคลาวด์อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าพักหลังคลาวด์จะไม่ค่อยให้ความสนใจกับอริสเหมือนอย่างเคยแต่อริสก็ถือสาและยังคงแวะเวียนซื้อของมาให้กับคลาวด์อยู่เสมอ 

         ในบางครั้งคลาวด์นั้นมักจะศึกษาหาความรู้จนลืมแม้กระทั่งเวลากิน และมักจะเป็นอริสที่คอยแวะเวียนมาย้ำเตือนและเป็นธุระช่วยจัดหารสิ่งจำเป็นให้กับคลาวด์อยู่เสมอ ทว่าสุดท้ายแล้วในวันนั้น วันซึ่งคลาวด์ปฎิเสธที่จะไปซื้อของเป็นเพื่อนกับอริส วันนั้นก็กลายเป็นครั้งสุดท้ายที่คลาวด์จะได้มีโอกาสเห็นอริสอีก  เพราะในวันนั้นอริสประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนจนเสียชีวิตไป
         
         ในห้วงสุดท้ายของชีวิต ภาพความทรงจำที่อริสคอยแวะเวียนมาหาและคอยเฝ้าดูแลตนเองอยู่เสมอซึ่งตนเองไม่เคยจะใส่ใจกลับแจ่มชัดขึ้นมายิ่งกว่าในช่วงเวลาไหน  ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นภาพความทรงจำที่คลาวด์เข้าใจว่าตัวเองได้ฝังกลบมันไปพร้อมกับการตายของอริสแล้ว "อริสเราขอโทษ" คลาวด์นึกคิดกับตัวเองก่อนที่ห้วงสติความนึกคิดจะดับมืดไป



         "นี่เราตายแล้ว? เอ๊ะ นี่มัน" คลาวด์ที่ตื่นขึ้นมาเกิดความรู้สึกงุนงงพร้อมกับที่หันมองไปโดยรอบ  เขาที่คิดว่าตัวเองตายไปแล้วพบว่าในตอนนี้ตัวเองนั้นมีสติแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้งในห้องขาวโพลนซึ่งว่างเปล่า แต่ที่น่าประหลาดใจคือตอนนี้ตัวเขากลับรู้สึกสบายตัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในรอบหลายปีที่ผ่านมา ความเจ็บปวดจากอาการป่วยที่คอยกัดกินร่างกายของเขาตอนนี้นั้นไม่หลงเหลืออยู่ให้รู้สึกได้เลย  สุดท้ายแล้วเมื่อมีสติตื่นรู้ขึ้นมาอีกครั้งคลาวด์ก็เริ่มที่จะหันมองสำรวจไปโดยรอบ  

         เพียงไม่นานคลาวด์ก็สังเกตเห็นภาพเลือนลางที่ด้านหน้า  เมื่อคลาวด์เพ่งพินิจดูอย่างถี่ถ้วน เขาถึงพบว่าภาพที่นั้นเห็นนั้นคือภาพของเด็กชายซึ่งมีหน้าตาคล้ายคลึงกับตัวเขากำลังนอนหลับไหลอยู่บนเตียงในห้องซึ่งดูซอมซ่อห้องหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในห้วงสติของคลาวด์



         "เด็กน้อยเจ้าได้ตายจากโลกเก่าของเจ้าไปแล้ว ณ ตอนนี้ที่หลงเหลืออยู่ก็มีเพียงกายจิตและสตินึกรู้ของเจ้าเท่านั้น ภาพเด็กชายที่เจ้าเห็นอยู่นั้นไม่ใช่ตัวของเจ้าหากแต่เป็นกายหยาบที่ดวงจิตได้แตกสลายไปแล้วซึ่งอยู่ในที่ๆห่างไกลและรอคอยที่จะสูญสลายไปก็เท่านั้น"  เสียงลึกลับนั้นได้ดังก้องขึ้นในห้วงสติของคลาวด์


         เมื่อคลาวด์ได้ยินเสียงลึกลับนั้นก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกสับสนงุนงงขึ้น หากแต่ยังคงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว "ใครครับ..ที่นี่ที่ไหน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมตายไปแล้วจริงหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับผม?"


         เสียงลึกลับได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา   "เด็กน้อยอย่าได้รีบร้อน ข้าเป็นใครนั้นไม่สำคัญ ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านั้นหลังจากฟังข้าก็เลือกเอาเองเถอะ" เอ่ยกล่าวจบเสียงลึกลับนั้นก็เอ่ยอธิบายต่อ"โดยปกติเมื่อเสียชีวิตลงและกายจิตแยกออกจากกายหยาบแล้ว กายจิตหรือในสิ่งที่โลกของเจ้าเรียกว่าวิญญาณก็จะต้องถูกชำระล้างและกลับคืนกลายเป็นพลังงานให้กับเอกภพ แต่กรณีของเจ้านั้นแตกต่างเพราะตัวข้าได้ยื่นมือเข้ามาแทรกแทรงกระบวนการนั้นเพื่อที่จะดึงดวงวิญญาณของเจ้ามาชั่วคราว...ทั้งนี้ก็เพื่อให้โอกาสที่สองแก่เจ้าและตัวของข้าเอง"

         เมื่อคลาวด์ได้ยินแบบนั้นก็เกิดความรู้สึกมึนงงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งหากแต่ยังคงถามต่อ "โอกาสที่สอง? คุณหมายความว่ายังไงครับผมไม่เข้าใจ"

          เสียงลึกลับได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยอธิบายต่อ "เด็กน้อย ด้วยเศษเสี้ยวพลังที่ข้าเหลืออยู่แม้มันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของพลังดั้งเดิมแต่มันก็ทำให้ข้าสามมารถบรรจุดวงวิญญาณของเจ้าเข้าสู่ร่างของเด็กคนนั้นได้ ถึงจะเป็นอย่างนั้นเรื่องนี้แม้เป็นตัวข้าก็ไม่อาจที่จะบังคับแข็งขืนให้เจ้ายอมรับข้อเสนอนี้ได้ จะตกลงหรือไม่ล้วนแล้วแต่ตัวของเจ้าเอง  ข้าในตอนนี้ไม่สามารถที่จะหน่วงรั้งคงสภาพจิตของตัวเองไว้ได้นานนัก รีบตัดสินใจเข้าเถอะเด็กน้อย"     

         เมื่อคลาวด์ได้ยินแบบนั้นจึงเลือกที่จะตอบตกลงไปในทันที ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรอย่างน้อยมันก็คงจะดีกว่าการสูญสลายเพราะถูกชำระล้างแน่นอน
         

         เมื่อได้ยินคลาวด์ตอบตกลงบุคคลลึกลับก็หัวเราะออกมา "ข้าหวังว่าเจ้าจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเจ้าและอย่าได้ทำในสิ่งที่จะทำให้ตัวเองต้องสำนึกเสียใจในภายหลังซ้ำอีก" เอ่ยกล่าวจบเสียงลึกลับนั้นก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอ่ยเหมือนกับพูดกับตัวเองขึ้นมาต่อ "ชั่งน่าตลกนัก..สุดท้ายข้าผู้นี้กลับต้องฝากฝังทุกอย่างไว้กับโชคชะตา อย่าได้ทำให้ข้าต้องผิดหวัง  เจ้าไม่อาจล้มเหลวเหมือนอย่างที่ข้าเป็น เจ้าไม่อาจ หาไม่แล้วสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนภายในเอกภพจะต้องดับสูญลงเพราะความล้่มเหลวนั้น อย่าได้ทำให้สิ่งที่ข้าสู้เตรียมการไว้ต้องสูญเปล่า ข้าหวังว่าโชคชะตาจะสามารถนำพาให้เจ้ากับนางได้กลับมาพบกันอีกครั้ง"

         เมื่อเสียงลึกลับนั้นแว่วหายไป รอบตัวของคลาวด์ก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นจนทำให้ภาพทุกอย่างในห้วงการรับรู้ของคลาวด์พล่าเลือนไป 

        
         หลังจากที่มีสติกลับมาอีกครั้ง คลาวด์ก็พบว่า ณ ตอนนี้ตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ภายในห้องสีขาวที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมายนับไม่ถ้วน  ไม่นานเมื่อพบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากล่องลอยไปมาภายให้ห้องสีขาวสุดลูกหูลูกตาที่คลาคลั่งไปด้วยหนังสือแปลกประหลาดมากมาย คลาวด์จึงตัดสินใจที่จะหยิบหนึ่งในหนังสือมากมายนับไม่ถ้วนนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน

        
         "พลังจิตวิญญาณ?" คลาวด์ตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาทันทีเมื่อเปิดอ่านหนั้งสือเล่มแรกขึ้นและพบว่าเนื้อหายภายในหนังสือนั้นเขียนถึงการฝึกฝนขัดเกลากายจิตและเอ่ยอธิบายถึงรูปแบบของพลังงานบางอย่างที่ตัวเองซึ่งถือว่าเป็นอัจฉริยะสติเฟื่องในโลกเก่าไม่เคยรู้จักมาก่อน

         "สร้างแก่นจิตวิญญาณ ?" แม้จะยังรู้สึกกังขากับเนื้อหาที่เขียนอยูภายในหนังสือ คลาวด์ยังคงเลือกที่จะอ่านต่อไป 


         ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไรแล้วทว่าหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าที่ถูกคลาวด์อ่านกลับเพิ่มขึ้นทุกขณะ  ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มที่คลาวด์ได้อ่านจนจบไปบ้างก็เอ่ยถึงระดับพลัง บ้างก็เอ่ยถึงขั้นตอนและกรรมวิธีในการฝึกฝนพลังประหลาดให้เป็นไปอย่างทรงประสิทธิภาพ บ้างก็เอ่ยถึงวิธีที่จะดึงพลังงานจิตวิญญาณออกมาใช้  บ้างก็เอ่ยถึงการหลอมสร้างโอสถทิพย์ซึ่งมีสรรพคุณครอบจักรวาล  

         "เขียนไว้เป็นจริงเป็นจังเชียว" คลาวด์วางหนังสือเล่มหนึ่งลงพร้อมทั้งหยิบเล่มต่อไปขึ้นมาอ่านพร้อมกับที่นึกคิดกับตัวเองในใจว่าถึงแม้ข้อมูลภายในหนังสือพวกนี้อาจจะใช้ไม่ได้จริงแต่อย่างน้อยก็คงพอจะใช้ฆ่าเวลาได้  เพราะเวลานี้ไม่มีอะไรที่ตัวเองสามารถจะทำได้นอกจากการอ่านหนังสือพวกนี้อีกแล้ว  



         ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกนานขนาดไหน...แต่คลาวด์ที่อ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าจนแทบจะหมดเกือบทุกเล่มแล้ววางหนังสือเล่มสุดท้ายที่คิดว่าตัวเองอ่านจบแล้วลงและผลักมันให้ลอยไปกองรวมกันอยู่กับหนังสือเล่มอื่นๆ ..ที่น่าประหลาดคือถึงแม้จะอ่านหนังสือมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งมีเนื้อหาที่ตัวเองคิดว่าไร้สาระทว่าคลาวด์กลับสามารถที่จะจดจำเนื้อหาในหนังสือเหล่านั้นได้อย่างขึ้นใจ 

         "พลังจิตวิญญาณหรอ? ถ้ามีจริงทำไมเราถึงสัมผัสถึงมันไม่ได้และทำไมยังไม่มีใครในโลกตระหนักรู้และค้นพบรูปแบบพลังงานที่ว่านี้มาก่อน? ถ้าหากว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องตลกที่เขียนขึ้นมาหลอกคนจริงๆ อย่างนั้นทำไมทุกขั้นตอนและความรู้ต่างๆภายในหนังสือถึงได้ละเอียดเป็นจริงเป็นจังนัก?" คลาวด์ที่อยู่ว่างตั้งคำถามขึ้นมากับตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า 


         ชั่วขณะหนึ่งที่คลาวด์เฝ้าครุ่นคิดหาเหตุผลให้กับตัวเองสำหรับเรื่องราวทั้งหมดนี้ อยู่ๆคลาวด์ก็เกิดความรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่นานสติการรับรู้ของคลาวด์ก็มืดดับไปอีกครั้ง





         ฉบับรีไรท์  2020
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×