ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #3 : สร้างแก่นจิตวิญญาณ [รีไรท์ 2020]

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 63


         



         

         ยิ่งเข้าสู่ห้วงลึกของสมาธิมากเท่าไร กาเล็ทก็ยิ่งสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสของพลังจิตวิญญาณได้อย่างแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น การควบคุมพลังงานเหล่านี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆเลย พลังงานพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสายน้าที่เชี่ยวกราดถ้าเรารีบร้อนจนเกินไปที่จะดูดซับพวกมันเข้าสู่ร่างก็คงไม่ต่างกับการเอาร่างไปขวางทางน้ำใหญ่  ยิ่งกาเล็ทสามารถที่จะสัมผัสถึงมันได้มากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ตัวกาเล็ทนั้นเกิดความรู้สึกแปลกใจมากขึ้นเท่านั้นเพราะการคงอยุ่ของพลังงานเหล่านี้นั้นฉีกกฎเกณฑ์ที่กาเล็ทเคยเรียนรู้มาจากโลกก่อนไปอย่างสิ้นเชิง พลังงานจิตวิญญาณนั้นเป็นพลังงานบริสุทธิที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่สิ้นสุด !


          เมื่อดูดซับพลังเพื่อปรับพื้นฐานของร่างกายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว  กาเล็ทก็ค่อยๆบังคับการไหลของกระแสพลังให้มุ่งไปยังจุดเดียวเพื่อหลอมสร้างเป็นแก่นพลังจิตวิญญาณในร่างกายของตนเองขึ้นมา


         ไม่นานภายในห้องเก่าซอมซ่อที่กาเล็ทใช้เป็นสถานที่เก็บตึวดูดซับพลังก็เกิดแสดงสว่างวูบวาบขึ้นมา  ภายในห้วงสมาธิของกาเล็ทปรากฎวัตถุทรงกลมส่งแสงสว่างเรืองรองหลากสี่ออกมาขณะที่กำลังหมุนวนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว หลังจากพยายามอย่างยากเย็นอยู่นานจนแทบจะลืมวันลืมคืน กาเล็ทก็สามารถที่จะสร้างแก่นจิตวิญญาณได้สำเร็จแล้ว

         

         พริบตาที่แก่นจิตวิญญาณถูกสร้างขึ้น ร่างของกาเล็ทก็เกิดความรู้สึกเบาสบาย  เพียงพริบตาเดียวกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของกาเล็ทก็ถูกเสริมความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นส่งผลให้ขีดความสามารถของร่างกายกาเล็ทถูกยกระดับขึ้นมาช่วงใหญ่

         
         เมื่อคนๆหนึ่งก้าวเข้าสู้หนทางของการฝึกฝนและกลายเป็นผู้ฝึกพลังแล้ว ร่างกายของคนผู้นั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน ไม่เพียงศักยภาพของร่างกายที่เพิ่มพูนสูงขึ้น แม้แต่พลังชีวิตเองก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั้นเกิดขึ้นจากในระดับเซลล์ส่งผลให้ผู้ฝึกฝนพลังจิตวิญญาณนั้นมีช่วงอายุขัยที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าคนทั่วไปมาก
        

          ซึ่งระดับขั้นพลังหลังจากการสร้างแก่นจิตวิญญาณได้แล้วจะแบ่งเป็นระดับขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 9 ว่ากันว่าผู้มีพลังระดับ 9 นั้นสามารถที่จะรวมเป็นหนึ่งกับกระแสจิตวิญญาณได้อย่างอิสระและเพียงแค่หมัดเดียวของผู้มีพลังระดับที่ 9นี้ก็สามารถป่นหินผาที่แข็งแกร่งให้แตกออกเป็นเสี่ยงได้  สูงล้ำขึ้นไปจากผู้มีพลังระดับที่ 9 ก็ คือระดับราชา จากห้วงความทรงจำของกาเล็ทนั้น ในอาณาจักรโรฮานไม่มีผู้ที่ฝึกฝนถึงระดับราชาแม้สักคนเดียว

         

         หลังจากที่ลืมตาออกจากห้วงสมาธิ  กาเล็ทก็ยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับที่ก้าวลงจากเตียงไม้จากนั้นจึงขยับตัวไปมาด้วยอริยบทต่างๆเพื่อทดสอบขีดความสามารถทางร่างกายของตัวเอง

        
          "กาเล็ทลูกตื่นแล้ว?" นีน่าที่ถือถ้วยข้าวต้มเข้ามาในห้องเอ่ยถามขึ้น


            "ท่านแม่ ข้าสร้างแก่นจิตวิญญาณสำเร็จแล้ว!" กาเล็ทหันไปเอ่ยกับนีน่าอย่างรู้สึกยินดีหากแต่ปฎิกริยาของนีน่ากลับไม่ได้เป็นดั่งที่ตัวกาเล็ทคาดหวังไว้

         
         "ท่านแม่ ท่านไม่ดีใจหรือที่ข้าสร้างแก่นจิตวิญญาณสำเร็จ?" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นมาอย่างรู้สึกงุนงง

        

         "กาเล็ท แม่ไม่ต้องการให้ลูกออกไปเสี่ยงอันตราย แม่ไม่ต้องการให้ลูกต้องเสี่ยง ไม่ต้องการเสียลูกไปเหมือนกับเสียพ่อของลูก แม่ไม่ต้องการชื่อเสียง ไม่ต้องการเกรียรติยศ แม่แค่ต้องการให้ลูกมีชีวิตอยู่กับแม่" นีน่าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ในตอนนี้นีน่าไม่ได้เกิดความรู้สึกยินดีเหมือนดั่งเช่นผู้คนทั่วไปที่ลูกของตนสามารถสร้างแก่นจิตวิญญาณได้สำเร็จ ในตอนนี้นีน่ากลับเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างรู้สึกจับใจว่าจะเสียลูกชายของตัวเองอย่างกาเล็ทไปอีกคน

          "ท่านแม่ ท่านวางใจ ข้าจะไม่จากท่านไปไหน ข้าให้สัญญาว่าจะไม่ไปหาเรื่องต่อยตีกับใครอีกแล้ว  อย่างน้อยการมีพลังไว้ก็ย่อมดีกว่าไม่มี เมื่อตอนนี้ข้ามีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นข้าก็สามารถที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของท่านแม่ได้มากขึ้น ท่านดูสิว่าตอนนี้ข้าสามารถที่จะยกโต๊ะตัวนี้ได้อย่างสบายแล้วนั่นหมายความว่าข้าจะสามารถช่วยท่านหาเงินได้" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพลางเดินเข้าไปกอดนีน่าซึ่งยังคงแสดงออกถึงความกังวลใจออกมาทางสีหน้า "ท่านแม่มีงานอะไรให้ข้าช่วยจัดการหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยถามออกมา


         นีน่าลูบหัวลูกชายของตัวเองด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดูครั้งหนึ่ง ไม่รู้เพราะอะไรกลับทำให้นีน่ารู้สึกว่าลูกชายคนนี้ของตัวเองมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนมาก ไม่เพียงเขาจะดูมีชีวิตชีวามากขึ้นหากแต่ยังดูพึ่งพาฝากชีวิตไว้ได้อีกด้วย "ลูกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่ทำอะไรเสี่ยงอันตรายอีก" นี่น่าเอ่ยย้ำเตือนเพื่อทวงสัญญาเมื่อเห็นว่ากาเล็ทผงกศีรษะรับนีน่าก็เปิดปากเอ่ยขึ้ " ถ้าอย่างนั้นก็ไปช่วยแม่ตัดฟืนที่หลังบ้าน  ตอนนี้ท่านพ่อบ้านโจเซพยังไม่กลับมาจากการออกล่าสัตว์อสูรเลยยังไม่มีคนออกแรงช่วยแม่ตัด" เอ่ยกล่าวจบนีน่าก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "ไม่รู้ว่าครั้งนี้ท่านพ่อบ้านจะต้องพบเจออันตรายอะไรบ้าง ไม้ฟืนที่หลังบ้านคงต้องพึ่งลูกแล้วนะกาเล็ท ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะลูก" นีน่าเอ่ยบอกต่อกาเล็ท


         พูดถึงโจเซพ โจเซพนั้นเป็นข้ารับใช้เก่าของตระกูลบุสโซ่ หลังจากตระกูลบุสโซ่ตกต่ำลงและบ่าวไพร่คนอื่นเริ่มแยกย้ายกระจัดกระจายกันไปจะมีก็แต่เพียงโจเซพเท่านั้นที่ยังคงยืนยันจะอยู่กับตระกูลบุสโซ่ต่อไปแม้จะไม่ได้รับค่าจ้างอะไร หนำซ้ำกลับกลายมาเป็นโจเซพซะเองที่อาสาออกไปล่าสัตว์อสูรและเก็บของป่าเพื่อหารายได้มาจุนเจือช่วยเหลือนีน่าอีกแรงหนึ่ง 

         
         เมื่อได้ยินว่ามีงานผ่าฟืนกาเล็ทนั้นก็รู้สึกดีใจมากเพราะจะได้ถือเอาโอกาสนี้ทดสอบร่างกายของตัวเอง


         ปัก  ปัก  ปัก เสียงของขวานที่ผ่าลงไปยังท่อนไม้ฟืนท่อนแล้วท่อนเล่าจนส่งผลให้ท่อนไม้ฟืนนั้นขาดออกเป็นสองเสี่ยงจนเกิดกองไม้ฟืนขนาดใหญ่กองอยู่ข้างร่างกายของกาเล็ทภายในระยะเวลาไม่นาน จากสภาพร่างกายของกาเล็ทหากววัดจากโลกก่อน การที่จะผ่าไม้ฟืนกองใหญ่ขนาดนี้ได้คงต้องทุ่มเทแรงกายจนเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดทว่าตอนนี้ตัวของกาเล็ทกลับไม่มีแม้แต่อาการหอบหายใจให้ได้เห็นเลย


         "เพียงขั้นสร้างแก่นจิตวิญญาณก็มีพละกำลังเพิ่มสูงขึ้นจากมนุษย์ทั่วไปถึงขนาดนี้ นี่ยังไม่นับว่าร่างกายของเรายังไม่ได้อยู่ในสถาพที่สมบูรณ์พร้อมเลย ที่ว่าสามารถป่นหินด้วยมือเปล่าได้คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแล้ว!"  กาเล็ทพูดออกมากับตัวเองอย่างรู้สึกตื่นเต้นกับผลที่ออกมา



         

         หลังจากที่ได้รับโอกาสที่สามารถจะสร้างแก่นจิตวิญญาณได้สำเร็จเวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านมาแล้วหลายอีกอาทิตย์  ตลอดระยะเวลาหลายอาทิตย์นี้ กาเล็ทได้ฝึกฝนอย่างหนัก  ทุกค่ำคืนกาเล็ทจะเข้าสู่ห้วงสมาธิเพื่อดูดซับพลังจิตวิญญาณเพิ่มพูนเข้าสู่ร่างของตัวเอง ช่วงกลางวันกาเล็ทก็จะเวลาไปกับการช่วยงานของนีน่าอีกทั้งยังเอาเวลาที่เหลือหลังจากช่วยงานนีน่าออกไปรับจ้างใช้แรงงานหนักต่างๆเพื่อหารายได้เสริม  การออกไปรับจ้างใช้แรงงานหนักที่กาเล็ททำนั้นหาใช่ทพเพียงเพื่อการหารายได้หากแต่ยังถือได้ว่าเป็นการฝึกฝนอีกรูปแบบหนึ่งในการช่วยให้สามารถควบคุมพลังที่มีและตระหนักรู้ถึงศักยภาพของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ตลอดระยะเวลาสี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้กาเล็ทล้วนทำเช่นนี้จนเป็นกิจวัตร  ด้วยพรสวรรค์และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องมีวินัยทำให้เพียงสี่อาทิตย์กาเล็ทก็สามารถที่จะบ่มเพาะระดับแก่นจิตวิญญาณของตัวเองขึ้นไปได้จนถึงระดบที่สี่
     

         พลังระดับที่สี่อาจจะไม่ได้ถือว่าสูงล้ำภายในอาณาจักรโรฮานแต่คนที่จะสามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังจากระดับสร้างแก่นจิตวิญญาณไปจนถึงระดับขั้นที่สี่ได้ภายในเวลาสี่อาทิตย์ทั่วทั้งโรฮานยังไม่เคยปรากฎให้เห็นมาก่อน ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด  อย่าว่าแต่ในโรฮานเลยถึงแม้จะพยายามทอดตามองหายอดอัจฉริยะซึ่งจะสามารถบ่มเพาะพลังจากระดับสร้างแก่นจิตวิญญาณไปจนถึงระดับขั้นที่สี่ได้ภายในสี่อาทิตย์ ทั่วทั้งใตัหล้าแห่งนี้ก็ยังไม่เคยปรากฎมาก่อนให้ได้เห็นแม้สักคนเดียว

     
         ด้วยพละกำลังของผู้ฝึกพลังระดับขั้นที่สี่ทำให้กาเล็ททำงานรับจ้างใช้แรงงานหนักต่างๆมากมายจนแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้กาเล็ทยังใช้ความรู้จากโลกก่อนรับซ่อมแทรมสิ่งของง่ายๆอีกหลายอย่างเช่นการซ่อมแซมรถม้าและปรับปรุงจุดบกพร่องของมันจนทำให้หลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้กาเล็ทหาเงินทองเพิ่มมากขึ้นได้ไม่น้อย 

         "เจ้านี่แข็งแรงดีจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเพียงผู้เดียวจะสามารถผักดันให้รถม้าที่ติดหล่มโคลนนั้นหลุดออกได้" พ่อค้าคนหนึ่งเอ่ยชมกาเร็ทที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน

         "เรื่องเล็กน้อยขอรับนายท่าน  คงเป็นเพราะข้าฝึกฝนร่างกายมาดี" กาเร็ทเอ่ยอย่างถ่อมตน

         "เอ้านี่ค่าตอบแทนของเจ้า ยังหนุ่มยังแน่นขยันทำมาหากินไม่เกี่ยงงานแบบนี้แหละดีแล้ว" พ่อค้าคนนั้นยื่นส่งเงินทองค่าตอบแทนให้กับกาเล็ท

         

         เนื่องจากรายได้ที่มากขึ้นอย่างก้าวกระโดดทำให้สภาพของครอบครัวบุสโซ่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่น้อย  นอกจากนี้กาเล็ทยังได้เลือกใช้เงินบางส่วนที่ได้มาไปหาซื้อสมุนไพรราคาถูกที่หาได้ทั่วไปจากท้องตลาดมาเพื่อทดลองผสมเป็นตัวยาพิสดารซึ่งได้เรียกรู้มาจากหนังสือวิเศษเหล่านั้น  

         อย่าได้ดูถูกสมุนไพรราคาถูกเหล่านี้ว่าไร้ค่าเนื่องเพราะสมุนไพรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณใรการรักษาบำรุงร่างกายและที่สำคัญคือสามารถหาได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก แต่จะมีสักกี่คนซึ่งรู้ว่าหากนำพวกมันมาผสมรวมกันในปริมาณที่ลงตัวอย่างพอเหมาะและผลักดันมันด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างคงที่ พวกมันก็จะสามารถหลอมรวมกันจนกลายเป็นยาเม็ดล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกฝนพลังได้  

         กาเล็ทที่ได้รับความรู้มากมายจากการอ่านหนังสือในมิติลึกลับนั่นย่อมตระหนักรู้ในข้อนี้ดี เพราะอย่างนั้นกาเล็ทผู้ชาญฉลาดย่อมไม่คิดจะทำงานหนักเพื่อแลกเศษเงินเพียงเล็กน้อยแบบนี้ไปตลอด  ดังนั้นเมื่อเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งกาเล็ทจึงวางแผนที่จะทดลองผสมยาตามสูตรที่ได้อ่านมา ดูสักครั้ง


        
          "หายดีแล้วหรอ? เจ้าลูกคนขี้ขลาด" เสียงเยาะเย้ยถากถางดึงขึ้นขณะที่กาเล็ทเตรียมเดินทางออกจากเมืองเพื่อกลับไปยังบ้านพักที่นอกเมือง

        

          "ต้องการให้พวกข้าช่วยทุบตีเจ้าอีกหรือไม่?"  เด็กหนุ่มที่แต่งชุดเลิศหรูพูดขึ้นอย่างสนุกสนาน

         

         คนพวกนี้ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากกลุ่มลูกของขุนนางใหญ่ภายในเมืองที่ลงมือทุบตีเจ้าของร่างกาเล็ทคนเก่าจนถึงกับเสียชีวิตไป ดูไปพวกมันบางคนยังมีอายุเพียงสิบหกถึงสิบเจ็ดปีเท่านั้น แต่ทั้งหมดกลับเป็นผู้ฝึกพลังที่สร้างแก่นจิตวิญญาณสำเร็จแล้วทั้งนั้น บางคนมีพลังอยู่ในระดับที่ 1 บางคนระดับที่ 2 ส่วนคนที่อายุสูงหน่อยก็มีพลังถึงระดับ 3    ไม่รู้ว่าหากพวกมันได้ตระหนักรู้ถึงความจริงที่ว่าตอนนี้บุคคลที่พวกมันมองผ่านและเคยทุบตีจนถึงแก่ชีวิตอย่างกาเล็ทตอนนี้มีระดับพลังแซงหน้าพวกมันไปไกลแล้วจะรู้สึกอย่างไร ?


       
           "ข้าจะให้พวกเจ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่ได้ทำลงไปแน่นอนแต่ตอนนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน" กาเล็ทบอกกับตัวเองในใจ จากนั้นจึงทำเป็นไม่สนใจและเดินออกจากเมืองไปอย่างไม่ใส่ใจ

        
          "โถ่ เจ้ามันขี้ขลาดตาขาวเหมือนกับพ่อเจ้าไม่มีผิด สวะเช่นพวกเจ้าก็เป็นได้เพียงไพร่เท่านั้น อย่าให้ข้าเห็นเจ้าในเมืองนี้อีกมิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าโหดร้าย" หนึ่งในกลุ่มลูกขุนนางใหญ่ที่มีพลังระดับสามเอ่ยขึ้นไล่หลังกาเล็ทในเชิงข่มขู่ขึ้นมา

         
         "อย่าหาว่าพวกเจ้าโหดร้ายงั้นหรือ? พวกเจ้าที่บีบคั้นทุบตีผู้คนจนตายเพียงพราะการละเล่นนึกสนุก ถ้าไม่ให้เรียกว่าโหดร้ายแล้วใจให้เรียกอะไร? คนอย่างพวกเจ้ามันไม่ต่างอะไรกับสวะที่ไร้ค่า" กาเล็ทได้แต่คิดกับตัวเองในใจ เพื่อความบันเทิงของตัวเองคนกลุ่มหนึ่งกลับรุมกลั่นแกล้งคนไร้ทางสู้คนหนึ่ง มิหนำซ้ำยังอำมหิตถึงขั้นทุบตีผู้คนจนถึงแก่ความตาย หากไม่เรียกว่าโหดร้ายแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร?  กาเล็ทได้แต่ต้องอดทนอดกลั้นและเฝ้าบอกกับตัวเองว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงเวลาที่จะทวงความเป็นธรรมให้กับเจ้าของร่างนี้









         รีไรท์ 2020
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×