คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : SF - MY RAINNY SKY [1]
ผมชอบท้องฟ้า...
ผืนฟ้านภานั้นใหญ่ราวกับท้องสมุทร โอบอุ้มทุกสรรพสิ่งได้อย่างน่าหลงใหล โอนอ่อนไปตามทางลม ปุยเมฆคอยอาศัย เปลี่ยนสียามต้องแสงอาทิตย์อัสดง ดูน่าหลงใหลยามอยู่คู่กับดวงจันทร์สีอร่าม และน่าค้นหาเมื่อเงยหน้ามองแล้วเจอแต่สีรัตติกาล
.
.
.
.
เขา...อ่อนโยนเหมือนท้องนภายามเช้า อบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้
เขา...ใจกว้างดั่งผืนนภา พร้อมเสมอกลับการอ้าแขนเพื่อโอบกอดทุกสิ่ง
เขา...ใจดี ใจดีเกินไป ใจดีกับใครหลายๆคน และนั่น...รวมถึงผมด้วย
.
.
ท้องฟ้าของผมน่ะ เป็นแบบนั้นแหละ
เพราะเขาอบอุ่น อ่อนโยน แข็งแกร่งและดูน่าเกรงขามอยู่เสมอ ดาวเคราะห์ไร้แสงที่หลุดวงโคจรดวงเล็กๆอย่างผมถึงได้หลงรักผืนฟ้านี้เข้าอย่างจัง หลงรัก...จนหมดทั้งหัวใจ หลงใหล...จนถอนตัวไม่ขึ้น แม้นผืนภานี้จะไม่เคย...ไม่เคยทอดตามองดาวไร้แสงดวงน้อยอย่างผมเลยสักครั้งเดียว
ในยามกลางวัน ดาวเคราะห์ไร้ค่าอย่างผมนั้นไม่มีสิทธิ์ และในยามกลางคืน ผมก็ไม่สามารถที่จะสู้แสงจันทร์ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกหรอก...หากเขาจะมองเลยผ่านผมไป มองเลยไปหาดวงจันทร์ที่สีสันสวยงามสบายตา หาดวงอาทิตย์ที่สีสันร้อนแรงชวนหลงใหล
แต่ผมไม่ได้ดิ้นรนทำอะไรที่มันเกินตัวหรอกนะ...ดาวเมื่อไร้แสงน่ะ ยังไงก็กลับมามีแสงเหมือนเดิมไม่ได้หรอก...ถึงผมจะรักท้องฟ้าของผมมากแค่ไหนก็ตาม
ผมจะขอทำตัวเป็นดวงดาวไร้ค่าอยู่เคียงข้างเขาในมุมหนึ่งมุมใด ไม่หวังให้เขาหันกลับมามอง ไม่หวังให้เขารับรู้ถึงการมีตัวตน...เพราะแค่ผมได้อยู่ใกล้ๆเขา ผมก็มีความสุขมากๆแล้ว
นั่นแหละ...ผมหลงรักท้องฟ้า
.
.
.
ท้องฟ้าที่มีชื่อว่า...คชา นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์
---------------------------> TAOKACHA <----------------------------
“คชา ทำไมถึงเลิกกับอ้นล่ะ”
“นั่นสิๆ คชาเลิกกับอ้นทำไมเหรอ เพราะอ้นไม่เอาใช่มั้ย ฮิๆๆ”
“ว๊ายแก อย่าพูดความจริงสิ เดี๋ยวคนแถวนี้ผูกคอตายนะแก คิกๆ”
หลังเลิกเรียน ที่นั่งตรงนี้เป็นที่นั่งประจำของวงดนตรีวงหนึ่งที่ประกอบไปด้วยนักร้อง มือกีตาร์ มือเบสและมือกลองในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของกรุงเทพ ปกติวงนี้จะมีกันสี่คน แต่วันนี้คงไม่ปกติสักเท่าไหร่ เพราะร่างสูงผมยาวมาสเซอร์มือเบสไม่ได้มานั่งร่วมโต๊ะด้วย แต่กลับเพิ่มสมาชิกผู้หญิงเข้ามาถึงสามคน
“หุบปากไปซะยัยพวกนิสัยเสีย! แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!” เมื่อนั่งทนมานานก็ไม่เห็นว่าร่างเล็กที่โดนถามและเหยียดหยามดูถูกขนาดนั้นจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรกลับไป นักร้องที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยก็เริ่มทนไม่ไหว เอ่ยปากออกหน้าไล่แทนทันที
ผู้หญิงสะบัดผมแล้วเดินกระดี๊กระด๊ากันออกไป ทิ้งสามคนไว้เบื้องหลัง หนึ่งคือนักร้องที่มีสีหน้าและท่าทางหงุดหงิด สองคือมือกีตาร์ที่กำลังทอดสายตามองเพื่อนอีกคนด้วยความสงสาร และคนสุดท้าย คนตัวเล็กที่ไม่มีใครคาดมาก่อนว่าจะเป็นถึงมือกลอง...แล้วจะขาดใครเสียอีกล่ะ? ถ้าไม่ใช่มือเบสมาสเซอร์ผมยาว คนที่ทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะตอนนี้มันอึมครึมจนนักร้องแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
“คชา แกไม่เป็นไรนะ” นักร้องเอ่ยถามร่างเล็กเสียงเบา ยื่นมือไปตบไหล่ลาดบางอย่างให้กำลังใจ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคชาไม่มีทางไม่เป็นอะไร แต่ในตอนนี้มันก็ไม่มีคำถามอะไรที่สมควรจะถามออกไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“คชา ใจเย็นๆ” มือกีตาร์ก็ทนกับท่าทางซึมเศร้าของอีกคนไม่ไหว เข้าร่วมวงปลอบมือกลองตัวน้อยด้วยอีกคน แต่สิ่งที่ทั้งคู่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มแสนบริสุทธ์ของคนที่แววตาเศร้า คชาส่ายหน้าอย่างจะบอกว่าไม่เป็นไร แล้วลุกเดินหายออกไปจากสายตาของเพื่อนทั้งสองทันที
ทั้งนักร้องและมือกีตาร์ได้แต่ถอนหายใจเฮือก ถึงจะรู้ว่าอีกนานคชาจึงจะหายเจ็บ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ตามไป เพราะพวกเขารู้ ว่าคนตัวเล็กเข้มแข็งกว่าที่เห็นมากมายนัก เชื่อว่าอีกไม่นานหรอก เดี๋ยวคชาคนร่าเริงแสนน่ารักของพวกเขาก็กลับมาแล้ว
.
.
หวังแค่ว่ามันจะตัดใจจากอ้นได้ในเร็ววัน และเริ่มกับคนใหม่อย่างมีความสุขก็เท่านั้น
.
.
.
คชาเดินออกมาไกล ในหัวคิดทบทวนถึงสาเหตุที่ทำให้พี่อ้น พี่มือเบสที่เป็นคนมาขอเขาคบเป็นแฟนบอกเลิกกับเขา เพราะเขาว่าเขาไม่ได้ทำตัวดื้อ ไม่แม้แต่จะโทรไปรบกวนหรือบ่นอะไรไม่เป็นเรื่องให้ฟังเลยทั้งนั้น ขนาดเห็นพี่อ้นจูบกับผู้หญิงอีกคนในห้องน้ำ เขายังไม่โวยวายและเก็บมันเอาไว้คนเดียวเงียบๆเลย
แล้วอะไรที่ทำให้พี่อ้นขอคชาเลิกล่ะ...อ่า คชาว่าคชารู้แล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าคชาทำตัวไม่ดีหรอก แต่เป็นพี่อ้นนั่นแหละที่ต้องการจะมีคนใหม่...ก็แค่เขี่ยคนเก่าอย่างเขาทิ้งไปก็เท่านั้น
ภาพตรงหน้าทำให้คชาเข้าใจแจ่มแจ้ง พี่อ้นที่เดินโอบเอวของรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่คชาเคยเห็นหน้าสองสามครั้งพลางหัวเราะกันอย่างมีความสุขตรงอีกฝั่งถนน น้ำตามันก็พลันเอ่อคลอ ไม่ใช่ว่าเจ็บที่ถูกบอกเลิก แต่เจ็บที่ถูกหลอกมาตลอดต่างหาก ไม่ได้รักมากถึงขนาดตัดใจไม่ได้ แต่เยื่อใยที่คบกับมาถึงสองเดือนก็ยังคงหลงเหลืออยู่ ไม่ถึงกับตัดไม่ขาด แต่ตอนนี้ก็แค่ยังไม่พร้อม ใจดวงนี้ยังไม่พร้อมที่จะรับความจริงใดๆ ตลอดสองเดือนที่มีคนคอยเดินมาส่ง ยังไงก็ยังไม่ชินเสียทีกับการที่ต้องเดินกลับบ้านคนเดียวแบบนี้...
“พี่คชา...”
เสียงทุ้มต่ำดังเรียกขึ้นมาจากข้างหลัง คชาหันไปมอง พบกับร่างสูงขาวในชุดมหาลัยเดียวกันกับเขากำลังจ้องมองมา ดูจากสรรพนามที่ใช้แล้ว เด็กตรงหน้าน่าจะอยู่เพียงปีหนึ่งเท่านั้น
“น้อง...มีอะไรครับ” คชาให้หลังมือปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะหันกลับไปหารุ่นน้องนิรนามที่มาเรียกเขาเอาไว้ คนตัวเล็กเอียงคอมองอีกคนอย่างน่ารัก อากัปกริยาที่ชวนหลงใหลนั่น แน่นอนว่าทำให้คนตรงหน้าแทบจะลงไปดิ้นกับพื้น พี่คชาของเขา(?)น่ารักโพดด
“ผมชื่อเต๋าครับพี่” รุ่นน้องตรงหน้าบอกชื่อตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม นั่นทำให้คชาอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้ นานแล้วที่จะมีใครมอบรอยยิ้มแบบนี้ให้เขา รอยยิ้มจริงใจและกระตือรือร้นที่จะทำความรู้จัก
“แล้วน้องเต๋ามีอะไรครับ” คชายังคงยิ้มให้คนตรงหน้า รู้สึกว่าตัวเองถูกชะตากับรุ่นน้องตัวขาวคนนี้ตั้งแต่แรกเจอ แค่เห็นหน้าและพูดคุยกันไม่กี่คำก็รู้สึกว่าน่าจะเข้ากันได้ เขาไม่เคยมีรุ่นน้องมาก่อน ขนาดน้องรหัสยังมาหาเขาแค่ตอนเปิดเรียนใหม่ๆสองครั้งเองด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับน้องคนอื่น คชาไม่รู้จักเลยเถอะ
“คือ...พี่คชา...ไปกินข้าวกับผมนะ! ผมเลี้ยงเอง!” เต๋าหลับหูหลับตาตะโกนออกมาเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมามอง คชาเหวอไปซักพักก่อนจะอมยิ้ม ก็รุ่นน้องตัวขาวตรงหน้าเล่นหลับตาปี๋ หน้าแดงเถือกจนเขากลัวว่าจะเป็นลม แถมมือยังสั่นแล้วสั่นอีก เห็นแล้วก็อดจะหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“หืม...ทำไมพี่ต้องไปล่ะครับ?” คชาเริ่มสนุกกับการแกล้งรุ่นน้องตรงหน้า ลืมเรื่องที่ตัวเองเดินเศร้าไปเมื่อกี้จนหมดสิ้น ก็ในเมื่อตรงหน้ามีแค่เต๋า แล้วคชาจะสนใจเรื่องอื่นไปทำไมล่ะ ว่ามั้ย?
“เอ้อ...คือว่า” รุ่นน้องตรงหน้าหน้าเสียไปถนัดตา แววตาฉายชัดถึงความเศร้าก่อนจะวูบหายไปอย่างรวดเร็วแล้วแสร้งยิ้ม แต่คชาก็ยังคงสังเกตเห็น เขาเป็นคนละเอียดในเรื่องคนรอบข้างเสมออยู่แล้ว เพราะงั้นแค่ความรู้สึกของเต๋าทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ
“แต่ไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้ครับ พี่ก็หิวอยู่พอดี ของฟรีซะด้วยสิ” คชายังคงยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เขารู้สึกอารมณ์ดี อาจจะเป็นเพราะรีแอ็คชั่นหลังจากได้ยินประโยคที่เขาพูดไปตะกี้ของไอ้คนตรงหน้าก็ได้ เพราะพอได้ยินก็ราวกับมันเป็นซอมบี้ที่ฟื้นคืนชีพ หน้าตาสดใสขึ้นมาทันตาเห็น ถ้ามีหูหูก็คงตั้ง ส่ายหางดิกๆแน่นอน
เอ๊ะ...นี่เขาเปรียบน้องพี่เพิ่งเจอกันเป็นหมาเหรอเนี่ย J? (ยิ้มชั่วร้าย)
.
.
“งั้นไปกันพี่ ผมมีร้านเด็ดแนะนำ รับรองพี่จะติดใจ!”
.
.
.
เมื่อเดินมาถึงร้านที่ว่าคชาก็ถึงกับขำพรืดออกมา นั่นทำให้รุ่นน้องตัวขาวหน้าแดงแปร๊ด รีบดันหลังพี่ชายขี้แกล้งเข้าไปในร้านทันที
“มองอะไรพี่ -///-!”
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายจะพาพี่มาร้านกุ๊กกิ๊กแบบนี้นะ”
“ผมพามาเพราะนึกว่าพี่จะชอบหรอก ปกติผมไม่เข้าหรอกนะไอ้ร้านหวานแหววแต๋วจ๋าแบบเนี้ย!”
เต๋ายืนยันเสียงแข็งและดังซะลั่นร้าน เรียกเอาความสนใจจากพนักงานที่เคาท์เตอร์ได้เป็นอย่างดี พนักงานที่ยืนอยู่สี่ห้าคนหันมายกยิ้มเหี้ยมใส่เจ้ารุ่นน้องปากเสีย สายตาประมาณว่าถ้ามึงรับร้านแต๋วจ๋าแบบนี้ไม่ได้ มึงก็ออกไปเลยไป!
เต๋ายกยิ้มแห้งๆส่งกลับไปก่อนจะนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวเมื่อมีพนักงานมาหญิงรับออร์เดอร์ หญิงสาวจ้องเต๋าจนตาแทบถลน แถมยังทำหน้าถมึงทึงใส่เวลาที่เต๋าสั่งอาหารอีกด้วย แต่พอคชาสั่งทีไร ใบหน้าหงิกงอเหมือนยักษ์นั่นก็จะแปลงกายเป็นนางเงือกทันที ยิ้มหวานให้คชาไม่หยุดจนเต๋าเริ่มหงุดหงิด ร่างสูงเลยตัดบทรุ่นพี่ตัวดีที่กำลังสั่งอาหารอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนไปตายอดตายอยากมาจากไหนด้วยการไล่พนักงานกลับไปทำอาหารซักที จะว่าไปเขาก็เริ่มหิวแล้วนะเนี้ย
“พี่คชาสั่งมาแล้วกินให้หมดด้วย”
“หมดอยู่แล้วครับ ตอนนี้พี่หิวมาก”
“นี่พี่หวังขูดรีดผมนี่หว่า”
“เราก็รู้นี่ จังหวะชวนเราไม่ดีเองนะ ดันมาชวนตอนพี่หิวพอดี”
คชาหัวเราะหน่อยๆเมื่อเต๋าที่ได้ฟังดันทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กๆ ถึงอายุมันจะเด็กกว่าเขา 1 ปี แต่หน้าตากับส่วนสูงมันนำเลยเขาไปไกลแล้ว ให้ตายสิ จะแก่กว่าเขาทั้งที ตัวเองดันเตี้ยกว่าเนี้ยนะ เริ่มจะอนาถตัวเอง เฮ้อ
เมื่ออาหารมาถึงแน่นอนว่าทั้งคู่ลงมือกินทันที คชาที่หิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าจ้วงเอาจ้วงเอาอย่างเอร็ดอร่อย เรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มได้เป็นอย่างดี เต๋านั่งจ้องคชากินไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าตัวเองชักจะอิ่มทั้งๆที่แตะอาหารไปได้ไม่เท่าไหร่ แค่มองพี่คชากินก็อิ่มแล้ว ท่าทางการกินอย่างกับเด็กๆ จนเขาที่เด็กกว่าเริ่มจะรู้สึกสงสัย พี่คชาโกงอายุมาหรือเปล่าวะ?
“ไม่กินล่ะเต๋า?” เมื่ออาหารใกล้หมด คนตัวเล็กถึงได้กลับมาสนใจคนรอบข้างอีกครั้ง
“มองพี่ก็อิ่มล่ะ” เต๋าตอบไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง เรียกรอยยิ้มจากคชาได้ดีทีเดียว
“เวอร์ไป”
คชายิ้มอารมณ์ดี ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำเต๋าไปที่เคาท์เตอร์ของร้าน เมื่อมาถึงคนตัวขาวก็ทำท่าจะจ่ายเงิน แต่คชากลับดันเต๋าให้ออกไปที่หน้าร้านซะอย่างนั้น
“กลับบ้านดีๆครับ พี่คงไม่ต้องเดินไปส่งใช่มั้ย?” คชาโบกมือลาเต๋าที่กำลังงงได้ที่ คนตัวเล็กยิ้มขำกับท่าทางหันซ้ายหันขวาของรุ่นน้องตัวขาวตรงหน้า
“เฮ้ยเดี๋ยวพี่ ยังไม่ได้จ่ายเงินเลย แล้วพี่ไม่กลับบ้านเหรอครับ” เต๋าที่ยังงงอยู่ถามออกมาหน้าเอ๋อ ยิ่งพอรวมกับตัวขาวๆแบบนี้ยิ่งเหมือนเด็กเอ๋อเข้าไปใหญ่ คชาอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง
“จะให้พี่ไปไหนล่ะเต๋า พี่ก็กลับมาถึงบ้านแล้วเนี่ย”
“เฮ้ย อย่าบอกนะ...ว่า...”
.
.
“อาฮะ ร้านหวานแหววแต๋วจ๋านี่บ้านพี่เองล่ะ J”
“=[]=!! ชิบหายล่ะกู...ขอโทษครับพี่!”
“ไม่เป็นไรครับน้อง”
คชายิ้มแล้วส่ายหน้าเพื่อยืนยันว่าไม่เป็นไรจริงๆพลางโบกมือลาเต๋าอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะได้เดินเข้าไปในบ้าน ก็ถูกเสียงทุ้มของรุ่นน้องเรียกเอาไว้เสียก่อน
.
.
“พี่คชา...กับพี่อ้น...เอ่อ”
“พี่...เลิกกันแล้วครับ น้องเต๋ามีอะไรรึเปล่า”
“คือ...ถ้า...ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร! ผมขอจีบพี่นะ!!”
“...”
“เอ่อ...มันอาจจะเร็วไป แต่ผม...”
.
.
“...พี่จะคอยก็แล้วกันครับ J”
คชายิ้มให้เต๋าแล้วเดินหายเข้าไปในร้านสีหวาน ปล่อยให้รุ่นน้องตัวขาวยืนอึ้งสนิทอยู่กับที่ ถ้าเมื่อกี้หูเขาไม่ได้ฝาดหรือฝันไปเองล่ะก็...แสดงว่าพี่คชาตกลงให้เขาจีบแล้วใช่ป่ะ!
เมื่อตั้งสติกับความคิดได้ เต๋าก็พลันฉีกยิ้มกว้าง หัวใจมันทั้งเต้นแรงและพองโต บรรยากาศรอบข้างเหมือนถูกย้อมด้วยสีชมพู มีความสุขยิ่งกว่าตอนเอ็นติดเสียอีก!
.
.
“ขอบคุณครับพี่คชา!!!”
---------------------------> TAOKACHA <----------------------------
หลังจากนั้นก็ผ่านมาสามวันแล้ว คชากับเต๋าไม่ได้คุยกันอีกเลย มีบ้างที่เดินสวนกันแล้วเต๋ายิ้มให้คชา คชาก็ยิ้มตอบเช่นกัน แต่เดี๋ยวนี้มันยุ่งๆ วงของคชากำลังจะต้องเตรียมขึ้นโชว์ในงานฉลองครบรอบ 50 ปีของมหาลัยในอีกสองวันข้างหน้า ตอนนี้เปลี่ยนมือเบสแล้วเพราะทั้งต้นและเฟรมต่างยืนยันกันหนักแน่นว่าไม่ต้องการให้มือเบสเป็นอ้น ตอนนี้มือเบสเลยเปลี่ยนใหม่ เป็นหน้าที่ของหนุ่มรุ่นน้องหน้าตี๋ตัวสูงใหญ่ที่ชื่อว่าเจมส์แทน
คชาเริ่มกลับมาอารมณ์ดีขึ้นตั้งแต่วันนั้น หากใครไม่รู้มาก่อนก็คงคิดไม่ถึงหรอกว่าคชาจะเพิ่งอกหักมาเมื่อไม่นานมานี้ ก็ตอนนี้คนตัวเล็กกลับมาร่าเริงสดใสทั้งกายและใจเรียบร้อยแล้ว ต้นและเฟรมพยายามเค้นถามถึงสาเหตุแต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มน้อยๆกลับมาเท่านั้น
“คชา วงนายจะร้องเพลงอะไรบ้าง”
“คชา วันงานอย่าลืมไปที่ซุ้มเรานะ”
“คชา วงขึ้นเล่นตอนไหน เดี๋ยวเรามาดู”
และคชา ฯลฯ
มีอีกหลายต่อหลายคนที่เรียกคชา เจ้าตัวอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเพื่อนๆขนาดไหน ถึงรุ่นน้องจะไม่มีใครกล้าเข้ามาทักคชา(เพราะมีสายตาอาฆาตของรุ่นพี่) แต่คนตัวเล็กก็ดังไม่น้อย ด้วยเพราะหน้าตาที่น่ารัก รอยยิ้มที่สดใส ตำแหน่งมือกลองสุดเท่ห์ รวมทั้งความใจดีและนิสัยที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นของเจ้าตัว ทำให้คชาเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเพื่อน รุ่นพี่ และรุ่นน้องอย่างลับๆ
...ทำไมต้องลับๆ? ความจริงมันก็ไม่ลับเท่าไหร่หรอกนะ ออกจะเปิดเผยอกันซะขนาดนี้ แต่คงจะเป็นเจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่รู้ว่ามีอยู่ และคิดว่าตัวเองเป็นแค่ฝุ่นเสมอมา
เต๋าได้แต่ยืนดูพี่คชาของเขาถูกเรียกไปทางนั้นทางนี้อยู่ห่างๆ ถึงจะบอกว่าจะจีบพี่คชา แต่เอาเข้าจริงๆตลอดสามวันที่ผ่านมาแค่คุยกันยังไม่ได้คุยเลย มากสุดได้แค่ยิ้มเท่านั้นเอง เพราะพี่คชากำลังยุ่งกับการซ้อมดนตรี ส่วนปีหนึ่งอย่างเขาก็ยุ่งกับการจัดซุ้มเช่นกัน เต๋าทำได้แค่ฝากนมสตอเบอร์รี่ผ่านพี่รหัสของตัวเองไปให้คนตัวเล็กวันละขวดเท่านั้น อย่างน้อยก็ให้พี่คชาได้รู้ไว้ว่าเขาน่ะยังจริงจังอยู่นะ
.
เฮ้อ วันนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับพี่คชาเหมือนเดิม...
TBC
(1/2)
----------------------------------------------------------------------------
ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว 555555
จะไม่หายไปแล้วจ้า จะมาลงทุกๆวันเลยจ้า #พูดเล่น
ติดตามกันต่อไปนะ เม้นกันต่อไปด้วย
*กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ*
อวดนิดนึง
มีแบนเนอร์แล้วแหละ 55555555
อีกนิด 55555
แจกทวิตฮับ :)
@tunamanasara
16/04/2012
ความคิดเห็น