วันนี้ผู้คนดูรีบเร่ง ร้อนรนกันยิ่งนัก
เจ๋งฟ่งในวัย 11 ปีเล่นลูกแก้วอยู่ริมศาลา
"องค์ชาย 7 อยู่ที่นี่เองเพคะ พระบิดาเรียกหา"
"อ่า ไปสิ ท่านพ่อเรียกหาข้าออกบ่อย ไยต้องร้อนรน"
"ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อนเพคะ วันนี้งานเข้าแล้ว"
"หา เจ้าพูดเรื่องอะไรแม่นม"
"เร็วเข้าเถอะเพคะ"
*******************************************
เจ้าเจ๋งฟ่ง องค์ชาย 7 ผู้มีชันษา 11 ปีย่างเข้า 12 มีรูปลักษณ์พิมพ์พายคล้ายองค์ฮ่องเต็ ดุจดังคนเคียวกัน เพียงแต่ว่า
มีดวงตาอันแข็งกล้ากว่า และ คิ้วเฉียงคมดุจพญาเหยี่ยวเท่านั้นที่แตกต่างจาก องค์ฮ่องเต้ที่มี นัยตากลมโตแจ่มใส
และคิ้วเรียวได้รูป องค์ชายสวมใส่ชุดไหมแข็งขาวเรียบสง่างาม ประกอยกับรูปร่างพึ่งผาย สูงใหญ่
จึงดูราวกับว่าเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว สร้างความตกตะลึงแก่ทุกผู้คนในท้องพระโรง ถึงกับสง่างามยิ่งกว่าองค์รัชทายาทอีก
"ถวายบังคมสเด็จพ่อ พะย่ะค่ะ"
"อ้า เจ้ามาก็ดีแล้ว คนเหล่านี้คือ คณะทูตจากแดนอาทิตย์อุทัย"
เจ๋งฟ่งมองตามบิดา แต่พลันถูกตรึงสายตาไว้ที่ ร่างบอบบางในชุดกิโมโนขาวสะอาด
ร่างเล็กเป็นเพียงเด็กชาย ทว่าใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยชาดแดง ผิวขาวใสดุจกระเบื้องเคลือบ
มีผมยาวลากพื้นตัดแต่งเป็นหน้าม้าข้างหน้า นั่งนิ่งราวกับตุ๊กตาตัวสวย
"ถวายบังคม องค์ชาย 7" หัวหน้าทูตกล่าว
"ท่านพ่อจะให้ลูกรับใช้ประการใดหรือ พะยะค่ะ"
"เด็กที่เจ้าเห็นเป็นบุตรชายของเจ้าของริวกิว น่าดูหรือไม่"
"พะย่ะค่ะ" ร่างสูงเก็บอาการ
"บิดาควรเลี้ยงไว้หรือไม่?"
"พะย่ะค่ะ"
"ดีเช่นนั้นเจ้าจงสู้กับเด็กนี่เถิด"
"อะไรนะพะย่ะค่ะ"
"องค์ชาย มีต้องตื่นตระหนกไป ท่านโชกุนผู้เป็นบิดาของ ท่านชายชิโนบุ มีความประสงค์ให้ท่านชิโนบุ ร่ำเรียนภาษาจีน และวรยุทย์ ดังนั้นหากวรยุทย์เด็กวัยเดียวกัน ในวังอ่อนด้อยกว่าที่ริวกิวเรา ท่านโชกุนจะไม่ให้ท่านชิโนบุร่ำเรียนที่นี่"
ความหมายที่กล่าวนั้นสำคัญนัก เนื่องด้วยทางริวกิวมิได้ประสงค์จะให้มีการเอาตัวเป็นประกัน
ย่อมต้องมั่นใจในฝีมือของเด็กนี่ยิ่งนัก แต่หากเจ๋งฟ่งแพ้ย่อมเป็นที่อับอาย ว่าแผ่นดินใหญ่ที่เป็นต้นกำเนิดวรยุทธ์
เลี้ยงองค์ชายอ่อนด้อยมิได้ความ ขัตติยมานะจึงบังเกิด
"ขออภัย ข้าไม่ประมือกับสตรี"
เจ๋งฟ่งกล่าว ทำให้ร่างบอบบางที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกกล่าวออกมา
"ข้าเป็นบุรุษ หากแต่ไม่แน่ใจว่าท่านรุ่นเดียวกับข้า" ความหมายของชิโนบุคือ โกง
"ข้าเจ๋งฟ่ง องค์ชาย 7 ปีนี้มีอายุ 11 ปี"
"ดี เช่นนั้นเชิญเถอะ" ร่างเล็กกล่าวพลางยืนขึ้น
ร่างเล็กรับดาบจากผู้ติดตาม ทำให้ร่างสูงพยักหน้าให้มหาดเล็กไปนำกระบี่มา
"เริ่ม ได้" ฮ่องเต้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
********************************************************
ท่วงท่ารางกับภาพวาดชั้นสูงดาบซามูไรยาวถูกชักออกจากฝักด้วยท่วงท่าราวกับร่ายรำ
เจ๋งฟ่งถึงกับชมดูจนเคลิ้มไป
ท่วงท่าเพลงดาบของชิโนบุนั้นรวดเร็วยิ่ง ดุจดังแมวป่า
หากทว่าท่าร่างที่มั่นคงขององค์ชายเจ็ด กลับรับมือได้ดุจขุนเขา
เมื่อสบจังหวะจึง ใช้ดรรชนีจี้ไปที่โอบิของอีกฝ่าย จนเชือกตาดหลุด
และดึงรั้งฝืนผ้าโอบิออก จนร่างเล็กต้องพริ้วตัวตามผ้าเข้ามาสู่อกแกร่ง
ใบหน้างามเย็นชายิ่ง ขัดกับสีหน้าขำขันของเจ๋งฟ่ง จนเมื่อรู้ตัวจึงพบว่าโดนจี้จุดเข้าแลัว
เมื่อร่างเล็กผละตัวออกไป การประลองนี้ ฮ่องเต้จึงให้เสมอกัน
และรับ ท่านชายแห่งแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ในการอุปการะ โดยตั้งชื่อจีนให้ว่า
"อิงน่ำหลิง"
-------------------------------------------
ว่ากันว่าอัจฉริยะมักดึงดูดซึ่งกันและกัน เพียงไม่นาน เด็กทั้งสองก็เปลี่ยนจากศัตรู กลายเป็นคู่แข่ง
จนกลายเป็นเพื่อนสนิทในที่สุด เจ๋งฟ่งได้ช่วยทำให้ชีวิตด่างแดนของอีกฝ่ายไม่เงียบเหงานัก
ติดอยู่ที่ว่า ฮ่องเต้ โปรดปราน เด็กในอุปการะผู้นี้มากจนเกินกว่า บรรดาองค์ชาย
ถึงกับพระราชทานที่ริมบึงในอุทยานเพื่อสร้างบ้านญี่ปุ่นให้กลับท่านชายน้อย
เจ๋งฟ่งมีใช่ผู้มีจิตริษยาเช่นพี่ๆ กระนั้นกลับเป็นว่ามันเป็นผู้เจ็บปวดที่สุด
เพราะเหตุที่ที่นั้นเดิมคือ ศาลาริมบึง ที่เจ้าจอมมารดาของมัน เคยขอให้สร้างไว้ก่อนตาย
กระนั้นเด็กน้อยก็กล่ำกลืนไว้ในอก ไม่โทษผู้ใด เพราะแม้ฮ่องเต้จะเอ็นดูมัน
ทว่าชีวิตขององค์ชายทั้งหลายนั้นขึ้นอยู่กับมารดา หากมารดาเป็นเจ้าจอมผู้มีอำนาจ หรือเป็นที่โปรดปราน
ย่อมเป็นที่เกรงอกเกรงใจ เด็กที่ไม่มีมารดาในวังนั้นแม้แต่ขันทียังดูแคลน ในกรณีของมันนับว่าดีมากแล้ว
โชคดีที่เป็นผู้มีความโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตา และความสามารถ กระนั้นก็ไม่อาจเทียบ ท่านชายคนงาม
แห่งแดนใต้ได้อยู่ดี ต่างเติบโตอย่างงดงามดั่งต้นไม้ป่าที่แข็งแรง ส่วนหนึ่งเพราะต่างเป็นเด็กตัวคนเดียว
จึงต้องพึ่งพาอาศัยกัน จนในวัยสิบสี่ปี ต่างเจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์ และจันทร์กลางหาว
เจ้าเจ๋งฟ่งสูงใหญ่กว่าบุรุษทั่วไป ใบหน้าคมสันหล่อเหลา ดวงตาคมกริบเจิดจ้า ตรงกันข้ามกับ
อิงน่ำหลิงที่ มีผิวขาวใส รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตากลมโตสุกใส ใบหน้างดงามเย้ายวนดั่งจันทร์วันเพ็ญ
ยิ่งมายิ่งงามจนน่าระทึกขวัญ โดยเฉพาะในสองปีที่ผ่าน แม้กระทั่งตัวเจ๋งฟ่งเองยังอดเคลิบเคลิ้มมิได้
จนดูไปคล้ายภูติพรายอันน่าลุ่มหลงมากกว่ามนุษย์ หากแต่มิใช่ความงามอันพิสุทธิ์ดุจเทพธิดาเหมือนสมัยก่อน
"อิงยี้ ช่วงปีที่ผ่านมาเจ้าได้ฝึกวิชา เอ่อ วิชาแปลกๆหรือไม่" เจ๋งฟ่งกล่าวกับเพื่อน ก่อนที่ใบหน้าชดช้อย
จะปลายตามามอง แพขนตาสีนกกาน้ำกระพริบปริบ
"เจ้าพูดเรื่องอันใด" เสียงใสปานระฆังเงินรับคำ
"แบบคัมภีร์ แปลกของพวกขันที อะไรแบบนี้ มันเป็นวิชามารนะอย่าได้ข้องแวะ" ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ก่อนที่ร่างบางจะยิ้มนิด อย่างลี้ลับเย้ายวน กล่าวตอบ
"เหตุใด องค์ชายจึงคิดเช่นนั้น"
"อ่าๆ ช่างเถอะ นี่ก็ดึกแล้ววันนี้ ข้ากลับตำหนักก่อนล่ะ"
"วันนี้จันทร์สว่างนัก ข้าไม่ส่งล่ะนะ"
"จริงสิวันนี้วันเพ็ญ ภูติพราย อย่างเจ้าคงจะรีบอาบแสงจันทร์สินะ" ร่างสูงเย้า แต่มีเพียงรอยยิ้มเศร้าศร้อยตอบกลับ
เมื่อร่างสูงเดินลับตาแล้วเท่านั้น...
50% จ่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น