ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] THE T(H)REE OF US ต้นไม้ของเรา #BNIOR #JACKNIOR #MARKBAM

    ลำดับตอนที่ #7 : - Senior -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 179
      1
      3 ม.ค. 59

    The t(h)ree of us Vll

     


    -Senior-

     


     

     





    Bambam's part ; 

     

     

     

              อะไรองเขาฟ่ะ ผมอยู่ของผมดีๆก็แย่งชมรมผมไปซะงั้นอ่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นพวกรุ่นพี่บ้าอำนาจ ผมรู้จักเขานะ เขาเป็นนักดนตรี ผมเคยฟังเพลงเขาอยู่ เป็นรุ่นพี่คนนึงที่ผมนับถือ 



         วันนี้พิสูจน์แล้วว่าทั้งหมดนั้น ผมคิดผิด 


         พี่เขาควรจะไปเป็นเซลล์ขายของมากกว่า ทักษะการโน้มน้าวจิตใจเป็นเลิศ


         เลยทำให้ผม แบมแบม รุ่นน้องม.3ที่แสนจะน่ารักคนนี้ต้องยอมเดินไปเข้าชมรมบาสแทนเพราะเหตุที่ว่าจะได้พัฒนากล้ามเนื้ออันน้อยนิดไว้ไปข่มคนอื่นเขาได้บ้าง 


         ทั้งๆที่ในชมรมกีฬาพวกนี้มีแต่พวกชอบใช้กำลัง เห็นรุ่นน้องตัวเล็กๆแบบผมหน่อยก็คงแกล้งกันสนุกสนาน 



         นั้นสิ..


         แล้วผมจะมาทำไมวะเนี่ย...


         แต่ตอนนี้คงช้าไปแล้วล่ะ เป็นไงเป็นกัน!


     

         "ผมมาสมัครชมรมบาสเกตบอลครับ"หลังจากได้บัตรคิวเกือบสุดท้ายมา ในที่สุดก็ถึงคิวผมสมัครสักที


         "นายแน่ใจนะว่ามาไม่ผิดชมรม"พี่หน้าหล่อตรงหน้าถามผม 


         "เออ..นี้มันก็ชมรมบาสไม่ใช่หรอครับ"พี่เขาก็น่าจะเห็นป้ายที่ตัวเองติดหนิ ก็เขียนอยู่ว่าชมรมบาสเกตบอล แล้วที่ผมพูดมันก็ชมรมบาสเกตบอลเหมือนกัน 


         พี่เขาสับสนอะไรรึเปล่าครับ


         "ฉันหมายถึงคิดถูกแล้วหรอที่จะเข้า"


         "คิดแล้วสิครับ"คิดว่า..ไม่น่าเลย แต่ผมในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว


         "งั้นก็ลงชื่อตรงนี้ แล้วหลังพักเที่ยงมาเจอกันที่สนามบาสนะ"ผมเขียนชื่อตามที่รุ่นพี่ตรงหน้าบอก ตาผมก็เหลือบไปเห็นรายชื่ออนาคตเพื่อนร่วมชมรม 


         อือหือ ไม่เบาเลยนะเรา 


         รายชื่อส่วนใหญ่ก็เป็นพวกอันธพาลที่เคยแกล้งผมมาแล้วทั้งนั้น ต้องบอกว่าทั้งชมรมมีแต่พวกมันเลยจะดีกว่า

     

         น่าดีใจจริงๆที่เลือกชมรมนี้ตามคำแนะนำของรุ่นพี่แจบอม..


         แบมแบมอยากจะเอาหัวโขลกกับแป้นบาสให้ตายๆไปซะ ถ้าตายแล้วจะไปหักคอรุ่นพี่แจบอมด้วย


         "ขอบคุณครับ"พอผมลงชื่อเสร็จก็โค้งให้พี่คนรับลงชื่อตรงหน้าและกำลังจะเดินออกไป แต่พี่เขากลับคว้าแขนผมไว้พร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง


         "นายต้องระวังตัวให้มากๆนะรู้มั้ย"


         "ครับ"พูดจบเขาก็ปล่อยแขนผมไป 


     

         ถึงไม่บอกผมก็ต้องระวังตัวจากคนพวกนั้นอยู่แล้ว ไม่มีเหตุอันใดที่คนอย่างแบมแบมจะต้องเข้าไปพัวพันด้วยเลย 


         เอาเถอะ มาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่ต้องกลัวจะโดนแกล้งอะไรแล้วล่ะ 


         เพราะยังไงก็โดนอยู่ดี 


     

         ตือตึง


         คิมยูคยอม: เป็นไงบ้าง ชมรมละครเวที


         แบมแบม: ต้องบอกใหม่ว่าชมรมบาสเกตบอลแล้วล่ะ


         คิมยูคยอม: ฮะ! นายไปทำอะไรที่นั่นแบมแบม


         แบมแบม: เรื่องมันยาวแต่จะสรุปให้ว่า ทั้งหมดเป็นเพราะรุ่นพี่อิมแจบอม


         คิมยูคยอม: แล้วเขาไปเกี่ยวอะไรกับชมรมละครเวทีล่ะเนี่ย ก็ว่าทำไมฉันไม่เห็นเขามาที่ชมรมดนตรีเลย


         แบมแบม : ช่างเขาเถอะ ว่าแต่นายสมัครเสร็จยัง


         คิมยูคยอม: เสร็จแล้ว งั้นเจอกันที่โรงอาหารนะ


         แบมแบม: โอเคค


     

         ในโรงอาหารคนยังบางตาอยู่มาก เลยเห็นคิมยูคยอมได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ คงไม่มีใครห่วงกินเหมือนผมกับยูคยอมแล้วล่ะ นี่ยังไม่พักเที่ยงเลยด้วยซ้ำแต่เพราะวันนี้ไม่ต้องเรียนจะทำอะไรก็ได้ 


         "ยูคยอม แล้วชมรมดนตรีเป็นไงบ้าง"หลังจากที่ผมกับยูคยอมมาเจอกันที่โต๊ะๆนึงในโรงอาหารแล้ว ผมก็เปิดฉากคุยเรื่องที่น่าสนใจที่สุดของวันอย่างเรื่อง'ชมรม'


         "ก็ปกติ แค่รุ่นพี่แจบอมไม่ได้มาสมัคร เหลือแต่เพื่อนร่วมวงอย่างรุ่นพี่ยองแจไว้คนเดียว"


         "งั้นหรอ แปลกจัง"


         "หลังกินข้าวเสร็จพี่เขาเรียกไปรวมที่ห้องดนตรีด้วย ของนายก็คงโดนเรียกรวมเหมือนกันใช่ป่ะ"


         "ก็ใช่นะสิ นายว่าเขาจะเรียกไปทำไร"


         "ก็คงเหมือนทุกๆปีนั่นแหละ เลือกบัดดี้กับนัดแนะเวลานู่นนี้จิปาถะ"


         "ให้ตายเถอะ ฉันจะได้บัดดี้หรือได้ศัตรูกันแน่เนี่ย"


         "ไม่แน่นายอาจจะได้รุ่นพี่สวยๆอย่างรุ่นพี่จอนยอนหรือรุ่นพี่นายอนมาเป็นบัดดี้ก็ได้"


         "เหอะ สองในสามสิบคน โอกาสฉันก็เหมือนกลายเป็นศูนย์ไปแล้ว"


         "ช่วยไม่ได้"



         พวกเราพูดเรื่องไร้สาระต่างๆนานากันไปมากมายควบคู่ไปกับอาหารกลางวันรสเลิศ ระหว่างนั้นเวลาก็ผ่านไปจนใกล้หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว


         "โชคดีนะแบมแบม ขอให้นายได้บัดดี้ดีๆล่ะ"

         

         "นายก็เหมือนกัน"


     

         หลังจากแยกกันไปตามทางใครทางมันแล้ว ผมมาถึงสนามบาสเกตบอลที่นัดกันเอาไว้เป็นคนแรกๆ มันเป็นสนามแบบกลางแจ้ง ผมนั่งเงียบๆลงตรงมุมสนาม เพื่อนร่วมชมรมทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ มีทั้งพวกเซียนบาส พวกอันธพาลหรือพวกที่ไม่ได้มีอะไรดีสักอย่างแบบผม 


         สายตาบางคู่มองมาทางผม มันกำลังบอกว่า 'ผมไม่สมควรมาอยู่ที่นี่' แต่ว่าผมสมัครไปแล้วอะโทษที ไม่ได้อยากจะมาอยู่ให้เกะกะสายตาหรอก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่มาเหยียบสนามบาสเลย จะได้ไม่ต้องทนกับสายตาของเจ้าพวกบ้านี่



         "ไงรุ่นน้อง ฉันชื่อจองยอนนะ นายชื่ออะไร"รุ่นพี่จองยอนที่ยูคยอมพูดถึงเมื่อตอนกลางวันมายืนอยู่ตรงผมและเขาก็เป็นฝ่ายเข้ามาทักผมก่อนด้วย 


         "ผมแบมแบมอยู่ชั้นม.3ครับ"


         "แล้วทำไมถึงมานั่งคนเดียวแบบนี้ล่ะ"รุ่นพี่จองยอนนั่งลงข้างๆผมโดนไม่สนสายตาคนอื่น 


         "ผมยังไม่รู้จักใครเลยครับ"


         "นายคงเพิ่งจะเข้ามาเล่นสินะ ถึงไม่รู้จักใครเลย"


         "ใช่ครับ มีคนบอกผมมาว่าเล่นบาสแล้วจะตัวใหญ่ขึ้น"ใบหน้าของรุ่นพี่อิมแจบอมแวบเข้ามาในหัวผมทันที 


         "นายตัวเล็กแบบนี้ ก็น่ารักดีออก"รุ่นพี่จองยอนลูบหัวผมอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงผมจะไม่ได้ตัวเล็กกว่ารุ่นพี่เขา แต่ก็ตัวเล็กกว่าผู้ชายทั่วไปมาก ก็เพิ่งม.3เอง คงจะสูงได้อีกแหละ


         แต่การมีผู้หญิงที่ทั้งสวยและเท่แบบรุ่นพี่จองยอนมาลูบหัวผมแบบนี้ ผมก็เขินเป็นนะ


         "คนอื่นเขาไม่คิดว่าผมน่ารักเหมือนที่รุ่นพี่จองยอนคิดหนิครับ เขามองว่าผมอ่อนแอมากกว่า"


         "ผู้ชายตัวเล็ก ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอซะหน่อย แค่กล้าเดินเข้ามาสมัครชมรมนี้ นายก็กล้าหาญมากแล้วล่ะ"


         "ไม่หรอกครับ ต้องขอบคุณรุ่นพี่ที่มานั่งข้างๆผมแบบนี้มากกว่า"


         "ฮ่าๆๆ ในชมรมนี้มันก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นหรอก ยังมีพวกที่ไม่ได้มองว่านายอ่อนแออยู่นะ อย่างน้อยก็มีฉันหนึ่งคน แค่พวกบ้าๆก็มีอยู่เยอะ คงจะหาเพื่อนดีๆยากหน่อย"


         "ผมก็หวังว่าจะได้รู้จักกับเพื่อนดีๆแล้วก็ได้บัดดี้ดีๆด้วยครับ"


         "ได้อยู่แล้ว ฉันเป็นกำลังใจให้"


         'ทุกคนที่ลงชื่อเข้าชมรมบาสเกตบอล ขอให้มาล้อมเป็นวงกลมตรงนี้ด้วยครับ'


         "ไปตรงนู่นกันเถอะแบมแบม เขาเรียกรวมแล้ว"รุ่นพี่จองยอนจับมือผมเดินฝ่าพวกตัวใหญ่ๆเข้าไปนั่งอยู่ในแถวที่ยาวเป็นวงกลม คนที่นั่งอยู่อีกข้างนึงของรุ่นพี่จองยอนเป็นรุ่นพี่หน้าหล่อคนเดียวกับที่รับลงชื่อสมัครชมรมเมื่อเช้านั่นเอง ผมไม่รู้จักหรอกนะ ไม่ค่อยจะคุ้นหน้าสักเท่าไรแต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าหล่อจริงๆ พวกเขาสองคนดูสนิทกันมาก


         หรือว่า...พวกเขาจะเป็นแฟนกัน


         แบบนั้นก็เหมือนผมโดนหักอกเลยนะ ฮืออ


         'เอาล่ะทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชมรมบาสเกตบอลนะครับ อย่างที่รู้ ทุกชมรมจะต้องมีประธานชมรมถูกมั้ย และพี่ก็เป็นประธานชมรมบาสเกตบอลของปีที่แล้ว ปีนี้พี่เลยต้องมาเลือกใครสักคนที่เห็นว่าเหมาะสมขึ้นมาดำรงตำแหน่งตรงนี้แทน มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่ต้องคอยแบกชื่อประธานชมรมเอาไว้แค่นั้นเอง อาจจะมีสิทธิพิเศษบ้าง แต่ที่เหลือก็เหมือนคนอื่นๆในชมรมนั้นแหละ'รุ่นพี่ร่างยักษ์ที่ผมไม่รู้ชื่อ พูดยาวเหยียดถึงเรื่องประธานชมรมอยู่ตรงกลางวงกลมที่มีคนสามสิบคนรอบเอาไว้


         "..."


         'ดังนั้นวันนี้เราจะมาหาประธานชมรมคนต่อไปกัน ถึงแม้ว่าพี่จะมีอยู่ในใจแล้วว่าจะเลือกใคร แต่เพื่อความเท่าเทียมของทุกคนพี่จะให้แข่งกันชู้ตบาสลงหวงแบบหนึ่งต่อหนึ่งไปเรื่อยๆจนได้ผู้ชนะ จะได้เห็นกันไปเลยว่าเก่งพอที่จะมาเป็นประธานต่อ ถ้าใครคิดว่าอยากจะขอท้าก็ลุกขึ้นเลย'หลังจากที่อดีตประธานพูดซะยาวเป็นหางว่าว พวกรุ่นพี่อันธพาลก็ลุกขึ้นประมาณสี่ห้าคน ส่วนรุ่นพี่จองยอนก็กำลังคะยั้นคะยอ รุ่นพี่ผู้ชายข้างๆให้ลุกขึ้น จนสุดท้ายรุ่นพี่คนนั้นก็ต้องยอมลุกขึ้นอย่างจำใจ จากที่ผมเปรียบเทียบผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดแล้ว ไอรุ่นพี่ข้างๆเนี่ยน่าจะตกรอบคนแรกเลยละมั่ง 


         'เอาล่ะ เราได้ผู้ท้าชิงมาทั้งหมดหกคน จับฉลากเลือกคู่กันเสร็จแล้วก็แข่งกันเลย เริ่มที่คู่แรก'


         พวกที่เหลือที่นั่งเป็นวงในตอนแรกก็กระจายกันไปนั่งตามขอบสนามแทน ผมกับรุ่นพี่จองยอนก็เช่นกัน


         แล้วทำไมผมต้องมานั่งดูด้วยฟ่ะ ไปแข่งกันให้เสร็จแล้วค่อยมาบอกผลไม่ได้รึไง 


         งั้นผมขอตัวงีบล่ะ ถึงเสียงเชียร์รอบตัวจะดังแค่ไหนผมก็ไม่หวั่นอยู่แล้ว เมื่อคืนนอนดึกด้วยสิ...




     

         "เย้!!!ชนะแล้วว"ผมตื่นขึ้นมาก็เพราะเสียงกริ๊ดของรุ่นพี่จองยอนที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียงปรบมือดังลั่นไปทั่วสนาม คงได้ผู้ชนะแล้วสินะ 


         แต่ทำไมรุ่นพี่จองยอนถึงดีใจขนาดนั้นน่ะหรอ 


     

         ก็รุ่นพี่ผู้ชายคนนั้นชนะน่ะสิ!! ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย นี่เขาคว่ำไอพวกนั้นได้หมดเลยหรอ 


         เก่งไม่หยอกเลยแฮะ เสียดายที่ผมไม่ได้ตื่นมาดู


         'ในที่สุดเราก็ได้ผู้ชนะที่จะมาเป็นประธานชมรมคนต่อไปแล้วนะครับ'


         'มาร์ค ต้วน'


     

     


         หลังจากที่ได้ประธานชมรมคนใหม่แล้วเราก็ต้องมาจับคู่บัดดี้กันต่ออีก นี้มันจะบ่ายสามแล้วนะมีหวังวันนี้คงได้กลับบ้านห้าโมงแหง


         'วิธีการเลือกบัดดี้ของชมรมเราไม่มาจับชื่อกันหรอกนะมันธรรมดาเกินไป พวกนายคงเคยเห็นเวลาเจ้าสาวเขาหันหลังโยนช่อดอกไม้กันใช่มั้ย วันนี้เราจะมาโยนลูกบาสแทน จะต้องมีคนนึงไปยืนอยู่ตรงนู่นแล้วหันหลังโยนลูกบาสมาทางนี้ ใครที่แตะลูกบาสได้เป็นคนแรกไม่ว่าจะด้วยส่วนใดของร่างกาย ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็จะต้องเป็นบัดดี้กับคนที่โยนลูกมา เอาล่ะ ถ้าชื่อใครโดนเรียกให้ถือลูกบาสไปยืนข้างหน้าได้เลย'


         "งี้ถ้าผมอยากคู่กับรุ่นพี่จองยอน ผมก็ต้องเข้าไปแตะลูกที่รุ่นพี่โยนมาให้ได้เป็นคนแรกใช่มั้ยครับ"


         "ใช่แล้ว แต่ถ้านายโดนเรียกก่อน ฉันจะเข้าไปแตะลูกเป็นคนแรกให้เอง"


         "ขอบคุณนะครับ รุ่นพี่น่ารักที่สุดเลย"


         'คนแรก จองยอน'พอชื่อของรุ่นพี่จองยอนถูกเรียก พวกผู้ชายก็หวีดหวาดกันใหญ่ แล้วผมจะไปแย่งลูกได้ยังไงเนี่ย 


         "แบมแบม รับให้ได้ล่ะ"


         "ครับ.."


         รุ่นพี่จองยอนเดินถือลูกบาสออกไปยืนประจำตำแหน่งข้างหน้าก่อนจะหันหลังแล้วก็..โยนนน!!


         ผมเอื้อมแขนออกไปจนสุดแขน ตอนที่ลูกกำลังลอยเข้ามาใกล้ แล้วมือของคนข้างหน้าผมก็แตะกับลูกก่อนที่ผมจะได้แตะมัน 


         มือใคร!!!


         'ไหนใครแตะได้ แสดงตัวหน่อย'


         "ฉันเองค่ะ อิมนายอน"


         'งั้นนายอนกับจองยอนพวกเธอเป็นบัดดี้กันนะ ดูแลกันให้ดีละ'
         

         "ค่ะรุ่นพี่"

     

         รุ่นพี่จองยอนเดินกลับมาพร้อมกับรุ่นพี่นายอน ก่อนที่เขาจะเดินสวนไปก็ตบลงที่บ่าของผมเหมือนกับจะบอกว่า สู้ต่อไปนะ แล้วพวกพี่เขาเดินออกจากสนามไป ทิ้งผมเอาไว้กลางสนามบาสพร้อมกับคนที่เหลือ

     

         ความหวังของผมดับลงไปในชั่วพริบตา

     

         คิมยูคยอม ไหนนายบอกว่าฉันอาจจะได้คู่กับหนึ่งในสองคนนั้นไง แล้วไหงพวกเขาถึงไปคู่กันเองล่ะ



         คนแล้วคนเล่าผมก็ยังไม่โดนเรียกชื่อสักที พอมีคนธรรมดาๆโดนเรียก ผมก็พยายามจะไปแย่งลูกมา ก็ผมอยากจะมีบัดดี้ดีๆหนิ จะได้ไม่มาแกล้งผมแล้วคอยดูแลซึ่งกันและกัน แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกินเพราะไอพวกรุ่นพี่นิสัยเสียเอาแต่บังผมไว้จนมิด 


         เดี๋ยวก็งับหัวให้หรอก

     


         'คนต่อไป แบมแบม'ในที่สุด ชื่อของผมก็โดนเรียก


         "ครับ"ผมขานรับและเริ่มไล่มองไปในกลุ่มคนที่เหลืออยู่ แต่ละคนมองมาทางผมไม่ต่างกับฝูงไฮยีน่าเลย ถ้าหนึ่งในพวกนี้ได้ลูกบาสของผมไปละก็ มีหวังผมได้กลายเป็นซากแน่ 


         แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็นท่านประธานคนใหม่ มาร์ค ต้วน กำลังงีบอยู่ตรงขอบสนามด้านหลังนู่น ทั้งทียังไม่ได้บัดดี้เลยแท้ๆแต่เขากลับไม่สน ตอนที่ตัวเขาได้ตำแหน่งยังไม่มีทีท่าว่าจะดีใจอะไรเลยด้วยซ้ำ เย็นชาซะจริง


         แต่เขาก็ดูเป็นรุ่นพี่ที่ดี อย่างตอนที่ผมไปลงชื่อกับเขาเมื่อเช้า เขายังดูเป็นห่วงเป็นใยผมอยู่เลย

     

     

         เขาคือทางเลือกสุดท้ายของผมแล้ว

     

          ถ้าสวรรค์ไม่ใจร้ายเกินไปก็ขอให้ผมโยนลูกไปโดนเขาทีเถอะ  

     


         ผมเข้าประจำที่ หลับตาปี๋ก่อนจะโยนลูกบาสออกไปสุดแรงเกิด ก็พี่เขาอยู่ขอบสนาม ถ้าไม่ออกแรงให้สุดคงไม่ถึง



         ปั๊ก


         ผมลืมตาขึ้น หันไปตามเสียงที่กระทบกับลูกบาส


         รุ่นพี่มาร์คลืมตาขึ้น เขาลุกไปเก็บลูกบาสที่กลิ้งไปมาอยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาหาผม


         "นายโยนมาใช่มั้ย"


         "ครับผมเอง"


         "อยากตายหรอ"


         "ไม่อยากครับ.. ขอโทษครับ"


         'อย่ามาทะเลาะกันสิ ต่อไปพวกนายก็ต้องเป็นบัดดี้กันแล้ว ยังไงกฎก็ต้องเป็นกฎ มาร์คและแบมแบม ตอนนี้พวกนายเป็นบัดดี้กันแล้ว'


         "งั้นผมขอตัว"


         "ผมขอตัวกลับด้วยนะครับ"


         ผมวิ่งตามอีกคนออกมาจากสนามบาสนั่น ผมต้องต้องวิ่งตามในขณะที่เขาแค่เดินหนี แค่โดนลูกบาสเองทำไมต้องโกรธกันขนาดนั้นด้วยเหล่า นี้พวกเราเป็นบัดดี้กันแล้ว อะไรอภัยได้ก็ขอผมเถอะ


         "รุ่นพี่มาร์ค รอผมก่อน"


         "..."


         "รุ่นพี่มาร์ค"


         "..."


         "นี่มันลานเล็กที่เขาเลืองลือกันว่าผีดุที่สุดในโรงเรียนหนิ"ผมวิ่งตามรุ่นพี่มาร์คมาติดๆ จนไม่ได้สนใจเลยว่าวิ่งมาจากทางไหน พอมาสังเกตอีกที ก็อยู่ในที่ที่ผมบอกกับตัวเองมาตลอดว่า จะไม่มีวันเข้ามาเหยียบ



         "หึ เรื่องหลอกเด็กแบบนั้นใครเชื่อก็โง่แล้ว"



         "รุ่นพี่หลอกด่าผมหรอครับ"


         "เปล่า ถ้านายขี้ขลาดก็ออกไปสิ"



         "ผมไม่ได้ขี้ขลาดนะ เออ..ว่าแต่เมื่อกี้ขอโทษนะครับ ที่ผมทำให้ตื่น"


         "..."


         "แล้วตรงที่โดนบาสเป็นไงบ้างครับ ผมว่ารุ่นพี่น่าจะไปห้องพยาบาลหน่อยนะ"

         
         "..." 


         "ตอนนี้ เราเป็นบัดดี้กันแล้ว พี่ไม่คิดจะพูดอะไรกับผมหน่อยหรอครับ"


         "..."


         "อย่างเช่น มาสนิทกันเถอะ เย็นนี้ฉันจะเลี้ยงเนื้อย่างนายเอง"


         "ย๊าาา!! เงียบสักที ฉันจะนอน"


         "..."


         ผมได้แต่นั่งเงียบหลังจากโดนบัดดี้ตัวเองตะคอกใส่เป็นครั้งแรก  นี่ผมมาเป็นบัดดี้กับใครเนี่ย

     

         เขาเอาแต่นอนพิงต้นไม้ไม่สนใจผมที่กำลังนั่งเอ๋ออยู่ตรงหน้าเขาเลย ผมจ้องมองที่ใบหน้าเรียวของเขา หน้าผากเขามีรอยสีม่วงช้ำด้วย คงเกิดจากบาสที่ผมปาไปแน่เลย โชคดีที่ผมโดนแกล้งบ่อยๆเลยได้แผลมาประจำเลยต้องพกยาทาแผลฟกช้ำติดตัวตลอด 


         ผมถือวิสาสะ ป้ายเจลใสๆลงบนรอยช้ำที่สีเริ่มม่วงขึ้นบนหน้าผากของบัดดี้คนใหม่  ผมพยายามทำให้เบามือที่สุดจะได้ไม่ปลุกอีกคนให้ลุกขึ้นมาด่าอีกรอบ ตามด้วยพลาสเตอร์ยาลายปิกาจูที่ผมชื่นชอบ


         "ขอบคุณนะครับที่มาเป็นบัดดี้ให้ผม แต่ถ้าให้ดีก็อยากจะรู้จักรุ่นพี่มากกว่านี้ ให้สมกับที่เราได้เป็นบัดดี้กัน"ผมพูดเบาๆให้กับคนที่กำลังหลับอยู่ ก่อนจะกระฉับเป้เข้าหาตัวแล้วลุกขึ้นหันหลังกลับออกไปจากที่นี่


         "ฉันไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกนะ แล้วก็หยุดเรียกรุ่นพี่สักที เรียกแค่พี่ก็พอ ฉันรำคาญ"ผมหันหลังกลับไปมองอีกคน เขายังคงหลับตาและอยู่ในท่าเดิม

     

         ถ้าจะคุยกัน ลืมตาสักหน่อยก็ได้มั่งครับ พี่มาร์ค


         "อ่อครับ งั้นผมไปนะ"

     




         "นี่นาย..ขอบใจนะ ที่ทำแผลให้"



    _______________________ 50%



          เมื่อชมรมละครเวทีได้จำนวนคนครบสามสิบคนตามที่กำหนดไว้แล้วโดยมีอิมแจบอมเป็นคนปิดท้าย ก็ถึงเวลาพักเที่ยง เวลาที่แสนน่าอึดอัดของทั้งสาม พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันเพราะคิดว่าถ้าต่างคนต่างเงียบคงจะดีที่สุดในเวลานี้ ยองแจเป็นเป็นเพียงคนเดียวบนโต๊ะที่แยกไปอยู่ชมรมดนตรีเลยทำให้ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาสักอย่าง


         "วันนี้พวกนายเป็นอะไรกัน เงียบพิลึก"หลังจากทนกับความอึดอัดที่แผ่ซ่านไปทั่วโดยเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสามคน ไม่ไหว ยองแจที่รับรู้ได้และไม่คิดจะปล่อยให้มันผ่านไป จึงถามขึ้นท่ามกลางความเงียบที่เขาไม่สามารถเข้าถึงได้


         "..."ความเงียบยังคงอยู่ ต่างออกไปแค่ทุกคนหยุดก้มลงมองอาหารสีจืดชืดตรงหน้าแล้วหันไปให้ความสนใจกับเจ้าของเสียงแจ้วแทน


         "นี่แจบอม..นายไม่เห็นบอกอะไรฉันเลย ทั้งทีก่อนหน้านี้ก็ตกลงกันไว้แล้วแท้ๆว่าจะเข้าชมรมดนตรีด้วยกันเหมือนปีก่อน ไหงทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวทั้งที่พวกนายสามคนได้อยู่ด้วยกัน.. น่าหงุดหงิดชะมัด"แก้มตุ้ยนุ้ยเก็บอากาศไว้เต็มทั้งสองข้างแก้ม บ่งบอกว่ายองแจกำลังงอนแล้ว


         "ก็ฉันเปลี่ยนใจกระทันหันหนิ"เจบีตอบตามความจริงอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้ว่าสมองจะเต็มไปด้วยเสียงดนตรีแต่ในใจมันกลับมีแต่เสียงเจื่อยแจ้วของจินยองอยู่เต็มทั้งดวง การตัดสินใจของเขาในวันนี้จะไม่ผิดพลาด 


         เขาทำถูกแล้ว..


         ขอโทษนะยองแจ...


         "อย่ามาอ้างไปหน่อยเลยน่า แล้วนายล่ะแจ็คสัน..ทำไมถึงไปเข้าชมรมละครเวทีได้"แจบอมไม่เข้าชมรมดนตรี แจ็คสันก็ไม่เข้าชมรมกีฬา แต่ทั้งสองคนนี้กลับมาเข้าชมรมละครเวทีซึ่งผิดคาดสุดๆ ยองแจคนนี้ไม่สามารถเข้าถึงจิตใจของคนพวกนี้ได้เลยจริงๆ


         "ฉันหรอ... ก็เพราะมีจินยองอยู่ไง"


         "ฉันก็เหมือนกัน..เพราะจินยอง"


         ชัดเจนขึ้นมากจนกระจ่างแจ้ง ยองแจผู้งงงวยในตอนแรก สามารถวิเคราะห์ได้ถึงเหตุที่ส่งไปให้เกิดผลได้อย่างทะลุปุโปร่ง เขาควรจะคิดให้จริงจังตั้งแต่เมื่อวานแล้วแท้ๆ เกี่ยวกับคำพูดของแจ็คสันที่พูดกับจินยองเมื่อวานนี้ มันคงไม่ใช่แค่คำพูดเล่นๆที่สร้างขึ้นให้สนุกสนาน มันคือส่วนหนึ่งที่แจ็คสันตั้งใจจะพูดตั้งใจจะสื่ออกมามากกว่า แล้วการที่อิมแจบอม หนุ่มสุดชิคผู้ไม่เคยเห็นใครอยู่เหนือตัวเอง กลับเปลี่ยนใจเอาง่ายๆเพียงแค่จะได้อยู่กับใครคนนึงแม้จะต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบและต้องละทิ้งสิ่งที่ชอบไว้ข้างหลังก็ยอมแลก คนๆนั้นก็คือจินยอง ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา ก็ไม่เคยเห็นอะไรที่แปลกไปจากแจบอมและจินยองเลย แต่พอมีแจ็คสันเข้ามา จินยองก็เหมือนจะค่อยๆห่างไกลออกไปเรื่อยๆ มีแต่แจบอมที่ต้องคอยเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนเสมอ 


         จากทุกเหตุและผล ยองแจพอจะสรุปรวมได้ว่าอาจจะเกิดเรื่องใหญ่เข้าให้แล้วก็ได้


         แต่มันก็เป็นเพียงผลสรุปมั่วซั่วที่ยองแจคิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงนาที อาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดมาทั้งหมดก็ได้ จะให้มาด่วนตัดสินใจภายในวันสองวันก็ดูเหมือนจะด่วนสรุปไปสักหน่อย คงต้องรอดูไปก่อนละกัน





         "ฉันไปเก็บจานก่อนนะ ยองแจ"จินยองลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะพร้อมจานอาหารที่ยังเหลือข้าวอยู่ไม่ต่างจากเดิม ก็เขาเอาแต่เขี่ยข้าวเล่นยังไม่ได้ตักใส่ปากเลยสักคำ 


         "ฉันไปด้วย"
         "ฉันไปด้วย"


         สองเสียงจากสองคนดังขึ้นเป็นประโยคเดียวกันในเสี้ยววิเดียวกัน ในมือถือจานอาหารเอาไว้เตรียมพร้อมเหมือนกับจะออกวิ่งทันทีที่กรรมการเป่านกหวีด



         "เอาที่พวกนายสบายใจเลย ทิ้งฉันไว้ตรงนี้แหละ"คำประชดประชันถูกเอ่ยขึ้นโดยยองแจคนที่กำลังจะถูกทิ้งเอาไว้คนเดียว


         "งั้นไว้เจอกันนะยองแจ เดี๋ยวฉันไปหาตอนเลิก"แจ็คสันพูดอย่างเห็นใจพร้อมเอือมมือไปตบบ่าเพื่อนตรงหน้าเบาๆ เขาเข้าใจความรู้สึกนี้ดีกว่าใคร ความรู้สึกที่ต้องอยู่คนเดียวมันอ้างว้าง.. ทำได้แค่เฝ้ามองคนอื่นหัวเราะกับเพื่อนฝูง ในขณะที่ตัวเองต้องคอยปลอบใจว่าไม่เป็นไรหรอก มันเป็นช่วงเวลาที่โหดร้าย 


         ถ้าเขารู้ก็คงจะชวนยองแจมาสมัครด้วยกันแล้ว เพียงแต่เขาไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆว่าแจบอมจะมาเปลี่ยนใจออกมาจากชมรมดนตรีกระหันทันแล้วขทิ้งยองแจไว้คนเดียวแบบนั้น


         มันเป็นความผิดของเขาเอง ถ้าเขารู้ เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นกับยองแจ..


         ขอโทษนะ




         ตะเกียบเงินถูกจับแยกจากถาดอาหาร วางลงในส่วนที่มันควรอยู่ด้วยฝีมือของคนที่มาใหม่อย่างจินยอง แจ็คสันและเจบีตามลำดับ มื้อกลางวันผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์แบบ จินยองตัดสินใจเดินนำอยู่ข้างหน้าคนเดียว ความอึดอัดที่ต้องคอยแบกรับไว้ก่อนหน้านี้ก็ผ่อนคลายลงไปบ้าง ถ้าไม่ติดที่ว่ามีคนคอยตามอยู่สองคนและสองคนนี้ก็คือสาเหตุของความอึดอัดทั้งปวง 


         "พวกนายไปกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง"จินยองชะงักฝีเท้า หันไปพูดกับคนข้างหลังทั้งสองคน


         "แล้วนายจะไปไหน"เจบีถามอย่างสงสัย


         "ไปลานเล็ก"


         "เหลือเวลาอีกเป็นชาติจะให้ไปรอที่โรงละครคงเบื่อตาย...ฉันไปด้วยนะ"ข้ออ้างของแจบอมทำเอาจินยองลังเล ความจริงเขาอยากจะไปคนเดียวแต่มันก็เป็นแค่ขออ้างของจินยองเช่นกัน เขาแค่อยากอยู่กับตัวเองให้มากกว่านี้ แต่พอมานึกดู เขาก็แค่นักเรียนคนนึงไม่มีสิทธิ์ไปห้ามใครไม่ให้ไปลานเล็กซักหน่อย ในเมื่อทุกคนก็จ่ายค่าเทอมเหมือนกันหมด


         "แต่จินยองอยากไปคนเดียวรึเปล่า ถ้านายต้องการอย่างนั้นฉันจะไปรอที่โรงละครก่อนก็ได้"เหมือนอ่านใจออก แจ็คสันถามจินยองที่เงียบไป


         "ไปด้วยกันสิ ถ้านายอยากไปที่นั่นด้วยกัน.."


         จินยองไม่เคยเจอแจ็คสันจริงๆที่ลานเล็กเลย มีแต่ในความฝันเท่านั้น เขากลัวจะหลุดพูดอะไรที่ไม่ควรพูดกับแจ็คสันไปเหมือนในความฝันจัง



         ฝีเท้าของทั้งสามนำมายังลานเล็กลานเดิมที่เงียบเหงาและสงบเสงียม ต้นไม้ใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางไม่เปลี่ยนแปลง ลำต้นกลายเป็นที่พักพิงชั้นเยี่ยมให้แก่ผู้มาเยือนทั้งสาม จินยองนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างแจบอมและแจ็คสันเหมือนที่คั่นหนังสือ คั่นระหว่างหน้าหนังสือที่อ่านผ่านไปแล้วกับหน้าหนังสือที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่ 


         "ฉันของีบนะ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย"จินยองที่อยู่ท่ามกลางความเงียบบอกจุดประสงค์หลักของเขา เพราะแบบนี้เขาเลยอยากมาคนเดียวมากกว่า อยากจะหายไปในมิติแห่งความฝันอีกครั้ง แม้ข้างกายจะมีเป็นตัวจริงอยู่แต่เขากลับรู้สึกดีกับคนในอีกโลกมากกว่า 


         ยังไม่ทันหลับตา แจบอมใช้มือหนาเอนศีรษะของจินยองให้ซบลงไปกับไหล่กว้างของเขา มันเป็นเพราะเขาป่วยเลยทำให้อีกคนต้องอดหลับอดนอนทั้งที่เป็นคนขี้เซาสุดๆ ส่วนแจ็คสันที่กำลังจะเอือมมือมาทำแบบเดียวกันก็ต้องถอยกลับมา เขาช้าไปเพียงแค่เสี้ยววิเท่านั้น


         จินยองยังคงสับสน เขาอยากจะทำอะไรให้มันชัดเจนขึ้นบ้าง อยากจะหยุดซบลงบนไหล่กว้างนั่น ไหล่ของแจบอมที่ไม่เคยได้ทำความรู้จัก ไม่เคยนอนซบแบบนี้มันทำให้จินยองกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ใจมันไม่ยอมทำตามสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง ครั้งแรกที่เคยก็มีเพียงไหล่ของแจ็คสัน ถึงนั่นจะเป็นความฝัน มันก็ไม่ต่างกันเลย 


         มันทั้งกว้างและอบอุ่น 


         ไม่อยากให้เวลาเดินต่อเลย เขาอยากหยุดเอาไว้



         "พักผ่อนเถอะ"



         จอภาพค่อยๆมืดลงจนกลายเป็นสีดำสนิทด้วยเปลือกตาสีอ่อนของจินยอง ปล่อยให้ทุกอย่างหายไปเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่จริงบนโลกใบนี้ แค่หลับตาและทิ้งตัวเอาไว้กับไหล่ของอีกคน 


         แค่หลับตาลง..



         "นี่แจ็คสัน ฉันมีอะไรจะถาม"


         "ว่าไง"


         "นายเป็นเพื่อนฉันรึเปล่า"


         "แน่นอนสิ"


         "แล้วเพื่อนกัน เขาควรจะมีคนที่รักคนเดียวกันรึเปล่า"


         "สำหรับฉัน ถึงเราจะรักคนๆเดียวกัน สุดท้าย..ไม่นายก็ฉัน.. ใครสักคนเท่านั้นที่จะได้รับความรักกลับไปจนหมดใจของเขาคนนั้น"


         "งั้นหรอ.."


         "นายว่าระหว่างนั้นเราควรจะทำยังไงกันแจบอม"


         "ทำเท่าที่นายและฉันทำได้ ที่เหลือเขาคนนั้นจะเป็นคนตัดสินเอง"


         สายตาของทั้งคู่มองไปยังใบหน้าของคนที่กำลังหลับใหลอยู่ระหว่างพวกเขาเอง ปอยผมถูกปัดขึ้นให้เข้าที่ด้วยมือของคนมองอย่างแจ็คสัน


         "หวังว่าตอนที่รู้ผลแล้ว เราจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะแจบอม"


         "ฉันก็หวังว่างั้น"


         แจบอมและแจ็คสันเข้าใจทุกอย่างที่อีกฝ่ายรู้สึก แม้จะไม่ได้อธิบายออกมาทั้งหมด เป็นเพียงแค่บทสนทนาสั้นๆ ทุกอย่างก็ถูกเผยให้อีกฝ่ายรู้อย่างโจ่งแจ้ง


         พวกเขาจะเป็นทั้งเพื่อนและศัตรูในเวลาเดียวกัน 



         จินยองตื่นขึ้นมาจากโลกที่มืดมิดอีกครั้ง รอบกายยังคงเป็นลานเล็กลานเดิม นาฬิกาหมุนไปเพียงเล็กน้อย แจ็คสันยังนั่งอยู่ข้างเขาเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนทุกที ไหล่ที่เขาหนุนไม่ใช่ไหล่ของแจ็คสันแต่เป็นไหล่ของแจบอม


         เขาไม่ได้ฝันแต่เขาตื่นต่างหาก


         สองครั้งล่าสุด จินยองฝันตลอดและที่สำคัญ แจ็คสันอยู่กับเขาในฝันทั้งสองครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ไม่มีทั้งแจ็คสันหรือความฝันเลยด้วยซ้ำ


         เพราะอะไรกันล่ะ..


         "ตื่นแล้วหรอจินยอง"แจ็คสันหันมาเจอจินยองลืมตามองมาที่เขาอยู่เลยถามขึ้น


         "อือออ"จินยองบิดขี้เกียจนิดหน่อย ยังง่วงอยู่เลยแต่คงต้องตื่นแล้วแหละ


         "จะหลับต่อก็ได้นะ เดี๋ยวฉันปลุก.."แจบอมหันมามองจินยองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เขาอยากปลุกอีกครั้งเหมือนกัน


         "ฉันตื่นแล้ว! ฉันตื่นแล้ว..ไม่หลับต่อแล้วด้วย ไปกันเถอะ"


         
         โรงละครของโรงเรียนแยกออกมาไกลพอสมควร แถวนี้จึงไม่ค่อยมีนักเรียนกลุ่มอื่นๆอยู่เลย นอกจากพวกเขากับพวกที่เข้าชมรมละครเวทีเหมือนกัน ทั้งแจบอมและแจ็คสันยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับชมรมนี้เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะต้องไปทำอะไรบ้าง เพราะรู้แต่พวกกีฬากับดนตรี ส่วนละครเวทีนี่ไม่เคยสนใจเลย


         ภายในโรงละครมีเวทีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า เก้าอี้นับร้อยตั้งเรียงแถวเป็นรูปครึ่งวงกลมหลายชั้นซ้อนๆกันอย่างเป็นระเบียบรอบล้อมเวทีเอาไว้ คนที่เข้ามาใหม่ก็เริ่มนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้า เช่นเดียวกับทั้งสามคน ไม่นานก็มีผู้ชายเดินออกมาจากหลังเวที แสงไฟสีเกลืองอ่อนสามส่องไปที่เขายืนอยู่ พวกเราปรบมือให้เขาเหมือนกับปรบมือให้นักแสดง


         'สวัสดีครับน้องๆ ใครที่นั่งอยู่ในที่แห่งนี้ คือ สมาชิกของชมรมละครเวทีแล้วนะ พี่คือประธานของปีที่แล้ว วันนี้จะมาชี้แจงเรื่องต่างๆให้ฟัง เอาล่ะ เริ่มแรกเราจะเลือกบัดดี้ ซึ่งถือว่าสำคัญมากเพราะชมรมเราเนี่ยเกี่ยวกับการแสดงใช่มั้ย บัดดี้จะได้ช่วยกันซ้อมช่วยท่องบทได้ อย่างที่สองเลือกประธานชมรม ซึ่งไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอกครับ เพราะสำหรับชมรมเรา ผู้กำกับสำคัญกว่า แต่ก่อนจะเลือกผู้กำกับได้ต้องเลือกเรื่องที่จะใช้แสดงกันก่อนซึ่งตอนนั้นพี่จะไม่ยุ่งด้วยแล้ว น้องก็ตัดสินใจกันเองเลยโดยมีประธานชมรมคนใหม่ทำหน้าที่นี่ไปก่อน เข้าใจตรงกันนะครับ'


         "ครับ"

         "ค่ะ"


         'ในกล่องใบนี้ มีชื่อของทั้งสามสิบคนอยู่ เดินออกมาจับตามลำดับคิวเมื่อเช้าได้เลย เริ่มจากคนแรก..'รุ่นพี่อดีตประธานวางกล่องลังใบกำลังดีไว้บนโต๊ะกลมสูง ตรงกับจุดที่แสงไฟสีเหลืองสาดลงมาเป็นวงเล็กๆบนเวทีกว้าง


         "นายว่าในพวกเราสามคน..จะมีใครได้คู่กันมั้ย"จินยองหันซ้ายหันขวาไปถามคนข้างๆทั้งสอง


         "มันก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วล่ะ นายได้จับเป็นคนแรกในพวกเรา ถ้ามันเป็นโชคชะตา.. ไม่ฉันก็แจบอม..คงจะได้คู่กับนาย"แจ็คสัน


         "งั้นก็ต้องมีใครสักคนคู่กับคนอื่นนะสิ.."


         
         "ไม่แน่ อาจจะไม่มีใครในพวกเราได้คู่กันเลย"แจบอมตอบเสียงเรียบ


         "หรือ...อาจจะมีใครในพวกเราได้คู่กัน"หางตาของทั้งแจ็คสันและแจบอมส่งมากระทบกันแม้จะมีจินยองนั่งกั้นอยู่ระหว่างกลางก็ตาม 


         จินยองสัมผัสได้ถึงรัศมีความเดือดดาลที่อธิบายไม่ได้อยู่ข้างตัวเขา แจบอมกับแจ็คสันคอยสร้างสงครามขึ้น ไม่ใช่ใช้กำลัง แต่ใช้คำพูดที่บางครั้งเขาเองก็ไม่เข้าใจแต่บางคราวมันก็ชัดเจนจนจินยองกลัวว่าจะเข้าใจผิดไป 


         เขาว่าตัวเองจะกลายเป็นต้นตอของสงครามครั้งนี้



         'คิวที่สิบสี่ ออกมาเลยครับ'


         จินยองสลัดความคิดนั้นออกหลังถึงตาเขาต้องออกไปจับบัดดี้ เขาก้าวเท้าขึ้นไปด้านบนเวทีตามรอยเพื่อนคนก่อนๆ ทั้งจินยอง แจบอม แจ็คสัน ยังไม่มีใครได้บัดดี้เลยสักคน แม้จะผ่านมาแล้วถึงสิบสามคนก็ตาม


         ดวงตาทั้งสามสิบคู่ที่อยู่ในโรงละครแห่งนี้กำลังจ้องมองมายังเวทีในตำแหน่งที่จินยองยืนอยู่ แต่มีตาเพียงสองคู่ที่มองอย่างใจจดใจจ่อกว่าใครและคอยภาวนาอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้กระดาษผืนบางนั้นปรากฎชื่อของเขาเอาไว้บนนั้น


         มือบางล้วงลงไปในกล่องลึกตรงหน้า ควานหากระดาษที่เขาสัมผัสแล้วรู้สึกถูกชะตาที่สุดเพียงใบเดียวขึ้นมา 


         จะเป็นใครก็ได้.. ที่โชคชะตากำหนดมาให้เขา


         กระดาษถูกคลี่ออกจนเห็นตัวอักษรที่เขียนเอาไว้


         
         "แจ็คสัน หวัง"


         เจ้าของชื่อยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากเสียงนั้นเอ่ยชื่อเขาออกมา แจ็คสันลุกออกมาจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ตรงไปหาคนที่ยืนยิ้มแป้นอยู่บนเวทีเช่นกัน แต่มีอีกคนนึงยังคงนั่งกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ แจบอมกำมือไว้แน่นระหว่างที่มองสองคนนั้นกำลังเดินลงไปนั่งในอีกฟากนึงของโรงละครเป็นคู่ พูดคุยกัน หัวเราะกัน เหมือนกับว่าที่นี่มีแค่พวกเขาเพียงสองคน เขาผิดหวังที่โชคชะตาเล่นตลกกับเขาเช่นนี้อยู่เรื่อย 



         ต่อไปเขาจะกำหนดมันขึ้นมาเอง.. โชคชะตาในแบบที่เขาปราถนา




    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||



    สวัสดีค่ะ กลับมาหลังจากปล่อยให้รอกันตั้งนาน//ใครรอแก!!
    เรารู้สึกว่าตัวเองอัพช้าไป 
    ลองถามเพื่อนดูว่าถ้าไม่ได้อัพ2อาทิตย์นานไปมั้ย 
    มันก็บอกมาว่ามนานมากถ้าเป็นมันคงไม่อ่านแล้ว เสียจึยยย 
    เปิดเทอมแล้วเราต้องทำงานกีฬาสีเป็นฝ่ายฉากด้วย การบ้านก็เยอะเฟ่ออ
    จะรออ่านฟิคของเรากันใช่มั้ยแงง 
    แล้วก็ต้องขอขอบคุณคอมเม้นทุกคอมเม้นมากๆนะคะ 
    อ่านแล้วอุ่นใจจริงๆ รู้สึกเบิกบานเป็นทานตะวันทุกครั้งที่มีคอมเม้นท์เพิ่มเลย
    ส่วนตอนหน้าก็จะเป็นเรื่องของชมรมอีกสักนิดกับการย้ายบ้านของจินยองแล้วละคะ 
    โมเม้น#bniorอาจจะเยอะกว่า#jackniorในตอนนี้
    แต่ต่อไปอาจจะสลับกันก็ได้ ใครจะไปรู้ 
    คนแต่งเองก็ไม่รู้?! 5555555
    อย่าลืมคอมเม้นและติดตามฟิคเรื่องนี้กันนะคะ
    ขอบคุณค่ะ กิกิ

























       




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×