ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] THE T(H)REE OF US ต้นไม้ของเรา #BNIOR #JACKNIOR #MARKBAM

    ลำดับตอนที่ #6 : - First kiss -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 176
      1
      26 ต.ค. 58

    The t(h)ree of us Vl

     


    -First kiss-

     

     

     

     

     






         สองโคนของซอฟท์ครีมสีขาวนวลอยู่ในมือของพวกเขาทั้งคู่ แจ็คสันและจินยองเดินไปตามทางในเวลาเกือบหกโมงเย็น ท้องฟ้าสีส้มสดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินมืดครึ้ม มือประสานกันแนบชิดจนไม่เหลือช่องว่างให้อะไรมาแทรกได้ 


         แม้ว่าความสัมพันธ์จะไม่ชัดเจนเท่าที่ควร แต่พวกเขาก็รู้ดีว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น

     


         "เลอะหมดแล้ว"แจ็คสันเช็ดครีมที่เปื้อนอยู่บนริมฝีปากของจินยองออก


         นิ้วเรียวของจินยองจิ้มไปที่ซอฟท์ครีมของตัวเองก่อนจะป้ายไปที่แก้มของอีกคน


         "นายก็เลอะเหมือนกัน"


         "ก็นายเอามาป้ายฉันนี่นา ฮ่าๆๆ"

     


         รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฎเด่นชัดอยู่บนใบหน้าของทั้งสอง เวลาที่เขาได้อยู่ด้วยกันเดินข้างกันหยอกล้อกัน มันทำให้หัวใจของจินยองพองโตกว่าครั้งไหนๆ เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร ถึงไม่รู้ว่าควรเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบรึเปล่า


         มันจะเร็วไปสำหรับเขามั้ย ถ้าจะใช้คำว่า รัก กับคนที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงเดือน



         "เกือบลืมไปเลย นายเลือกชมรมรึยังแจ็คสัน"เพราะว่าพรุ่งนี้จะต้องเลือกชมรมแล้วแต่จินยองยังไม่มีชมรมไหนที่สนใจเป็นพิเศษเลย ถ้ารู้ว่าแจ็คสันจะเข้าชมรมไหนคงจะเอามาใช้ในการตัดสินใจของเขาได้บ้าง ถึงจะพอเดาได้แต่จินยองก็เลือกที่จะถามคนข้างๆให้ตอบด้วยตัวของเขาเองดีกว่า


         "ฉันคงเข้าชมรมเกี่ยวกับกีฬาแหละมั่ง ถ้าไม่เปลี่ยนใจก่อน"คำตอบของแจ็คสันไม่ต่างจากที่จินยองคิดเอาไว้เลย ประธานชมรมกีฬาแย่งตัวแจ็คสันกันเป็นว่าเล่น คงไม่แปลกถ้าจะเห็นเขาเข้าชมรมกีฬา


         "แล้วนายได้เลือกชมรมไว้บ้างรึยังจินยอง"แจ็คสันถามกลับ เขาเดาไม่ถูกเลยว่าอีกคนจะมีชมรมอะไรอยู่ในใจบ้าง


         "ฉันหรอ..ไม่รู้สิ คงจะเป็นชมรมหนอนหนังสือหรือไม่ก็ชมรมเพาะชำอะไรประมาณนั้นมั้ง ดูไม่ค่อยหน้าตื่นเต้นเลยเนอะว่ามั้ย"


         "ไม่หรอก อะไรที่นายคิดว่าใช่ยังไงมันก็ใช่"


         "อยู่ชมรมเดียวกับคนที่ชอบก็น่าสนุกดีนะ จะได้เจอหน้ากันบ่อยๆ"


         "งั้นในชมรมที่นายจะเลือกพรุ่งนี้ก็ต้องมีคนที่นายชอบอยู่ด้วยใช่รึเปล่า"


         "ฉันไม่บอกนายหรอกแจ็คสัน มันเป็นความลับ"นิ้วชี้เรียวแนบกับริมฝีปากยู่ ยิ้มหวานจากจินยองถูกส่งไปให้แจ็คสันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วภายในเวลาไม่ถึงวัน


     

         จากโรงเรียนไปถึงร้านค้าไม่ได้ห่างกันเกินไป ดังนั้นจึงไม่ห่างจากบ้านของจินยองด้วย แจ็คสันที่บ้านไปทางเดียวกันอยู่แล้วเลยอาสาจะไปส่งจินยองที่บ้านก่อน


     

         "เออใช่ ฉันลืมไปสนิทเลย วันนี้แจบอมเป็นอะไรหรอทำไมไม่มาโรงเรียนล่ะจินยอง"


     

         คำว่า'แจบอม'จากปากของแจ็คสัน ทำให้จินยองถึงกับหยุดชะงัก ทั้งวันเขาแทบไม่ได้นึกถึงแจบอมเลย คงเพราะได้อยู่กับแจ็คสันทั้งวัน ความสุขที่คนอย่างจินยองไม่คิดจะได้พบได้เจอมาก่อนก็มาอยู่ตรงหน้า มันทำให้เขาหลงระเริงจนลืมไปหมดทุกอย่าง ทั้งๆที่บอกกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะรีบกลับไปเยี่ยมแจบอมให้เร็วที่สุด เพราะแจบอมต้องมาป่วยแบบนี้ก็เป็นเพราะเขา


         ขอโทษ... คงเป็นคำพูดเดียวที่เขาอยากจะบอกกับแจบอมในเวลานี้

     


         จินยองรีบก้มมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองทันที หลังจากรอสมองประมวลผลอยู่นาน ตอนนี้ก็เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว คนที่เขาทิ้งไว้ให้คอยคงได้แต่นอนป่วยรอให้เขากลับไปหา แต่เขากลับลืมคนๆนั้นไปซะสนิท แถมแบตโทรศัพท์ของพัคจินยองก็ดันมาหมดพอดีอีก คงมีสายที่ไม่ได้รับจากอิมแจบอมเป็นพันสายแล้วมั้ง 


         "ป่วยน่ะ เออ...ฉันมีบางอย่างต้องรีบไปทำน่ะ นายไม่ต้องไปส่งฉันแล้วก็ได้นะแจ็คสัน"


         "แต่ฉันอยากไปส่งนายนะ"


         "เอาวันอื่นคอยไปส่งก็ได้แต่วันนี้ฉันรีบมากเลย ขอโทษนะ"


         "ไม่เป็นไรหรอกจินยอง งั้นฝากบอกแจบอมด้วยนะว่า ขอให้หายไวๆ"


         "ได้เลยฉันจะบอกเขาให้ งั้นฉันไปก่อนนะ บาย"


         "บาย"


     

     

     

         หลังจากที่แยกตัวออกมาจากแจ็คสัน จินยองก็ออกตัววิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเห็นทางเท้ากลายเป็นลู่วิ่งไปแล้ว ที่เขารีบมากขนาดนี้ก็เพราะเป็นห่วงแจบอมที่กำลังป่วยอยู่ พ่อแม่ของแจบอมค่อยข้างยุ่งตลอดเวลา ไม่บ่อยนักที่จะเห็นพวกเขาอยู่บ้านด้วยกัน แจบอมเลยต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ และจินยองก็กลัวว่าแจบอมจะเป็นห่วงเขามากเกินไปจนไม่ได้พักผ่อน ขนาดจินยองแค่โดดเรียนไปงีบ แจบอมยังโทรหาเป็นร้อยสาย ครั้งนี้เขาออกมาเที่ยวข้างนอก ถึงแจ็คสันจะมาด้วยก็เถอะ แต่แจบอมก็ไม่รู้ว่าจินยองจะไปไหนกับใครแถมตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วด้วย...

     

     

         คงต้องรีบหน่อยแล้ว


         จินยองวิ่งตามทางมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงความเร็วที่ใช้วิ่งก็ค่อยๆลดลงตามระยะทางที่เหลือน้อยลงด้วย มองจากไกลๆก็เริ่มจะเห็นรั้วบ้านแล้ว แต่มีอะไรบางอย่างอยู่ข้างหน้าบ้านของแจบอมด้วย เหมือนจะเป็นเก้าอี้แล้วก็มีคนนั่งอยู่

     

     

         ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร..

     

     

          คนที่จะมานั่งอยู่หน้าบ้านในเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนี้ได้ จะมีอยู่กี่คนกัน

     

     

          จินยองเริ่มวิ่งอีกครั้งจนมาถึงตัวคนที่นั่งอยู่  ไม่มีทั้งผ้าห่มหรือเสื้อหนาๆอยู่บนตัวเขาเลยสักชิ้น ทั้งที่เป็นไข้อยู่แท้ๆแต่กลับมาออกมานั่งอยู่แบบนี้ จินยองไม่รู้โกรธใครดี ระหว่างแจบอมกับตัวเขาเอง


     

         "แจบอม ทำไมถึงออกมานั่งตากลมอยู่ข้างนอกแบบนี้ล่ะ"มือบางอังไปที่หน้าผากของอีกคน มันร้อนมากบวกกับสีหน้าอิดโรยของแจบอมบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พักผ่อนเลย มันทำให้จินยองรู้สึกผิดขึ้นไปอีกเท่าตัว


         "จินยอง ทำไมเพิ่งกลับ"เสียงแผ่วเบาของแจบอมดังขึ้น เขาจับมือบางของจินยองเอาไว้แน่น


         "ช่างมันเถอะน่า ทำไมนายไม่ห่วงตัวเองบ้างนะแจบอม"จินยองพยุงอีกคนขึ้นมาจากเก้าอี้ เขายกแขนยาวของแจบอมมาพาดบ่าเอาไว้ แขนเล็กโอบไปรอบเอวของอีกคนเพื่อช่วยพยุงไม่ให้ล้ม

         

         "นายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่"จินยองที่ไม่ได้สนใจกับคำพูดนั้นเลยแบกแจบอมขึ้นไปบนห้องนอน มือบางคลำไปตามกำแพงเพื่อเปิดสวิตซ์ไฟอย่างทุลักทุเล  เปลี่ยนจากห้องมืดมิดให้สว่างพอที่จะมองเห็นได้ ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จินยองวางคนป่วยลงบนเตียงรก

     

     

         จินยองเริ่มเก็บของบนเตียงให้เข้าที่เข้าทางจนเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เดินไปหยิบผ้ามาผืนนึงพร้อมกับน้ำเต็มขัน ขันใบนั้นถูกวางลงบนโต๊ะข้างๆเตียง ผ้าผืนบางซึมซับน้ำอุ่นเอาไว้จนชุ่มทั้งผืน มือบางไล่ปลดกระดุมเสื้อของอีกคนทีละเม็ดๆจนหมด เผยให้เห็นแผงอกกว้างกับหน้าท้องแกร่ง ผ้าผืนบางจากขันถูกบิดจนหมาดเพื่อนำมาดูดซับความร้อนจากตัวของอีกคน มือบางไล่ผ้าไปตามใบหน้าที่คุ้นตา มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นร่างกายภายใต้เสื้อนั่น

     

     

         ถึงจะพอรู้อยู่แล้วว่าแจบอมโตขึ้นมากจากเมื่อก่อน แต่จินยองก็เพิ่งจะเคยมานั่งมองอีกคนแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่คิดว่าจะต้องมาเช็ดตัวให้ผู้ชายด้วยกันเองแบบนี้มาก่อน ก็ทำเอาเขินอยู่ไม่น้อยเลย ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดก็ตาม แต่สำหรับจินยองแล้ว ยิ่งสนิทกันแค่ไหน มันยิ่งแปลกมากขึ้นไปเท่านั้น


         ที่เคยเห็นก็มีแค่แม่กับลูก พยาบาลกับคนไข้ ไม่ก็..

     

     

         พระเอกกับนางเอกในนิยายเท่านั้นแหละ

     

     

     


         เมื่อเช็ดตัวให้จนอีกคนตัวเย็นลงแล้ว จินยองก็กำลังจะหันหลังเดินจากไปแต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาว่า ถ้าทิ้งแจบอมไว้ที่นี่ แจบอมคงต้องอยู่คนเดียวไปถึงเช้ากว่าพ่อแม่แจบอมจะกลับบ้าน ระหว่างนั้นแจบอมจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีคนคอยเช็ดตัวให้ มีหวังไข้ไม่ลดลงแน่
     


         จินยองจึงตัดสินใจว่าคืนนี้จะมานอนที่นี่กับแจบอม ถึงจะเคยมานอนกับแจบอมบ้างแล้วก็เถอะ แต่มันก็นานมากแล้วที่ไม่ได้มานอนบนเตียงเดียวกัน จำได้ว่าล่าสุดก็เพิ่งจะม.2เอง จู่ๆแจบอมก็แปลกๆไป ไม่ยอมให้มานอนด้วย เอาแต่อ้างว่า เตียงมันเล็กเกินไปสำหรับนอนสองคน ทั้งที่ความจริงมันก็ไม่ได้เล็กอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะจินยองชอบเขยิบไปเบียดแจบอมอยู่เรื่อย  สำหรับเขาแล้วมันทำให้รู้สึกอบอุ่น แต่กับแจบอมอาจจะรู้สึกอึดอัดมากกว่าก็ได้มั้ง

     

     


         "แจบอม งั้นเดี๋ยวฉันมานะ"


         "นายจะไปไหนอีก"แจบอมคว้ามืออีกคนเอาไว้


         "นายพักเถอะ ไม่ต้องห่วง"จินยองแกะมือนั้นออก วางไว้บนตัวของเจ้าของก่อนจะดึงผ้านวมหนาขึ้นมาห่มให้แจบอมอย่างอ่อนโยน


         "อย่าทิ้งฉันไปนานนะ"


         "อืม"จินยองยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป



         จินยองกลับเข้ามาในบ้านของเขาที่อีกไม่นานก็จะเป็นบ้านของคนอื่นไปแล้ว ห้องครัวเป็นที่แรกที่เขาเดินเข้าไป


         'แม่ครับถ้ากลับมาแล้วอ่านด้วย วันนี้ผมขอไปนอนบ้านแจบอมนะครับ เดี๋ยวผมเอาเสื้อนักเรียนไปเปลี่ยนพรุ่งนี้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง รักแม่นะครับ'โพสอิทสีสวยถูกติดไว้บนตู้เย็นรอให้แม่เจ้าของลายมือได้มาอ่านข้อความนี้



         จินยองขึ้นไปหยิบของใช้ที่จำเป็นมาเตรียมไว้จากห้องของเขา เขารีบอาบน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ทันไรจินยองก็อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เสื้อผ้าง่ายๆอย่างเสื้อแขนกุดกับกางเกงขาสั้นถูกหยิบยกขึ้นมาใส่ เมื่อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วจินยองก็เดินออกจากบ้านของตนแล้วดิ่งตรงขึ้นไปบนห้องของแจบอมทันที

     

     


         "แจบอม ฉันกลับมาแล้ว"ประตูถูกปิดลง ในห้องมืดไปหมด ทั้งที่ก่อนออกไปจินยองก็เปิดไฟเอาไว้อยู่


         "..." 

         

         "แจบอม"


         "..."


         "แกล้งกันแบบนี้มันไม่สนุกเลยนะ อิมแจบอม"เสียงเรียกหาเจ้าของห้องดังขึ้นพร้อมกับมือที่คล้ำหาสวิตซ์ไฟตามผนังห้องอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็หาไม่เจอสักที

     

     

         ด้วยความที่จินยองไม่ค่อยถูกกับความมืดนักเลยลนลานไปหมด เพราะเขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจะมีอะไรอยู่ภายใต้เงามืดนั้นบ้าง ห้องนอนของเขาเองจึงไม่เคยถูกปล่อยให้มืดเลยสักครั้งเดียว อย่างน้อยก็ต้องมีไฟดวงเล็กๆเปิดเอาไว้ให้พอเห็นบ้างล่ะ 


         นอกจากว่าจะมีใครสักคนที่พอจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้จินยองได้ และคนอย่างอิมแจบอมก็เป็นหนึ่งคนที่ทำให้จินยองอุ่นใจเสมอแม้จะอยู่ในที่มืดแค่ไหนก็ตาม

     

     

     
         "ถ้านายยังไม่เลิกเล่น ฉันไปล่ะ"ความกลัวบังคับมือบางให้หมุนกอนประตูออกไป

     


         ภายในเงามืด อ้อมแขนกว้างโอบรั้งจากด้านหลังคนที่เพิ่งมาเยือนได้ไม่นาน ประตูที่กำลังจะเปิดออกถูกปิดลงอีกครั้ง

     


         "นายจะทิ้งคนป่วยแบบฉันไว้คนเดียวจริงๆหรอ"เจ้าของอ้อมแขนพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ


         "นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบความมืด"


         "ฉันกอดนายอยู่ตรงนี้ คอยปกป้องนายจากทุกอย่างที่นายมองไม่เห็น ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วหนิ "คางยาววางลงบนไหล่เล็กที่อยู่ข้างหน้า แจบอมเพิ่มแรงกอดมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวให้อีกคนรู้ว่า เขาจะไม่มีวันปล่อยให้อะไรมาทำร้ายได้


         "นายไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อฉัน แค่นี้นายก็ทำให้ฉันมามากพอแล้ว ฉันไม่อยากเห็นนายมาเจ็บเพราะฉันบ่อยๆหรอกนะ"


         "ก็เพราะฉันทั้งห่วงทั้งหวงนาย"


         "..." 


         "เคยรู้ตัวบ้างมั้ยจินยอง"


         "ระ..รู้อะไรของนายกันเล่า เมื่อกี้แทบจะยืนไม่ไหว ตอนนี้หายแล้วรึไง"จินยองปลีกตัวออกมาจากอีกคนได้สำเร็จ ตาที่เริ่มจะปรับให้เข้ากับความมืดได้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งแสงก็มองเห็น

     

     

         อีกอย่างแจบอมอยู่ที่นี่ 


         ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว


     

         "ยังไม่หายซะหน่อย แค่กำลังใจดี"แจบอมเดินกลับไปที่เตียงของเขา นอนลงบนหมอนใบเดิม จินยองที่ยืนอยู่ไม่ห่างเดินตามไปที่เตียง นอนลงให้ห่างกับอีกคนที่สุดเพราะกลัวว่าจะไปเบียดแจบอมอีก พร้อมดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาห่มตัวเขาและแจบอมไว้ 


         การนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันมันน่าอึดอัดอยู่ไม่น้อย แจบอมต้องคอยหักห้ามอารมณ์ฟุ้งซ่านไว้ข้างในเพราะกลิ่นตัวของอีกคนหอมฟุ้งไปทั่วแถมยังเลือกใส่เสื้อแบบนั้นมาอีก ส่วนจินยองเองก็ต้องตีหน้าตายเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งที่จริงความรู้สึกมันเปลี่ยนจากเพื่อนมาสักพักแล้ว พวกเขาหันหน้าเขาหากัน แม้ว่าจะหวั่นแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่คิดจะแสดงอะไรออกมาให้แปลกเกินไป 


         จินยองใช้มือแตะไปที่ใบหน้าของอีกคนเพื่อวัดความร้อน ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นมากแล้ว แต่คืนนี้คงต้องตื่นมาดูอาการตลอด

     

         "ดูเหมือนไม่มีอะไรต้องห่วงมากแล้วล่ะ งั้นฉันนอนก่อนนะ ฝันดี"จินยองชักมือกลับมากอดอดไว้ใต้ผ้าห่ม ตาปิดลงจนสนิท แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่างที่แก้มของเขา จินยองโพล่งลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นอีกคนนอนยิ้มอยู่ เดาไม่ยากเลยว่าสัมผัสเมื่อนั้นคืออะไร



         "อะไรของนายเนี่ย จู่ๆก็.."จินยองลูบแก้มข้างที่โดนลอบหอมไปโดยแจบอม


         "กำลังใจไง"แค่หอมยังน้อยไปสำหรับคนอย่างอิมแจบอม เขาดึงอีกคนเข้ามากอดไว้แน่น จินยองชะงักไปสักพัก

         
    "ไหนนายเคยบอกว่าเตียงมันเล็กไปสำหรับเราสองคนไง แล้วแบบนี้มันจะไม่เบียดกว่าเดิมหรอ"


         "ก็ไม่เห็นต้องทำห่างเหินแบบนั้นเลยหนิ"


         "ก็ฉันคิดว่านายไม่ชอบให้นอนเบียดซะอีก"


         "ทำไมฉันจะไม่ชอบล่ะ ก็แค่.."


         "แค่อะไร"


         "แค่ช่วงนั้นควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่น่ะ"


         "ควบคุมอารมณ์.."


         "มันก็แค่อารมณ์ของวัยรุ่นเลือดร้อนเท่านั้นละ อย่าไปสนใจเลย"


         "แล้วตอนนี้คุมได้แล้วหรอถึงยอมให้ฉันนอนด้วย"


         "ก็ไม่เชิงหรอก.."


         "งั้นหรอ.."มือที่กอดอกอยู่ค่อยๆคลายออกแล้วกอดอีกคนเอาไว้ไม่ต่างกัน จินยองได้แต่ยิ้มในใจอยู่ลึกๆ
     

         ก่อนที่ทั้งสองจะหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน



     


         ตลอดทั้งคืนจินยองคอยตื่นมาเช็ดตัวให้แจบอมเป็นระยะๆจนแทบไม่ได้นอนพัก พอเริ่มเช้าจินยองเลยเผลอหลับไปจากความอ่อนเพลีย 


         แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านผืนบาง แจบอมตื่นขึ้นในเวลาเช้ากว่าทุกวัน คงเพราะได้กำลังใจจากคนข้างๆมาเยอะ วันนี้เลยรู้สึกสดชื่นกว่าทุกวัน ไข้ที่เคยเป็นก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่จึงไม่อยากจะปลุกอีกคนให้ตื่นก่อน


         แจบอมลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป เพราะเป็นผู้ชายอาบน้ำเร็ว ไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ 


         จินยองยังนอนหลับอยู่ที่เดิม แจบอมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคน แก้มย้วยๆของจินยองทำให้เขาอดใจไม่ไหว ลอบหอมแก้มไปอีกที กลิ่นหอมอ่อนๆของจินยองไม่เคยเปลี่ยนไปเลย 


         แต่ความจริงแล้วแจบอมก็ไม่ได้อยากจะแค่หอมแก้มหรอก 

     

         "ตื่นได้แล้วครับ คุณพัคจินยอง"ไม่มีการตอบสนองใดๆต่อเสียงของแจบอม


         
         "ไม่ยอมตื่นหรอครับ"แจบอมแกล้งจี้เอวของอีกคนเพราะรู้ว่าจินยองเป็นพวกบ้าจี้ขั้นรุนแรง แล้วมันก็ได้ผล จินยองเริ่มขยับตัว ดิ้นไปมา แรงขึ้นเรื่อยๆ


         "อืออ แจบอมหยุดดด ฉันตื่นแล้ววว"ปากก็บอกว่าตื่นทั้งที่ตายังไม่ลืมเลยด้วยซ้ำ ถึงแจบอมจะจี้อีกคนมากแค่ไหนจินยองก็ไม่มีวี่แววจะลุกขึ้นมาจากเตียงเลย ในเมื่อปลุกแบบนี้ไม่ตื่นแจบอมก็คิดวิธีที่ต้องทำให้อีกคนถึงกับสะดุ้งโหย่งได้แน่นอน แล้วเขาเองก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย 


         "นายจะไม่ตื่นแน่นะ"


         "..."


         "นับหนึ่งถึงสามถ้านายยังไม่ลุก ฉันจะจูบนาย"


         "ขออีกสองวิ"จินยองนับเลขหนึ่งสองในใจก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง แต่กลับโดนมือของอีกคนกดเอาไว้กับที่ ปากร้อนผ่าวแตะกับปากอวบอิ่มตรงหน้าอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว เพียงแค่สัมผัสอย่างแผ่วเบาจากแจบอมก็สามารถปลุกจินยองได้อย่างดีถึงจะตกใจอยู่ไม่น้อย ก็ทำได้เพียงแค่หลับตาลงรับความรู้สึกนี้เอาไว้ ปล่อยให้อีกคนฉวยเอาจูบแรกของเขาไปต่อหน้าต่อตา

     

         และต่อจากนี้ไป ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน ผู้ชายอย่างอิมแจบอมก็จะขึ้นชื่อว่าเป็นจูบแรกของพัคจินยองไปตลอดกาล 

     

         แจบอมถอนจูบออก ปล่อยให้ปากอิ่มของอีกคนเป็นอิสระหลังจากที่ตัวเองเก็บเกี่ยวจนพอใจ จินยองค่อยๆลืมตาขึ้นจากภวังค์
     

          ไม่มีใครกล้าพอที่จะสบตาอีกฝ่ายก่อน แม้แต่คนเริ่มเกมอย่างแจบอมก็ได้แอบลอบยิ้มอยู่คนเดียว ส่วนจินยองก็ยังมึนงงไม่ต่างกับคนเพิ่งสร่างเมา มันเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกที่ก็เสียจูบแรกให้กับเพื่อนสนิทตัวเองไปซะแล้ว

     

         "ฉะ..ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ"จินยองรวบรวมสติทั้งหมดตอบก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป


         กอนประตูห้องถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาด้วยฝีมือของพัคจินยอง เขาตบหน้าตัวเองอยู่ด้านหน้าของกระจกบานใหญ่ถึงสามสี่หน เขาไม่รู้ว่าที่ตัวเองจะส่งผลยังไงต่อไป ยิ่งคิดก็ยิ่งหนักใจ อยากจะลืมมันไปให้หมด แต่ในความเป็นจริงก็ทำแบบนั้นไม่ได้



         ด้านแจบอมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะขโมยจูบแรกของอีกคนมาได้สำเร็จ สำหรับเขามันก็ค่อนข้างจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่จูบไปแบบนั้น แต่สำหรับจินยองแล้วมันคงเป็นเรื่องที่ทำให้เกือบหยุดหายใจไปเลยก็ได้

     

         ตื้อตึง


         (แจ็คสัน : ทักทายยามเช้า)


         (แจ็คสัน : หวังว่านายจะมีชมรมในใจแล้วนะจินยอง)

     

         โทรศัพท์ของจินยองที่ชาร์ตแบตอยู่บนโต๊ะข้างๆดังขึ้น แจบอมถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากแจ็คสัน ก็ไม่อยากจะใส่ใจอะไรมากเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่าที่เห็น อีกอย่างเขากับแจ็คสันก็เริ่มจะเข้ากันได้ดี ไม่อยากจะคิดไปเองจนทำให้เสียเพื่อนอีก แม้ว่าก่อนหน้านี้ลางสังหรณ์ของแจบอมจะบอกว่าไม่ควรไปยุ่งแจ็คสันนัก
     



         แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้เขาสนิทกันไปถึงขั้นไหนแล้ว...

     


         แจบอมวางโทรศัพท์กลับไปไว้ที่เดิม ก่อนจะพาตัวเองลงมารอข้างล่างซึ่งตอนนี้ก็ยังเหลือเวลาอีกมากเลยไม่ต้องรีบร้อนอะไร ไม่นานจินยองก็เดินลงมา 


         "จินยองนายหิวรึยัง อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า"ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันก็ใส่รองเท้าไปด้วย


         "ฉะ..ฉันหรอ แล้วแต่นายเลย"จินยองใส่เสร็จก่อนเลยรีบเดินออกมา มองก็รู้ว่าตั้งใจจะหลบหน้ากัน


         "งั้นไปกินรามยอนที่มินิมาร์ทหน้าโรงเรียนกันนะ"แจบอมที่เดินตามหลังมาติดๆเสนอความคิดเกี่ยวกับอาหารเช้า


         "อ่อได้สิ..ได้อยู่แล้ว"จินยองเอาแต่ก้มหน้าก้มตา จนแจบอมผิดสังเกต


         "นายดูแปลกๆนะจินยอง โกรธที่ฉัน.."


         "เปล่าา เปล่าหนิ"


         "หรือว่านายเขินฉัน?"


         "แล้วทำไมฉันต้องเขินนายด้วย"


         "เพราะนายอาจจะตกหลุมรักฉันไปแล้วก็ได้"


         "..." 




         ฉันจะกล้าไปตกหลุมรักกับเพื่อนที่สนิทที่สุดอย่างนายได้ยังไงกันอิมแจบอม.. 

         
    
         เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับพวกเรา

     





     

    ________________________ 60%






         มุมนึงของร้านมินิมาร์ทเล็กๆถูกเลือกให้เป็นที่ทานอาหารเช้าของแจบอมและจินยอง อาหารง่ายๆอย่างรามยอนถ้วยถูกเลือกมาวางไว้ตรงหน้าของทั้งสอง

     


         "แล้วนายได้เลือกชมรมไว้บ้างรึยังจินยอง"แจบอมถามอีกคนหลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่นาน


         "ฉันก็มีในใจแล้วล่ะ นายก็คงเข้าชมรมดนตรีเหมือนเดิมใช่มั้ย"


         "คงงั้นแหละ จะไปไหนได้"


         "จะว่าไปก็ไม่ได้ฟังแจบอมร้องเพลงเลยนะช่วงนี้"


         "เดี๋ยวนายก็จะย้ายมาอยู่กับฉันแล้วหนิ ตอนนั้นฉันจะร้องให้ฟังเอง"


         "จริงด้วยสินะ.."


     

         วันอาทิตย์นี้พ่อกับแม่ก็จะไปแล้วด้วย ใกล้ถึงเวลาที่ต้องย้ายเข้าไปอยู่กับแจบอมแล้ว แค่เมื่อเช้ายังแทบแย่ ถ้าอยู่ไปอีกเป็นปี ตอนนั้นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้แล้ว หวั่นใจซะแล้วสิ ทั้งที่ตอนแรกเป็นคนงอแงไม่อยากไปเองแท้ๆ


         ถ้วยรามยอนเปล่าถูกทิ้งลงถังขยะแถวนั้นหลังจากที่มันหมดไปโดยแจบอมและจินยอง 


         เพียงก้าวเท้าออกจากมินิมาร์มาแค่สิบก้าว ประตูโรงเรียนก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ภายในรั้วโรงเรียนเหมือนเดิมจนน่าเบื่อ ต่างออกไปแค่ผู้คนที่พลุกพล่านจนน่ารำคาญ แจบอมเกลียดบรรยากาศแบบนี้จริงๆ แต่ละปีก็ต้องคอยทนกับมันมาตลอด ไหนจะเข้าค่าย ไหนจะงานประจำปีอีก มีดีแค่อย่างเดียวคือไม่ต้องมานั่งเรียนในห้องเหมือนทุกวัน 


         กับกิจกรรมพวกนี้คำว่าสนุกสนานไม่เคยอยู่ในหัวแจบอมมาก่อน แต่หลังจากที่จินยองเข้ามา อะไรที่เคยเป็นก็เปลี่ยนไปหมด 


         แค่อีกคนบอกว่าชอบ เขาก็ชอบตาม แค่อีกคนบอกว่าดี ทุกอย่างก็ดีไปหมด 


     

         "แจบอมงั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะ ฉันต้องไปตามหาชมรมแล้ว"


         "แล้วไอ้ชมรมที่ว่านี่ มันชมรมอะไรล่ะ"


         "ไม่บอกหรอก แบร่"พูดจบ จินยองก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่รอให้อีกคนได้พูดอะไร


     

         ในเมื่อไม่ยอมบอก อิมแจบอมก็ต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง แค่เดินตามไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เองแหละ


         จินยองเดินเข้าไปตรงลานใหญ่ ซึ่งตรงส่วนนี้วุ่นวายสุดๆ เพราะหลากหลายชมรมมาเปิดรับสมัครที่นี่ นักเรียนทุกระดับชั้นจึงหลั่งไหลเข้ามาสมัครชมรมที่สนใจกันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้แจบอมคาดสายตาจากจินยองไปง่ายๆ 


         แจบอมเดินวนไปจนทั่วลานใหญ่ หลายชมรมเริ่มทยอยปิดป้ายรับสมัครเพราะชมรมนึงจะรับคนได้เพียงแค่สามสิบคนเท่านั้น ทำให้ผู้คนบางตาลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือชมรมที่คนอย่างแจบอมไม่ค่อยให้ความสนใจนักอย่างชมรมละครเวทีที่มีคนต่อแถวอยู่เยียดยาว แจบอมที่ยืนอยู่ไกลๆไล่เพ่งมองไปตามแถวยาวจนถึงช่วงกลาง และสิ่งที่เขาเห็นก็ต้องทำให้ประหลาดใจ เมื่อหนึ่งในนั้นมีจินยองยืนอยู่ด้วย 


         ยิ่งนานเข้า แถวยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนใกล้จะครบสามสิบคนเต็มที 


         แจบอมกำลังลังเล...

     

          ตอนนี้เขาควรจะไปยืนอยู่หน้าชมรมดนตรีสิ ใครก็ได้ช่วยเขาคิดทีว่าควรจะเลือกอะไร


     

         "อ้าวแจบอม นายเป็นไงบ้าง หายดีแล้วหรอ"แจ็คสันเดินมาสะกิดทักทายแจบอมจากด้านหลัง


         "จะไม่ให้ฉันหายได้ยังไง มีจินยองคอยเช็ดตัวให้ทั้งคืน..."แจบอมหลุดปากออกไปอย่างจงใจ หวังจะให้แจ็คสันได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับจินยองไว้บ้าง


         "ดีจังเลยนะพวกนายน่ะ แต่เสียดายที่เมื่อวานนายไม่ได้มาโรงเรียน จินยองกับฉันเลยต้องไปเดินเล่นกันแค่สองคน.."แจ็คสันพูดถึงเรื่องเมื่อวานให้คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อย่างแจบอมฟัง เขารู้ว่าทำไมแจบอมถึงได้พูดแบบนั้นออกมา 


         ไม่มีเหตุผลอะไรที่แจ็คสันจะไม่ตอบกลับบ้าง


         "..คงสนุกมากเลยสินะ เมื่อวานน่ะ"ภายใต้ใบหน้าเฉยชาของแจบอม กำลังเอาแต่คิดว่าทำไมจินยองถึงไม่ยอมบอกเรื่องเมื่อวานกับตน 


         ไม่น่าล่ะ..เมื่อวานถึงกลับช้านัก 


         มัวแต่ไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นนี่เอง



         "แน่นอนสิ ก็ไปกับจินยองหนิ ว่าแต่นายเห็นเจ้าตัวบ้างรึเปล่า"


         "จินยองหรอ ไม่หนิ"แจบอมตอบหน้าตาย ทั้งที่มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะมาแอบดูจินยองแท้ๆ


     

         ตืด ตืด ตืด


         "อ่า จินยองโทรมาแล้วล่ะ ดูสิ"แจ็คสันยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นดู เมื่อเห็นว่าเป็นจินยองที่โทรมา ก็หันไปให้แจบอมดูบ้าง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าจินยองมีเบอร์เขา หรือ เขามีเบอร์จินยองหรอกนะ 


    เขาก็แค่อยากบอก..เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหนิที่จะมีของเบอร์ของคนที่ตอนนี้เขาเรียกว่าเพื่อนอยู่ในเครื่อง


         "..."แจบอมได้แต่ยืนมอง ถึงแม้ว่าในใจมันจะร้อนรุ่มขนาดไหนก็ตาม 


         ก็เดี๋ยวนี้มีแจ็คสันแล้วหนิ อย่างเขาจะไปมีความสำคัญอะไรให้โทรหาล่ะ


         "ว่าไงจินยอง ฉันอยู่ที่ลานใหญ่แล้ว นายอยู่ไหนล่ะ"


         'ฉันต่อแถวชมรมละครเวทีอยู่นี่ไง ตรงกลางๆลานใหญ่เลย ฉันจองคิวไว้ให้นายแล้วนะ รีบมาล่ะ'


         "โอเค ฉันจะรีบไป"


         'ฉันจะรอนะ'


     

         "แจบอม งั้นฉันไปก่อนนะไว้ค่อยคุยกัน"


         "อืม ไว้เจอกัน"แจบอมโบกมือให้ตามมารยาท แจ็คสันโบกมือตอบก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตรงกลางลานใหญ่ที่มีป้ายชมรมละครเวทีอยู่ตั้งห่างออกไปจากที่พวกเขายืนอยู่


    ตอนนี้แจบอมเริ่มคิดแล้วว่า ลางสังหรณ์ของเขาอาจจะเป็นจริง...




         "มาแล้วหรอแจ็คสัน นายนี่โคตรช้าเลย"จินยองที่กอดอกอยู่ในตอนแรก ยื่นบัตรคิวให้แจ็คสันเมื่อเห็นอีกคนมาถึงแล้ว


         "เมื่อกี้แวะคุยกับแจบอมแปบนึงน่ะ ขอบใจสำหรับบัตรคิวนี่นะ"แจ็คสันรับบัตรคิวมาจากจินยอง 


         "งั้นหรอ แล้วแจบอมอยู่ไหนล่ะ"

     

         "เมื่อกี้เห็นอยู่ตรง.."

     

         "เอ้าจินยองแจ็คสัน พวกนายจะเข้าชมรมละครเวทีกันหรอ ฉันก็ว่าจะเข้าอยู่เหมือนกัน บังเอิญจังนะ"พูดยังไม่ทันขาดคำเจ้าของชื่อ อิมแจบอม ก็เดินฝ่ากลุ่มคนออกมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา พร้อมกับโผเข้ากอดคอของทั้งสองคนเอาไว้ 


         "เมื่อเช้านายยังบอกจะเข้าชมรมดนตรีอยู่เลยหนิ แล้วทำไมถึง.."จินยองถามอย่างแปลกใจ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คนอย่างแจบอมจะไม่เข้าชมรมดนตรีแล้วเปลี่ยนมาอยู่ชมรมอย่างละครเวทีแทน


         "ฉันเพิ่งจะคิดได้ว่าละครเวทีมันน่าสนใจซะยิ่งกว่าดนตรีอีก"


         "ฉันไม่รู้ว่านายจะเข้าด้วยเลยไม่ได้จองคิวไว้ให้.. นายคงต้องไปต่อท้ายแล้วล่ะ ขอโทษนะแจบอม"จินยองแกะมือแจบอมที่กอดคอเขาออก ก่อนจะชี้ไปที่ท้ายแถวแสนยาวเหยียด 


         "อ่อ.. งั้นฉันไปต่อแถวก่อนนะ"แจบอมชักแขนข้างที่กอดคอแจ็คสันกลับมาแนบลำตัวเหมือนเดิม แล้วเดินไปต่อท้ายแถวอย่างว่าง่ายโดยมีจินยองกับแจ็คสันมองตามหลังไป ถึงเขาจะรู้สึกเสียหน้าที่จินยองพูดจาเย็นชาแบบนั้นกับเขาแต่คงต้องยอมรับว่าเขาผิดเองที่ตัดสินใจช้าไป



         เมื่อเดินมาถึงท้ายแถว แจบอมก็ต้องยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นรุ่นน้องที่เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ดูขี้โรคแต่ก็ดูน่ารักน่าหยิกในเวลาเดียวกัน นั่งเหลอหลาอยู่เป็นคนสุดท้ายของแถว เพราะอะไรเขาถึงยิ้มนะหรอ 


         เด็กนี่ดูง่ายที่เขาจะข่มไงล่ะ



     

         "เฮ้รุ่นน้อง นายได้คนที่เท่าไร"แจบอมเดินเข้าไปใกล้เด็กคนนั้น ก่อนถามด้วยสีหน้าท่าทางแบบรุ่นพี่ที่น่าเกรงขามควรจะทำ


         "ผมได้คนที่สามสิบพอดีเลยครับ รุ่นพี่..จะเข้าเหมือนกันหรอครับ"เด็กตรงหน้าจับบัตรคิวที่สามสิบไว้แน่น เหมือนกับรู้ว่าแจบอมจะกระชากไปจากเขา


         "ก็ใช่นะสิ"


         "แต่ว่าผมก็จะเข้าเหมือนกัน.."


         "เอางี้มั้ยล่ะ ฉันจะแนะนำชมรมอื่นให้นาย แล้วบัตรคิวที่สามสิบนั่น ฉันขอ"เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ข่มง่ายๆอย่างที่คิด แจบอมเลยยื่นข้อเสนอให้แทนเพื่อลดความเสี่ยงที่จะโดนปฏิเสธ เขาเองก็ไม่ได้เป็นพวกอันธพาลจริงๆ ไม่อยากจะถูกมองว่าเป็นพวกชอบใช้อำนาจข่มคนที่เด็กกว่าขนาดนั้นหรอก


         "แบบนั้นจะดีหรอครับ"


         "ดีสิ เชื่อฉัน มันจะดีกับเราทั้งคู่แน่นอน"


         "เออ... แล้วที่รุ่นพี่พูดถึงนี่ชมรมอะไรล่ะครับ"


         "ชมรมบาสเกตบอลไง"


         "ทำไมต้องบาสด้วยล่ะครับ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด"


         "ไม่น่าล่ะ นายถึงได้ตัวกะเปี๊ยกเดียว ฉันดูแวบเดียวก็รู้ว่านายคงจะโดนเพื่อนล้อโดนเพื่อนแกล้งตลอด ถ้านายยังไม่ลองเปลี่ยนมาเล่นกีฬา แล้วเมื่อไรเพื่อนนายจะหยุดล้อหยุดแกล้งสักที"เด็กนั่นดูตกตะลึงกับประโยคที่แจบอมพูดมาก คงจะตรงเป๊ะเลยล่ะสิ

     

         ที่แจบอมรู้ก็เพราะถ้าเป็นเขาเองก็คงจะแกล้งเด็กนี่เหมือนกัน


         "พี่รู้ได้ไงอะครับ แม่นอย่างกับตาเห็น"


         "ฉันเห็นมาหลายคนแล้ว ตัวเล็กๆแบบนายเนี่ย พอเริ่มเล่นกีฬานะ ตัวก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครกล้ามาแหยมอีกแน่นอน นายไม่อยากเป็นแบบนั้นบ้างรึไง"แจบอมพยายามโน้มน้าวรุ่นน้องตรงหน้าสุดๆ เด็กนั่นทำท่าลังเลเหมือนกำลังคิด


         "อืม.. ผมเชื่อพี่แล้วก็ได้ครับ"เด็กนี่หลอกง่ายสุดๆ แจบอมมั่นใจอยู่แล้วเชียวว่าบัตรคิวนั่นจะต้องกลายเป็นของเขาในที่สุด


         "มันต้องอย่างงี้สิรุ่นน้อง ว่าแต่นายชื่ออะไร"


         "ผมหรอ แบมแบมครับ"

     


    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||

     

     


    ก่อนอื่นเลย เราต้องขอโทษจริงๆนะคะ ที่เราไม่ได้มาอัพภายในสองสามวันอย่างที่บอกไว้

     พอดีมีงานด่วนมั่กๆต้องทำเราเลยเพิ่งจะได้แต่งต่อ งืออเค้าขอโตดดดดT^T

    พูดถึงฟิคกันบ้างตอนนี้ แบมแบมปรากฏตัวมาก็โดนไล่เลย

    แต่ไล่ไปชมรมบาสนี่จะมีอัลไลรึเปล่าา 

    แจ็คสันเริ่มไม่อ่อนข้อให้แล้วนะศึกชิงจินยองใกล้เข้ามาแล้ว

    ว่าแต่ชมรมละครเวทีนี้เขาจะเข้าไปทำไรกันอ่ะ

    ต้องติดตามตอนต่อไปกันนะคะ มาแบมแบมพาร์ทกันบ้าง

    สุดท้ายก็อย่าลืมแสดงความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆกันด้วยน้าา

    เรามีความสุขจริงๆเวลาได้อ่านคอมเม้นท์จากทุกคน

    ขอบคุณค่ะ กิกิ











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×