ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO [HunHan] :: HomeMate :: รักนี้ ต้อง! ปีนเกลียว [จบแล้ว]

    ลำดับตอนที่ #2 : -2- บ้านใกล้ เรือนเดียวกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 701
      3
      6 ต.ค. 57











    Tegs : #รนตปก













































     

                             เช้าวันรุ่งขึ้นผมถูกคุณนายลู่แงะออกมาจากเตียงเพื่อปฏิบัติภารกิจจัดของรองรับอีกคนที่จะมาอาศัยด้วยชั่วคราว ผมพยายามกวาดของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมาไว้ฝั่งตัวเอง จะได้มีที่เหลือเพียงพอสำหรับของใครอีกคน นอกจากจะจัดของบนเตียงแล้ว ผมยังต้องลงไปจัดตู้เสื้อผ้าที่ชั้นล่างเพื่อแบ่งพื้นที่ให้เซฮุนได้ใช้ด้วย จริงๆ ผมไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้เพราะเซฮุนเองก็มีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของมันอยู่แล้ว
     

                             แต่คุณนายลู่บัญชา ผมจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง *ร้องไห้*
     

                             เมื่อคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยผมก็ถีบตัวเองลงมาจากชั้นบนเพื่อมาช่วยแม่ยกของขึ้นรถเตรียมตัวเดินทาง แต่พอเดินมาชั้นล่างพบว่าแม่กำลังวุ่นวายกับอะไรสักอย่างบนโซฟาห้องนั่งเล่น ผมไม่รอช้ารีบเดินไปนั่งข้างๆและวาดวงแขนกอดเอวผู้เป็นแม่ทันที
     

                             “ว้าย อะไรเนี่ยอาลู่” แม่หันมามอง “นี่จัดของเสร็จแล้วเหรอ”
     

                             “ครับ เสร็จแล้ว” ผมเกยคางบนไหล่แม่
     

                             “ดีแล้ว อีกสักพักน้องฮุนจะมานะ”
     

                             “น้องฮุน?” ผมขมวดคิ้วนิดๆ “แม่เปลี่ยนไปเรียกมันแบบนั้นตอนไหน

                             “นี่แน่ะ! ทำไมไปเรียกน้องแบบนั้น”

                             ผมรีบลูบแขนตัวเองพร้อมเบะปากทันทีที่โดนมือขาวๆของคุณนายลู่ฟาดเพี๊ยะลงมา เจ็บไม่ใช่เล่นๆนะที่ตีลงมา

                             “ครับๆ” ผมตอบแบบขอไปที “แม่ทำอะไรอยู่อ่ะ”

                             “กำลังคิดค่าใช้จ่ายที่จะให้ลูกใช้น่ะสิ”

                             ผมหูผึ่งทันทีที่แม่พูดจบ กับคนอื่นผมจะแค่ฟังแบบผ่านๆ แต่ถ้าแม่เป็นคนพูดเองนั่นหมายถึงทั้งชีวิตของคนแมนคนนี้ เพราะถ้าพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายคุณนายลู่นี่ขึ้นชื่อมาก….

                             สักวอนก็ไม่ให้กระเด็น!

                             “แน่ะๆ ไม่ต้องมาหน้าบึ้งใส่แม่เลย” แม่พูดดักอย่างรู้ทัน

                             “.....” ผมเลยเบะปากแทน

                             “แม่ไปหนึ่งเดือน ตอนนี้ลูกเปิดเทอม อีกสองสัปดาห์ก็จะปิดเทอม ปิดเทอมลูกก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินมาก” ปากก็ขยับพูดไปมือก็เขียนยิกๆทดเลขบนกระดาษ “ปกติเวลาไปเรียนลูกจะได้วันละสองพันวอน เรียนห้าวันต่อสัปดาห์ รวมเป็นสิบวัน สิบวันกับสองพันวอน.....สองหมื่นวอนก่อนปิดเทอม”

                             “.......” ผมนั่งเอ๋อฟังแม่ คนหรือเครื่องคิดเลข!

     

                             “วันหยุดก่อนปิดเทอมสี่วัน วันละพันวอน รวมเป็นสี่พันวอน บวกกับวันไปเรียนเป็นสองหมื่นสี่พันวอน ปิดเทอมอีกสองสัปดาห์แม่ให้เพื่อเป็นค่าอาหารแล้วกันอีกสามหมื่นวอน ...ห้าหมื่นสี่พันวอน”

     

                             “.......”

                             “ค่าพิเศษจิปาถะอื่นๆอีกหกพันวอน รวมเป็น หกหมื่นวอน” แม่หยุดเขียนแล้วหันมามอง “ตามนี้นะอาลู่”

                             “......”

                             “แม่จะให้หกหมื่นวอนทั้งหมด จะแบ่งจ่ายเป็นรายสัปดาห์นะ”

                   “.......”

                             “แล้วก็ใช้เงินส่วนนี้ร่วมกับน้องฮุน”

                             “.......”

                             “อาลู่”

                             “.......”

                             “อาลู่!

                             “คะ..ครับ!?” ผมสะดุ้งหลังจากนั่งอ้าปากเหวอมาสักพัก

                             “รู้เรื่องแล้วก็ยกกระเป๋าแม่ไปขึ้นรถ ป่านนี้พ่อคงรอนานแล้ว” แม่พูดจบก็เดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าถือตัวเองไปที่รถ ทิ้งผมไว้กับกระเป๋าเดินทางอีกสี่ใบใหญ่ๆ



     

                             หนึ่งเดือนหกหมื่นวอน……..

     

     

                             คนแมนขอเป็นลม!!!

     

     

     










     

     

                             “ดูแล ล็อคบ้านดีๆนะอาลู่” พ่อโผล่หน้าออกมาจากกระจกรถ ใบหน้าวัยกลางคนถูกบดบังไปกว่าครึ่งด้วยแว่นกันแดดเลนส์ใหญ่ ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้มหน้าลงไปให้พ่อกับแม่จุ๊บแก้มอย่างรู้งาน
     

                             “แล้วแม่จะซื้อของฝากมาฝากนะ” แม่ยิ้มแล้วเลื่อนกระจกรถปิด กระจกเคลือบฟิล์มสีดำสะท้อนเงาของสิ่งแวดล้อมด้านนอกเห็นผมและเด็กหน้าตายอีกคนที่ยืนข้างๆกัน เมื่อรถคันหน้าที่เป็นของพ่อเซฮุนเคลื่อนออกไปพ่อก็ออกรถตาม ทันทีที่ท้ายรถของรถทั้งสองคันนั้นหายไปผมก็เดินเข้าบ้านโดยที่มีวิญญาณสารถีส่งกล้วยแขกเดินตามมาด้วย

                             พอเข้ามาในบ้านผมก็รีบกระโดดไปนั่งบนโซฟาและเปิดทีวีดูการ์ตูนเรื่องโปรดทันที ส่วนมนุษย์อีกคนที่ทำหน้าตาย(เพราะไม่จำเป็นต้องแอ๊บแล้ว)ก็เดินร่อนไปที่ครัว สงสัยคงไปหาอะไรกิน

                   สักพักมันก็พาหน้าติ๋มๆโผล่ออกมา

                   “เสี่ยวลู่ ไม่มีอะไรกินเหรอ” เซฮุนผู้ที่ผิดหวังจากตู้เย็นในครัวเดินมาหยุดตรงระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่น

                             “.......” ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะสนใจการ์ตูนตรงหน้าแทน

                             “เสี่ยวลู่ ฉันถามว่าไม่มีอะไรกินหรือไง” เซฮุนขึ้นเสียงนิดๆเหมือนขัดใจ

                             “ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ย แม่งโคตรโง่เลย” ผมหัวเราะให้กับตัวการ์ตูนที่กำลังแสดงท่าตลกๆอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมนั่น

                             “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ” เซฮุนพูดขัดขึ้นมา

                             เรื่องของเอ็ง ข้าดูการ์ตูนอยู่ กร๊ากกกกก

                  เซฮุนถอนหายใจที่เห็นว่าผมไม่ยอมสนใจสักนิด


     

                             ผมดูไปได้สักพักก็พบมนุษย์หัวบลอนเดินมาตรงหน้าและหยุดยืนบังหน้าจอพร้อมกับกอดอกใบหน้าบูดบึ้งนั่นบ่งบอกว่าไม่พอใจแล้วแน่ๆ ทำหน้าทะมึนถึงเหมือนผมไปหยิบรังแตนปาใส่มันแทนอาหารเช้าอย่างงั้นแหละ

                             “หิว”

                             คำเดียวสั้นๆที่หลุดออกมาจากริมฝีปากนั่น

                             “แล้ว?” ผมเลิกคิ้วกวนบาทากลับไป

                             “หาไรให้กินหน่อย”

                             “โตแล้วไม่มีปัญญา?”

                             ผมแอบเห็นเซฮุนชักสีหน้าหน่อยๆก่อนจะกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิม “มี แต่นี่ไม่ใช่บ้านฉัน”

                             “ถ้าเห็นคือมี ไม่เห็นคือไม่มี” ผมหยิบหมอนขึ้นมากอดแล้วโบกมือปัดออกไปด้านข้าง “ขยับดิ๊ จะดูการ์ตูน”

                             “โตเป็นควายจีนยังจะดูการ์ตูนอยู่อีก”

                             “ย๊า!!! ฉันเกิดก่อนนายนะ โตกว่าด้วย มาพูดแบบนี้ได้ยังไง” ผมขมวดคิ้ว

                             “ตรงไหนที่บอกว่าโต ตัวก็เตี้ยกว่าฉัน” เซฮุนเปลี่ยนจากกอดอกเป็นยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองชิลล์ๆ “สมองก็เด็ก เอาแต่ติดการ์ตูน”

                             “นายนั่นแหละเด็ก จะไปหิวตายที่ไหนก็ไปเลยไป!” ผมกระชากเสียงด้วยความไม่พอใจ แต่แทนที่มันจะสำนึกกลับชะล่าใจก้าวเดินมาหาผมแทน
     

                             “แล้วนายกินข้าวแล้วหรือไง” เซฮุนเลิกคิ้วสงสัย สองเท้าก็ก้าวเดินมาเรื่อยๆ
     

                             จนในที่สุดก็หยุดยืนตรงหน้าผม
     

                             “ยัง แต่ไม่หิว” ผมสะบัดหน้าไปทางอื่นแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอ ผมนั่งแข็งทื่อเมื่อรู้ตัวว่าเจ้าเด็กข้างบ้านนี่ยื่นหน้าเข้ามาหาแถมห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตร
     

                             ถ้าเผลอขยับจมูกผมต้องชนแก้มมันแน่ๆ...
     

                             “แน่ใจนะว่าไม่หิว...” เซฮุนเอ่ยเสียงเบาแต่กลับได้ยินชัดเจนเพราะความห่างที่ไม่มาก
     

                             “อะ...เออ” ผมตอบด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก
     

                             “จะถามอีกครั้ง จะออกไปหาข้าวกินไหม” พูดไม่พอ มือขาวค้ำกับพนักโซฟา ใบหน้าก็ขยับเข้ามาใกล้จนผมเองต้องเป็นฝ่ายถดหนีเสียเอง แต่ขยับได้ไม่มากนักก็ต้องติดแขนอีกข้างที่เจ้าเด็กนี่เท้ากั้นเอาไว้
     

                             “ไม่” ผมทำใจดีสู้เสือตอบไป แต่ความจริงแอบเกร็งอยู่เหมือนกันไม่น้อย
     

                             “เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก” เซฮุนขยับออกไปช่วยให้หายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น “เป็นโรคกระเพาะไม่ใช่หรือไง”
     

                             ผมชะงักทันที
     

                   เด็กนี่มันจำได้ด้วยเหรอ?


     

                             ผมเงยมองเจ้าของเสียงเมื่อกี้ด้วยใบหน้าที่งุนงง เซฮุนเลือกที่จะไม่สนใจแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองแทน
     

                             “ไปใส่รองเท้าซะ จะพาออกไปกินข้าวข้างนอก” เซฮุนพูดขณะที่พาร่างโปร่งของตัวเองเดินไปใส่รองเท้า
     

                             “เออ!” ผมที่เพิ่งตั้งสติได้ก็กระแทกเสียงแล้วเดินไปใส่รองเท้า แต่ไม่ทันจะใส่ดีด้วยซ้ำมันก็ลากผมออกจากบ้านโดยที่ไม่ลืมล็อคประตูบ้านตามที่พ่อบอก

     

     

     

     

     

     

     

     

                            

                             บรืน.........

                             รถเก๋งสีขาวขับผ่านไป

                             ปรี๊นนนนนนนน!

                             รถมอเตอร์ไซค์ฮาเล่ย์ขับโฉบไปมาราวกับทะยานอยู่บนท้องฟ้า

                             เอี๊ยดดดดดดดดดดดด!!!

                             เสียงล้อรถปิ๊กอัพบดถนนเมื่อเจอมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้าไป

                             “โอ๊ยยยยยยยย หนวกหู!”

                             และนี่คือเสียงผมที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยว..........


                             เซฮุนละสายตาจากตะเกียบที่ถูกใช้กระดาษทิชชู่เช็ดแล้วเช็ดอีกขึ้นมามอง

                             “บ่น”

                             เท้าขวากระตุกยิกทันที

                             เตะเด็กนี่ผิดป่ะครับ......

                             “ใครบอกให้มากินร้านนี้เล่า” ผมหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิม มีอย่างที่ไหนล่ะบอกว่าจะพามากินข้าว ไอ้เรานึกว่ายาจกสุดนี่ซุปเปอร์มาร์เก็ตโซนฟูดคอร์ต ที่แท้กลับเป็นก๋วยเตี๋ยวข้างทางกลางสี่แยก แถมเสี่ยงตายทุกเวลา

                             ถ้าเกิดตายขึ้นมา ผมจะเป็นผีมาหลอกแล้วเอาเส้นเล็กอุดจมูกมันให้ตายตาม!

     

                   “แล้วเงินมีเยอะนักหรือไง” เซฮุนพูดเสียงเรียบ “ได้ข่าวว่าโดนจำกัดเงินแถมเงินต้องใช้ร่วมกันอีก นายจะเห็นแก่ตัวใช้คนเดียวหรือไง”

                             “.........” ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆเพราะที่มันพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด

                             “เส้นเล็กใสสองจ้ะ” เสียงแม่ค้าดังขึ้นพร้อมกับชามก๋วยเตี๋ยวสองใบวางลงตรงหน้า ผมไม่รอช้ารีบลากจานหนึ่งมาปรุงรส อย่างแรกที่คว้าขึ้นมาขึ้นช้อนพริก

     

     

                             คนแมนๆเขากินเผ็ดกัน *หยิบช้อนตักพริกขึ้นมา*

     
     

                             เอ๊ะ นี่แมนยังนะ *ใส่พริกลงไปทีละนิด*

     
     

                             เฮ้ย ยังดูจืดๆ อ่ะ... *เติมอีกหน่อย*

     
     

                             เพิ่มอีกนิดรับรองแมน *เหยาะลงไป*

     

                             ใช่ๆ อีกนิด... *กำลังจะเท*

     

                             “นี่!

                             “อาแปะซี๊เลี๊ยว!!!

                             พรวด!!

     

                             เซฮุนตะคอกขึ้นมาทำให้ผมที่กำลังตั้งใจเหยาะพริกลงไปทีละนิด(กลัวเผ็ด)ตกใจจนทำช้อนร่วงลงไปทั้งคัน ซึ่งตอนนี้น้ำก๋วยเตี๋ยวผมได้เปลี่ยนสีมาเป็นสีแดงฉานเรียบร้อย

                   อื้อหือ.....สีไม่สวยบอก TT_TT

                  ผมรีบหยิบช้อนขึ้นมาจากชามก๋วยเตี๋ยว เช็ดให้สะอาดแล้ววางที่เดิม ทำท่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สายตานี่ส่งไปเชือดเฉือนคนตรงหน้า

                             “ทำบ้าอะไรของนาย!” ผมขมวดคิ้วใส่
     

                             เซฮุนยักไหล่ “เห็นนายตั้งใจเทพริกซะเยอะขนาดนั้นเลยกลัวว่าจะเผ็ดไป”

     
     

                             แล้วแบบนี้มันเค็มขึ้นรึง๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     
     

                             เซฮุนเลิกสนใจผมและก้มหน้าลงไปตักเส้นก๋วยเตี๋ยวสูดเข้าปาก ทิ้งให้ผมนั่งลอบกลืนน้ำลายกับก๋วยเตี๋ยวทะเลเดือดตรงหน้า จะเติมน้ำตาลให้อร่อยก็ไม่ได้ จะเติมน้ำปลาให้กลมกล่อมก็ไม่ดี
     

                             ทำยังไงก็ไม่เผ็ดน้อยลง....
     

                             ผมถอนหายใจก่อนจะเริ่มตักน้ำตาลมาปรุงเพิ่ม ทำใจไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องทนรับความทรมานที่กระเพาะแน่ๆ คนเป็นโรคกระเพาะทานเผ็ดไม่ได้หรอกครับ ยิ่งใส่พริกเยอะขนาดนี้แสบท้องจนดิ้นแน่ๆ แต่ในขณะที่สองมือผมกำลังคลุกเส้นก๋วยเตี๋ยวให้รสชาติมันเข้ากันก็มีมือขาวๆมาแย่งชามก๋วยเตี๋ยวในมือไปพร้อมกับชามใหม่ที่สีใสต่างกับสีแดงของชามเมื่อครู่
     

                             เซฮุนแลกชามตัวเองกับของผม
     

                             “กินๆไป” ไม่มีการพูดอะไรมากแล้วก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวที่ตอนนี้กลายเป็นของมันไปเรียบร้อย ส่วนผมได้แต่มองชามตรงหน้าตัวเองก่อนจะเริ่มตักเข้าปากบ้าง
     

                             ไม่น่าเชื่อว่าหมอนี่จะใส่ใจผมขนาดนี้......







     

     

     

                             “เมื่อกี้ฉันถุยน้ำลายใส่ไปด้วยแหละ”

     
     

                             พรวด!!!

     

                             โอ เซฮุ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!

     

     

                            












     

     

                  หลังจากมื้อเช้า(ในตอนเที่ยง)ผ่านไป ผมกับเซฮุนก็แวะมาต่อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเข้าบ้าน มากินแบบนี้ทุกวันไม่ได้หรอกครับ ต้องเซฟเงินเข้าไว้

                             ตอนช่วงเที่ยงในโซนขายของนั้นคนมีไม่มากเท่าไหร่ คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะอยู่บ้านกับครอบครัวไม่ก็กำลังต่อแถวซื้ออาหารที่โซนฟูดคอร์ต ทำให้ตอนนี้คนค่อนข้างจะบางตา เซฮุนที่อาสาเข็นรถ(จริงๆต้องใช้คำว่าแย่งรถไปได้)เข็นตามผมที่กำลังเดินเลือกซื้อผักอยู่ พืชใบสีเขียวเรียงระรานตาอยู่บนชั้นของเครื่องแช่เย็น ผมเลือกหยิบมาทีละหัวสองเพื่อเปรียบเทียบและดูคุณภาพของผักแต่ละหัว

                             “เมื่อไหร่จะเสร็จ ฉันอยากไปดูเกม” เซฮุนยืนหาวทำหน้าเบื่อใส่

                             “อยากไปก็ไป ฉันไม่ได้เหยียบหางนายไว้สักหน่อย” ผมพูดโดยไม่ชายตามองเขาสักนิด พอได้ผักที่ดีที่สุดผมก็วางลงในรถแล้วขยับไปเลือกอีกชนิด เซฮุนรู้หน้าที่ของตัวเองเข็นรถตามมาไม่ห่าง

                             “เดี๋ยวเด็กแถวนี้หลง”

                             “ถ้าไม่กลัวว่าหน้าแป๊ะยิ้มของนายจะโชกเลือดก็หุบปาก” ผมหยิบต้นหอมขึ้นมาชี้หน้าเด็กข้างบ้าน เซฮุนทำหน้ามุ่ยเท้าแขนกับที่จับรถเข็น ใบหน้าหล่อเบือนไปทางโซนเครื่องอาบน้ำก่อนจะเดินไปทางนั้น ทิ้งให้ผมที่ยืนเลือกผักอยู่มองตามด้วยความงงงวย

                             สักพักเซฮุนก็เดินกลับมาพร้อมกับครีมอาบน้ำสำหรับเด็กสองขวด เป็นขวดสีชมพูอ่อนและสีฟ้า ข้างหน้ามีรูปฮิปโปที่ฟองสบู่เต็มตัวทั้งสองขวด เจ้าตัวโย่งตรงหน้าชูขวดให้ผมดูเหมือนกับเซลแมนเวลาขายของ

                             “อยากได้” เสียงห่ามๆของเจ้าตัวพูดขึ้นมา ผมมองขวดครีมอาบน้ำก่อนจะไล่ไปยังใบหน้าของคนถือ

                             นี่มันสติกลับหรือไร้สติ?

                             “เอาไปทำไม นั่นสำหรับเด็ก” ผมใส่ผักลงรถเข็นแล้วหันมามองเซฮุนชัดๆ

                             “ครีมอาบน้ำหมด” เซฮุนตอบกลับมาด้วยโทนเสียงที่เหมือนเดิมทุกระเบียดนิ้ว

                             “ก็ซื้อใหม่ไง” ผมตอบกลับไป “แต่นี่มันของเด็ก”

                             “ตอนเด็กเคยใช้ ตอนนี้อยากเอามาใช้ใหม่ จะได้หน้าเด็กๆ”

                             ผมขมวดคิ้วกับคำตอบ

                             อะไรคือตรรกะใช้สบู่เด็กแล้วหน้าจะเด็กตาม???


                             “....” ผมไม่ตอบอะไรนอกจากส่ายหน้าด้วยความระอา ในเมื่อคนเข็นเอาแต่ถือครีมอาบน้ำผมก็ต้องจำใจเข็นไปยังโซนขายเนื้อสัตว์ด้วยตัวเอง โดยมีบุคคลลืมหน้าที่ตัวเองเดินถือครีมอาบน้ำตามมา

                             “เสี่ยวลู่ ซื้อเถอะนะ” เซฮุนเดินมาหยุดข้างหลังเยื้องไปทางขวานิดหน่อย เหมือนทิ้งระยะห่างให้ผมเลือกเนื้อสดใส่ถุงได้ถนัด

                             “นะ เสี่ยวลู่นะ” เสียงเซฮุนยังพูดต่อไปขณะที่ผมกำลังพลิกชิ้นเนื้อดูความสดใหม่

                             “ฉันอยากใช้เหมือนตอนเด็กๆอ่ะ นายใช้ชมพูฉันใช้สีฟ้าไง นะๆ” เซฮุนย้ายไปยืนทางด้านซ้ายผมแทนเมื่อเห็นผมหันไปเลือกชิ้นเนื้อด้านนั้น

                             “น๊า เสี่ยวลู่ ซื้อเถอะนะ” ร่างสูงพาตัวเองเดินตามผมที่เดินเอาถุงเนื้อที่เลือกไปให้พนักงานขายชั่งน้ำหนัก

                             “เสี่ยวลู่คร้าบ ซื้อเถอะนะ... นะๆๆๆ” เด็กข้างบ้านยังคงยืนพูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา

     

                             “เสี่ยวลู่ กลิ่นนี้มันหอมจริงนะ ฉันอยากใช้ นะๆๆ”

                             “.......”

                             “ตัวฉันหอม ตัวนายก็หอมเหมือนกันไง เห็นไหม วินทั้งคู่”

                             “......”

                             “เถอะนะเสี่ยวลู่ ซื้อมันเถอะ”

                             “......”

                             “นายไม่เห็นเหรอว่ามันอยู่บนชั้นขายของรอให้นายซื้อไปน่ะ ดูหน้าฮิปโปบนขวดสิ เศร้าขนาดไหน”

                             “.......”

                             "ลู่หาน"
     

                             “......”

                             “เสี่ยวลู่”

                              “......”


                                     
    “เสี่ยวลู่วววววววววว”


                             “เออ! อยากได้ก็เอาไปใส่รถ!
     

                   “เย้เฮท ~

                             ในที่สุดก็ทนลูกตื๊อของไอ้เด็กบ้านี่ไม่ไหว เซฮุนยิ้มกว้างจนตาหยีเดินเอาขวดอาบน้ำทั้งสองขวดไปใส่รถเข็น ผมถอนหายใจให้กับความเอาแต่ใจของอีกคนก่อนจะเดินนำไปที่เคาเตอร์เพื่อชำระเงินและกลับบ้านไปทำข้าวเย็น



     

     

                             กว่าจะถึงบ้านก็ปาไปเกือบเย็น เพราะเซฮุนมัวแต่พาไปเดินโซนเกมจนล่วงเลยเวลา และเมื่อถึงบ้านผมก็รีบวางตารางการดูแลและทำความสะอาดบ้านทันที โดยผมเป็นคนกวาดบ้าน ทำอาหาร เพราะเจ้าเด็กนี่ดันทำอาหารไม่เป็น และเซฮุนเป็นคนถูบ้านและล้างจาน ส่วนซักผ้าจะผลัดกันสักคนละครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดอะไร
     

                             พอแบ่งหน้าที่กันเสร็จผมก็แยกกับเซฮุนเพื่อไปเตรียมทำอาหารเย็น ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่าจะขึ้นไปจัดกระเป๋าบนห้อง ผมหยิบผัดสดและเนื้อออกมาวางเพื่อหั่นเตรียมทำข้าวผัดกิมจิเป็นมื้อเย็น

     

                   ลงมือทำอาหารจนเสร็จก็ใช้เวลานานพอสมควร เป็นเวลาพอดีกับที่เซฮุนจัดกระเป๋าเสร็จแล้วเดินลงมาจากชั้นบน ผมจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยก็รินน้ำใส่แก้วสองใบ เซฮุนนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีจานข้าวผัดกิมจิตั้งอยู่ส่วนผมก็ทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนจะลงมือกินกันอย่างไม่มีใครพูดอะไร

                             ความเงียบเข้าปกคลุมจนในที่สุดเซฮุนก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา

                             “นายยังเก็บรูปนั้นไว้อีกเหรอ”

                             “หืม?” ผมงับกิมจิไว้แล้วช้อนตามองคนฝั่งตรงข้าม

                             “รูปที่เคยถ่ายตอนเด็ก” เซฮุนพูดขยายขึ้นมาผมถึงกับร้องอ๋อทันที

                             เขาคงจะหมายถึงรูปที่ยึดติดกับผนังบนหัวนอน เป็นรูปที่ผมยิ้มยิงฟันชูสองนิ้วโดยมือเซฮุนที่ตอนนั้นตัวเล็กกว่ากอดเอวแล้วยิ้มตาหยียืนอยู่ข้างๆ แม่บอกว่าน่ารักดีเลยขยายรูปใหญ่ใส่กรอบและตอกตะปูติดกับผนัง

                             “อืม แม่ชอบน่ะ” ผมว่าแล้วตักข้าวเข้าปาก

                             เซฮุนไม่สืบความยาวสาวความต่อแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวผัดตรงหน้าแทน และเมื่อต่างคนต่างกินเสร็จก็เป็นหน้าที่ของเซฮุนที่ต้องนำจานไปล้าง ผมที่หมดหน้าที่แล้วเลยเดินไปนั่งดูการ์ตูนเพื่อย่อยอาหารก่อนอาบน้ำ




                             ดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปสักพัก การ์ตูนจบหนึ่งตอนก็พอดีกับเซฮุนที่ถือถุงขนมมานั่งลงข้างๆและแกะของในมือกิน       

                             “ไม่ไปอาบน้ำล่ะ” เซฮุนพูดแต่ตายังจ้องมองไปยังหน้าจอ

                             “เดี๋ยวไป รอย่อยก่อนอาบเลยเดี๋ยวพุงใหญ่”

                             “หือ?” เซฮุนส่งเสียงในลำคอหันมามองหน้าผม “ใครบอก”

                             “แม่” ผมตอบ

                             “มั่วแล้ว แค่กินข้าวแล้วอาบน้ำเลยไม่ทำให้พุงออกหรอกนะ” พูดแล้วก็หยิบขนมเข้าปากไป “อาบน้ำได้แล้ว”

                             “เออน่า เดี๋ยวไป นี่สองทุ่มอยู่เลย” ผมบอกปัดแล้วกระชับอ้อมกอดหมอน เกยคางลงไปอย่างเกียจคร้าน

                             “เด็ก....” คนข้างๆพึมพำแต่ตัวผมกลับได้ยินชัดเจน ผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจแต่ล้วงมือไปแย่งขนมมากินแทน ก๊าก

                  แต่เอ๊ะ....ดูเหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่าง

                             “พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนนี่หว่า” ผมพูดกับตัวเอง

                             “แหงสิ กินเสร็จไปอาบน้ำนะ” เซฮุนเบือนหน้าจากทีวีหันมามอง

                             “รู้แล้วน่า” ผมตอบปัดก่อนจะกินขนมต่อ

     

     

     

     

                             “ฮ้าวววว”

                             “ไงล่ะ ง่วงแล้วล่ะสิ ไปอาบน้ำไป” เซฮุนหันมามองผมที่อ้าปากหาว สายตาเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง ตอนนี้ก็เป็นเวลาสามทุ่มเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ผมพยักหน้าแล้วลากสังขารขึ้นข้างบนเพื่ออาบน้ำโดยไม่ลืมหยิบครีมอาบน้ำขวดสีชมพูติดมือมาด้วย




                             เมื่ออาบเสร็จผมก็เดินออกมาแต่งตัว มือก็เปิดประตูตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านล่างตรงกับเตียงของตัวเองออก เลือกหยิบเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ที่ชอบใส่เป็นประจำออกมาสวมก่อนจะนำผ้าไปตากไว้ เป็นจังหวะเดียวกับที่เซฮุนเดินเข้ามาในห้องเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ ส่วนตัวผมที่เรียบร้อยหมดแล้วก็คลานขึ้น(?)บันไดเพื่อเตรียมตัวนอน ไม่ไหวแล้วครับ ง่วงมาก ผมทิ้งตัวลงบนเตียงแสนนุ่มก่อนจะขดตัวเข้าไปในผ้านวมผืนโปรดเตรียมดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา



                      ความจริงแล้วครีมอาบน้ำกลิ่นนี้ก็หอมดีนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

















     

     

     

     

                       เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ร่างสูงนำร่างผิวขาวน้ำนมของตัวเองเดินเข้ามาในห้อง เปิดประตูตู้เสื้อผ้าที่อยู่ตรงกับบันไดขึ้นไปชั้นสองออก หยิบเสื้อผ้าออกมาแต่งตัวละเดินขึ้นบันไดที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่เตียงของเจ้าของบ้านคนเดียวอีกต่อไปแล้ว   

                             ร่างสูงมองอีกคนที่อยู่บนเตียงฝั่งซ้ายที่หลับตาพริ้ม ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวได้หลับไปที่เรียบร้อยแล้ว เซฮุนก้าวเดินไปหยุดและนั่งลงข้างๆ และลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลนั่น ดูเหมือนว่าลู่หานจะหลับสบายบวกกับชอบที่ฝ่ามือใหญ่ของอีกคนกำลังลูบอยู่จึงขยับหัวมาซุกมือและทำหน้าหลับสบายยิ่งกว่าเดิม

                             เซฮุนยิ้มออกมาบางๆ

                             ความเอ็นดูเกาะกินในใจก่อนจะส่งทอดไปยังฝ่ามือที่ตอนนี้ยังคงลูบหัวเจ้ากวางที่อยู่ในผ้านวมผืนหนานี้อยู่ ฝ่ามือหนาลูบสักพักก่อนจะยกออกมาวางทาบกับผืนเตียงนุ่ม ใบหน้าหล่อโน้มลงไปใกล้ จมูกโด่งสูดกลิ่นครีมอาบน้ำที่วันนี้จงใจเลือกให้อีกคนใช้ ความจริงแล้วครีมอาบน้ำไม่ได้หมด และเขาไม่จำเป็นต้องตื๊อลู่หานเพื่อซื้อก็ได้ เพียงแค่เขาหยิบใส่รถเข็นก็ไม่ต้องออกแรงพูดอะไรมากมาย




                             แต่เขาจงใจให้ลู่หานรู้ว่าอยากให้เปลี่ยนครีมอาบน้ำ           

                       และรู้ว่าตัวเองควรใช้ขวดไหน

     


                 ร่างสูงสูดกลิ่นเข้าปอดก่อนจะไล้ปลายจมูกโด่งไปตามพวงแก้มใสอีกคน ริมฝีปากบางกดจูบลงบนแก้มนุ่มนั่นเบาๆและผละออก เดินขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งตรงข้ามของตัวเอง

     



     

                             ตัวเซฮุนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าคิดถึงตอนเด็กที่ใช้ครีมอาบน้ำแบบนี้เหมือนกัน

















     

    **********************************************

    เสร็จแล้ว!! โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ขอโทษที่หายไปซะนานครัช พอดีติดค่าย+เพิ่งจะแข่งเสร็จ

    กว่าจะหาเวลาว่างได้นี่เหนื่อยไม่ใช่เล่น ฮา

    สำหรับเชปนี้ 100% นะครับ

    ไรท์เองก็พยายามปั่นเชปให้ยาวๆ อยู่ แต่ด้วยความที่ไม่เคยแต่งมายาวขนาดนี้ จึงขออภัยจริงๆถ้ามันจะสั้นไปสักหน่อย

    ความจริงแล้วกะจะไม่แต่งต่อละนะ 5555555555555

    แต่มาเห็นคอมเม้นที่รีดได้ทิ้งเอาไว้ต่างหน้า (ห๊ะ)

    ขอบคุณที่คอมเม้นต์จริงๆ นะครับ *ไหว้สามร้อยครั้ง*

    สุดท้ายนี้

    เพื่อกำลังใจของไรท์เอง ช่วยคอมเม้นต์ให้หน่อยนะครับ

    ไม่มีแล้วไม่รู้จะแต่งไปเพื่อใคร 55555555555

    -ขอบคุณจริงๆ-

    (เจอคำผิดสะกิดหน่อยนะ)

    [Tegs : #รนตปก]




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×