ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO [HunHan] :: HomeMate :: รักนี้ ต้อง! ปีนเกลียว [จบแล้ว]

    ลำดับตอนที่ #1 : -1- บ้านใกล้ เรือนเคียง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 991
      4
      6 ต.ค. 57






    Tegs : #รนตปก
     




















                            

















                    

    แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องขาวน้ำเงิน ความอบอุ่นทำให้คนบนเตียงขยุกขยิกเล็กน้อย ผ้าบนเตียงยับย่นบ่งบอกการดิ้นขณะหลับนอนของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี เสียงเคาะบนประตูสีโอ๊คบานสวยดังขึ้นสักพัก ก่อนจะเปิดเข้ามาพร้อมกับสาววัยกลางคน รอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้านั้นเมื่อเห็นลูกชายของเธอนอนอุตุอยู่บนเตียง

         “อาลู่” เธอเรียกพร้อมเขย่าแขนลูกชายเบาๆ

                    “อือ...” คนในม้วนผ้าห่มตอบ

                    “อาลู่ ตื่นมาคุยกับแม่ก่อน”

                    “อะไรครับแม่...” เสียงหวานแหบพร่าตอบ ร่างโปร่งยันตัวเองขึ้นนั่งแล้วขยี้หัวฟูๆ ของตัวเองให้ฟูกว่าเดิม นั่นทำให้คุณนายลู่ยิ้มขำออกมา

                    “ยังจะถามแม่อีกว่าอะไร นี่มันสิบโมงแล้วนะ”

                    ลู่หานทำหน้ามึนใส่ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาข้างหัวเตียง เข็มสั้นชี้มาหยุดที่เลขสิบและเข็มสั้นที่เลขสิบสองอย่างพอดีเป๊ะ ร่างโปร่งหาวปากกว้างแล้วพยักหน้าให้มารดา

                    “ครับ ผมจะอาบน้ำแล้วลงไปข้างล่าง” ตอบเสียงเนือยๆ แล้วย้ายร่างตัวเองเข้าห้องน้ำไป

                    คุณนายลู่มองลูกชายตัวเองแล้วขำน้อยๆ กับความงัวเงียนั้น คิดว่าเมื่อคืนคงเล่นเกมจนดึกอีกแน่ แต่ก็ไม่คิดจะว่าอะไร คงเป็นธรรมดาของเด็กชาย จนเสียงน้ำกระทบพื้นห้องน้ำดังขึ้นเธอก็เดินลงไปด้านล่างเพื่อเตรียมโต๊ะทานข้าว

     

     

                    Luhan’s Part

                    หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็รีบเดินลงมาห้องครัวทันที ไม่ใช่เพราะหิวหรอกครับ แต่เพราะโรคกระเพาะที่เป็นอยู่ทำให้ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ทันทีที่นั่งลงแม่ก็วางจานข้าวผัดตรงหน้า ผมไม่รีรอที่จะรีบสวาปามข้าวจานแสนอร่อยตรงหน้าทันที

             เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นติดกันสองครั้ง แม่มองหน้าผมนิดหน่อยก่อนที่ท่านจะเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขกเสียเอง

                    “ไม่น่าลำบากเอามาให้เลยนะ” เสียงแม่คุยกับใครสักคนดังเข้ามา คงกำลังเดินมาในบ้านกับแขก

                    “ไม่เป็นไรฮะ บ้านใกล้กันแค่นี้เอง” เสียงเรียบตอบกลับมา ผมขมวดคิ้วนิดๆเพราะเสียงนั้นคุ้นอยู่ไม่น้อย แต่พอหันกลับไปเท่านั้นแหละ

                    เคร้ง!

                    ช้อนร่วงหลุดไปจากมือผมทันที

                   

                    “อ้าว อาลู่ ทำไมมูมมามแบบนั้น”

             “อันยอง (พี่)ลู่หาน”

                    “ไอ้กล้วยทอด!! =[]=”

                   

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                    หลังจากที่ผมถูกเอ็ดไปพักใหญ่เนื่องจากไปเรียกเด็กข้างบ้าน โอ เซฮุนว่ากล้วยแขก ก็เพิ่งจะถูกปล่อยให้กลับมากินข้าวเหมือนเดิม ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวคนเดียวโดยที่มีแม่และเด็กนั่นนั่งคุยที่โซฟาด้านหลังผม (ห้องครัวกับห้องนั่งเล่นติดกันครับ แถมไม่มีฝาผนังกั้น ได้ยินบทสนทนาชัดเจน)

                    “ป้าล่ะช๊อบชอบกล้วยทอดบ้านเซฮุน หวานกรอบจริง ไม่อมน้ำมันด้วย อร่อยกว่าบางร้านที่ทำขายซะอีก” แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟินสุดๆ

                    “คุณป้าก็พูดเกินไป” เซฮุนพูดกลั้วหัวเราะ “แม่ชอบเอาไปซับกับกระดาษทิชชู่ก่อนน่ะครับ เลยเอาน้ำมันออกไปซะหมด”

                    “งั้นเหรอจ๊ะ ป้าก็ว่าอยู่ทำไมไม่มันเลย ตอนแรกนึกว่าอบเอาซะอีก” แม่หัวเราะเล็กน้อย

                    Me : เคี้ยวข้าวกระแทกกระทั้น

     

                    “ฮะๆๆ ผมเองก็ไปช่วยแม่บ่อยๆ ครั้งนี้ผมเป็นคนทอดเองเลยนะครับ”

                    “ต๊าย ทำไมเป็นเด็กที่น่ารักแบบนี้” แม่หยิกแก้มเซฮุนด้วยความเอ็นดู

                    Me : ใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกในจานดังเคร้ง!

     

                    “ก็ผมเล่นช่วยซะบ่อยจนแทบจะขโมยสูตรแม่ไปเปิดร้านเองแล้วล่ะครับ” เซฮุนหัวเราะ

                    “เปิดเมื่อไหร่บอกนะจ๊ะ ป้าจะไปเจิม ฮะๆๆๆ”

                    Me : วางช้อนส้อมกระแทกจานแล้วพนมมือขอบคุณอาหารเสียงดัง

                   

                    “นี่! อาลู่ ทำอะไรเบาๆ หน่อยสิ” เสียงแม่ดุขึ้นมา ผมที่กำลังลุกเอาจานไปเก็บได้แต่หน้ามุ่ยกว่าเดิม

                    อะไรก็เซฮุนๆๆๆ นี่ผมลูกแม่นะ *หน้าบึ้ง*

                   

                    ในขณะที่ผมกำลังจะเดินหนีขึ้นห้อง คุณนายลู่ก็กวักมือเรียกทำให้ผมต้องไปเดินไปหาอย่างช่วยไม่ได้ โดยก่อนที่จะไปหาก็ไม่ลืมที่จะหยิบกระป๋องน้ำอัดลมติดมือไปด้วย ผมนั่งโซฟาเดี่ยวฝั่งตรงข้ามกับเซฮุน แบบนี้แหละเห็นหน้าชัดดี สาปแช่งอะไรจะได้โดนหนักๆ *ยิ้มชั่วร้ายอยู่ในใจ*

                    “หยุดทำหน้าพิลึกแบบนั้นซะที” อ้าว...ดันแสดงออกทางหน้าจริงๆซะงั้น “แม่มีอะไรจะบอก”

                    “...?” ผมไม่ตอบแต่เลิกคิ้วให้แทน มือเรียวพยายามเปิดกระป๋องน้ำอัดลมในมืออย่างขะมักเขม้น แต่ทำไงก็เปิดไม่ได้สักทีเลยยื่นให้เด็กหน้าติ๋มตรงข้ามเปิดให้ ซึ่งมันเองก็รับไปเปิดแบบไม่พูดอะไร

                    ดีมาก เปิดกระป๋องให้ลูกชายของบ้าน ถือซะว่าเป็นค่าโซฟาที่นั่ง ฮ่าๆๆๆๆ

                    “วันพรุ่งนี้คุณลุงโอจะไปต่างประเทศกับภรรยาของเขา” อ๋อ...พ่อแม่น้องกล้วยทอด ผมรับกระป๋องมาจากเซฮุนแล้วยกดื่ม

                    อ่า... ชื่นใจ

                    “แล้วเขาก็ชวนแม่กับพ่อไปด้วย”

                    เดี๋ยวนะ ผมว่ามันชักจะแปลกๆ

                    “....” แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะมัวแต่ซัดน้ำอัดลมเข้าปาก

                    “แม่เลยจะแพ็คกระเป๋าไปกับพวกเขา ตัวแม่เองก็กลัวว่าลูกแมนๆคนกลัวผีของแม่เนี่ยจะอยู่คนเดียวไม่ได้” แม่เว้นช่วงจังหวะหายใจนิดหน่อย “แม่เลยจะให้เซฮุนมาอยู่เป็นเพื่อนลูก”

     
     

                    พรวดดดดดดดดดดดดดด!!!

                    พ่นเป็นสายรุ้งเชียวกู.....


                   

                    “ทำอะไรน่ารังเกียจ เด็กคนนี้” แม่ดุ

                    “แค่ก..แค่ก...ขอโทษฮะ” เสียงผมขึ้นจมูกนิดหน่อย มือก็รีบคว้าผ้าแถวนั้นมาเช็ดบริเวณที่เปื้อนน้ำทันที

                    “ถ้ารับทราบแล้วก็ดี แม่จะได้ขึ้นไปเตรียมของ อยากไปใจจะขาดแล้ว” แม่ประสานนิ้วแล้วหลุกหลิกไปมาเหมือนเด็กที่กำลังจะได้ไปเที่ยวสวนสนุกอย่างใดอย่างนั้น

                    “พรุ่งนี้เช้าผมจะเอากระเป๋ามาไว้ที่นี่เลยนะครับ” เซฮุนที่ขำกับท่าทีของแม่พูดขึ้น

                    “จะเอามาไว้คืนนี้ทดลองนอนกับลู่หานเลยก็ได้นะจ๊ะ” แม่พูดไปขำไป

                    แต่กูนี่แหละขำไม่ออก.......

                    “ยังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เก็บน่ะครับ ว่าจะจัดอีกทีคืนนี้”

                    “ ป้าเองก็ว่าจะไปแต่เช้า คงพอดีกับเรามา” แม่หันมามองผมที่เช็ดมือกับกระดาษทิชชู่ “ส่วนเรื่องเงินแม่จะโอนให้ทุกสัปดาห์ ใช้ให้มันประหยัดๆ บ้างนะ จะติดนิสัยเอา”

                    ผมเบ้ปากทันทีที่แม่พูดจบ เซฮุนล่ะพูดดี๊ดี พอกับผมนี่เอาแต่เอ็ด

                    งอนห้านาที!!!

                    “คร้าบ” ผมขานเสียงยานกลับไป แม่เองก็ขอตัวไปจัดการของใช้ส่วนตัว ทิ้งผมไว้กับเซฮุนเพียงสองคน

                   

              “...........”

                      “.........”

                    และความเงียบ TT__TT

                    “ไม่อยากนอนกับผมขนาดนั้นเลยหรอเสี่ยวลู่”

                    “ย๊า! อย่ามาเรียกแบบนั้นนะ” ผมเถียงฉับ

                    “ทำไม ตอนเด็กเรียกออกจะบ่อย” เซฮุนลอยหน้าลอยตากลับมา ทำเอาผมรู้สึกเหมือนมีกลุ่มควันออกจากหู

                    “นั่นมันเด็ก ตอนนี้โตๆกันแล้ว ฉัน-โต-แล้ว!!” ผมเถียง    

     

                    “อะไรกัน ตอนเด็กพูดง่ายกว่านี้ตั้งเยอะ” เมื่อเห็นว่าแม่ไม่อยู่เด็กนี่ก็เริ่มออกลาย ยกขามาพาดบนโต๊ะราวกับเป็นบ้านตัวเอง
     

                    เริ่มเดาได้แล้วใช่ไหมครับเรื่องความเป็นมาของผมกับเด็กหน้าติ๋มแอ๊บเก่งคนนี้ เริ่มต้นจากตอนนั้นครอบครัวผมที่ยังตั้งถิ่นฐานอยู่ในจีนนั้นล้มละลายเพราะพิษเศรษฐกิจ  พ่อเลยใช้เงินก้อนสุดท้ายระเห็จกันมาอยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งตอนแรกเป็นของคุณโอ พ่อของเซฮุน พวกท่านรู้จักกันในนามนักธุรกิจ แต่พอรู้ข่าวว่าพ่อกำลังแย่ท่านก็ช่วยหนุนอย่างเต็มที่ นับว่าเป็นเพื่อนนักธุรกิจแท้ที่หายยากมาก หลังจากได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องพ่อก็ตั้งตัวได้และใช้หนี้คืนได้หมด ทีนี้พ่อผมกับคุณโอสนิทกันยิ่งกว่าเดิม นับว่าเพื่อนซี้เพื่อนตายเชียว
     

    ตอนแรกที่ย้ายมาเกาหลีผมเองก็ลำบากเหมือนกันด้านภาษา เพราะตอนนั้นพูดได้แต่จีนกลาง เก่งหน่อยก็จีนกวางตุ้ง แต่อย่างว่าล่ะครับ ไม่มีผลต่อเกาหลี ช่วงแรกที่ผมเล่นกับเซฮุน(ตอนนั้นผมสี่ขวบ เซฮุนเองก็สามขวบ อายุห่างกันแค่ปีเดียว) เลยเป็นอุปสรรคอย่างมากที่จะเล่นด้วยกัน มันเองก็หน้างงเวลาผมพูดจีนใส่ ตัวผมเองก็เอ๋อรับประทานเหมือนกันเวลามันพ่นเกาหลีกลับมา แต่พออายุย่างเข้าหกขวบ ผมก็เริ่มที่จะพูดเกาหลีเป็น จนกลายเป็นว่าเริ่มลืมภาษาบ้านตัวเองไปซะงั้น แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่ามันพยายามมากที่จะสื่อสารกับผมเพราะเราต่างคนต่างที่มา

    ทีนี้เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นตรงนี้ ก็อย่างที่มันว่า ด้วยความที่เราบ้านอยู่ติดกันและอายุที่ไล่เลี่ย ทำให้ตอนนั้นพวกเราติดกันเป็นปาท่องโก๋ ไหนจะใบหน้าที่แอบคล้ายคลึงกันทำให้ถูกทักค่อนค้างบ่อยว่าเป็นฝาแฝด ทั้งๆ ที่เป็นแค่แฝดหลังคาแหละครับ บ้านผมกับมันหลังคาสีแดงเหมือนกัน
     

                    แต่เพราะเรื่องความแตกต่างในความเหมือนเนี่ยแหละครับทำให้ผมเริ่มตีตัวออกห่าง ในขณะที่มันถูกทักว่าหล่อ แต่ผมกลับถูกทักทุกวันว่าหน้าหวาน
     

                    นี่กูคนแมนแห่งปักกิ่งนะเว้ยยยยยยยย *พ่นไฟ*

                    หลังจากนั้นผมเลยเริ่มที่จะหันไปเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นนักกีฬาโรงเรียนอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบบริบูรณ์อย่างในหนังเมื่อเด็กนี่ชักเกรียนและเริ่มลามปาม ซึ่งตัวผมโคตรจะไม่ชอบเด็กปีนเกลียว เลยทำให้ผมมองเซฮุนไม่ดีตั้งแต่นั้นมา และที่ไม่อยากนอนบ้านเดียวกันไม่ใช่แค่นี้นะครับ แต่เพราะต้องนอนห้องเดียวกับมันต่างหาก เหตุก็ตั้งแต่เด็กแหละครับที่ตัวติดกัน แม่ก็เลยทำเตียงคู่ซะเลย ทีนี้พอโตขึ้นก็ลำบากใจที่ต้องมานอนข้างๆ กัน

                    และเหตุการณ์อึดอัดนั้นก็เวียนกลับมาหาผม....อะเกน

     

                    กลับมาหยุดที่ปัจจุบันขณะ  ผมผู้ซึ่งกำลังกอดอกหน้ามุ่ย ตรงข้ามมีเด็กติ๋มสารทูตส่งกล้วยแขกนั่งขาพาดโต๊ะอยู่

                    “..........”

                    “.........”

                    “เอาขาลงจากโต๊ะ” และก็ผมเองที่เป็นฝ่ายทนเงียบไม่ไหวพูดขึ้นมา

                    “หือ?” มันทำหน้าเหรอหรากลับ สงสัยจะติดต่อยานแม่อยู่

                    “เอาขา(หลัง)ลงจากโต๊ะซะ เสียมารยาท” ผมมองนิ่ง

                    “เสี่ยวลู่ไม่เคยได้ยินเหรอ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง” เซฮุนยิ้มกลับมา

                    “นั่นเจ้าของบ้านต้องเป็นฝ่ายพูดเว้ย!!
     

                    “เอาน่า ผมไม่ถือ” พูดไม่พอ มียักคิ้วข้างเดียวแถมมาด้วย
     

                    ทนไว้ลู่หาน...... #ปลอบตัวเอง

                    ผมพ่นลมหายใจ ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเด็กนี่มากนัก ไม่ทันไรแม่ก็ลงมา พร้อมกับเซฮุนที่เอาขาลงจากโต๊ะแล้วปั้นหน้ายิ้ม

                    ทอแร่เหลือเกินคนอะไร - -

                    “แม่จัดของเรียบร้อยแล้วล่ะ ถ้าไม่รังเกียจอะไรเซฮุนก็มาทานข้าวเย็นที่นี่ด้วยกันนะ” แม่ยิ้มให้เซฮุน

                    “ครับ ผมจะชวนพ่อแม่มาด้วยนะครับ” เซฮุนยิ้มรับ

                    “จ้ะ แล้วนี่อาลู่ ลูกไม่มีการบ้าน?” แม่หันมาถาม

                    “ไม่ครับ ทำหมดแล้ว” ผมตอบเสียงเรียบ

                    “งั้นนี่เซฮุน ป้าเอาขนมมาให้ด้วย” แม่หันกลับไปพูดกับเซฮุน ผมเลยถือโอกาสนี้คว้ากระป๋องโค้กที่เริ่มจะหายเย็นเดินขึ้นห้องทันที

     

                    เนื่องจากเตียงคู่ที่ผมว่านี้มีสองชั้น แบ่งเป็นสองฝั่ง มีบันไดขึ้นชั้นสองอยู่ตรงกลาง ซึ่งชั้นล่างฝั่งผมจะเป็นตู้เสื้อผ้ากินพื้นที่มาถึงบันได ส่วนฝั่งขวาของเซฮุนจะเป็นโต๊ะทำงานขนาดย่อม พอขึ้นมาชั้นบนก็จะแยกเหมือนเดิม โดยฝั่งผมนั้นจะติดกับหน้าต่างเพราะเป็นคนนอนดิ้น ตรงกลางจะเป็นทางเดินเล็กๆ ไว้สำหรับขึ้นลงบันไดของทั้งสองฝั่ง และมีโต๊ะตั้งไว้สำหรับวางของ แต่ฝั่งเซฮุนนั้นจะเรียบไม่มีอะไรกั้น ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เคยเห็นมันตกเตียงสักที

                    เมื่อถึงห้องนั้นผมก็เดินขึ้นบันได วางโค้กไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วโดดขึ้นไปนอนบนเตียงสีน้ำเงิน มือคว้าสมาร์ทโฟนมาตอบโปรแกรมแชทไลน์ของเพื่อนทันที

     

                    น้องเหาเปาหมิน : เพื่อนมึงครับ พรุ่งนี้ว่างไปGTAกับกูหรือเปล่า
     

                    กวางสก๊อย ณ ปักกิ่ง : กูซอรี่จริงๆ ครัช กูมีนัดแล้ว

                    น้องเหาเปาหมิน :  เหยดดดดด เดี๋ยวนี้มีนงมีนัด

                    กวางสก๊อย ณ ปักกิ่ง : ไม่ต้องเลยสัส กูนี่โคตรเครียด

                    น้องเหาเปาหมิน : ไมวะ

                      น้องเหาเปาหมิน :


                                                                   

     

     

     

     

              กวางสก๊อย ณ ปักกิ่ง : แม่กูอ่ะดิจะไปเที่ยว ดันเอาไอ้เด็กข้างบ้านมานอนกับกู

                    น้องเหาเปาหมิน : ที่มึงว่าปีนเกลียวน่ะนะ???

                    กวางสก๊อย ณ ปักกิ่ง : เออดิ ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ

                    น้องเหาเปาหมิน : หึหึ... กูว่าเรื่องนี้น่าสนุก

                    น้องเหาเปาหมิน : งานนี้นะเว้ย ไม่มึงเกลียดหนักกว่าเดิม ก็......

                    กวางสก๊อย ณ ปักกิ่ง : ก็ร่ะ??

                    น้องเหาเปาหมิน : ก็โดนเด็กสโตรก! 55555555555555555555555555555555555555+

                    น้องเหาเปาหมิน :  

                                          

                  

                   
    กวางสก๊อย ณ ปักกิ่ง : ANIMAL

     

                    น้องเหาเปาหมิน : .................

     



     

                    คนอย่างเสี่ยว ลู่หานเนี่ยนะจะพลาด ฝันเหอะน้อง!










     

    *********************

    ปล่อยออกมาจนได้ 555555555555555

    ขอโทษไว้นะครับถ้าผิดพลาดดประการใด

    เป็นแฟนฟิคเรื่องแรก(มั้ง?)


    สุดท้ายนี้

    ช่วยเม้นให้เค้าหน่อยน๊า T^T

    (เจอคำผิดสะกิดที)


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×