คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : -3- บ้านใกล้ ใจเคียงกัน
Tegs : #รนตปก
“เสี่ยวลู่”
“อืม.....”
“เสี่ยวลู่...”
“อะ...”
“เสี่ยวลู่”
“ไม่..นะ...”
“ไอ้เหี่ยว!”
“เตี่ยถึงแก่กรรม! โอ้ย!!!!”
เสียงของหน้าผากชนกันดังทั่วห้อง ทั้งผมและเซฮุนต่างร้องโอดโอยและกุมหน้าผากของตัวเอง ใครจะไปนึกว่าฝันว่ากำลังกินช็อคโกแลตแล้วมีคนแย่งไป อยู่ๆจะมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา ผมเลยสะดุ้งตื่นจนหัวโหม่งอย่างจังเข้ากับเด็กข้างบ้านที่ตอนนี้สภาพก็ไม่ต่างกันไปเท่าไหร่ ผมปาดน้ำตาที่คลอเบ้าออกเตรียมหาเรื่องทันที ในขณะที่อ้าปากกำลังจะพูด...
“ทำบ้าอะไรของนาย”
เซฮุนชิงพูดขึ้นมาก่อน
ฉันสิต้องถามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!
“นายนั่นแหละทำบ้าอะไร” ผมเบะปากใส่ มือคว้าผ้าห่มได้ก็พับไปด้วย “ปลุกดีๆไม่ได้หรือไง”
“ปลุกดีแล้ว นายตื่นยากเอง” เซฮุนยักไหล่อย่างไม่หยี่ระอะไร
“.....” ผมเลิกเถียงแล้วหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง พบว่าตอนนี้หกโมงกว่าๆเท่ากับเวลาตื่นปกติพอดี ก็ไม่แย่อะไร อย่างน้อยเซฮุนก็ตื่นประมาณเดียวกัน เมื่อหันไปมองอีกคนก็พบว่าเจ้าตัวแต่งตัวในชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้ว
“ฝันว่าอะไร ครางซะเหมือนโดนเอา” ตอนนี้มันย้ายตัวเองจากบนเตียงผมไปยืนด้วยท่าทีกวนประสาท
“หยาบคาย!” ผมแหวกลับ “นายนั่นแหละ มาแย่งช็อคโกแลตฉันทำไม”
ครับ... ใช่แล้ว
คนที่แย่งไปก็มันเนี่ยแหละ
ตามเกรียนแม้กระทั่งในฝัน
“หืม.... ฉัน?” เซฮุนเลิกคิ้ว “ตอนไหน”
“ในฝัน”
เซฮุนชะงักกึกทำให้ผมที่กำลังจัดที่นอนให้เข้าที่อยู่ต้องหันไปมอง
อะไรของมันอีก?
“นี่นายฝันถึงฉันเหรอ”
“อะไร ฉันฝันไม่ได้หรือไง” ผมขมวดคิ้วสงสัย
“ก็เปล่า....”
“เอ้า” ผมครางด้วยความงง แล้วจะถามเพื่อ
เซฮุนยกยิ้มขึ้น “แต่เขาว่าฝันถึงใครแสดงว่าคิดถึงคนนั้นเป็นคนสุดท้าย”
จบประโยคหน้าผมก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาทันที ไหนจะรอยยิ้มพึงพอใจที่ปรากฏบนใบหน้าใสนั่นอีก เรียกความร้อนบนใบหน้าผมลามไปถึงใบหู
ไอ้เด็กบ้านี่มายิ้มให้ทำไม!
“ระ..ไร้สาระ ลงไปก่อน เดี๋ยวไปทำข้าวเช้าให้!” ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่องแล้วลุกเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆดังตามมา พอปิดประตูเรียบร้อยผมก็มาสงบสติตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่
“เขาว่าฝันถึงใครแสดงว่าคิดถึงเขาคนนั้นเป็นคนสุดท้าย”
ให้ตายสิ........
ตอนนี้หน้าผมแดงมากจริงๆ.....
ใช้เวลาไม่นานนักด้วยความที่ผมเป็นคนอาบน้ำไวอยู่แล้วก็รีบแต่งตัวและลงมาทำอาหารเช้าให้ เซฮุนเองก็นั่งดูทีวีรอ ทุกอย่างดูปกติดี มีอย่างเดียวเนี่ยแหละ
มันชอบยิ้มแปลกๆมองตามผม
แต่ก็ใช่ว่าจะใส่ใจอะไร อยากมองก็มองไป แค่ทำตัวเฉยๆก็พอ
ปกติแล้วทุกเช้าแม่ผมจะเป็นคนทำอาหารและดูแลเรื่องการกินทั้งหมดของบ้านครับ แต่ด้วยความที่เหมือนจะรู้ตัวว่าเป็นขาเที่ยว หนำซ้ำพ่อยังทำอาหารไม่เป็น เข้าบริษัทก็บ่อย ทำให้ผมไม่มีคนดูแล หลายครั้งที่จะต้องอยู่บ้านคนเดียว ท่านเลยสอนให้ผมทำอาหารได้ตั้งแต่สิบขวบ จนตอนนี้อายุปาเข้าไปสิบแปดแล้วผมเลยค่อนข้างจะทำอาหารได้หลากเมนู จึงอยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะเริ่มมีปัญหาก็ตรงที่คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่นี่แหละ ตั้งแต่เด็กแล้วที่เรื่องมากเรื่องอาหารเหลือเกิน
ไม่ใช่เซฮุนเลือกกินหรอกนะครับ แต่เพราะเจ้าตัวแพ้ของกินหลายอย่าง แถมแต่ละอย่างชอบขัดกับชาวบ้านเขา คนอื่นกินได้หมอนี่กินไม่ได้ หมอนี่กินได้ ผมดันแพ้ซะแบบนี้ เช่นวันนี้เหมือนกัน ตอนแรกผมว่าจะทำผัดผักกาด เพื่อความกลมกล่อมของรสชาตต้องเติมผงชูรสอยู่แล้ว แต่ผมจำต้องเลี่ยงและไปใช้ผงปรุงรสอย่างอื่นแทน เพราะเซฮุนแพ้ผงชูรส
หลังจากที่ทำอาหารเสร็จแล้วก็เรียกเด็กหน้าติ๋มมานั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ที่ผมสังเกตคือเซฮุนเอาแต่จ้องมองจานผัดผักตรงหน้า ไม่ยอมตักกินสักที
“ไม่ใส่ผงชูรสหรอกน่า”
และเป็นอย่างที่ผมเดาถูก เซฮุนเหลือบมองขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงไปตักกับข้าวและกินเข้าไป เรียกรอยยิ้มน้อยๆจากผมได้เป็นอย่างดี
จะทะเลาะหรือเกลียดเด็กปีนเกลียวยังไง แต่เซฮุนก็มักจะมีมุมที่เด็กกว่าผมอยู่เสมอ
นั่นทำให้ผมไม่เคยเกลียดเซฮุนจริงจังเลยสักครั้ง
บ้านของผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสักเท่าไหร่ ประมาณสองป้ายรถเมล์เองครับ ผมกับเซฮุนเลยเลือกที่จะเดินกันมามากกว่า ระหว่างทางที่เดินมานั้นเราก็เถียงกันไป หนักข้อหน่อยผมก็ไล่เตะเซฮุนจนช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางเพราะต้องวิ่งไล่กัน ทำเอาเหนื่อยแต่เช้า แต่เรียกรอยยิ้มได้ครับ อย่างน้อยก็ได้ไล่เตะเด็กนี่อย่างสะใจ
พอถึงโรงเรียน ผมก็หันไปกำชับเซฮุนอีกครั้ง
“เลิกเรียนแล้วต้องมารอฉันที่หน้าประตูโรงเรียนนะ” ผมบอก เซฮุนกำลังจะตอบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ไง หานหาน”
ผมหันไปมองก็พบกับเพื่อนตัวสูง เรือนผมสีทองประกายสะบัดนิดหน่อยตามแรงลม คิ้วหนาได้รูปที่ดูเหมือนขมวดคิ้วตลอดเวลานั้นขัดกับดวงตากลมรี ไล่มายังจมูกโด่งเป็นคมสัน ริมฝีปากอิ่มรูป
สวย... ตุ้ยจาง หรือ อู๋ อี้ฝานกำลังยิ้มให้
“อันยอง ตุ้ยจาง” ผมยิ้มตอบแล้วทักกลับไป
“วันนี้มาเช้านะ”
ผมหัวเราะออกมา
“กึ่งเดินกึ่งวิ่งน่ะ” ไล่เตะเด็กแถวนี้
อี้ฝานเหลือบมองไปทางเซฮุน “นั่นใครน่ะ?”
เซฮุนที่ยืนเงียบอยู่นานแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผมอดสงสัยในตัวเขาไม่ได้ อยู่ดีๆก็ไม่ชอบใจซะงั้น ผมเองก็ตามอารมณ์มันไม่ถูกเหมือนกัน
“เซฮุนน่ะ ปีสอง” ผมแนะนำ “ส่วนนี่อี้ฝาน เพื่อนฉัน”
อี้ฝานชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะระบายยิ้มออกมาเหมือนเดิม
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“อืม” แต่เซฮุนกลับตอบเรียบๆ “ไปละ เจอกันตอนเย็น” ประโยคสุดท้ายเซฮุนหันมาพูดกับผมแล้วก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้ผมยืนงงกับอี้ฝานเพียงสองคน
เป็นอะไรไปอีกวะ?
“ขึ้นห้องเถอะ วันนี้คาบเช้าครูเข้าไวนะ” ผมทิ้งความสงสัยแล้วพยักหน้าให้กับเพื่อนตัวสูงและก้าวเดินขึ้นตึกไป
ห้องเรียนขนาดกว้างมีเสียงดังเซ็งแซ่ นักเรียนส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างไปกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเพียงบางคนเท่านั้นที่นั่งลอกการบ้านที่ถูกสั่งไป ส่วนกลุ่มพวกผมก็จับโต๊ะมาเรียงติดๆกันแล้วหันหน้าคุย ตรงหน้าคือซิ่วหมิน ถัดไปหน่อยก็เป็นอี้ชิง และคนที่นั่งติดกันกับผมคืออี้ฝาน ซึ่งผมกับอี้ฝานก็นั่งสบายๆ เปิดเพลงในMp3และเสียบหูฟังคนละข้าง พอเครื่องสุ่มเพลงไปยังเพลงที่ผมไม่ค่อยชอบก็จะฉกเครื่องเอ็มพีสามมาจากมืออีกคนและเปลี่ยนเพลงเสมอๆ ซิ่วหมินนั่งกินขนมไปจ้อเรื่องตลกของตัวเองโดยมีอี้ชิงแทรกขัดมาเป็นระยะเรียกเสียงฮาจากกลุ่มได้อย่างดี
“กูนะเว้ย โคตรกลัวเลยตอนแฟนเก่ามันเข้ามาหา” ซิ่วหมินพูดด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ทำไมวะ” อี้ฝานที่นั่งเลือกเพลงอยู่ถามขึ้นมา
“มึงคิดดูดิ ตอนกูคบด้วยนะนี่หุ่นเช้งอย่างกับนางแบบ ตอนนี้แม่งกล้ามโตกว่านักกล้ามอีก กูนึกว่าบัวขาว”
“ฮ่าๆๆๆ มึงก็บ้าไปเปรียบเทียบแบบนั้น” อี้ชิงขำแล้วหยิบขนมในมือซิ่วหมินมากินอย่างหน้าตาเฉย
“บ้าตรงไหน หน้าหวานเสือกมีกล้าม” ซิ่วหมินทำหน้าคิดเหมือนพยายามหาข้อเปรียบเปรยให้เพื่อนเห็นภาพ “งั้นเอางี้ มองลองคิดภาพให้ลู่หานมีกล้ามดิ แบบนั้นเลย”
“อ้าว ไอ้นี่ อยากโดนติดแท็ก #กินขนมดีๆก็อิ่มตีนเหรอ” ผมแย้งขึ้นทันที เท้าก็แหย่เตะขาซิ่วหมินใต้โต๊ะ
“โอ้ย! ก็มันจริงนี่หว่า หรือมึงจะเถียงว่าตัวเองหน้าไม่หวานเลย” ซิ่วหมินมุ่ยหน้าเจ็บ
“ไม่ กูนี่แหละคนแมนแห่งปักกิ่ง หาคนหล่ออย่างกูไม่ได้ละ”
พอพูดจบ.......
“อ้วกกกกกกกกกกกกกกก”
ทั้งกลุ่มก็พร้อมใจทำท่าโก่งคออ้วกให้ไม่เว้นแม้กระทั่งคนนั่งข้างๆ
ขอบคุณสำหรับเสียงตอบรับครับ...
เวลาผ่านไปและผมใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการตั้งใจเรียนตัวหนังสือบนกระดานที่อาจารย์
ได้ถ่ายทอดมาให้ ผมอยากจะซึมซับและเรียนรู้ทุกอย่างในห้องเรียนเพื่อจะได้ไม่ต้องหาที่เรียนพิเศษเพิ่ม เพราะผมเชื่อว่าถ้าตั้งใจเรียนในห้องก็สอบได้ ที่สำคัญจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายของบ้าน
ก็จริงอยู่ที่ครอบครัวผมสามารถตั้งตัวจนฐานะกลับมาเท่าเดิมแล้ว แต่บทเรียนในตอนเด็กได้สอนผมได้ดีมากว่าควรจะประหยัดเงิน...
ไม่มีข้อโต้แย้งสำหรับเงินที่แม่ได้ให้มาในช่วงที่ท่านไปเที่ยว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมเองก็อยู่แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก (ครั้งนี้ออกจะแปลกไปหน่อยตรงที่ให้ใช้เงินกับเซฮุน) เลยค่อนข้างจะปรับตัวได้ง่ายและรู้ว่าควรใช้จ่ายอย่างไร
“หานหาน มีคนมาหา” ผมผงกหัวขึ้นจากเลคเชอร์ในมือเพื่อมองอี้ฝานที่เดินเข้ามาหา ก่อนที่เจ้าตัวจะเพยิดหน้าไปทางประตู ผมไล่สายตาไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผมสีทองเด่นหรากำลังยืนรออยู่หน้าห้อง ไม่รอให้เจ้าของร่างนั้นเรียกด้วยตัวเองผมก็รีบลุกไปหาทันที
“มีอะไร” ผมถาม เซฮุนมองผ่านด้านหลังผมไป แววตาทอประกายความไม่พอใจออกมา ผมทำหน้างุนงง ในขณะที่กำลังจะหันไปมองว่าเซฮุนมองใคร เจ้าตัวก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“เมื่อเช้านายไม่ได้ให้เงินฉัน” ผมหันกลับมามองพร้อมเบิกตากว้าง
“เฮ้ย ขอโทษ! เอาเท่าไหร่ๆๆ” ผมลุกลี้ลุกลนปะป่ายมือหากระเป๋าเงินตัวเอง หรือว่า... “ตุ้ยจาง! หยิบกระเป๋าเงินฉันให้หน่อยสิ”
“ที่เดิมเหรอ?” อี้ฝานที่นั่งอ่านเลคเชอร์ของผมถามกลับมา ผมเลยพยักหน้าให้ ซึ่งอี้ฝานก็
ลุกเดินไปหยิบกระเป๋าเงินในกระเป๋านักเรียนช่องแรกอย่างรู้จุดและเดินเอามาให้ พอผมรับมาเจ้าตัวก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม เลยได้ฤกษ์กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง
“นายใช้เท่าหระ....”
“ดูรู้ใจกันดีนะ” เซฮุนพูดขัดขึ้นมาโดยไม่มองผม แต่กลับมองเลยผ่านเข้าไปในห้องเหมือนเดิม
“???” ด้วยความสงสัยผมกำลังจะหันไปมองแต่ก็ถูกเสียงของคนตรงหน้าฉุดกลับมาอีกครั้ง
“ห้าร้อยวอนก็พอ”
“ทำไมน้อยจัง นายกินอะไรเนี่ย” อย่างน้อยค่าอาหารของที่นี่จานหนึ่งก็ปาไปพันวอน แต่หมอนี่กลับมาขอแค่ห้าร้อยเนี่ยนะ
“นม” เซฮุนตอบมาทำให้ผมตีหน้าโกรธทันที
“ไม่ได้ นายต้องกินข้าว”
“จะไม่ได้ได้ยังไง นี่มันท้องฉัน” เซฮุนเริ่มขมวดคิ้ว “เอามาแค่นั้นแหละ อย่ามากความ”
“ย๊า! ไอ้เด็กปีนเกลียวนี่ พูดจาให้มันรู้หน่อยเถอะว่าฉันเกิดก่อน”
“เออๆๆ” ร่างสูงทำหน้าหน่ายๆก่อนจะพูด “เอาเงินมาเร็ว ไม่อยากอยู่นาน”
แล้วที่พูดมานี่มันดีกว่าเดิมตรงไหน
“ไม่รู้ล่ะ นายต้องกินข้าว” ผมว่าแล้วยัดเงินหนึ่งพันวอนใส่มือเซฮุน เจ้าตัวทำท่าจะชักมือกลับผมเลยจับข้อมือไว้แล้วยัดเงินลงไป “ห้ามปฏิเสธ ฉันจะเช็คกับจงอินอีกที ถ้านายเบี้ยวฉันจะไม่ทำ
อาหารเย็น!”
เจ้าตัวอิดออดนิดหน่อยก่อนจะพ่นล่มหายใจออกมา “รู้แล้ว ไปละ”
ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าให้ อย่างน้อยก็หวังว่าเซฮุนจะไม่ดื้อจนเกินเหตุ
พอแผ่นหลังกว้างนั้นหายไปผมก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เลือกนั่งลงตรงที่ประจำคือข้างๆอี้ฝาน คนข้างตัวหยิบกล่องข้าวที่จะฝากซื้อแต่เช้าเป็นประจำขึ้นมาสองกล่อง กล่องแรกวางตรงหน้าตัวเอง ส่วนกล่องที่สองวางตรงหน้าผม
“โห... อี้ฝาน นายไปซื้อมาจากไหนน่ะ น่ากินจัง” อี้ชิงเห็นก็ร้องขึ้น
“นั่นสิ ฝากซื้อบ้างๆ” ซิ่วหมินผสมโรง
“ไม่ได้ หนักกระเป๋า” อี้ฝานตอบเสียงเรียบและแกะพลาสติกห่ออาหารของผมกับตัวเอง
ออก
“ไรวะ” ซิ่วหมินท้วง “ทีลู่หานล่ะฝากได้ เสือกมีบริการแกะห่อให้ด้วย”
ไม่อยากจะตอบหรอกนะว่าคนหล่อมักได้รับการบริการดี ก๊ากกกกก
แต่ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ เดี๋ยวได้กินยำตีนเพื่อนแทน
ผมตักข้าวเข้าปาก ในขณะที่สามหน่อผองเพื่อนยังคงเถียงกันเรื่องข้าวกล่องไม่เลิก จนหัวข้อสนมนานี้มาถึงจุดพีค
“อะไรกัน นายนี่สองมาตรฐานชะมัด” อี้ชิงตัดพ้อ
และสิ่งที่ทำให้ผมสำลักข้าวคือ......
“นายชอบลู่หานเหรอ”
“แค่ก!!!”
เกิดอาการเม็ดข้าวหลุดเข้าไปในหลอดลมกะทันหัน ผมไอโขลกพลางทุบอกตัวเอง ซิ่วหมินก็รีบกุลีกุจอยื่นน้ำให้ ผมรับมาดื่มจนเกือบหมดขวด จนในที่สุดก็เริ่มหยุดไอ
เกือบได้เป็นศพกวางคาโรงเรียนแล้วไง
“เพ้อเจ้อ” อี้ฝานว่า ผมที่ดื่มน้ำอยู่พยักหน้าเห็นด้วย
ใช่ๆ เพ้อเจ้อ
“ฉันรักหานหานต่างหาก”
พรวด!!!
#ทดลองเป็นสปริงเคิลหนึ่งนาที....
************************************************
กร๊ากกกกกกกกกกกกกก สงสารกวางน้อยของเราเหลือเกิน
ตามจริงตอนนี้มีต่อแต่ดูค่อนข้างจะยาวเกินไปไรท์เลยขออนุญาตตัดไปตอนหน้าทีเดียวนะครับ
'ผมหยิบอัลบั้มรูปที่บรรจุเรื่องราวในตอนเด็กเอาไว้ออกมา กางออกเผยให้เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆข้างใน เซฮุนยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อเห็นภาพที่พวกเราสองคนกำลังนั่งเล่นรูบิคอยู่
"คิดถึงเนอะ" เซฮุนพูดขำๆ "ยังอยู่ไหม?"
ผมหันไปมองเขาแล้วพยักหน้า
"ดีเลย...เอามาสอนฉันหน่อยสิ"'
สปอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยล์ #หลบเท้ารีดเดอร์อย่างดิจิตอล
สุดท้ายนี้ช่วยเม้นต์หน่อยน๊าาาา *ปุอิ๊ง*
-ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ครับ-
(เจอคำผิดสะกิดที)
Tegs : #รนตปก
ความคิดเห็น