ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO [HunHan] :: HomeMate :: รักนี้ ต้อง! ปีนเกลียว [จบแล้ว]

    ลำดับตอนที่ #3 : -3- บ้านใกล้ ใจเคียงกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 636
      1
      7 ต.ค. 57























    Tegs : #รนตปก










     

                             “เสี่ยวลู่”
     

                             “อืม.....”
     

                             “เสี่ยวลู่...”
     

                             “อะ...”
     

                             “เสี่ยวลู่”
     

                             “ไม่..นะ...”




     

                             “ไอ้เหี่ยว!

                             “เตี่ยถึงแก่กรรม! โอ้ย!!!!

     
     


                             เสียงของหน้าผากชนกันดังทั่วห้อง ทั้งผมและเซฮุนต่างร้องโอดโอยและกุมหน้าผากของตัวเอง ใครจะไปนึกว่าฝันว่ากำลังกินช็อคโกแลตแล้วมีคนแย่งไป อยู่ๆจะมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา ผมเลยสะดุ้งตื่นจนหัวโหม่งอย่างจังเข้ากับเด็กข้างบ้านที่ตอนนี้สภาพก็ไม่ต่างกันไปเท่าไหร่ ผมปาดน้ำตาที่คลอเบ้าออกเตรียมหาเรื่องทันที ในขณะที่อ้าปากกำลังจะพูด...

                             “ทำบ้าอะไรของนาย”

                             เซฮุนชิงพูดขึ้นมาก่อน

                             ฉันสิต้องถามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!

                             “นายนั่นแหละทำบ้าอะไร” ผมเบะปากใส่ มือคว้าผ้าห่มได้ก็พับไปด้วย “ปลุกดีๆไม่ได้หรือไง”


                             “ปลุกดีแล้ว นายตื่นยากเอง” เซฮุนยักไหล่อย่างไม่หยี่ระอะไร


                             “.....” ผมเลิกเถียงแล้วหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง พบว่าตอนนี้หกโมงกว่าๆเท่ากับเวลาตื่นปกติพอดี ก็ไม่แย่อะไร อย่างน้อยเซฮุนก็ตื่นประมาณเดียวกัน เมื่อหันไปมองอีกคนก็พบว่าเจ้าตัวแต่งตัวในชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้ว

     
                            “ฝันว่าอะไร ครางซะเหมือนโดนเอา”
    ตอนนี้มันย้ายตัวเองจากบนเตียงผมไปยืนด้วยท่าทีกวนประสาท


                             “หยาบคาย!” ผมแหวกลับ “นายนั่นแหละ มาแย่งช็อคโกแลตฉันทำไม”

     

     
                            ครับ... ใช่แล้ว


                             คนที่แย่งไปก็มันเนี่ยแหละ


                   ตามเกรียนแม้กระทั่งในฝัน

     


                             “หืม.... ฉัน?” เซฮุนเลิกคิ้ว “ตอนไหน”


                             “ในฝัน”         


                             เซฮุนชะงักกึกทำให้ผมที่กำลังจัดที่นอนให้เข้าที่อยู่ต้องหันไปมอง

     

                             อะไรของมันอีก?

     

                             “นี่นายฝันถึงฉันเหรอ”

                   

                              “อะไร ฉันฝันไม่ได้หรือไง” ผมขมวดคิ้วสงสัย


                             “ก็เปล่า....”


                             “เอ้า” ผมครางด้วยความงง แล้วจะถามเพื่อ


                             เซฮุนยกยิ้มขึ้น “แต่เขาว่าฝันถึงใครแสดงว่าคิดถึงคนนั้นเป็นคนสุดท้าย


                             จบประโยคหน้าผมก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาทันที ไหนจะรอยยิ้มพึงพอใจที่ปรากฏบนใบหน้าใสนั่นอีก เรียกความร้อนบนใบหน้าผมลามไปถึงใบหู

     
                            ไอ้เด็กบ้านี่มายิ้มให้ทำไม
    !


                             “ระ..ไร้สาระ ลงไปก่อน เดี๋ยวไปทำข้าวเช้าให้!” ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่องแล้วลุกเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆดังตามมา พอปิดประตูเรียบร้อยผมก็มาสงบสติตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่




                             “เขาว่าฝันถึงใครแสดงว่าคิดถึงเขาคนนั้นเป็นคนสุดท้าย”

     



                           ให้ตายสิ........



                     ตอนนี้หน้าผมแดงมากจริงๆ.....

     

























                             ใช้เวลาไม่นานนักด้วยความที่ผมเป็นคนอาบน้ำไวอยู่แล้วก็รีบแต่งตัวและลงมาทำอาหารเช้าให้ เซฮุนเองก็นั่งดูทีวีรอ ทุกอย่างดูปกติดี มีอย่างเดียวเนี่ยแหละ


                             มันชอบยิ้มแปลกๆมองตามผม


                             แต่ก็ใช่ว่าจะใส่ใจอะไร อยากมองก็มองไป แค่ทำตัวเฉยๆก็พอ


                             ปกติแล้วทุกเช้าแม่ผมจะเป็นคนทำอาหารและดูแลเรื่องการกินทั้งหมดของบ้านครับ แต่ด้วยความที่เหมือนจะรู้ตัวว่าเป็นขาเที่ยว หนำซ้ำพ่อยังทำอาหารไม่เป็น เข้าบริษัทก็บ่อย ทำให้ผมไม่มีคนดูแล หลายครั้งที่จะต้องอยู่บ้านคนเดียว ท่านเลยสอนให้ผมทำอาหารได้ตั้งแต่สิบขวบ จนตอนนี้อายุปาเข้าไปสิบแปดแล้วผมเลยค่อนข้างจะทำอาหารได้หลากเมนู จึงอยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะเริ่มมีปัญหาก็ตรงที่คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่นี่แหละ ตั้งแต่เด็กแล้วที่เรื่องมากเรื่องอาหารเหลือเกิน


                             ไม่ใช่เซฮุนเลือกกินหรอกนะครับ แต่เพราะเจ้าตัวแพ้ของกินหลายอย่าง แถมแต่ละอย่างชอบขัดกับชาวบ้านเขา คนอื่นกินได้หมอนี่กินไม่ได้ หมอนี่กินได้ ผมดันแพ้ซะแบบนี้ เช่นวันนี้เหมือนกัน ตอนแรกผมว่าจะทำผัดผักกาด เพื่อความกลมกล่อมของรสชาตต้องเติมผงชูรสอยู่แล้ว แต่ผมจำต้องเลี่ยงและไปใช้ผงปรุงรสอย่างอื่นแทน เพราะเซฮุนแพ้ผงชูรส


                             หลังจากที่ทำอาหารเสร็จแล้วก็เรียกเด็กหน้าติ๋มมานั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ที่ผมสังเกตคือเซฮุนเอาแต่จ้องมองจานผัดผักตรงหน้า ไม่ยอมตักกินสักที


                             “ไม่ใส่ผงชูรสหรอกน่า”


                             และเป็นอย่างที่ผมเดาถูก เซฮุนเหลือบมองขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงไปตักกับข้าวและกินเข้าไป เรียกรอยยิ้มน้อยๆจากผมได้เป็นอย่างดี



                             จะทะเลาะหรือเกลียดเด็กปีนเกลียวยังไง แต่เซฮุนก็มักจะมีมุมที่เด็กกว่าผมอยู่เสมอ



                             นั่นทำให้ผมไม่เคยเกลียดเซฮุนจริงจังเลยสักครั้ง







     

                            

     

     














                             บ้านของผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสักเท่าไหร่ ประมาณสองป้ายรถเมล์เองครับ ผมกับเซฮุนเลยเลือกที่จะเดินกันมามากกว่า ระหว่างทางที่เดินมานั้นเราก็เถียงกันไป หนักข้อหน่อยผมก็ไล่เตะเซฮุนจนช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางเพราะต้องวิ่งไล่กัน ทำเอาเหนื่อยแต่เช้า แต่เรียกรอยยิ้มได้ครับ อย่างน้อยก็ได้ไล่เตะเด็กนี่อย่างสะใจ


                             พอถึงโรงเรียน ผมก็หันไปกำชับเซฮุนอีกครั้ง


                             “เลิกเรียนแล้วต้องมารอฉันที่หน้าประตูโรงเรียนนะ” ผมบอก เซฮุนกำลังจะตอบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา


                             “ไง หานหาน”


                             ผมหันไปมองก็พบกับเพื่อนตัวสูง เรือนผมสีทองประกายสะบัดนิดหน่อยตามแรงลม คิ้วหนาได้รูปที่ดูเหมือนขมวดคิ้วตลอดเวลานั้นขัดกับดวงตากลมรี ไล่มายังจมูกโด่งเป็นคมสัน ริมฝีปากอิ่มรูป
    สวย... ตุ้ยจาง หรือ อู๋ อี้ฝานกำลังยิ้มให้


                             “อันยอง ตุ้ยจาง” ผมยิ้มตอบแล้วทักกลับไป


                             “วันนี้มาเช้านะ”


                             ผมหัวเราะออกมา


                             “กึ่งเดินกึ่งวิ่งน่ะ” ไล่เตะเด็กแถวนี้


                             อี้ฝานเหลือบมองไปทางเซฮุน “นั่นใครน่ะ?”


                             เซฮุนที่ยืนเงียบอยู่นานแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผมอดสงสัยในตัวเขาไม่ได้ อยู่ดีๆก็ไม่ชอบใจซะงั้น ผมเองก็ตามอารมณ์มันไม่ถูกเหมือนกัน


                             “เซฮุนน่ะ ปีสอง” ผมแนะนำ “ส่วนนี่อี้ฝาน เพื่อนฉัน”


                             อี้ฝานชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะระบายยิ้มออกมาเหมือนเดิม


                             “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”


                             “อืม” แต่เซฮุนกลับตอบเรียบๆ “ไปละ เจอกันตอนเย็น” ประโยคสุดท้ายเซฮุนหันมาพูดกับผมแล้วก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้ผมยืนงงกับอี้ฝานเพียงสองคน


                             เป็นอะไรไปอีกวะ?


                   “ขึ้นห้องเถอะ วันนี้คาบเช้าครูเข้าไวนะ” ผมทิ้งความสงสัยแล้วพยักหน้าให้กับเพื่อนตัวสูงและก้าวเดินขึ้นตึกไป

     




















                             ห้องเรียนขนาดกว้างมีเสียงดังเซ็งแซ่ นักเรียนส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างไปกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเพียงบางคนเท่านั้นที่นั่งลอกการบ้านที่ถูกสั่งไป ส่วนกลุ่มพวกผมก็จับโต๊ะมาเรียงติดๆกันแล้วหันหน้าคุย ตรงหน้าคือซิ่วหมิน ถัดไปหน่อยก็เป็นอี้ชิง และคนที่นั่งติดกันกับผมคืออี้ฝาน ซึ่งผมกับอี้ฝานก็นั่งสบายๆ เปิดเพลงในMp3และเสียบหูฟังคนละข้าง พอเครื่องสุ่มเพลงไปยังเพลงที่ผมไม่ค่อยชอบก็จะฉกเครื่องเอ็มพีสามมาจากมืออีกคนและเปลี่ยนเพลงเสมอๆ ซิ่วหมินนั่งกินขนมไปจ้อเรื่องตลกของตัวเองโดยมีอี้ชิงแทรกขัดมาเป็นระยะเรียกเสียงฮาจากกลุ่มได้อย่างดี


                             “กูนะเว้ย โคตรกลัวเลยตอนแฟนเก่ามันเข้ามาหา” ซิ่วหมินพูดด้วยน้ำเสียงตระหนก


                             “ทำไมวะ” อี้ฝานที่นั่งเลือกเพลงอยู่ถามขึ้นมา


                             “มึงคิดดูดิ ตอนกูคบด้วยนะนี่หุ่นเช้งอย่างกับนางแบบ ตอนนี้แม่งกล้ามโตกว่านักกล้ามอีก กูนึกว่าบัวขาว”


                             “ฮ่าๆๆๆ มึงก็บ้าไปเปรียบเทียบแบบนั้น” อี้ชิงขำแล้วหยิบขนมในมือซิ่วหมินมากินอย่างหน้าตาเฉย


                             “บ้าตรงไหน หน้าหวานเสือกมีกล้าม” ซิ่วหมินทำหน้าคิดเหมือนพยายามหาข้อเปรียบเปรยให้เพื่อนเห็นภาพ “งั้นเอางี้ มองลองคิดภาพให้ลู่หานมีกล้ามดิ แบบนั้นเลย”


                             “อ้าว ไอ้นี่ อยากโดนติดแท็ก #กินขนมดีๆก็อิ่มตีนเหรอ” ผมแย้งขึ้นทันที เท้าก็แหย่เตะขาซิ่วหมินใต้โต๊ะ

                             “โอ้ย! ก็มันจริงนี่หว่า หรือมึงจะเถียงว่าตัวเองหน้าไม่หวานเลย” ซิ่วหมินมุ่ยหน้าเจ็บ


                             “ไม่ กูนี่แหละคนแมนแห่งปักกิ่ง หาคนหล่ออย่างกูไม่ได้ละ”


                             พอพูดจบ.......


                             “อ้วกกกกกกกกกกกกกกก”


                             ทั้งกลุ่มก็พร้อมใจทำท่าโก่งคออ้วกให้ไม่เว้นแม้กระทั่งคนนั่งข้างๆ

     



                             ขอบคุณสำหรับเสียงตอบรับครับ...

     

                            

     





























                             เวลาผ่านไปและผมใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการตั้งใจเรียนตัวหนังสือบนกระดานที่อาจารย์
    ได้ถ่ายทอดมาให้ ผมอยากจะซึมซับและเรียนรู้ทุกอย่างในห้องเรียนเพื่อจะได้ไม่ต้องหาที่เรียนพิเศษเพิ่ม เพราะผมเชื่อว่าถ้าตั้งใจเรียนในห้องก็สอบได้ ที่สำคัญจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายของบ้าน


                    ก็จริงอยู่ที่ครอบครัวผมสามารถตั้งตัวจนฐานะกลับมาเท่าเดิมแล้ว แต่บทเรียนในตอนเด็กได้สอนผมได้ดีมากว่าควรจะประหยัดเงิน...


                             ไม่มีข้อโต้แย้งสำหรับเงินที่แม่ได้ให้มาในช่วงที่ท่านไปเที่ยว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมเองก็อยู่แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก (ครั้งนี้ออกจะแปลกไปหน่อยตรงที่ให้ใช้เงินกับเซฮุน) เลยค่อนข้างจะปรับตัวได้ง่ายและรู้ว่าควรใช้จ่ายอย่างไร


                             “หานหาน มีคนมาหา” ผมผงกหัวขึ้นจากเลคเชอร์ในมือเพื่อมองอี้ฝานที่เดินเข้ามาหา ก่อนที่เจ้าตัวจะเพยิดหน้าไปทางประตู ผมไล่สายตาไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผมสีทองเด่นหรากำลังยืนรออยู่หน้าห้อง ไม่รอให้เจ้าของร่างนั้นเรียกด้วยตัวเองผมก็รีบลุกไปหาทันที


                             “มีอะไร” ผมถาม เซฮุนมองผ่านด้านหลังผมไป แววตาทอประกายความไม่พอใจออกมา ผมทำหน้างุนงง ในขณะที่กำลังจะหันไปมองว่าเซฮุนมองใคร เจ้าตัวก็พูดขึ้นมาเสียก่อน


                             “เมื่อเช้านายไม่ได้ให้เงินฉัน” ผมหันกลับมามองพร้อมเบิกตากว้าง


                             “เฮ้ย ขอโทษ! เอาเท่าไหร่ๆๆ” ผมลุกลี้ลุกลนปะป่ายมือหากระเป๋าเงินตัวเอง หรือว่า... “ตุ้ยจาง! หยิบกระเป๋าเงินฉันให้หน่อยสิ”


                             “ที่เดิมเหรอ?” อี้ฝานที่นั่งอ่านเลคเชอร์ของผมถามกลับมา ผมเลยพยักหน้าให้ ซึ่งอี้ฝานก็
    ลุกเดินไปหยิบกระเป๋าเงินในกระเป๋านักเรียนช่องแรกอย่างรู้จุดและเดินเอามาให้ พอผมรับมาเจ้าตัวก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม เลยได้ฤกษ์กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง


                             “นายใช้เท่าหระ....”


                             “ดูรู้ใจกันดีนะ” เซฮุนพูดขัดขึ้นมาโดยไม่มองผม แต่กลับมองเลยผ่านเข้าไปในห้องเหมือนเดิม


                             “???” ด้วยความสงสัยผมกำลังจะหันไปมองแต่ก็ถูกเสียงของคนตรงหน้าฉุดกลับมาอีกครั้ง


                             “ห้าร้อยวอนก็พอ”


                             “ทำไมน้อยจัง นายกินอะไรเนี่ย” อย่างน้อยค่าอาหารของที่นี่จานหนึ่งก็ปาไปพันวอน แต่หมอนี่กลับมาขอแค่ห้าร้อยเนี่ยนะ


                             “นม” เซฮุนตอบมาทำให้ผมตีหน้าโกรธทันที


                             “ไม่ได้ นายต้องกินข้าว”


                             “จะไม่ได้ได้ยังไง นี่มันท้องฉัน” เซฮุนเริ่มขมวดคิ้ว “เอามาแค่นั้นแหละ อย่ามากความ”


                             “ย๊า! ไอ้เด็กปีนเกลียวนี่ พูดจาให้มันรู้หน่อยเถอะว่าฉันเกิดก่อน”


                             “เออๆๆ” ร่างสูงทำหน้าหน่ายๆก่อนจะพูด “เอาเงินมาเร็ว ไม่อยากอยู่นาน”


                             แล้วที่พูดมานี่มันดีกว่าเดิมตรงไหน


                             “ไม่รู้ล่ะ นายต้องกินข้าว” ผมว่าแล้วยัดเงินหนึ่งพันวอนใส่มือเซฮุน เจ้าตัวทำท่าจะชักมือกลับผมเลยจับข้อมือไว้แล้วยัดเงินลงไป “ห้ามปฏิเสธ ฉันจะเช็คกับจงอินอีกที ถ้านายเบี้ยวฉันจะไม่ทำ
    อาหารเย็น
    !


                             เจ้าตัวอิดออดนิดหน่อยก่อนจะพ่นล่มหายใจออกมา “รู้แล้ว ไปละ”


                             ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าให้ อย่างน้อยก็หวังว่าเซฮุนจะไม่ดื้อจนเกินเหตุ







                             พอแผ่นหลังกว้างนั้นหายไปผมก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เลือกนั่งลงตรงที่ประจำคือข้างๆอี้ฝาน คนข้างตัวหยิบกล่องข้าวที่จะฝากซื้อแต่เช้าเป็นประจำขึ้นมาสองกล่อง กล่องแรกวางตรงหน้าตัวเอง ส่วนกล่องที่สองวางตรงหน้าผม


                             “โห... อี้ฝาน นายไปซื้อมาจากไหนน่ะ น่ากินจัง” อี้ชิงเห็นก็ร้องขึ้น


                             “นั่นสิ ฝากซื้อบ้างๆ” ซิ่วหมินผสมโรง


                             “ไม่ได้ หนักกระเป๋า” อี้ฝานตอบเสียงเรียบและแกะพลาสติกห่ออาหารของผมกับตัวเอง
    ออก


                             “ไรวะ” ซิ่วหมินท้วง “ทีลู่หานล่ะฝากได้ เสือกมีบริการแกะห่อให้ด้วย”


                             ไม่อยากจะตอบหรอกนะว่าคนหล่อมักได้รับการบริการดี ก๊ากกกกก


                             แต่ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ เดี๋ยวได้กินยำตีนเพื่อนแทน


     

     











                  ผมตักข้าวเข้าปาก ในขณะที่สามหน่อผองเพื่อนยังคงเถียงกันเรื่องข้าวกล่องไม่เลิก จนหัวข้อสนมนานี้มาถึงจุดพีค


                             “อะไรกัน นายนี่สองมาตรฐานชะมัด” อี้ชิงตัดพ้อ



                             และสิ่งที่ทำให้ผมสำลักข้าวคือ......




                             “นายชอบลู่หานเหรอ”



                             “แค่ก!!!


                             เกิดอาการเม็ดข้าวหลุดเข้าไปในหลอดลมกะทันหัน ผมไอโขลกพลางทุบอกตัวเอง ซิ่วหมินก็รีบกุลีกุจอยื่นน้ำให้ ผมรับมาดื่มจนเกือบหมดขวด จนในที่สุดก็เริ่มหยุดไอ


                             เกือบได้เป็นศพกวางคาโรงเรียนแล้วไง

     





                   “เพ้อเจ้อ” อี้ฝานว่า ผมที่ดื่มน้ำอยู่พยักหน้าเห็นด้วย



                                ใช่ๆ เพ้อเจ้อ







                               “ฉันรักหานหานต่างหาก”

     













                             พรวด!!!

     





                             #ทดลองเป็นสปริงเคิลหนึ่งนาที....

                             
















     

    ************************************************
    กร๊ากกกกกกกกกกกกกก สงสารกวางน้อยของเราเหลือเกิน
    ตามจริงตอนนี้มีต่อแต่ดูค่อนข้างจะยาวเกินไปไรท์เลยขออนุญาตตัดไปตอนหน้าทีเดียวนะครับ


    'ผมหยิบอัลบั้มรูปที่บรรจุเรื่องราวในตอนเด็กเอาไว้ออกมา กางออกเผยให้เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆข้างใน เซฮุนยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อเห็นภาพที่พวกเราสองคนกำลังนั่งเล่นรูบิคอยู่
    "คิดถึงเนอะ" เซฮุนพูดขำๆ "ยังอยู่ไหม?"
    ผมหันไปมองเขาแล้วพยักหน้า
    "ดีเลย...เอามาสอนฉันหน่อยสิ"'


    สปอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยล์ #หลบเท้ารีดเดอร์อย่างดิจิตอล

    สุดท้ายนี้ช่วยเม้นต์หน่อยน๊าาาา *ปุอิ๊ง*

    -ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ครับ-

    (เจอคำผิดสะกิดที)

    Tegs : #รนตปก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×