ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | AllV | Lareina Seven Wings #ลาเรียน่าออลวี

    ลำดับตอนที่ #2 : #ลาเรียน่าออลวี | CHAPTER II [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.07K
      142
      15 เม.ย. 62

    02





    ChungHa_Kim : แทฮยอง นายอย่าลืมมาติวหนังสือล่ะ พวกเรารอนายอยู่นะ 10.20 น.



    เสียงแจ้งเตือนเนื่องจากข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ของเขา มือบางรีบคว้ามาดูว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาในเวลานี้ และข้อความนั้นเขียนว่าอะไร เมื่อเปิดอ่านเขาก็ถึงบางอ้อทันที เพราะเป็นเพื่อนที่วานให้เขามาช่วยติวหนังสือให้นั่นเอง


    เหลือบมามองดูนาฬิกาในโทรศัพท์อีกทีก็พบว่าตอนนี้เวลาได้ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้วที่แทฮยองมัวแต่อ่านนิยายสโนว์ไวต์ เขาลืมไปว่าตนเองนั้นต้องไปหอสมุดเพื่อติวหนังสือกับเพื่อนๆ เพราะเนื่องจากว่าแทฮยองนั้นเป็นเด็กเรียนเก่งของห้องคนหนึ่ง เพื่อนๆหลายคนก็เลยขอให้เขาช่วยติวให้


    ถึงแม้ว่าในตามความเป็นจริงว่าแทฮยองไม่ชอบเพื่อนที่เข้ามาเซ้าซี้และรบเร้าเขาจนน่ารำคาญแบบนี้ แต่เขาเองก็ต้องยอมเป็นคนที่ช่วยติวหนังสือมให้ เพราะไม่อย่างนั้นพวกนั้นก็คงไม่หยุด แล้วก็จะต้องมารบเร้าเขาแบบนี้อีกแน่นอน


    แต่อย่างไรก็ตาม เขาเองก็คิดในอีกแง่ว่าอย่างน้อยการไปติวให้เพื่อนนั้นก็ช่วยให้เพื่อนจำได้และสอบให้ผ่าน แถมยังทบทวนเนื้อหาให้กับตัวเองไปอีกด้วย สรุปคือยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัวเลยล่ะ



    Taehyung_ : อืม...เดี๋ยวไปๆ 10.21 น.



    แทฮยองรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นคนเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง โลกส่วนตัวสูง แถมยังไม่ชอบคนยั๊วะเยี๊ยะอีกด้วย จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อคนเรานั้นก็เป็นสัตว์สังคม ต้องอยู่รวมกันเป็นคณะ ไม่ใช่ทำตัวขวางโลกและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ แทฮยองรู้สึกเกลียดคนที่บัญญัติคำเหล่านี้เอามากๆ คนเราก็มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง ไม่ใช่มาบัญญัติคำพูดที่คิดเองเออเองแบบนี้


    ร่างบางจัดการแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อย เขาสวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์สีเข้ม หมวกสีน้ำตาล รองเท้าคอมแบทสีดำ สวมเสื้อกันหนาวหนาๆสีน้ำตาลและผ้าพันคอลายสีเหลืองสลับกับสีดำ


    แทฮยองชอบสวมผ้าพันคอลายนี้มากที่สุด เพราะเนื่องจากว่าเขานั้นเป็นแฟนคลับแฮร์รี่ พอตเตอร์และชอบบ้านฮัฟเฟิลพัฟมาก กว่าเขาจะได้ผ้าพันคอผืนนี้มาก็ลงแดงพอสมควร สั่งจากในเน็ตและต้องรอของมาถึงอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ ไม่ลงแดงก็ให้มันรู้ไป


    มือขวาถือกุญแจห้องหลังจากที่จัดการล็อกประตูเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็เดินลงไปยังชั้นล่างและตรงไปที่หอสมุดของส่วนกลาง เขาแบกกระเป๋าสีดำและเอามือซุกเข้าในกระเป๋าเสื้อกันหนาวของตนเองเพราะมือเย็นมากๆ การเดินบนพื้นหิมะด้วยรองเท้าคอมแบทนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบากพอสมควร นอกจากรองเท้าจะค่อนข้างหนักแล้ว ทุกครั้งที่เหยียบลงบนพื้นหิมะก็จมไปเกือบมิดเท้าเลยล่ะ


    แต่แทฮยองเองก็ไม่สามารถตัดใจทิ้งรองเท้าคอมแบทคู่นี้ได้ เพราะว่ามันเป็นรองเท้าที่พ่อของเขามอบให้หลังจากที่ซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิดในปีที่สิบห้า นี่ก็เกือบหนึ่งปีแล้วที่แทฮยองสวมรองเท้าคอมแบทคู่นี้ไปไหนมาไหนตลอด นอกจากจะเป็นรองเท้าที่พ่อซื้อให้แล้วยังเป็นรองเท้าที่เขาอยากได้มานานแล้วด้วย


    "ฟู่..." ร่างบางถอนหายใจออกมาช้าๆ ไอร้อนๆที่ออกมาจากปากของตนเองเข้าไปปะทะกับความหนาวเย็นด้านนอก มันเกาะกลุ่มกันเป็นสีขาวเช่นเดียวกับหิมะ เพียงไม่กี่อึดใจมันก็ได้เลือนหายไปกับสายลมทันที



    ตื๊ด...



    เสียงข้อความเข้าดังมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาว แทฮยองรีบหยิบขึ้นมาเปิดดูทันทีว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาหาเขาในเวลานี้ เมื่อดูชื่อของคนที่ส่งมานั้นก็รู้เลยว่าเป็นเพื่อนที่ของกลุ่มที่ขอให้เขามาติวนั่นเอง



    ChungHa_Kim : นายอยู่ที่ไหนแล้ว ตอนนี้เพื่อนๆจะออกไปซื้อขนมรอนาย จะฝากซื้ออะไรไหม 10.38 น.


    Taehyung_ : กำลังไปที่หอสมุด ขนมน่ะไม่ต้อง ยังไม่หิวน่ะ 10.39 น.


    ChungHa_Kim : ได้ๆ ยังไงก็ระวังรถด้วยนะ 10.39 น.


    Taehyung_ : โอเค ขอบคุณนะชองฮา 10.39 น.



    คิมชองฮา เป็นเพื่อนร่วมห้องของแทฮยองอีกคนที่วานให้เขามาช่วยติวให้ เธอเป็นผู้หญิงดูสง่าและมีดวงตากลมโต จัดได้ว่าเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเลยล่ะ แทฮยองกับชองฮานั้นก็สนิทกันในระดับหนึ่งแต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยนอกเหนือจากคำว่าเพื่อน ทั้งสองคนต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ได้มีความเกลียดชังหรือบาดหมางกันเลยแม้แต่น้อย


    แทฮยองมองซ้ายมองขวาสลับไปมาเพื่อดูว่ามีรถคันไหนผ่านเขาไปบ้าง แต่เขาก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าในฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนักแบบนี้ รถก็ไม่น่ามีมากเหมือนในเดือนอื่นๆ แทฮยองตัดสินใจวิ่งข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีรถวิ่งผ่านเลยแม้แต่น้อย ส่วนมากจะจอดอยู่ข้างทางเสียมากกว่าจะขับไปขับมาบนท้องถนนแบบนี้


    เท้าทั้งสองก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ร่างบางเดินไปข้างหน้าและเท้าของเขาจมลึกลงไปในกองหิมะนั้นมันก็ได้ทิ้งรอยเท้ารอยยาวเอาไว้ เป็นเส้นทางที่บอกว่าเขาเดินไปทางไหน ไกลแค่ไหน ใกล้แค่ไหน แล้วจุดหมายปลายทางของร่างบางนั้นจะไปสิ้นสุดที่ไหน แต่แล้วร่องรอยเหล่านั้นก็ถูกกลบไปด้วยหิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้าจนหมด


    ใช้เวลาไม่นานร่างบางก็เดินทางมาถึงที่หอสมุด ในความคิดเขานั้นคิดว่าหอสมุดแห่งนี้มันใหญ่และโอ่อ่าเป็นอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากการก่อสร้างด้วยศิลปะแบบกอธิกในยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการของยุโรป ภายในตัวหอสมุดนั้นหนังสือมากมายนับไม่ถ้วน แถมมันยังวางเรียงรายกันเป็นแถวอยู่บนชั้นหนังสืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย


    แทฮยองเดินขึ้นบันไดและเปิดประตูเดินเข้าไปข้างในของตัวอาคารหอสมุด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเขาที่มาที่แห่งนี้ นอกเหนือจากการอึ้งกับการตกแต่งแบบย้อนยุคในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการแล้ว ยังมีหนังสือที่นับได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ของหนอนหนังสืออย่างเขาอยู่บนชั้นเป็นจำนวนมากจริงๆ


    "แทฮยอง!"


    "งะ ไงชองฮา" คนตัวเล็กเอ่ยทักทายชองฮาที่เดินเข้ามาหาเขาและยกมือขึ้นมาโบกมือทักทายอย่างงกๆเงิ่นๆ ในมือของเธอนั้นกำลังโอบหนังสือหนาๆประมาณสามสี่เล่ม อีกมือก็โบกไปมาทักทายเขาไปด้วย


    "กินอะไรมาหรือยัง" ชองฮาเอ่ยปากถาม "วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ"


    "อะ เอ่อ...กินมาแล้ว ขอบใจนะ" แทฮยองโกหกเธอ จริงๆแล้วเขายังไม่ได้กินอะไรเพราะตอนนี้ยังไม่หิว "ว่าแต่ มีใครมาแล้วบ้างอะ"


    "ก็มีเฉินเลี่ยงหลิน พัคจีมิน จอนจองกุก คิมยูคยอมและคิมมินกยูน่ะ"


    "งั้นเหรอ" เขาพยักหน้าและพูดไปด้วย "แล้วตอนนี้นั่งตรงไหนกันเนี่ย"


    "ป้ะ เดี๋ยวเราพาไป"


    "นำทางเลยครับ"


    แทฮยองพูดพลางผายมือไปด้านหน้า เป็นการบอกกลายๆว่านำทางไปเลย ส่วนเขาจะเดินตามต้อยๆไป


    "เดี๋ยวเหอะ"


    ชองฮาพูดแล้วเดินนำหน้าแทฮยองไปทันที เขาก็เดินตามเธอไปอย่างเงียบๆ ในระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆหอสมุดไปด้วย เขามีความรู้สึกว่าหอสมุดแห่งนี้มีพลัง หรือไม่ก็มีอะไรบางอย่างดึงดูดเขาให้เดินไปหาหนังสือสักเล่มมาอ่านแก้เซ็ง แต่ในใจของเขาคิดว่าต้องติวให้เพื่อนก่อนที่จะมานั่งอ่านหนังสือตามใจชอบ


    เดินไปเรื่อยๆก็พบว่ามีเด็กหนุ่มสี่คนและเด็กสาวอีกหนึ่งคน แต่ละคนบ้างก็อ่านหนังสือเรียน บ้างก็ฟังเพลง บ้างก็อ่านหนังสือการ์ตูน และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือฟุบหลับไปกับพื้นโต๊ะ


    ชองฮาวางหนังสือลงบนโต๊ะเสียงดัง ทำให้ทุกๆคนที่ทำกิจกรรมของตนเองตกใจทันที สีหน้าของพวกเขานั้นเบิกตากว้างและร้องออกมาเสียงดังเพราะตกใจ เด็กสาวที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนนั้นก็บ่นใส่ชองฮาทันที


    "ชองฮา! วางเบาๆหน่อยสิ!"


    "เรียกสติก่อนติวหนังสือไงเลี่ยงหลิน" เด็กสาวตอบพลางยักไหล่ไปมา เธอหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ว่างใกล้ๆกับเฉินเลี่ยงหลิน ก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่เหลือ "แล้วนี่ไปซื้อขนมมาแล้วเหรอ ไม่เห็นซักถุงเลย"


    "อยู่ในนี้แล้วเพื่อน"


    มินกยูพูดพลางตบลงบนกระเป๋าเรียนของตนเองสองสามครั้ง


    "เยี่ยมมากเพื่อน"


    ชองฮาตอบพลางยกนิ้วโป้งขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาของมินกยู แทฮยองก็นั่งลงข้างชองฮาอย่างช้าๆพลางวางงกระเป๋าตัวเก่งของตนเองลงบนพื้นใกล้ๆกับเก้าอี้ที่เขากำลังนั่ง หลังก็เอนไปพิงผนักเต็มที่เพื่อไม่ให้ปวดหลังจากการนั่งหลังคร่อม


    "บทไหนไม่เข้าใจ" แทฮยองเปรยขึ้นมา


    "บทนี้..."


    "บทนี้!"


    "นี่ยูคยอม" มินกยูกอดอก "ตามคิวดิวะ"


    "มึงหมดอภิสิทธิ์นั้นแล้วว่ะเพื่อน" ยูคยอมหัวเราะ มินกยูเบ้ปากเนื่องจากถูกแย่งตอบเหมือนกับเด็กที่ถูกขัดใจว่าไม่ให้เอาของเล่นอันนี้ ทุกๆคนต่างก็หัวเราะแห้งๆกับพฤติกรรมไม่รู้จักโตของสองคนนี้ "ตอบช้าเกินไปก็ต้องอดนะจ้ะ"


    "เกลียดมึงว่ะ"


    "เฮ้ยๆๆ! ติวกันได้แล้วเว้ย! อย่ากัดกันดิ!"


    ชองฮาตบหนังสือดังๆสองสามครั้งและนั่นก็ทำให้สองคู่หูคู่กัดนั้นหยุดทะเลาะกันทันที ทั้งสองต่างก็หรี่ตามองหน้ากันและยื่นปากออกมาด้วย ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจเข้าไปใหญ่ แทฮยองหัวเราะน้อยๆก่อนจะเริ่มติวหนังสือให้เพื่อนทันที


    แต่หารู้ไม่ว่า เด็กหนุ่มทั้งสองคนที่นั่งเงียบและไม่พูดอะไรออกมาในตอนแรกนั้นแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อพวกเขาทั้งสองเห็นท่าทางตั้งใจในการติวหนังสือให้กับเพื่อนของแทฮยอง โดยที่เจ้าตัวอย่างแทฮยองนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย



    เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ชองฮาเป็นคนที่ออกความคิดเห็นว่าพักช่วงอ่านหนังสือก่อน เพราะเธอเห็นว่าแทฮยองคงจะพูดยาวๆต่อไปไม่ค่อยไหว ซึ่งทุกคนเองก็เห็นด้วยกับความคิดของเธอ มินกยูแอบเอาถุงขนมที่ตนเองซื้อมานั้นออกมาจากกระเป๋าของตนเองและแกะถุงมาแบ่งให้กับเพื่อนๆให้หายหิว


    "อ้าวแทฮยอง! นายไม่กินเหรอ" ยูคยอมเอ่ยปากถามแทฮยองในขณะที่อีกคนนั้นกำลังลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และกำลังจะเดินไปที่ไหนสักที่


    "ไม่อ่ะ กินไปเถอะ" ร่างบางตอบ"ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่น่ะ"


    "แล้วนี่จะไปไหนเนี่ย"


    "หาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาน่ะ"


    "อ่าๆ งั้นตามสบายเลยนะ"


    คนตัวเล็กยิ้มน้อยๆส่งไปให้ยูคยอม ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปที่ไหนสักที่ในหอสมุดแห่งนี้


    "แทฮยองนี่ชอบอยู่คนเดียวแบบนี้ตลอดเลยเหรอเนี่ย" มินกยูพูดขึ้นมาหลังจากที่แทฮยองเดินออกไปแล้ว "เห็นตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้ว ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่เลยนะ"


    "เขาอาจมีปมบางอย่างอยู่มั้ง ก็เลยไม่กล้าเข้าหาเพื่อนอะ"


    เฉินเลี่ยงหลินออกความคิดเห็น


    "พวกเราไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของแทฮยองหรอกว่าอีกด้านหนึ่งของเขาที่ไม่อยากเปิดเผยนั้นมีอะไร แต่ที่แน่ๆก็คือรู้ในสิ่งที่เขาอยากจะให้เรารู้เถอะ อย่าให้มันลามไปจนถึงชีวิตส่วนตัวของเขาเลย" ยูคยอมตอบอย่างมีหลักการ ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของเขาเป็นอย่างมาก "แต่ยังไงก็ตามเถอะ กินขนมต่อดีกว่าว่ะ เดดแอร์แบบนี้มันดูอึมครึมอะ"



    จบประโยคนั้น ทุกๆคนต่างก็นั่งทานขนมกันโดยที่พยายามไม่สนใจเรื่องของแทฮยอง



    อีกด้านหนึ่งของคนตัวเล็ก ขาทั้งสองนั้นก็เดินไปเดินมาอย่างมีความสุข รอยยิ้มน้อยๆเผยออกมาอย่างช้าๆ ในตอนนี้เขามีความสุขมากที่ได้ปลีกตัวออกมาจากคนกลุ่มใหญ่ที่เขาอยู่ด้วยและค่อนข้างอึดอัด ราวกับว่าหอสมุดในตอนนี้ได้กลายเป็นทุ่งดอกไม้หรือไม่ก็ทุ่งข้าวสาลีกว้างๆที่ทำให้เขาสามารถกระโดดโลดเต้นไปมาได้อย่างไม่อายใครเลยล่ะ


    ร่างบางเดินไปหยิบหนังสือประมาณสองสามเล่มและโอบหนังสือเหล่านั้นไว้ในมือข้างซ้ายของตนเอง มือขวาก็หยิบๆหนังสือสุ่มสี่สุ่มห้ามาบ้างแบบนี้สลับไปมา เขาคิดว่าเขาน่าจะอ่านหนังสือสักสิบนาทีก่อนจะกลับไปหาเพื่อนๆที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะเพื่อติวหนังสือต่อ


    ฉับพลันนั้นเองแทฮยองก็ไปพบกับหนังสือเล่มหนี่ง ซึ่งมันดึงดูดเขาเหมือนกับสโนว์ไวต์ที่เขาซื้อมาในร้านหนังสือตอนแรก หากหยิบออกมาอีกเล่มล่ะก็แขนของเขาหักแน่นอน เพราะในอ้อมแขนของเขานั้นเต็มไปด้วยหนังสือมากมายก่ายกองที่ตนเองหยิบมาสุ่มสี่สุ่มห้าในตอนแรก แทฮยองจึงวางหนังสือทั้งหมดที่หยิบมาเอาไว้บนโต๊ะยาวๆ ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาดูว่ามันคือเรื่องอะไร


    สโนว์ไวต์อีกแล้วเหรอ ร่างบางพึมพำ ทำไมมันถึงดึงดูดเราแบบนี้เนี่ย ไม่เข้าใจเลย


    แทฮยองถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะเปิดหนังสืออ่าน แต่แล้วตัวเขาเองก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างมากที่มีกระดาษสีน้ำตาลอ่อนๆพับเอาไว้อยู่ในหน้าหนังสือหน้าหนึ่ง แทฮยองคิดในใจว่าหนังสือเล่มนี้มันน่าจะต้องมีใครวักคนมาอ่านค้างไว้หน้านี้แน่ๆ เพียงแค่เปิดมันก็เด้งให้แล้วหากมีที่คั้นเอาไว้แล้ว


    ร่างบางเม้มปากแน่น หัวใจเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม เขาหยิบกระดาษนั้นออกมาจากตรงกลางของหนังสือ ในใจกู่ร้องเสียงดังว่าอย่างเปิดอ่าน เพราะตัวคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ต้องการให้รู้ก็ได้ แต่คนเราจะหักห้ามใจได้สักที่ไหนกันเล่า มือบางคลี่มันออกอย่างช้าๆซึ่งในนั้นมีข้อความค่อนข้างยาวเขียนเอาไว้



    เรียน ผู้ที่เปิดอ่าน

    ขออภัยด้วยหากการจ่าหน้าถึงท่านดูน่ากลัวและน่าตกใจ ข้าพเจ้าอยากจะขอแจ้งเรื่องราวเรื่องหนึ่งให้กับท่านเกี่ยวกับสโนว์ไวต์ เทพนิยายที่พวกท่านอาจรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่มิใช่เรื่องราวเพิ่มเติมของเนื้อเรื่อง หากแต่เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายของสโนว์ไวต์



    "เชื้อสายของสโนว์ไวต์เหรอ" แทฮยองคิดในใจและอ่านต่อไป



    ข้าพเจ้าขอแจ้งก่อนว่า ผู้ที่มีเชื้อสายของสโนว์ไวต์นั้นมิจำเป็นต้องมีริมฝีปากแดงดุจเลือด ผิวกายขาวสะอาดสวยราวกับหิมะและมีผมสีดำขลับปานไม้มะเกลือ หากแต่เป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งเยี่ยงดอกกุหลาบและมีนามสกุลว่า "ลาเรียน่า"

    ซึ่งผู้ที่มีเชื้อสายของสโนว์ไวต์นี้ เมื่อครั้นอายุครบสิบหกปีจะมีความคิดอยากอ่านเรื่องราวของสโนว์ไวต์ทั้งๆที่เคยได้ยินและรู้จักมานานแล้ว จงโปรดจำไว้ว่าท่านต้องรักษาชีวิตของท่านด้วย เพราะคำสาปของราชินีโรเวนนาได้สาปแช่งโรเวนนาจากผลแอปเปิลนั้นจะทำให้ท่านต้องหลับไป หรืออาจะพบเจอกับเรื่องร้ายต่างๆถึงแก่ชีวิต และจงโปรดระมัดระวังผู้ที่สืบเชื้อสายของราชินีโรเวนนาด้วย

    ส่วนวิธีแก้คำสาปนั้นก็คือ...จุมพิตจากรักแท้ หรือทานแอปเปิ้ลสีแดงสดจากต้นไม้ภายในเจ็ดวันหลังจากที่อายุครบสิบหกปีแล้ว



    เมื่ออ่านถึงตรงนี้แทฮยองรู้สึกขนลุกชู่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน มือทั้งสองของเขานั้นเย็นเฉียบราวกับว่าเอาไปแช่น้ำเย็นเป็นเวลานาน ตอนนี้แทฮยองรู้สึกหวาดหวั่นใจไปหมด ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ ทำได้เพียงแค่แข็งใจและตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อความในกระดาษต่อไป



    หากท่านนั้นเป็นเชื้อสาย ลูกหลาน วงศ์ตระกูล มีนามสกุลว่าลาเรียน่าหรือสืบทอดสายเลือดจากสโนว์ไวต์ โปรดจงระวังและรักษาตัวเอาไว้ให้ดี จงรีบแก้ไขเรื่องราวก่อนที่มันจะสายไป ข้าพเจ้าหวังว่าท่านนั้นจะเข้าใจและพยายามหาทางแก้ไขคำสาปนี้ให้เร็วที่สุด


    ขอบคุณและลาก่อน

    - ผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนาม -



    แทฮยองตกใจจนรีบปากระดาษเข้าหนังสือและปิดมันเสียงดัง เขายัดๆหนังสือใส่บนชั้นก่อนจะวิ่งกลับไปหาเพื่อนของตนเองที่โต๊ะ อีกทั้งบอกกับเพื่อนๆว่าขอยกเลิกการติวหนังสือไปก่อนเพราะว่าเขารู้สึกหนาวและเหมือนจะไม่สบาย ทุกคนก็เข้าใจตรงกันจึงยกเลิกการติวหนังสือและแยกย้ายกันกลับบ้าน


    หลังจากที่แทฮยองออกมาจากหอสมุดแล้ว เขารีบวิ่งกลับห้องพักของตนเองทันทีเพื่อหมกตัวอยู่ในนั้น ไม่ยอมออกไปไหนจนกว่าจะหาทางแก้คำสาปของโรเวนนาได้ ทั้งเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เขาเจอในวันนี้ก็มีส่วนที่จะพบเจอกับเรื่องร้ายๆแล้ว หลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกกัน


    ในขณะที่แทฮยองกำลังหมกตัวอยู่ในห้องและพยายามไม่รับรู้เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ถนนและมองเข้าไปในหน้าต่างห้องพักของคนตัวเล็ก เขาแสยะยิ้มออกมาราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องจัดการ


    "เจอแล้ว คนที่สืบเชื้อสายของสโนว์ไวต์ :)"







    ++







    กาลครั้งหนึ่งมีเด็กหญิงคนหนึ่งไร้ซึ่งความกลัวใดๆ

    เธอวิ่งเฉกเช่นผู้คนที่วิ่งโดยไม่กลัวว่าจะล้มฟุบลงไป เท้าของเธอย่างก้าวไปบนพื้นหินและรากไม้ใหญ่ รับรู้ถึงมอสส์นุ่มนิ่มภายใต้ฝ่าเท้า รับรู้ถึงทรายอุ่นเนื่องจากแสงของดวงอาทิตย์ เธออ้าแขนออกเพื่อโอบกอดอากาศที่อยู่รอบตัวเธอ ดอกไม้สวยงามผลิบานยามต้องแสงเพื่อต้อนรับชีวิตในวันใหม่ ชีวิตซึ่งมีแต่ความสุขใจที่มิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เด็กหญิงมั่นใจว่าสองขาของเธอนั้นจะพาเธอไปทุกหนทุกแห่งตราบเท่าที่เธอปรารถนาจะไปให้ถึง

    เธอหัวเราะออกมาเฉกเช่นผู้คนหัวเราะโดยไม่รู้จักความเขินอาย เสียงหัวเราะของเธอดังกังวาลออกมาจากช่องท้อง ขึ้นมาที่อก โครกครากอยู่ในคอ ผ่านออกมาทางปาก ผ่านอากาศ ผสมผสานกันกลายเป็นความอบอุ่นและรังสรรค์รอบตัวให้เป็นสีสันสวยงาม

    เด็กหญิงเชื่อว่าผู้คนเหล่านั้นจะมารับเธอและจะไม่ตกลงมาในขณะที่เธอกำลังห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ซึ่งใกล้กับพื้นดิน หวังว่าผู้คนจะหันมาจับมือสมานฉันท์ปรองดองกันในโลกใบเล็กๆที่เธอวาดฝันเอาไว้


    กาลครั้งหนึ่งมีเด็กหญิงคนหนึ่งที่เรียนรู้คำว่าความกลัว

    เทพนิยายมิได้เริ่มมาจากสิ่งสวยงาม หากแต่เป็นเรื่องน่ากลัวและน่าสยดสยองต่างหากเล่า





    ย้อนกลับไปในช่วงเวลาสมรสขององค์ราชาและราชินีโรเวนนา ในยามราตรีกาลหลังจากการปฏิญาณว่าจะครองคู่กันตราบสูญสลายลมหายใจแห่งชีวิต โรเวนนาได้ใช้มนตร์ของตนเองทำให้องค์ราชาลุ่มหลงในตัวนาง และสังหารเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยการใช้มีดแทงตัดขั้วหัวใจของเขา นางยึดอำนาจและได้จองจำสโนว์ไวต์อยู่ในหอคอยด้านทิศอุดร


    พืชพันธุ์แห่งเหี่ยว ผลแอปเปิลเน่าเปื่อย หมู่มวลสัตว์ล้มตายราวกับเกิดโรคระบาด พื้นดินไร้ซึ่งสารอาหารที่ทำให้ต้นไม้เติบโต ผู้คนแตกแยกและขาดความสมานฉันท์ปรองดอง ความอดอยากเข้ามาเยือนอีกทั้งได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของอาณาจักร


    รัชสมัยของโรเวนนานั้นตกต่ำจนถึงขีดสุด นางมิสนใจประชาชนที่อดอยากแม้แต่น้อย นางกลับชื่นชมในความงามของนางและวิปริตถึงขีดสุด ทั้งควักหัวใจของนกมาทาน จับหญิงสาววัยแรกรุ่นมาดูดวิญญาณเพื่อให้ตนเองยังคงความงามในวัยสาว ผู้คนในอาณาจักเกลียดชังนางเสียยิ่งกว่ากระไร แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวถูกนางควักหัวใจในขณะที่ร่างกายยังอุ่นๆและยังมีลมหายใจ


    สโนว์ไวต์เติบโตอยู่ภายในห้องอันเย็นเฉียบ มีหน้าต่างบานเล็กๆที่ให้แสงส่องเข้ามา ซึ่งมันเองก็เพียงพอที่จะมองเห็นสิ่งของต่างๆที่อยู่ภายในห้อง ความหนาวเย็นจากหินสีเทาที่วางเรียงรายกันเป็นห้องนั้นทำให้สโนว์ไวต์ต้องจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น นางเป่าลมใส่กองฟางขนาดเท่าหนึ่งกำมือเล็กๆอย่างช้าๆหลังจากที่เคาะหินให้สเก็ตไฟตกลงไปเรียบร้อยแล้ว


    เพียงไม่กี่อึดใจก็มีไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากกองฟางในมือของนาง นางรีบโยนมันลงไปในเตาผิงก่อนที่มันจะไหม้มือของนางไปเสียก่อน ในตอนนี้มีแสงสว่างให้ความอบอุ่นแล้ว และห้องนี้ก็จะไม่หนาวอีกต่อไป


    สโนว์ไวต์ถูมือของตนเองสองสามครั้งก่อนจะแบมือไปด้านหน้าของเตาผิง มือของนางเริ่มอุ่นขึ้นเพราะได้รับไฟจากเตาผิงที่นางพยายามจุดไฟ มือทั้งสองกุมกันแน่นและสวดภาวนาขอให้ตนเองได้ปลอดภัยจากเงื้อมมือของโรเวนนา



    กริ๊ง!



    ปัง!



    เสียงอะไรบางอย่างที่ดังมาจากด้านหนัาของห้องขังของสโนว์ไวต์ มันดังมากจนทำให้สโนว์ไวต์นั้นตกใจและย่องไปดู พบว่ามีผู้คุมกำลังใช้กุญแจล็อกประตูของห้องขัง เมื่อเขาจัดการล็อกประตูเพื่อไม่ให้นักโทษหนีเสร็จแล้วจึงเดินออกไป


    ในตอนแรกสโนว์ไวต์คิดว่าน่าจะเป็นนักโทษชาย แต่กลับไม่ใช่อย่างที่นางคิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกลายเป็นหญิงสาวัยแรกรุ่นและน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนาง แถมหญิงผู้นั้นก็มีหน้าตาสะสวยตามวัยอีกด้วย สีหน้าของหญิงสาวนั้นดูหม่นหมองเป็นอย่างมาก ราวกับว่ารับรู้ถึงสาเหตุที่ต้องมาถูกจองจำในที่แห่งนี้


    "สวัสดี" สโนว์ไวต์เอ่ยทักทาย "สวัสดี เจ้าเป็นใครมาจากไหนหรือ แล้วทำไมถึงถูกจับได้เล่า"


    "ข้ามีนามว่าเรย์น่า หญิงสาววัยแรกรุ่นเช่นข้านั้นทุกคนถูกจับหมด ข้าถูกจับในขณะที่กำลังหลบหนีไปที่อาณาจักรของดยุกแฮมมอนส์"


    "ดยุกแฮมมอนส์หรือ" สโนว์ไวต์ทวนถาม "เขากำลังต่อสู้ในนามพระบิดาของข้าหรือ"


    "ท่านเป็นองค์รัชทายาท" เรย์น่าเบิกตากว่าก่อนจะพูดต่อ ในขณะนั้นสโนว์ไวต์ก็มองเห็นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของนาง "เหล่ารัชทายาทและผู้สืบทอดทางสายเลือดขององค์ราชันย์ถูกสังหารจนหมด นี่ท่านมิได้ถูกโรเวนนาสังหารหรือ"


    สโนว์ไวต์ส่ายหน้า "แล้ววิลเลียมล่ะ เขายังอยู่หรือไม่"


    "ข้ามิทราบเพคะองค์หญิง" เรย์น่าส่ายหน้าไปมา ตอนนี้นางกำลังเสียสติเพราะความหวาดกลัวที่จะถูกฆ่า "พระองค์เองก็ทรงถูกจับเช่นเดียวกับข้า พวกมันจับข้ามาทำไมหรือเพคะ พวกมันต้องการอะไจากข้า"


    สโนว์ไวต์เงียบและไม่ได้พูดอะไรออกมา นางถูกโรเวนนาจองจำมาตั้งแต่ครั้นยังเยาว์มากแล้ว และไม่เห็นว่าจะมีชะตากรรมเฉกเช่นกับหญิงสาวคนอื่นๆที่ถูกสังหาร หากมีผู้ใดไถ่ถามว่านางถูกจองจำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็คือคืนวันที่องค์ราชาถูกลอบปลงพระชนม์และถูกโรเวนนายึดอำนาจตั้งแต่บัดนั้น


    ในขณะเดียวกัน โรเวนนานั้นกำลังเพลิดเพลินกับการทานหัวใจนก นางคิดว่านี่คืออาหารชั้นเลิศที่สุดเท่าที่เคยทานมา เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่านางจะมีใบหน้าที่ยังคงความเยาว์วัยแม้กาลเวลาจะผันผ่านไปกี่ปีก็ตาม


    เล็บแหลมๆของนางจิ้มลงบนหัวใจนกอีกตัวก่อนจะยกขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา หยดเลือดของเจ้านกน้อยผู้น่าสงสารนั้นไหลเยิ้มเลอะนิ้วมือของนางไปหมด ก่อนที่จะนำมันเข้าปากและกลืนลงไปอย่างเอร็ดอร่อย


    เมื่อโรเวนนาทานหัวใจนกเสร็จแล้ว นางก็เดินไปที่กระจกและมองต่ำลงไปยังเบื้องล่างของตนเองที่มีเหล่าประชาชนมากมายยืนอยู่ ทุกครั้งที่น้ำเสีบถูกปล่อยลงมาโดยท่อของปราสาทตกลงไปยังด้านล่าง พวกเขาก็จะกรูเข้ามาพร้อมกับถ้วยชามในมือเพื่อมารองน้ำดื่ม บ้างก็ผลักกันเพื่อที่จะได้ก่อน บ้างก็ทุบตีกันเมื่อเกิดการกระทบกระทั่งกัน


    โรเวนนามองเหล่าประชาชนด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะพูดออกมา


    "จำได้ไหมตอนที่พวกเรายังเป็นเด็ก พวกเราเคยขอเศษอาหารจากผู้อื่นเฉกเช่นคนเหล่านี้"


    "จำได้ท่านพี่"


    "นี่ถือว่าข้าเมตตาแล้วใช่ไหม" นางหันไปพูดคุยกับน้องชายของนาง


    "ใช่แล้วท่านพี่"


    "โคลล์ เจ้าจงไปนำตัวหญิงสาวมา" โรเวนนาเอ่ย "ตอนนี้ผิวของข้าแตกระแหงดุจดั่งผืนดินไร้ซึ่งน้ำมาชะโลมแล้ว รีบไปนำตัวมาเร็วเข้า"


    "รับทราบแล้ว ท่านพี่"


    หลังจากได้รับคำสั่งจากพี่สาวแล้ว โคลล์หมุนตัวเดินออกไปจากห้องและตรงไปที่หอคอยทิศอุดร ซึ่งเป็นหอคอยที่โรเวนนาได้จองจำสโนว์ไวต์อยู่ และเป็นที่คุมขังเหล่าหญิงสาวรุ่นดรุณีมากมาย


    เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที โคลล์ก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับหญิงสาวที่มีนามว่าเรย์น่า หญิงสาวที่พูดคุยกับสโนว์ไวต์ก่อนหน้านี้ เขาจับแขนทั้งสองของนางแน่นเพื่อไม่ให้นางหลุดและหนีออกไปได้ ตอนนี้นางทำได้เพียงดิ้นไปดิ้นมาเท่านั้น


    ราชินีทมิฬย่างก้าวเข้ามาใกล้เรย์น่าเรื่อยๆ ความตายคืบคลานเข้ามาหานางอย่างช้าๆ พยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีทางเลย เพราะในห้องและรอบๆปราสาทนี้มีแต่ทหารของโรเวนนา เรย์น่ารู้สึกว่าน้ำตาเจ้ากรรมนั้นกำลังไหลอาบแก้มนวลทั้งสองของตนเอง นางไม่รอดจากเงื้อมมือความตายแน่นอน


    "ชู่ว..." โรเวนนายกนิ้วชี้ขึ้นมาอยู่บนปากของตนเองและทำเสียงเพื่อเป็นสัญญาณบอกเรย์น่ากลายๆว่า ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือไปก็ไม่ได้ผลหรอก เพียงไม่กี่อึดใจนางก็อ้าปากกว้าง บัดนั้นเรย์น่ารับรู้ถึงอุณหภูมิร่างกายของตนเองเย็นลงเรื่อยๆ


    ดวงตาทั้งสองของหญิงสาวผู้โชคร้ายเบิกกว้าง นางรู้สึกว่าร่างกายของตนเองเย็นลงฉับพลัน มือของนางที่กำแน่นนั้นค่อยๆคลายลงอย่างช้าๆ ขาทั้งสองนั้ยทรงตัวไม่อยู่ ภาพสุดท้ายนางที่เห็นนั้นก็คือใบหน้าของโรเวนนาที่อ่อนเยาว์ลงกว่าเมื่อกี้ไม่รู้อีกกี่เท่า หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้รับรู้อะไรอีกและจมลงสู่ห้วงแห่งความมืดมิดตลอดกาล


    หลังจากที่โรเวนนาดูดวิญญาณของหญิงสาววัยแรกแล้ว น้องชายของนางก็ปล่อยร่างที่ผอมแห้งติดกระดูกและเป็นสีน้ำตาลเข้มลงบนพื้น หน้าตาของร่างไร้วิญญาณนั้นดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก แต่มิอาจทำให้ทั้งสองนั้นรู้สึกกลัวได้ โรเวนนาปิดปากของตนเองอีกทั้งสูดลมหายใจเข้าปอดลึก รับรู้ว่าตอนนี้นางแข็งแรงและมีใบหน้าอ่อนเยาว์ลงเหมือนเด็กสาววัยรุ่นดรุณี


    "ข้าสัมผัสได้..." นางกล่างและยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบบริเวณแก้มของตนเอง "ตอนนี้ข้าได้ย้อนกลับมาเป็นวัยสาวอีกครั้งแล้ว การดูดวิญญาณของหญิงสาวเหล่านี้ไม่เลวเลยจริงๆ"


    โรเวนนาลดมือลงปรายตามองไปที่กระจกวิเศษที่นางนำติดตัวมาด้วยหลังจากที่ยึดอำนาจจากองค์ราชาได้แล้ว นางก็ได้เอื้อนเอ่ยประโยคที่นางมักจะชอบถามกระจกวิเศษอยู่บ่อยๆ


    "กระจกเอ๋ย กระจกวิเศษ จงบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี"


    กระจกวิเศษเอ่ยตอบถึงคำถามของนาง


    "อา...บัดนี้มีหญิงสาวในวัยแรกรุ่นดรุณีนางหนึ่งที่งดงามกว่าท่าน"


    "มันคือผู้ใดกัน"


    "สโนว์ไวต์" กระจกวิเศษตอบ "นางเต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามยิ่ง นางเป็นผู้เดียวที่ทำให้ความงดงามของท่านถดถอยลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่านางจะมีสิริยลโฉมที่งดงามกว่าท่าน ตัวนางเองนั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาดุจผ้าสีขาวสะอาดตา อีกทั้งยังมีจิตใจที่ห้าวหาญและแข็งแกร่งดุจบุรุษ นี่คือข้อสำคัญที่ท่านจงควรพึงระวังไว้ด้วย"


    "ข้าน่าจะฆ่านางเสียตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ" โรเวนนาเอ่ย


    "แต่สโนว์ไวต์เองก็จะมาปลดปล่อยท่านเช่นกัน"


    กระจกวิเศษเอ่ยขัดโรเวนนา


    นางมองกระจกวิเศษด้วยความสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร


    "ด้วยความไร้เดียงสาและหัวใจที่แกร่งดุจดั่งขุนเขาใหญ่ สิ่งเหล่านี้ในตัวของนางนั้นจะช่วยปลดปล่อยท่านจากกิเลสตัณหาจากคลั่งในความงามเหล่านี้"


    "ผู้ที่มีสิริยลโฉมงดงามต้องมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นก็คือข้า!" นางแม่มดโรเวนนาตะโกนเสียงดังพร้อมยกมือมาทุบโต๊ะเสียงดัง "นางสโนว์ไวต์! ข้าน่าจะฆ่าเจ้าตั้งแต่ที่เราพบเจอหน้ากันในครั้งแรก! นางคือเสี้ยนหนามของข้า! แถมยังเป็นหอกข้างแคร่อีก! ข้าต้องกำจัดนางให้เร็วที่สุด! ทหาร!"


    ราชินีทมิฬอย่างโรเวนนาเรียกทหารดังลั่น ทหารสามนายโผล่พรวดพุ่งเข้ามาในห้องและทำความเคารพนาง ดวงตาเฉียบคมของนางนั้นมองไปที่น้องชายของตนเอง ก่อนจะเอ่ยปากสั่งว่าเขานั้นต้องทำอะไร


    "ไปจับสโนว์ไวต์มาให้ข้า" นางเอ่ย "ข้าจะดูดวิญญาณของนางเสีย"


    โคลล์รับคำสั่งของโรเวนนาอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับทหารสามนายเพื่อที่จะไปนำตัวสโนว์ไวต์มาให้กับพี่สาวที่กระหายความเยาว์วัยอย่างโรเวนนา



    ในห้องขังของสโนว์ไวต์ นางมีความรู้สึกว่ามีใครสักคนกำลังเดินมาแถวนี้และมีความต้องการบางอย่างที่นางยังไม่รู้ นางจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียงของตนเอง ยกผ้าห่มมาคลุมร่างของตนเองและแสร้งว่าทำเป็นหลับอยู่


    เมื่อก่อนหน้านี้สโนว์ไวต์ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะหญิงสาวที่อยู่ห้องขังตรงข้ามกับตนเองและมีนามว่าเรย์น่านั้นถูกนำตัวออกไปหาโรเวนนา สโนว์ไวต์รู้สึกว่านางคงถูกโรเวนนาสังหารเป็นแน่นแท้ เพราะนางเคยพบเจอกับเหตุการณ์นี้มานับไม่ถ้วนแล้ว


    หญิงสาวที่ถูกขังตรงข้ามห้องของนางและถูกนำตัวออกไปหาโรเวนนานั้นมักจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา ไม่ได้เห็นแม้กระทั่งร่างเลยแม้แต่น้อย



    ตึกตัก...



    ตึกตัก...



    กึก...



    กึก...



    สโนว์ไวต์รู้สึกถึงแรงกดดันของตนเองจากเสียงหัวใจที่เต้นรัว เหงื่อกาฬก็เริ่มผุดออกมาจากรูขุมขน ในตอนนี้มันทั้งตื่นเต้นและน่ากดดันไปในเวลาเดียวกัน เสียงฝีเท้าค่อยๆดังเข้ามาใกล้เรื่อบๆ ตามมาด้วยเสียงไขกุญแจห้องขังของนาง เสียงเปิดประตูเหล็กเสียงดังจนคนที่ได้ยินอย่างนางนั้นรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก



    สิ่งสุดท้ายที่นางรับรู้ในตอนนี้ก็คือ แรงยุบของฟูกที่นางกำลังนอนอยู่



    สโนว์ไวต์พยายามอยู่นิ่งให้ได้มากที่สุด ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ส่งเสียง ไม่นอนพลิกตัวและไม่ลืมตาขึ้นมา นางต้องทำให้ได้ ไม่ว่าจะยากแค่ไหน นางต้องอยู่นิ่งๆให้ได้


    "นางกำลังทำอะไรอยู่" เสียงของนายทหารคนหนึ่งยื่นหน้าเข้ามาถามคนที่กำลังนั่งอยู่บนฟูกใกล้ๆกับสโนว์ไวต์ แต่ก็ได้รับคำตอบก็คือถูกมองตาขวางใส่ เพื่อเป็นการบอกว่าให้เงียบๆ เพราะสโนว์ไวต์นั้นกำลังหลับอยู่


    นางรับรู้ว่าตอนนี้ประตูกำลังเปิดอ้ารอให้นางวิ่งออกไปอยู่ หากนางหาโอกาสดีๆได้ นางก็จะวิ่งออกไปและออกจากปราสาทแห่งนี้ไปสู่อิสรภาพหลังจากที่ถูกจองจำมานานนับปี


    "รีบๆปลุกนางได้แล้ว!" นายทหารอีกคนรบเร้า "เดี๋ยวพี่สาวท่านก็เล่นงานท่านหรอก"


    "เจ้าทึ่ม!" ในที่สุดโคลล์ก็ทนไม่ไหวเนื่องจากถูกรบกวนบ่อยมาก "พวกเจ้าช่วยเงียบๆหน่อยจะได้ไหม! จะรีบพานางไปให้พี่สาวข้าดูดพลังไปถึงไหน! ข้าก็รู้! ข้าก็เลยตรวจดูว่านางหลับหรือไม่เท่านั้นเอง!"


    สโนว์ไวต์เบิกตากว้างขึ้นมาทันที นางรีบเตะผ้าห่มออกไปไกลๆและรีบวิ่งหนีออกจากห้องขังไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งโคลล์และทหารที่ติดตามมานั้นตกใจเป็นอย่างมาก ที่แท้แล้วนางตื่นอยู่ตลอดเวลาและแสร้งทำเป็นหลับ พวกเขารีบวิ่งตามสโนว์ไวต์ไปทันที เพราะถ้าหากนางหนีไปได้ ทุกอย่างก็คือจบ


    "จับนางให้ได้! นางจะหนีไปแล้ว!"


    "เป็นเพราะท่านนั่นแหละที่พูดออกมา!"


    "หุบปากไปเลย!" โคลล์ตะคอก "หากยังพูดอีกข้าจะฆ่าเจ้าจริงๆแน่นอน!"


    พวกเขาวิ่งตามสโนว์ไวต์อย่างไม่หยุดไม่หย่อน นางวิ่งลงบันไดที่ถูกก่อสร้างวนเป็นวงกลมจนน่าเวียนหัว มือทั้งสองของนางนั้นก็ดึงกระโปรงขึ้นเพราะจะได้เดินอย่างสะดวกและไม่สะดุดกระโปรงล้มลงไปเสียก่อน ร่างกายของสโนว์ไวต์นั้นค่อนข้างบาง ทำให้การวิ่งนี้คล่องแคล่วกว่าพวกทหารที่ตามนางมาเสียอีก


    สโนว์ไวต์วิ่งผ่านทหารหลายนายที่กำลังพูดคุยสนทนากันอยู่ตามบันไดไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองตามและขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่านางออกมาจากหอคอยทิศอุดรได้อย่างไร


    "จับนาง! จับนางที!" โคลล์ตะโกนบอกทหารให้จับสโนว์ไวต์ เมื่อได้รับคำสั่งนั้นแล้วจึงวิ่งเข้าหาสโนว์ไวต์หมายที่จะจับนางทันที


    เด็กสาวคิดว่าตนเองในตอนนี้ได้ตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว บุรษจำนวนมากกำลังวิ่งเข้ามาหานางเพื่อที่จะจับตัวนางไปให้โรเวนนา นางไม่ยอมจบชีวิตของตนเองได้ง่ายๆด้วยการจำนนหรอก นางจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตนเอง นางต้องมีชีวิตต่อไป เพื่อพระบิดาและมารดาของนาง


    สโนว์ไวต์รีบวิ่งเข้าประตูบานหนึ่งที่อยู่ชั้นสามของหอคอย นางจำได้ว่าตรงนี้เป็นทางลัดที่จะลงไปสู่ชั้นล่างสุด โชคดีที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีทหารมากมาบเหมือนเมื่อกี้ นางวิ่งไปเรื่อยๆไปมีหยุดพักจนกระทั่งลงมาถึงชั้นหนึ่ง


    นางรีบวิ่งตรงไปที่คอกม้าที่อยู่แถวๆนั้น ขึ้นขี่ม้าสีน้ำตาลตัวหนึ่งพร้อมกับกระตุกบังเหียนอย่างแรง ม้ายกขาหน้าทั้งสองขึ้นมาและออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นสโนว์ไวต์เห็นโคลล์และพวกทหารที่วิ่งออกมาจากประตูที่นางออกมาเมื่อกี้ พวกเขามองนางด้วยสีหน้าโกรธแค้นและเบิกตากว้าง


    "หยุดสโนว์ไวต์ให้ได้! นางจะหนีไปแล้ว!"


    "ปิดประตู! ปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้!"


    สโนว์ไวต์ได้ยินเสียงนางพันทหารและโคลล์ดังมาจากด้านหลังของตนเอง นางกระตุกบังเหียนของม้าอย่างแรงเพื่อให้มันวิ่งเร็วกว่านี้ แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างผ่านใบหน้าของนางไปอย่างรวดเร็ว มันพุ่งมาปักลงบนไม้ ดวงตาทั้งสองของนางเบิกกว้าง เพราะมันคือลูกธนู!


    "สโนว์ไวต์! ยอมแพ้แต่โดยดีเดี๋ยวนี้!"


    เด็กสาวมิสนใจเสียงที่อยู่ด้านหลังของตนเอง ในตอนนี้นางต้องกระตุกบังเหียนเพื่อให้ม้าวิ่งเร็วกว่านี้อีกครั้ง เพราะประตูเมืองนั้นเริ่มปิดแล้ว หากนางช้า ประตูปิด ทหารล้อม ถูกจับไปส่งโรเวนนาและพบกับจุดจบอันน่าเศร้า นางไม่ยอม นางต้องรอดให้ได้!



    กึกๆๆ!!



    เสียงกีบม้าดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หัวใจของสโนว์ไวต์นั้นเต้นเร็วเสียยิ่งกว่าแรงสั่นสะเทือนของพื้นดินในตอนนี้ ประตูเมืองกำลังจะปิดแน่นแล้ว นางต้องเร็วกว่านี้ ต้องว่องไวกว่านี้ เพราะด้านหน้านั้นคืออิสรภาพที่นางจะได้รับในไม่ช้านี้



    ฟึ่บ!!



    ฉึก!!



    เจ้าม้าสีน้ำตาลที่สโนว์ไวต์กำลังขี่นั้นถูกลูกธนูปักเข้าที่ท้องอย่างแรงจนมันร้องเสียงดัง มันวิ่งไปได้อีกสักพักก่อนล้มลงอย่างแรงจนเศษดินสีน้ำตาลกระเด็นเป็นวงกว้าง สโนว์ไวต์ที่สติหลุดและทรงตัวไม่ได้นั้นปลิวผ่านประตูเมืองไปก่อนที่มันจะปิดสนิท


    "สโนว์ไวต์!"


    โคลล์คำรามอย่างเคียดแค้นหลังจากที่ประตูเมืองปิดสนิทแล้ว และร่างของสโนว์ไวต์ที่กระเด็นไปอยู่ด้านนอกประตูเมือง


    สโนว์ไวต์ล้มฟุบไปกับพื้นหลังจากที่กระเด็นและปลิวออกมาอยู่ด้านนอกของปราสาทแล้ว นางรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังแตกสลาย พยายามฝืนร่างกายของตนเองให้ลุกขึ้นมาจากพื้นและวิ่งต่อไปอย่างหยุด มือทั้งสองยันพื้นและวิ่งออกจากบริเวณประตูเมืองและเข้าสู่ป่าสีดำที่อยู่ข้างปราสาทไปทันที



    ความมืดมิดปกคลุมไปรอบตัวของสโนว์ไวต์ ป่าสีดำโอบล้อมนางเอาไว้เพื่อไม่ให้โรเวนนามองเห็นนาง





    "นางหนีไปได้อย่างนั้นหรือ!" โรเวนนาขึ้นเสียง "เจ้าโง่เง่า! แค่ผู้หญิงคนเดียวเจ้ากลับทำนางหนีไปได้! เจ้าปัญญาอ่อนสมองนิ่มเอ้ย!"


    นางขึ้นเสียงใส่น้องชายจนเสียงของนางนั้นดังลั่นห้องหลังจากที่น้องชายกับทหารอีกสามนายที่ได้รับคำสั่งให้พาตัวสโนว์ไวต์มาหานาง พงกเขานำเรื่องมารายงานให้โรเวนนาว่าสโนว์ไวต์ได้หนีออกจากปราสาทไปแล้ว


    คนที่โดนหนักก็คือโคลล์ น้องชายของนางเพราะได้รับความไว้วางใจมากที่สุด เขากำมือแน่นด้วยความน้อยใจที่พี่สาวของตนเองนั้นตำหนิตนเองด้วยถ้อยคำเหล่านี้ น้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาได้ทุกครั้ง แต่เขาเองก็ต้องกล้ำกลืนมันเอาไว้ เพราะไม่อย่างนั้นพี่สาวของตนเองจะต้องโมโหอีกแน่นอน


    "ใครก็ได้ตามหานางสโนว์ไวต์ให้เจอ!" โรเวนนาตะโกนเสียงดังด้วยความเคียดแค้น "จับนางมาให้ได้! เอาเลือดนางมาให้ข้า! เอาเลือดของนางมาให้ข้า!"







    #ลาเรียน่าออลวี







    TBC. [21/03/2019]

    โหลลล สบายดีกันม้ายคะทุกโคน ตอนเท่สองมาแล้วน้าาาา (ตะโกนบนยอดเขา)

    เอาตามตรงว่าตอนนี้ค่อนข้างเหนื่อยพอสมควรเลยค่ะ เพราะว่าลืมเนื้อเรื่องของสโนว์ไวต์ด้วย ให้ตาย 5555555555 เราถึงกับต้องเปิดไปอ่านในบทความหรือไม่ก็ไปดูหนังกันเลยทีเดียวค่ะ ได้ยินมาทั้งชีวิตแต่กลับลืมเนื้อเรื่องเฉย อยากจะร้องห้ายยยยยย ;-;

    อ้อ! มีเรื่องนึงที่เราเกือบลืม มีใครหลายคนหลังไมค์มาถามเราว่าเรื่องสโนว์ไวต์ฉบับนี้มีด้วยเหรอคะ เราอยากจะบอกว่ามีค่ะ ซึ่งเรานำมาจากภาพยนตร์เรื่อง 'สโนว์ไวต์ & พรานป่า ในศึกมหัศจรรย์' อีกทั้งก็จะมีบางส่วนเราดัดแปลงจากต้นฉบับเองด้วยค่ะ (เยอะไปไหมเนี่ย...)


    ไหนๆก็โฆษณาหนังแล้ว แปะรูปให้เลยดีก่า...



    (อยากบอกว่าเจ๊สจ๊วตสวยเว่อรรร์ ;-;)


    เราก็ขอฝากติดตามเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ อย่าลืมเฟบ โหวต กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์และคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ

    ฟีดแบคดีเท่ากับเรามีกำลังใจและตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณค่าาาา

    //ปาหัวใจ >3<


    ปล. เรื่องสโนว์ไวต์จะมีบางส่วนที่เราแต่งเพิ่มขึ้นมาหรือดัดแปลงจากต้นฉบับเองด้วย เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นกับเนื้อเรื่องทั้งในเทพนิยายและพาร์ทของแทแทด้วยค่า

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×