ดวงจันทร์เจ้าขา - ดวงจันทร์เจ้าขา นิยาย ดวงจันทร์เจ้าขา : Dek-D.com - Writer

    ดวงจันทร์เจ้าขา

    โดย trumpboyz

    ยามดวงจันทร์ทอแสง เด่นอยู่กลางห้วงฟ้า และท้องทะเล

    ผู้เข้าชมรวม

    970

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    970

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ม.ค. 47 / 19:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ดวงจันทร์เจ้าขา
      trumpboyz
           เสียงคลื่นซัดสาดเข้าหาหาดทรายดังติดต่อกันเป็นระยะๆ หาดทรายสีขาวก็คอยต้อนรับคลื่นทุกลูก ทุกอณูเข้าหามัน สายลมพัดโบกไปมา ทำให้เส้นผมปลิวไสวไปตามแรงลม ท้องฟ้าถูกประดับไปด้วยดวงดาวนับหมื่นนับแสนโปรยปรายเกลื่อนฟ้าเต็มไปหมด เมฆสีดำจับตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อนลอยตัดท้องฟ้าสีเทาไปอย่างเชื่องช้า พระจันทร์กลมโตส่องแสงสีเหลืองสาดไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน ท้องทะเลสะท้อนแสงเดือยระยิบระยับเต็มท้องน้ำ ความงามยามค่ำคืนเช่นนี้ไม่ได้หาดูกันได้บ่อยๆ โดยเฉพาะคนกรุงเทพอย่างผม
           ผมมาเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ หลังจากสอบเสร็จ ทุกคนก็เลยพร้อมใจกัน ชวนกันมาเที่ยวทะเล เพื่อให้หายเครียด ให้เกิดความสบายใจ พักสมอง หลังจากที่ต้องทุ่มเทเวลา ทุ่มเทสมองให้กับการท่องจำหนังสือเพื่อจะสอบเอนทรานซ์ให้ติด ผมก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปเกือบทั้งหมดแหละ เพราะมหาวิทยาลัยที่ผมเลือกนั้น ไม่ใช่ว่าจะเข้าได้ง่ายๆเลย ผมจึงตกลงใจมาเที่ยวทันที เมื่อเพื่อนผมเอ่ยปากชวน เพราะผมต้องการเติมพลังให้ตัวเองบ้าง โดยเฉพาะแรงใจ
           ตอนช่วงกลางวันพวกเราเล่นทะเลกัน ไปเที่ยวกัน เฮฮากัน สนุกด้วยกัน จนแทบหมดแรง พอตอนกลางคืนก็เลยหลับเป็นตายไปกันหมด มีผมคนเดียวนี่แหละครับ ที่นอนไม่ค่อยหลับจนต้องออกมาเดินทางกินลม ชมวิวยามค่ำคืนเช่นนี้
           ผมค่อยๆย่ำเท้าเดินไปตามหาดทรายเรื่อยๆ ทีละก้าวๆ ปล่อยให้ฝ่าเท้าซึมซับเอาความรู้สึกอันเยียบเย็นของทรายแต่ละเม็ด หูก็คอยเงี่ยฟังเสียงคลื่นแต่ละลูก สายตาก็มองออกไปที่ท้องทะเลอันเวิ้งว้าง เห็นเส้นขอบฟ้าแบ่งเขตระหว่างพื้นน้ำระยิบระยับ กับ ท้องฟ้าสีเทาที่ถูกดวงดาวนับล้าน แต่งแต้ม ให้กลายเป็นกระดาษดำที่ถูกโรยด้วยผงเพชร  ผมสูดหายใจลึกเข้าปอด อากาศที่นี่ดีกว่ากรุงเทพหลายเท่านัก ทำให้หัวสมองผมปลอดโปร่ง สบาย  แต่ในขณะนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงอื่น ที่ไม่ใช่เสียงคลื่นสะท้อนก้องเข้าโสตประสาทของผม
           เสียงนั้นฟังดูเหมือนเสียงคนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ผมสอดส่ายสายตาหาต้นกำเนิดเสียง ทันใดนั้นผมก็เห็น เงาของคนที่กำลังวิ่งกระโดดโลดเต้นอยู่บนชายหาดที่ไกลออกไป เขาคนนั้นกำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่คนเดียวราวกับกำลังเต้น อยู่บนเวทีหาดทราย โดยมีดวงดาวหลายแสนหลายล้านดวงเป็นผู้ชม และมีเสียงคลื่นเป็นดนตรีขับกล่อม
           ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา เกิดความรู้สึกขึ้นหลายอย่างในจิตใจของผม ทั้งอยากรู้อยากเห็น ทั้งสงสัย เหตุใดเขาจึงมาเต้นอย่างเบิกบาน ณ หาดทรายที่ไร้ผู้คนเช่นนี้
           ผมเดินเข้ามาหาเขาเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็เข้ามาใกล้จนเห็นผมสีดำขลับ ยาว โบกสะบัดไปตามแรงลมและการเต้น ทำให้ผมรู้ว่า เขานั้นเป็นผู้หญิงต่างหาก
           “เอ่อ………คุณครับ” ผมร้องเรียกเบาๆ
           หญิงสาวนักเต้นหยุดชะงัก เธอค่อยๆหันมามองผม และในวินาทีนั้นผมก็ได้ยลโฉมใบหน้าของเธอ ใบหน้ารูปไข่ มน ดวงตากลมโต คิ้วบางเข้มรับกับดวงตาคู่สวย จมูกเป็นดั้งตั้งขึ้น ริมฝีปากบางอวบอิ่ม แก้มของเธอแดงเรื่อๆ อยู่บนผิวหน้าขาวสวย หมดจด ผมตะลึงไปชั่วขณะ นางฟ้าหรือ?? นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจผม
           “คะ” เสียงอันไพเราะก้องกังวาลอยู่ในโสต ปลุกผมขึ้นจากภวังค์
           “อ่ะ….ครับ” ผมติดอ่างทันที เธอเอียงหน้ามาจ้องหน้าผม ผมยิ่งจ้องเธอตอบ เธอช่างน่ารักเหลือเกิน
           “มีอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงเล็กๆอันไพเราะ ลอดออกมาจากริมฝีปากสวย
           “เอ่อ…….เอ่อ…คือ ผ..ผมเห็น…..คุณเต้นอยู่…ก็เลยอยากเข้ามาดูน่ะครับ” ผมพยายามควบคุมย้ำเสียงไม่ให้สั่น วินาทีนั้นเธอยิ้ม รอยยิ้มของเธอสดใสราวกับจะสามารถทำให้ค่ำคืนอันหนาวเหน็บกลายเป็นกลางวันอันอบอุ่นขึ้นได้ทันที
           “ได้สิคะ” เธอเอ่ย พลันเธอหันไปกระชับเอาชุดสีเหลืองบางของเธอ ผ้าบางสีขาวถูกห่มคลุมรอบกายเธอ เธอออกวิ่ง แล้วเต้นไปตามจังหวะแห่งคลื่นลมอีกครั้ง เวลาเธอเต้นเธอดูสนุกสนาน และรอยยิ้มนั้นก็ปรากฏฉายอยู่บนใบหน้าเธอตลอดเวลา ถึงเวลานี้ไม่ใช่เธอผู้เดียวหรอกที่มีความสุข ผมก็เช่นกัน
           ผมมองตามเธอทุกอิริยาบถ ทุกท่วงท่าของเธอ ผมไม่สามารถจะละสายตาออกห่างจากเธอได้เลย มันเหมือนกับเขาต้องมนต์สะกดเสียแล้ว ทุกการเคลื่อนไหวของเธอพลิ้วไปตามสายลม ดูราวกับนางฟ้าร่ายรำอยู่บนสรวงสวรรค์ก็มิปาน
           กาลเวลาผ่านล่วงเลยไปช้าๆ ผมติดตามดูนางฟ้าร่ายรำไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ สติผมแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนเธอเดินเข้ามาแล้วสะกิดบอก
           “ไปหาน้ำดื่มกันไหมคะ” เธอพูดแล้วยิ้ม มีหรือผมจะปฏิเสธ
           ผมเดินไปที่ร้านค้าริมทะเลเป็นเพื่อนเธอ ระหว่างทางผมคอยยิงคำถามต่างๆนาๆ แล้วผมก็ได้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอมา
           เธอชื่อจันทราณี เธอมาจากท้องฟ้า [อันนี้ผมว่าเธอแหย่เล่น] วันนี้เธอลงมาเต้นรำบูชาราหูทุกวันเพ็ญ [ศาสนาไหนมีประเพณีนี้เนี่ย] คำถามอื่นนอกจากนั้นเธอตอบแปลกๆจนผมหลงคิดว่า เธออาจสติไม่ดีหน่อยๆ แตไม่ว่าอย่างไร เธอก็น่ารักอยู่ดี
           หลังจากดื่มน้ำอะไรเล็กน้อย เธอก็พาผมมานั่งที่หาดทรายเช่นเดิม เธอจ้องมองออกไป ณ ทะเลเวิ้ง แต่ผมไม่ ผมจ้องหน้าเธอ พลันความรู้สึกเช่นนั้นก็ว่ายวนเวียน อบอวลอยู่ภายในจิตใจของผม จนผมต้องบอกเธอ
           “ผมรักคุณ”
           เธอหันมาจ้องหน้าผม สายตาของผมประสานเข้ากับสายตาของเธอ เธอยิ้ม แล้วก็บอกว่า
           “ฉันก็รักคุณค่ะ”
           หัวใจผมโลดแล่น แทบจะหลุดออกจากทรวงอก รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของผม ผมค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปจับมือเธอ แต่ในจังหวะนั้นเธอกลับลุกขึ้นยืน แล้วออกเดินไปตามหาดทรายสีขาว
           “ฉันรักทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ สายลม ทะเล หาดทราย ต้นไม้ มนุษย์ทุกคน ฉันจึงรับช่วงต่อจะดูแลโลกนี้จากคุณพ่อคุณแม่ของฉัน คุณพ่อคุณแม่ของฉันเสียไปหลายปีแล้ว และฉันก็เลยคอยดูแลโลกนี้อยู่ห่างๆ อยู่กับกระต่ายน้อยของฉัน“ เธอพูด ผมชักรู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับเธอ
           “ทุกคืนวันเพ็ญ ราหูจะมากินเอาดวงจันทร์ไป ฉันจึงออกมาร่ายรำให้ราหูชม เป็นการแลกเปลี่ยนไม่ให้กินดวงจันทร์ของฉัน และวันนี้มนุษย์คนแรกที่เห็นฉันร่ายรำ คือคุณคนเดียว” เธอหันมายิ้มให้ผม
            “คุณจะบอกว่าคุณมาจากดวงจันทร์หรือ”
           “ใช่ค่ะ ฉัน จันทราณีเป็นผู้สืบทอดดวงจันทร์รุ่นที่ 199 การที่ฉันได้พบกับคุณนั้น แสดงว่านี่คือพรหมลิขิตจากฟ้า ผู้สืบทอดดวงจันทร์จะไม่พบมนุษย์ผู้ใดเลย นอกจากเนื้อคู่ของตนเท่านั้น และผู้สืบทอดคนนั้น ก็จะพาเนื้อคู่ของเขาไปอยู่ด้วยบนดวงจันทร์ คุณจะไปกับฉันไหม” เธอยิ้ม
           “แล้วผมจะกลับมาโลกได้ไหม”
           “ไม่ได้หรอกค่ะ คุณต้องตัดสินใจแล้วว่า คุณจะเลือกสิ่งที่อยู่ข้างหลังที่คุณทำมา หรือจะเดินหน้าขึ้นไปอยู่กับฉัน”
           นี่ผมต้องทิ้งทุกอย่างไปหรือ ทั้งการงาน เพื่อนฝูง ไหนจะมหาวิทยาลัยที่พึ่งจะสอบเข้าไปอีก และที่สำคัญที่สุดพ่อแม่ พ่อแม่คือ คนที่ผมรักที่สุด แต่ในวินาทีนี้ ปากผมก็เอ่ยตอบตกลงเธอ ซึ่งผมไม่เข้าใจตัวเองเลย
           สายน้ำอันเยียบเย็นแทบจะปริ่มใบหน้าของผมแล้ว เนื้อตัวผมเปียกโชก จันทราณีเดินจูงมือผมไปช้าๆ เดินลงทะเลไปเรื่อยๆ จนในที่สุดพื้นทะเลก็ปิดเอาหัวของผมจมหายไปอยู่ใต้ผิวหน้าของมัน
           หลังจากนั้นใครที่มองดวงจันทร์ก็จะไม่เห็นตากับยายบนดวงจันทร์อีกแล้ว แต่จะเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งและกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง กำลังวิ่งเล่น กระโดดโลดเต้นอยู่เบื้องบน…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×