รักข้ามขอบฟ้า - รักข้ามขอบฟ้า นิยาย รักข้ามขอบฟ้า : Dek-D.com - Writer

    รักข้ามขอบฟ้า

    โดย trumpboyz

    เมื่อเทวดาหนุ่ม ลงจากสวรรค์มาพบกับรักแท้

    ผู้เข้าชมรวม

    1,644

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.64K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 มี.ค. 47 / 18:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      รักข้ามขอบฟ้า
      trumpboyz
          ท้องฟ้าสีคราม ปุยเมฆสีขาวเคลื่อนไปอย่างช้า รุ้งสวยเส้นยาวทอดผ่านขอบฟ้า นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งหลังฝนตกใหม่ๆ ซึ่งไม่ว่าใครก็คงอดที่จะชื่นชมความงามของท้องฟ้าขณะนี้ไม่ได้ แม้แต่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดท้องฟ้าที่สุดอย่างผม  
          ผมเป็นเทวดาครับ ทุกท่านคงจะสงสัยว่าสมัยนี้ยังมีคนที่จะได้ไปเกิดบนสวรรค์เป็นเทวดาอยู่อีกหรือ  คำตอบ คือ ยังมีครับ แต่น้อยเหลือเกินขนาดว่า 1 ปี ที่มีคนตายเป็นหมื่นๆแสนๆคน มีคนมาเกิดบนสวรรค์อย่างมาก ก็ร้อยคน บางคนอยู่นานหน่อย บางคนอยู่ได้ยังไม่ถึงอาทิตย์ก็ต้องลงไปเกิดแล้ว  ส่วนผมนี่อยู่นานครับ ผมอยู่มาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว จึงเห็นอะไรต่อมิอะไรบนสวรรค์มาเยอะ ที่จริงบนสวรรค์ก็ไม่มีอะไรให้ทำมากนักหรอก ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำไป ข้างบนนี้มีแต่ความสงบ สุข ไร้ความทุกข์กล้ำกราย แต่นี่แหละคือความสุขที่แท้จริง ที่นักแสวงบุญทั้งหลายต้องการ แต่เทวดาอย่างผมแค่นั้นมันไม่พอครับ เทวดาก็ยังมีกิเลสเหมือนกันแหละ ทุกครั้งหลังจากฝนตกจึงเป็นโอกาสของผม เพราะเทวดาอย่างผมจะมีอำนาจมากกว่าปกติ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมหรอก แต่ในเมื่อเบื้องบน(กว่านี้)กำหนดให้มันเป็นอย่างนั้น ผมจะสามารถลงไปเที่ยวเมืองมนุษย์ได้ และเมื่อเช้าฝนพึ่งจะตกไป ฉะนั้นวันนี้แหละผมจะได้ลงไปเที่ยวแล้ว คุณมากับผมสิ
      ……………………………………………………………..
          ผมลงมาถึงเมืองมนุษย์ที่ประเทศไทย ผมชอบประเทศนี้เพราะผู้คนหลายๆคนมีนิสัยดี มีส่วนน้อยเท่านั้นแหละที่จะชอบก่อกรรมทำเข็ญ คนพวกเนี้ยไม่มีสิทธิ์จะขึ้นมาแตะบนสวรรค์หรอก และอีกอย่างตอนมีชีวิตรู้สึกว่าผมจะอยู่ที่ประเทศนี้แหละ
      ผมลงมาหลบที่ตรอกๆหนึ่ง อย่างแรกที่ต้องทำก็ คือ ปลอมตัวสิครับ จะให้มนุษย์ธรรมดารู้ว่ามีเทวดาไม่ได้ ดังนั้นผมก็เลยปลอมตัว แต่งกายตามแบบฉบับของมนุษย์ทุกประการ  แบบที่เคยเห็นในหนังสือตอนยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งผมเห็นตัวเองแล้วก็รู้สึกว่า ผมไม่ต่างจากนายแบบในหนังสือเท่าไหร่
          ผมเดินออกจากตรอก มองซ้ายมองขวา สังเกตว่า ผู้คนในช่วงนี้ทำตัวกันยังไง ผมจะได้ไม่ทำตัวแปลกแตกต่างจากเขา แต่พอผมมองไป ก็เห็นผู้คนส่วนใหญ่มองจ้องมาที่ผมแล้วกระซิบกระซาบกัน โดยเฉพาะส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ไม่ว่าผมจะเดินไปทางใด ก็ยังมีผู้คนมองตามผมเสมอ ผมไม่เข้าใจเลยว่า ผมทำอะไรผิด แปลกประหลาดจากคนอื่นตรงไหน จนผู้หญิงผมยาว หน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม แล้วบอกว่า
      “ไงคะที่รัก” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยเสียงที่พอจะทำให้คนแถวนั้นได้ยินทั้งหมด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ทำให้ผู้หญิงแถวนั้นหลายคนเลิกสนใจผมไปได้ โดยเฉพาะผู้หญิง บางคนทำหน้างอ บางคนทำหน้าเชิดแล้วก็เดินไป แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรหรือรู้เรื่องอะไร ผู้หญิงคนนี้ก็กระซิบข้างหูผมแล้วพูดว่า
      “ตามฉันมาสิ” แล้วเธอก็ฉุดกระชากลากผมออกไปจากที่ตรงนั้นท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย และท่ามกลางความงุนงงของผมด้วย
          ในที่สุดเธอก็พาผมเข้ามาในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เมื่อเธอนั่งปุ๊บก็เริ่มพูดปั๊บ
      “ว่าไง กว่าจะลงมาหาฉันได้นะ” เธอพูดพร้อมทั้งจ้องผมตาเขียว “ทำไมปล่อยให้รอนานขนาดนี้”
      ผมรู้สึกตกใจมาก ผู้หญิงคนนี้พูดเรื่องอะไรกัน หรือว่า!!! หรือว่าผู้หญิงคนนี้รู้ว่าผมเป็นเทวดา ไม่มีทาง! ไม่มีทางแน่นอน ผมปลอมตัวแนบเนียนขนาดนี้
      “คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ” ผมพูดตะกุกตะกัก
      เธอนั่งจ้องผมนิดนึง แวบหนึ่งเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่แล้วเธอก็ยิ้มออกมา
      “เอางี้ ฉันชื่อ พิมนะ เธอล่ะ”
      “นัท” ผมพูดชื่อแรกที่แวบเข้ามาในสมอง ซึ่งรู้สึกว่าตอนมีชีวิต ผมก็ใช้ชื่อนี้
      “เอาละ นัท วันนี้คุณจะต้องทำตามใจฉัน 1 วัน ตกลงแล้วนะ งั้นไปกัน”
      เธอก็ลุกขึ้นแล้วเริ่มฉุดกระชากลากถูผมไปอีกครั้ง ผมงงอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเนี่ย วันที่ผมจะได้เที่ยวตามใจตัว กลับต้องมาถูกคนอื่นบังคับไปไหนมาไหนเนี่ยนะ นี่มันเข้าข่ายลักพาหรือเปล่าเนี่ย ผมยังไม่รู้เรื่อง ทั้งยังไม่รู้จักอะไรกับเธออีก แต่ก็เอาเถอะ ผมว่าผู้หญิงที่ชื่อ พิม คนนี้ ก็น่ารักดี พอจะอุทิศความสุขส่วนตัวให้สักวันแหละ
      พิมลากผมไปทุกที่ โดยเริ่มจาก โรงหนังเป็นอันดับแรก เธอเลือกดูหนังผี เธอบอกว่าชอบมาก เรานั่งดูหนังกัน ส่วนตัวผมแล้วไม่ค่อยกลัวผี เพราะผมเป็นเทวดานี่ ผมก็มีตกใจบ้างแต่ก็ไม่ได้กลัวอะไร แต่พิมนี่สิ เธอร้องวี้ดว้าย ทุกฉากทุกตอนที่หนังมีผีออกมา ถ้าผู้กำกับมาเห็นเธอเวลานี้คงจะซาบซึ้งจนน้ำตานองหน้าแน่นนอน ที่สามารถทำหนังให้คนดูกลัวได้ขนาดนี้ มีหลายครั้งที่เธอกระโดดมากอดผม ผมก็รู้สึกดีเหมือนกันแหละ
      ต่อจากนั้นเราก็ไปเดินห้างสรรพสินค้ากัน เธอพาผมดูสินค้าตามร้านต่างๆที่เธอบ่นว่าอยากได้ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ตัดสินใจจะซื้อสักอย่าง แล้วเราก็ไปเล่นโบว์ลิ่งและเสก็ตน้ำแข็งกัน นอกจานั้นเธอก็พาผมไปเที่ยวในหลายๆที่ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าจะไปได้หมดใน 1 วัน ซึ่งผมก็ยอมรับว่า ผมมีความสุขมาก ผมรู้สึกดีใจที่ได้ใช้เวลา 1 วันร่วมกับเธอ
      เวลาที่ผมอยู่ใกล้กับเธอ ผมแอบลอบพินิจ พิศดูใบหน้าของเธอ รอยยิ้มของเธอ ดวงตาและริมฝีปากของเธอ ทุกอย่างของเธอช่างน่ารักและสวยเหลือเกิน ผมรู้สึกแปลกๆกับเธอ มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนเลย มันรู้สึกเหมือนกับว่า โลกนี้เป็นสีชมพู ที่ไหนๆก็มีความสุขไปหมด
      ………………………………………………………………
      ไม่มีความสุขใดจีรัง เวลาแห่งความสุขล่วงเลยไป พระอาทิตย์เกาะอยู่ปลายขอบฟ้ายามเย็น เรามาหยุดพักกันที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลื่นพัดสาดซ่าเข้าใส่ฝั่ง เรือหลายลำวิ่งผ่านไปมา แม่น้ำสะท้อนแสงอาทิตย์ ส่องแสงวิบวับเข้าสู่สายตา ช่างสวยงามเหลือเกิน ลมพัดแรงทำให้ผมดำยาวของเธอโบกสยายไปด้านหลัง ผมหันไปมองเธอ ใบหน้าของเธอถูกทาด้วยแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ยามเย็น แล้วตอนนั้นผมก็รู้ ผมรู้แล้วว่าความรู้สึกแปลกๆนั้นคืออะไร มันคือ ความรัก ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเทวดาอย่างผมได้เลย แล้วขณะนั้นปากผมก็พูดออกไป โดยไม่ได้คิด
      “พิม ผมรักคุณ”
      พิมหันมามองหน้าผม ยิ้มให้ผม ยิ้มเธอเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในโลกนี้
      “เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก” เธอตอบเสียงเศร้า ผมถึงกับอึ้ง
      “ทำไมล่ะ ผมรักคุณนะ คุณไม่รักผมเหรอ อย่างนั้นคุณมาทำดีกับผมทำไม”
      “ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักคุณ แต่….…เรารักกันไม่ได้” เสียงเธอสั่น
      “ทำไมล่ะ”
      “คือ ที่จริงแล้ว ฉันไม่ใช่คนหรอกฉันเป็นวิญญาณน่ะ” เธอพูดแล้วก็ยิ้ม
      “หา….วิญ……วิญญาณ…..เนี่ยนะ”
      “ฉันคิดว่าคุณคงจะลืมอะไรไปหลายอย่าง หลังจากที่คุณตายไป ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง” เธอพูดโดยที่ตามองออกไปในแม่น้ำ พระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าไป ท้องฟ้าสีเทาค่อยๆรุกคืบเข้ามาจากฝั่งตะวันออก
      “ตอนยังมีชีวิต เราน่ะ เป็นแฟนกัน เรารักกันมาก จนวันหนึ่งเราไปเที่ยวด้วยกันแล้วเกิดประสบอุบัติเหตุ เราตายพร้อมกัน แต่เพราะคุณเป็นคนดีจึงมีคนมารับขึ้นสวรรค์ แต่ทำไมไมรู้ ไม่มีใครมารับฉันเลย ฉันจึงต้องเร่ร่อนอยู่ในโลกนี้ ฉันรอแล้วรอเล่า รอวันที่จะมีคนมารับฉันขึ้นไปอยู่กับคุณ รอว่าวันหนึ่งคุณจะกลับมาหาฉัน ฉันคอยเก็บความรักนั้นไว้ ความรักนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งฉันไว้ ในโลกแห่งความเดียวดายนี้ จนมาวันนี้ฉันได้พบคุณอีกครั้ง ฉันดีใจที่สุดเลย ฉันคิดว่าคุณคงมารับฉันไปอยู่ด้วยกัน แต่แล้วฉันก็รู้ว่า ไม่ใช่” เธอหันมามองหน้าผม น้ำตาใสๆเอ่ออยู่ที่ขอบดวงตา
      “ผีกับเทวดาคงรักกันไม่ได้ใช่ไหม” เธอพูดเสียงเครือ น้ำตาเม็ดโตไหลอาบแก้มขาวนั้น
      ผมดึงเธอเข้ามากอดไว้ เสียงสะอื้นของเธอดังค่อยๆอยู่ที่อกของผม ผมรักเธอ ผมไม่อยากขึ้นไปข้างบนอีกแล้ว ผมต้องการอยู่เป็นเพื่อนเธอ อยู่กับเธอตลอดไป
      ร่างของผมค่อยๆเลือนหายไป พลังผมกำลังจะหมด สวรรค์กำลังเรียกตัวผมขึ้นไป ร่างของผมค่อยๆลอยขึ้นจากพื้น ผมพยายามดึงมือเธอขึ้นมา แต่ผมทำไม่ได้ ตัวเธอไม่สามารถขึ้นมากับผมได้ ผมลอยขึ้นมาเรื่อยๆ ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือ ใบหน้าของเธอที่ยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา ผมตะโกนเรียกชื่อเธอสุดเสียง
      “พิมมมมมมมมมมมมมมมม”
      ……………………………………………………..
          ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม ปุยเมฆสีขาวลอยวนอยู่เบื้องหน้า ข้างบนนี้ มีเทวดาผู้หนึ่ง เขานอนนิ่งดูราวกับสูญเสียหัวใจ สูญเสียแรงกาย แรงใจ หมดพลังที่จะเคลื่อนไหว ใครว่าเทวดาคือ ผู้หลุดพ้น เทวดาไร้ซึ่งความทุกข์ เขาผู้นั้นคิดผิดไปเสียแล้ว……………..
      ผมเหม่อมองออกไปด้วยแววตาแห่งความว่างเปล่า แววตาแห่งการเฝ้ารอ ผมกำลังรอ รอให้ใครสักคน มาช่วยดึงผมให้หลุดจากความว่างเปล่านี้เสียที ความว่างเปล่าอันไร้ซึ่งสิ่งใดยึดเหนี่ยว ผมรู้สึกราวกับกำลังลอยเคว้งคว้างไปบนอวกาศอันมืดมิด ไร้ซึ่งที่ยึด ผมกำลังเฝ้ารอ รอ  รอแสงสว่างที่จะส่องทางให้ผม รอ วันแล้ว วันเล่า รอ………….รอ…เทพธิดาผู้นั้น………..พิมที่รัก

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×