ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูล(ไม่)ทั่วไปในนิทานพื้นบ้าน-วรรณคดี

    ลำดับตอนที่ #75 : รวมทฤษฎีวิเคราะห์ภูตปีศาจที่กำเนิดจากการบำเพ็ญตบะอาบพลังสุริยัน-จันทรา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 75
      1
      9 ม.ค. 65

    จาก รวมทฤษฎีวิเคราะห์ภูตปีศาจจากการบำเพ็ญตบะอาบพลังสุริยัน-จันทรา

     

    จุดกำเนิด

    ๑.สัตว์เดรัจฉานที่มีสติปัญญาโดยสัญชาตญาณ (จินตมยปัญญา) สูงมากจนสามารถดำรงชีวิตเอาตัวรอดมาได้ยาวนานมีอายุขัยยืนยาวเกินวงจรชีวิตปกติ บำเพ็ญตบะด้วยการดูดซับไอสุริยัน-จันทราเป็นเวลานานหลายปีจนสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์รึปีศาจได้

    = เดรัจฉานที่สามารถทำให้เส้นสูรยกลาและเส้นจันทรกลาในกายตนเองกลมกลืนเป็นหนึ่งจนทำให้เส้นสุศุมญามีกำลังฤทธิ์ในการสร้างอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้

    ๒.วัตถุสิ่งของถูกทิ้งไว้นาน ได้รับไอสุริยันจันทราติดต่อกันมานานเป็นเวลาหลายต่อหลายปีจนเกิดเป็นรูปชีวิต เช่น

    ก้อนศิลาใหญ่ ร่างต้นของ ซุน หงอคง จากไซอิ๋ว ที่ได้อาบแสงสุริยันจันทราอยู่นานจนเกิดเป็นวานร

    ผีผาหยก ร่างต้นของ ภูตพิณหยก จากห้องสิน น้องเล็กของปีศาจจิ้งจอก๙หางที่ถูกเจียงจื่อหยากำราบจนหมดสภาพกลับร่างเป็นเครื่องผีผาไปในตอนต้นเรื่อง แต่ถูกนางจิ้งจอกในร่างพระสนมต๋าจี่นำกลับมาวางรับแสงสุริยัน-จันทราและบูชาทุกเช้าเย็นในวังหลวงอยู่นาน๕ปีจึงสามารถคืนร่างนางปีศาจกลับมาได้ (รวมถึงพวกภูตของใช้สึคุโมะงามิบางกลุ่มซึ่งไม่ใช่หุ่นพยนตร์ที่ถูกสร้างไว้ใช้งาน)

    นางผีเสื้อสมุทร จากพระอภัยมณี ซึ่งแต่เดิมมีร่างจริงเป็นนางยักษ์ตนหนึ่งที่ถอดดวงจิตฝากไว้ในก้อนศิลาใหญ่ใต้สมุทรแล้วนึกคึกถึงความมีร่างอมตะของตนเองจึงเหาะขึ้นไปตีกับพระเพลิงจนถูกเพลิงกรดเผาจนสิ้นซาก ไม่เหลือเศษชิ้นส่วนให้ประกอบกลับคืนร่างได้ ทว่านางยักษ์ก็ยังเหลือร่างสำรองเป็นก้อนศิลาใหญ่ใต้สมุทรที่ถอดดวงจิตฝากไว้ ก้อนศิลานั้นได้รับแสงสุริยันจันทรามาช้านานจึงงอกแขนขากลับคืนชีพเป็นนางยักษ์ได้อีกครั้ง จึงนับได้ว่านางเองก็มีร่างต้นเป็นก้อนศิลานั้น (แถมหลังจากถูกพระอภัยเป่าปี่จนสิ้นสภาพ นางก็ยังคืนร่างกลับไปเป็นก้อนศิลาที่เป็นร่างต้นอีกรอบด้วย)

    = กรณีสิ่งของกลายร่างเป็นปีศาจได้นี้ ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเส้นสูรยกลา-จันทรกลาอยู่ ทว่าไม่ได้เกิดจากตัววัตถุสิ่งของนั้นๆ แต่เกิดจากดวงจิตที่เข้าไปสิงสู่รึถูกฝากไว้ในวัตถุเหล่านั้นต่างหากที่เป็นเจ้าของเส้นสูรยกลา-จันทรกลา และเป็นผู้สร้างความสมดุลย์ในเส้นทั้ง๒จนเส้นสุศุมญามีฤทธานุภาพจนสามารถสร้างปาฏิหาริย์ในการก่อร่างสร้างกายหยาบขึ้นมาได้โดยอาศัยวัตถุสิ่งของที่ดวงจิตนั้นๆ ไปเกาะเกี่ยวอาศัยสิงสู่อยู่เป็นร่างต้นในการสร้างรูปชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งรวมถึงมีอิทธิฤทธิ์อีกสารพัด

     

    อนึ่ง รูปแบบการจำศีลบำเพ็ญตบะเพื่อพัฒนาตัวเองไปเป็นปีศาจของพวกสัตว์เดรัจฉานนั้น อาจคล้ายกับรูปแบบของหนอนที่จำศีลเข้าดักแด้เพื่อพัฒนาร่างเป็นผีเสื้อก็เป็นได้

    กล่าวคือ ก่อนจะเข้าดักแด้ หนอนจะต้องกินอาหารในปริมาณมากเพื่อเอาไว้เป็นพลังงานในช่วงเข้าดักแด้เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายของตนเอง ส่วนในกรณีของพวกสัตว์ที่จะพัฒนาไปเป็นปีศาจได้นั้น จะต้องมีพื้นฐานคือ ปัญญาโดยสัญชาตญาณ (จินตมยปัญญา) ในระดับที่สูงมากๆ จนสามารถมีอายุขัยยืนยาวผิดธรรมชาติได้ (เมื่อมาถึงระดับนี้สัตว์บางชนิดจะมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าปกติ และสีขนรึสีผิวที่กลายเป็นสีขาวหงอกทั้งตัวไปแล้ว) ซึ่งก่อนที่จะเข้าจำศีลเพื่อสูบพลังสุริยัน-จันทรา (สูรยกลา-จันทรกลา) ซึ่งใช้เวลานานมากๆ (ตามตำนานมักบอกว่าพวกนี้ดูดซับพลังจากแสงเดือนแสงตะวันเป็นอาหารนับร้อยๆ ปีซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วจะเร็วกว่านี้รึไม่) สัตว์พวกนี้ก็อาจต้องพยายามสะสมอาหารไว้ในร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อใช้เป็นพลังงานในการจำศีลบำเพ็ญตบะเช่นกัน ซึ่งในช่วงเวลาสะสมอาหารแบบนั้นหากสภาพแวดล้อมในธรรมชาติมีการขาดแคลนรึไม่อำนวยต่อการสะสมอาหารมากๆ สัตว์เฒ่าพวกก็อาจจำเป็นต้องลุกล้ำเขตแดนถิ่นที่อยู่ของพวกมนุษย์เพื่อมาหาหาอาหาร จนถูกมนุษย์พบเห็นตัวรึกระทบกระทั่งกันอยู่บ้างก็เป็นได้ (เช่นการบุกรุกไร่นารึปศุสัตว์เพื่อหาอาหารกิน)

    ซึ่งรูปแบบทำนองนี้ ก็ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะรับข้าวมธุปายาสทั้ง ๔๙ ก้อนของนางสุชาดาแล้วไม่ลุกออกจากที่อีกเลยตลอดระยะเวลา ๔๙ วัน (๗สัปดาห์) อยู่กลายๆ เหมือนกัน

     

    ช่วงระยะเวลาของการบำเพ็ญตบะ

    สัตว์ใดจำศีลบำเพ็ญตบะไม่ถึง ๕๐ ปี สัตว์นั้นยังจำแลงกายเป็นมนุษย์ไม่ได้ แต่สามารถสร้างภาพมายาเป็นมนุษย์ไว้ลวงตาได้ เช่น กลุ่มเสือสมิง

    สัตว์ใดจำศีลบำเพ็ญตบะอยู่ระหว่าง ๕๐ -๑๐๐ ปี สัตว์นั้นจะกลายเป็นปีศาจ สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้แต่ต้องใช้ตัวช่วยคือ วางใบไม้รึกะโหลกมนุษย์ไว้เหนือศีรษะของตนก่อน รึไม่ก็สวมหน้ากากที่ทำจากแผ่นหนังของมนุษย์อย่างใน เหลียวไจ จื้ออี้ (liaozhai zhiyi) ตอน The Painted Skin ซึ่งกล่าวถึงกล่าวถึงปีศาจตัวเขียวตนหนึ่งที่แปลงกายเป็นสาวสวยงามหยดย้อยด้วยการสวมหน้ากากแผ่นหนังมนุษย์ที่ถูกวาดองค์ประกอบบนใบหน้าเอาไว้ด้วยพู่กันเสียก่อน จึงสามารถเนรมิตกายสลายกระดูกจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้ อนึ่ง หากปีศาจสัตว์ที่จำแลงร่างด้วยการสวมหน้ากากหนังมนุษย์ไม่ได้วาดองค์ประกอบของใบหน้าไว้บนหน้ากากที่สวม เมื่อแปลงกายแล้วสภาพที่ออกมาก็จะเป็นภูตไร้หน้า (nopperabo) ตามตำนานของญี่ปุ่น ซึ่งภูตไร้หน้านี้ถูกระบุว่าเป็นร่างจำแลงของพวก"มุจินะ (Mujina) "นั่นเอง

    สัตว์ใดจำศีลบำเพ็ญตบะ ๑๐๐ ปีขึ้นไป สัตว์นั้นคือปีศาจที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยใดๆ ในการแปลงกายเป็นมนุษย์

    (ในกรณีของภูตของใช้ก็เช่นกัน)

     

    ว่าด้วยการมีบุตรกับมนุษย์

    ภูตปีศาจเหล่านี้สามารถมีบุตรกับมนุษย์ได้ โดยอ้างอิงจาก ภูริทัตชาดก ความมาว่า

    ลำดับนั้น นางจึงกล่าวกะท่านอย่างนี้ว่า ดิฉันจักไม่ไปด้วยปริยายไรๆ ส่วนนาคกุมารบุตรของเราเหล่านี้ เป็นชาติมนุษย์ เพราะเกิดโดยสมภพกับท่าน. ถ้าบุตรเหล่านั้นยังมีความรักในเรา ท่านจงอย่าประมาทในบุตรเหล่านั้น แต่บุตรเหล่านี้แล เป็นพืชน้ำละเอียดอ่อน เมื่อเดินทางต้องลำบากด้วยลมแดดจะพึงตาย. ท่านพึงให้ขุดเรือลำหนึ่ง ให้เต็มด้วยน้ำ แล้วให้บุตรเหล่านั้นเล่นน้ำนำไป พึงกระทำสระโบกขรณีในพื้นที่ในภายในพระนครแก่บุตรเหล่านั้น.

     

    ซึ่งชาวนาคเองก็มีสถานภาพเป็นเทวดากึ่งเดรัจฉานเข้าข่ายปีศาจสัตว์อยู่ ดังนั้นจึงนำมาใช้เทียบเคียงกันได้ว่า มนุษย์กับปีศาจสัตว์สามารถมีลูกด้วยกันได้ และเมื่อนำไปประกอบกับข้อมูลการกำเนิดของท่านอิสิสิงคดาบส (ฤๅษีเขากวาง) ที่เกิดเพราะนางกวางมีระดูไปกินปัสสาวะของฤาษีท่านหนึ่งเข้าจึงตั้งครรภ์แล้วคลอดเป็นทารกมนุษย์ครั้นโตขึ้น อิสิสิงคดาบสก็มีเขาคู่เล็กๆ อย่างกวางงอกเหนือศีรษะ

    จึงพอจะสรุปได้ว่า บรรดาทายาทเลือดผสมที่เกิดจากมนุษย์กับอมนุษย์นั้น พื้นฐานแล้วก็ยังนับว่าเป็นมนุษย์เช่นกัน แต่พวกเขาเหล่านี้จะได้รับลักษณะเด่น-ด้อย รึ ความสามารถเด่น-ด้อย จากฝ่ายผู้ให้กำเนิดที่ไม่ใช่มนุษย์ติดตัวมาด้วย และนางปีศาจสัตว์ (บางชนิด) ก็น่าจะสามารถกลับคืนร่างเดิม (ร่างสัตว์) ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ลูกของมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน โดยอ้างอิงจากนางกวางที่เป็นมารดาของท่านอิสิสิงคดาบสนั่นเอง

     

    ส่วนในกรณีที่ภูตปีศาจชายมีบุตรกับมนุษย์หญิงนั้น อาจมีปัญหาในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้เกิดการแท้งรึเสียชีวิตระหว่างคลอดได้ทั้งแม่และเด็ก

     

    อนึ่ง นางปีศาจสัตว์ (สัตว์ที่บำเพ็ญตบะเป็นเวลานานจนแปลงเป็นมนุษย์ได้) ที่ตั้งครรภ์กับมนุษย์ น่าจะคงสภาพอยู่ในร่างมนุษย์ได้ไม่เสถียรเท่าที่ควรเพราะพลังชีวิตบางส่วนจะถูกส่งต่อให้ลูกในครรภ์ ทำให้กายและจิตของพวกนางอ่อนกำลังไม่อาจประคองร่างจำแลงไว้ได้เต็มที่ตามปกติ การกลับคืนร่างเป็นสัตว์อยู่บ่อยๆ ในระหว่างที่ตั้งครรภ์จึงน่าจะช่วยให้พวกนางประหยัดพลังชีวิตได้มากขึ้น แต่นางปีศาจสัตว์ที่สามารถตั้งครรภ์กับมนุษย์ได้นี้สมควรจะต้องมีร่างต้น (ร่างสัตว์) ที่ตัวใหญ่ใกล้เคียงกับมนุษย์รึใหญ่กว่ามนุษย์ เพื่อให้ครรภ์ของพวกนางมีพื้นที่กว้างพอรองรับขนาดตัวของทารกมนุษย์ได้ในยามที่พวกนางกลับคืนร่างเดิม

    นางปีศาจภูตของใช้ (ดวงจิตซึ่งสถิตย์ในสิ่งของที่ได้รับพลังสุริยัน-จันทราเป็นเวลานานจนแปลงเป็นมนุษย์ได้) ที่ตั้งครรภ์กับมนุษย์ น่าจะมีกระบวนการที่กลับกันคือ ระหว่างตั้งครรภ์พวกนางจะกลับร่างเป็นสิ่งของไม่ได้ เพราะได้รับพลังชีวิตของลูกในครรภ์มาชดเชยสมดุลย์ แต่ลูกในครรภ์ของพวกนางจะค่อนข้างสุ่มเสี่ยงที่จัเสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์รึมีสุขภาพอ่อนแอมากจนอาจเสียชีวิตหลังการคลอดได้ เพราะถูกแม่สูบเอาพลังชีวิตไปใช้ จำเป็นต้องดูแลให้ดีจัดๆ ถึงจะรอดได้

     

    ปัจจัยให้คืนร่างเดิม

    เนื่องจากภูตปีศาจเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นจึงมีอยู่หลายกรณีที่ทำให้ภูตปีศาจเหล่านี้จำต้องกลับคืนร่างเดิม โดยอ้างอิงจาก อรรถกถาติรัจฉานคตวัตถุกถา เรื่องนาคแปลงกายเป็นมนุษย์มาขอบวช ความว่า

    กรรม (การกระทำ) ซึ่งปรากฏตามสภาพ ย่อมมีแก่นาคใน ๕ กาล คือเวลาปฏิสนธิ ๑ เวลาที่ลอกคราบ ๑ เวลาที่เสพเมถุนด้วยนางนาคชาติของตน คือมีชาติเสมอกัน ๑ เวลาที่วางใจหยั่งลงสู่ความหลับ ๑ เวลาจุติ ๑.

     

    ซึ่งวิเคราะห์ออกมาเป็นกรณีของพวกภูตปีศาจได้ว่า ภูตปีศาจใดในเวลาร่วมหลับนอนกับมนุษย์แม้จะมีร่างงดงามประดุจเทพ แต่ในยามที่เกิด ยามที่ลอกคราบ (รึผลัดขน-ถ้ามี) เวลาที่ผสมพันธุ์กับเดรัจฉานชนิดเดียวกัน ที่อาจครอบคลุมไปถึงเงื่อนไขของระยะเวลาอย่างฤดูผสมพันธุ์ด้วยก็ได้ เพราะมันก็เป็นอีกสัญชาตญาณตามธรรมชาติของสัตว์บางชนิดด้วย (ข้อนี้พวกภูตของใช้ไม่นับ) ยามที่หลับลึกจนไม่มีสติ และยามที่ตาย พวกภูตปีศาจจะไม่อาจฝืนธรรมชาติและสัญชาตญาณตัวเองตามเผ่าพันธุ์ทั้ง ๕ ข้อนี้ได้ จะต้องกลับร่างเดิมสถานเดียวเท่านั้น เช่น นางงูขาวที่เมาหนักจนขาดสติกลับคืนร่าง และพวกปีศาจสัตว์ในเรื่องไซอิ๋วที่เมื่อถูกฆ่าตายแล้วจะกลับร่างเป็นสัตว์ตามเดิมทันที ซึ่งสิ่งสำคัญในการประคองร่างแปลงของภูตปีศาจเหล่านี้ก็คือ สติสัมปชัญญะ การระลึกและรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา หากไม่สามารถประคองสติสัมปชัญญะไว้ได้ก็สามารถกลับคืนร่างเดิมได้ทุกๆ เมื่อนั่นเอง แต่หากเป็นกลุ่มปีศาจสัตว์ระดับสูง สภาวะทั้ง ๕ ข้อนี้จะเกิดขึ้นและผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วจนอาจไม่ทันสังเกตได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×