หน้ากากตาโขน - นิยาย หน้ากากตาโขน : Dek-D.com - Writer
×

    หน้ากากตาโขน

    ประเพณีผีตาโขนที่จังหวัดเลยเป็นประเพณีงานบุญที่จัดขึ้นทุกปี แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าอาถรรพ์ที่มีอยู่ในหน้ากากผีตาโขนน่ากลัวเพียงไร

    ผู้เข้าชมรวม

    569

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    569

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 มิ.ย. 53 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    อาถรรพ์ที่ 1
    มันคือหน้ากากที่ดูน่ากลัวในขณะเดียวกันก็มีความสวยงามอยู่ในตัวของมันเอง สีสันสวยสดชวนให้สะดุดตา   หลากหลายสีสันที่แต่งแต้มลงไป จินตนาการได้ถึงความตั้งใจของผู้ที่ทำหน้ากากนี้ไม่ว่าจะเป็นสีแดงที่คิ้วที่เขียนให้โค้งอย่างบรรจง   สีน้ำเงินรอบๆ ดวงตาช่วยขับให้มีความรู้สึกถึงดวงตาที่โดดเด่น   สีเขียวที่แก้มหรือสีเหลืองหม่นๆบนบริเวณรอบๆใบหน้า  ช่วยให้รู้สึกถึงความลึกลับได้เป็นอย่างดี ไม่ง่ายนักถ้าหากเห็นมันแล้ว   จะละสายตาหรือไม่สนใจมันได้   สิ่งที่อยู่ในมือของลักษณ์ในขณะนี้ คือหน้ากากที่แปลกมากในความคิดของเขา 
    หน้ากากยาวใหญ่เกินกว่าที่จะสวมแล้วเรียกได้ว่าพอดีกับหน้าคนใส่   ลักษณ์รู้สึกขำด้วยซ้ำเมื่อจินตนาการว่าหากเขาใส่หน้ากากที่อยู่ในมือตอนนี้ ตัวเขาคงจะสูงขึ้นอีกมากแน่ๆ แต่อีกความคิดนอกจากความรู้สึกขำแล้ว เขายังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวที่แฝงเร้นอยู่บนหน้ากากนี้   การให้สีสันเรียกได้ว่าสวยงาม แต่ลวดลายที่เหมือนภูตผีปีศาจบนหน้ากากก็ชวนให้ขนลุกได้อย่างไม่ทราบสาเหตุ
    ขณะที่กำลังอยู่ในภวังค์ของห้วงแห่งความคิด ลักษณ์ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียก
    เฮ้ย ! ทำอะไรอยู่วะ ลักษณ์ 
    วัชระส่งเสียงเรียกเพื่อนสนิทของตน หลังจากเห็นเพื่อนหายไปนาน ทั้งที่บอกว่าจะไปทำธุระส่วนตัวเดี๋ยวเดียว
    อะไรวะ! ตกใจหมด เรียกซะดัง เออนี่ วัชแกดูนี่สิชั้นเก็บอะไรได้   หน้ากากโว้ยหน้ากาก แต่เป็นหน้ากากอะไรไม่รู้ว่ะ แปลกดีวาดลายยังกับผี   ตลกดีว่ะ
    วัชระมองหน้ากากที่ลักษณ์ยื่นมาให้ดูแล้วจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
    แต่ชั้นว่ามันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้   แกไปเอามาจากไหนวะ
    ชั้นเก็บได้จากที่แม่น้ำตอนไปฉี่เมื่อกี้ไง เห็นมันลอยตามน้ำมา แปลกดีเลยกะจะเก็บกลับบ้าน
    ลักษณ์ตอบด้วยท่าทางภูมิใจเหมือนเก็บของล้ำค่าราคาแพงได้
    ตามใจแกแล้วกัน แต่ถ้าถามชั้น ชั้นว่าไว้ที่เดิมเหอะว่ะ น่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก   ถ้ามันไม่มีอะไรแปลกๆ ใครจะเอามาทิ้งน้ำวะ
    วัชระพูดด้วยท่าทางกังวลปนหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่รู้ว่าแม้จะพูดไปก็เท่านั้น เพราะเดาจากนิสัยเพื่อนซี้ของตนแล้ว คงไม่ฟังและไม่ยอมทิ้งสิ่งที่ตนเก็บมาได้แน่ๆ
    เฮ้ย! จะบ้าเรอะไง ของดีๆเก็บมาได้จะทิ้งทำไมวะ เนี่ยกะว่าจะเอาไปใส่ในงานวันฮัลโลวีนนะเนี่ย
    ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็มีมือเหี่ยวย่นซึ่งแสดงถึงเจ้าของมือว่าคงผ่านวันเวลาในการใช้ชีวิตมานานหลายสิบปีแล้วแน่ๆ มาวางบนไหล่ของลักษณ์ ทำเอาลักษณ์สะดุ้งสุดตัว หน้ากากเกือบหลุดจากมือ
    พ่อหนุ่มวางหน้ากากนั้นลงเถอะ อย่าเก็บไปเลยเดี๋ยวจะเดือดร้อนนะ
    ทั้งสองหันมองเจ้าของเสียงก็เห็นว่าเป็นยายแก่ๆคนหนึ่ง หากกะอายุคงไม่ต่ำกว่า 80 90 ปีเป็นแน่ ยายคนนี้สวมเสื้อผ้าเนื้อหน้าคล้ายผ้าที่ใช้ทำกระสอบขาดๆ ผมขาวบนหัวถูกมัดไว้เป็นมวยผมอย่างเรียบร้อย แต่ที่สะดุดตาคือตาซ้ายของแกปิดสนิทเหมือนคนตาบอด
    ทำไมล่ะยาย มันเป็นของยายเรอะ หรือว่าเป็นของสำคัญมีราคามาก ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คืนหรอกนะ ช่วยไม่ได้ ผมเก็บได้ก็ต้องเป็นของผม ใครจะมาทวงก็ช่าง ผมไม่คืน ถ้าคิดว่าจะทำให้ผมเดือดร้อนได้ก็เชิญ
    ลักษณ์พูดกับยายแก่ตรงหน้าด้วยความเย่อหยิ่งโดยถือว่าตนมาจากตระกูลร่ำรวยเงินทองและชื่อเสียง   ความมั่นใจประกอบกับความร่ำรวยของตนจึงเกิดเป็นนิสัยเอาแต่ใจ และไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น   จึงท้าทายคำพูดของยายแก่โดยไม่สนใจด้วยซ้ำ ว่าคำว่า เดือดร้อน ที่พูดถึงหมายถึงอะไร
    ทำไมแกปากหมาอย่างนี้วะไอ้ลักษณ์ คุณยายเขาพูดกับแกดีๆ แกกลับไปพูดจากวนประสาทเค้า คุณยายครับ ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยครับ ที่คุณยายบอกให้ทิ้งหน้ากากนี้ไปเดี๋ยวจะเดือดร้อน หมายความว่ายังไงเรอะครับคุณยาย หน้ากากนี้มันมีอะไรเรอะครับ
    หน้ากากนี้มีชื่อเรียกว่า หน้ากากผีตาโขน มันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานประเพณีแห่ผีตาโขน ซึ่งเป็นงานที่ชาวบ้านจะใส่หน้ากากผี แล้วเดินเป็นขบวนร่วมในประเพณีงานบุญ เพื่อเป็นมงคลแก่ตนเอง เสร็จพิธีก็จะนำหน้ากากผีตาโขนและชุดที่ใส่ไปลอยในแม่น้ำ เป็นการลอยเคราะห์ให้ไหลไปกับแม่น้ำ พ่อหนุ่มเก็บมา เคราะห์ทั้งหลายที่มีมากับหน้ากาก็จะเข้าไปที่พ่อหนุ่มแทน ชั้นถึงบอกว่าเดี๋ยวจะเดือดร้อน ทิ้งไปซะเหอะนะ
    ยายอย่ามาโกหกผมซะให้ยากเลย ยายหลอกให้ผมทิ้ง ยายจะได้เก็บเองน่ะสิ ผมไม่เชื่อหรอก
    ลักษณ์ยืนยันคำพูดของตน โดยก้มลงไปเปิดเป้เดินทางของตนจากนั้นนำหน้ากากผีตาโขนใส่ในเป้ เสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปทางยายแก่เพื่อเยาะเย้ยว่าตนไม่มีทางให้แน่ๆ
    แต่ภาพที่เห็นแทนที่จะเป็นหญิงแก่หน้าตาธรรมดาในตอนแรก   กลับเห็นเป็นยายแก่คนหนึ่ง หน้าตาบิดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวดปนโกรธแค้น จ้องมองมาทางเขาอย่างกับจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น
    ลักษณ์สังเกตเห็นความผิดปกติ   บรรยากาศโดยรอบมืดลงอย่างรวดเร็ว เหมือนมีควันลอยอยู่โดยรอบ บนท้องฟ้าก็มีเมฆดำทะมึนบังแสงอาทิตย์จนมิอาจส่องแสงลงมาได้ ทั้งที่เขาจำได้ว่าตอนที่เข้ามาเดินตรงแม่น้ำนี้เป็นเวลาแค่บ่ายสองโมง 
    ลักษณ์เริ่มเกิดความกลัวจึงหันไปพูดกับวัชระ แต่เขาไม่เห็นวัชระยืนอยู่ในที่นี้อีกแล้ว ในสถานที่แห่งนี้เหลือแค่เขากับยายแก่แค่สองคน แม้ว่าลักษณ์จะพยายามตะโกนเรียกวัชระอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาแม้แต่น้อย
    เมื่อมองหาวัชระไม่เจอ ลักษณ์รู้แล้วว่าตอนนี้ตนอยู่กับยายแก่แค่สองคน พลันสายตาของเค้าก็เหลือบไปทางยายแก่   ซึ่งยายแก่เมื่อเห็นว่าลักษณ์หันมาทางตนก็ยกมือซ้ายขึ้นแล้วจิ้มเข้าไปที่ตาข้างซ้ายที่ปิดสนิทอยู่อย่างแรง เลือดเริ่มไหลทะลักออกราวกับน้ำตก ไหลย้อยจากเบ้าตา   ไหลอาบแก้มจนถึงปลายคาง หยดลงย้อมเสื้อสีเทาจนกลายเป็นสีแดงเป็นทาง
    ยายแก่ยังคงเอานิ้วคว้านในเบ้าตาของตน โดยไม่ใสใจเลือดที่ไหลทะลักออกมามากขึ้นทุกที สักพักแกหยุดมือเหมือนกับแกหาเจอในสิ่งที่ต้องการแล้ว แกเอานิ้วจับแล้วกระชากออกมา ลูกตาสีขาวปนเลือดสีแดงสดหลุดออกมาตามแรงกระชาก เลือดทะลักจนหน้ายายแก่เต็มไปด้วยเลือด จากนั้นแกแบมือที่โชกเลือดหันไปหาลักษณ์ เพื่อแสดงให้ลักษณ์เห็นลูกตาที่แกเพิ่งควักออกมาได้ถนัดยิ่งขึ้น
    มึงไม่เชื่อกู วันหนึ่งมึงจะพบกับความฉิบหาย สิ้นเสียงพูด ยายแก่แลบลิ้นของตนออกมา   ลักษณ์ได้แต่ตกตะลึง ลิ้นของแกยาวออกมาเกือบฝ่ามือ   จากนั้นยายแก่นำลูกตาที่ควักออกมาวางบนลิ้น   แล้วตวัดเข้าปาก เคี้ยวอย่างแรงแสดงถึงความโกรธแค้นอย่างมาก
    จนถึงตอนนี้ลักษณ์ได้แต่ยืนตัวสั่น ไม่สามารถขยับส่วนใดของร่างกายได้เลย   แม้กระทั่งหัวใจก็เหมือนกับว่ามันพร้อมจะหยุดขยับได้ทุกเมื่อเช่นกัน
    พวกมึงเป็นพยาน กูเตือนมันผู้นี้แล้ว มันไม่ฟังกู ถ้าสิ่งใดเกิดขึ้นกับมันนับจากนี้ กูได้ทำหน้าที่ของกูแล้ว   จ้าวอุปคุตต์จะเอาผิดใดๆกับกูไม่ได้
    ยายแก่ตะโกนเสียงดังสนั่นเหมือนจะให้ผู้อื่นได้ยิน ซึ่งลักษณ์ก็สังเกตเห็นแล้วว่า ตอนนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขา 3 คน แต่ในที่นี้มีสิ่งอื่นอยู่อีก เกาะอยู่ตรงยอดไม้บ้าง   หลบอยู่ในกอไม้บ้าง   ด้วยความที่ขยับตัวไม่ได้   ขยับได้แค่ตาของตน ลักษณ์จึงมองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเหมือนถูกบังคับให้ต้องมอง
    ตอนนี้ลักษณ์เห็นได้อย่างชัดเจนผิดกับตอนแรกที่เห็นเป็นแค่เงา บนยอดไม้เห็นผู้ชายคนหนึ่งเกาะอยู่แต่หัวมีแค่ซีกซ้าย   ซีกขวามีรูขนาดใหญ่มองเห็นสมองสั่นไหวอยู่ภายในกะโหลก มันสมองไหลทะลักออกมาตลอดเวลา   ชายคนนั้นพยายามใช้มือของตนจับมันสมองที่ไหลออกมาใส่กลับที่เดิม พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยตลอดเวลา
    ส่วนที่หลบอยู่ในกอไม้ เป็นผู้หญิงหน้าขาวซีดไร้เลือดมาเลี้ยง แต่ลักษณ์คงไม่ต้องหาคำตอบว่าเลือดของหล่อนหายไปไหน เพราะตอนนี้หล่อนใช้ท่อนแขนคลานออกมาจากกอไม้ คลานมาเรื่อยๆ มาทางที่ลักษณ์ยืนอยู่ เผยให้เห็นว่าหล่อนมีหัว มีแขน มีตัว แต่ตั้งแต่เอวลงไปไม่มี   ทุกครั้งที่คลานเข้ามาหาลักษณ์ ลำไส้ กระเพาะอาหาร ไต ไหลทะลักออกมาตามทางพร้อมกับเลือดจำนวนมากส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วบรรยากาศ
    ต้นไม้สูงที่เห็นในตอนแรก ตอนนี้เคลื่อนลงต่ำลงมา จนเห็นได้ถนัดว่าเป็นหน้าคนมีเลือดไหลอาบเต็มใบหน้า ปากเล็กหวีดร้องเสียงเสียดแทงในหูยิ่งนัก มืออันใหญ่โตโบกสะบัดไปมาแสดงอาการเจ็บปวดทรมานอย่างเห็นได้ชัด 
    ตอนนี้ลักษณ์สังเกตเห็นแล้วว่า ไม่ได้มีตนกับยายแก่อยู่กันแค่ 2 คนเท่านั้น แต่มีสิ่งอื่นอยู่รอบตัวอีกมากมายไม่ต่ำกว่า 100 สิ่งแน่ๆ และทุกสุ่งที่เห็นกำลังขยับเข้ามาใกล้ลักษณ์ขึ้นทุกทีๆ ผู้ชายบนต้นไม้ค่อยๆปีนลงมา โดยจ้องมาที่ลักษณ์ไม่กระพริบตา ผู้หญิงที่คลานอยู่มือกำลังเกาะขาของลักษณ์เพื่อประคองตัวขึ้นมา หน้าของสิ่งที่ตอนแรกคิดว่าต้นไม้ ก็ยื่นมาใกล้จนเห็นแม้กระทั่งเส้นเลือดบนใบหน้า และหนอนอีกจำนวนมากที่กำลังกัดกินที่ปากของสิ่งนี้อย่างเอร็ดอร่อย
    ไม่ อย่าเข้ามา
    ลักษณ์ร้องอย่างสุดเสียง แต่มาได้สติเมื่อวัชเขย่าตัวของลักษณ์อย่างแรงหลายที
    เฮ้ย! เป็นอะไรลักษณ์อยู่ดีๆก็เงียบไป แล้วก็ตะโกนซะดังลั่น แหกปากซะดังไปหมด เดี๋ยวคุณยายก็ตกใจช็อคกันพอดี
    พอได้ยินคำว่า คุณยาย ลักษณ์ก็รู้สึกตัวทันที ผวามองไปยังยายแก่ที่ยืนอยู่ ก็พบว่าแกไม่ได้มีเลือดเปรอะหน้า หรือหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่เห็นเมื่อครู่ หันมองไปรอบๆก็พบว่าไม่มีใครนอกจากตน วัชระและยายแก่เท่านั้น ลักษณ์ถอนหายใจคิดว่า เมื่อสักครู่ตนคงเหนื่อยแล้วตาฝาดไปเอง เมื่อคิดอย่างนี้ก็รู้สึกดีขึ้น มองไปทางยายแก่ก็พบว่ากำลังจ้องตนอยู่และพูดขึ้นว่า
                    ชั้นเตือนแล้วนะ 
                    พูดจบยายแก่ก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับมีลมกรรโชกรุนแรงทั้งป่า แรงราวกับจะถอนได้แม้กระทั่งต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่า แต่เมื่อยายแก่เดินลับตาไป ลมที่พัดอย่างรุนแรงกลับหยุดพัดอย่างประหลาด

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น