SPEC'D
ขอเชิญเข้าสู่โลกแห่ง SPEC'D กับเรื่องราวหลากหลายรสชาติ ทั้งรัก รบ ตื่นเต้น ผจญภัย แอบหวาน หรือแอบเศร้า ของเหล่าผู้กล้าทั้งหลายกันเถอะ
ผู้เข้าชมรวม
239
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Prologue ... once upon a time, about you and your life
เคยมีใครคิดไหมว่า คนๆ หนึ่งเกิดมาทำไม ... เพื่อสุข หรือเศร้าเหรอ หลายๆ คนหาคำตอบให้ชีวิตด้วยวิธีต่างๆ กัน
แต่บางที คำตอบนั้นอาจยังไม่ปรากฎให้เห็นก็ได้ ไม่ว่าจะนานแสนนานสักเท่าไร ... แต่เราก็ยังค้นหาคำตอบนั้นต่อไป
ตราบที่ดวงตะวันยังส่องแสง ดวงจันทร์ยิ้มหวานๆ ให้หมู่ดาวยามราตรีกาล
ตอนที่ ๑
สถานที่ ปราสาทลากูน
เช้าวันหนึ่งเมื่อแสงอาทิตย์ส่องสาดไปทั่วปราสาทหลังงามแสนกว้างใหญ่ มีทหารและเหล่าขุนนางเดินไปมา
ตามปรกติเมืองลากูนเป็นเสมือนศูนย์กลางของทวีปใหญ่แห่งนี้ หากแต่ผู้คนยังคงอยู่ในวิถีชีวิตเรียบง่ายตามวิสัยเดิม
สังคมมีทั้งครอบครัวชาวนา พ่อค้า ขุนนางและหลากหลายอาชีพเหมือนสังคมทั่วไป
พลฯ ทหารในเครื่องแบบกององครักษ์รักษาพระองค์ก้าวฉับๆ ตรงไปยังห้องทำงานสุดทางเดินโถงที่ทอดยาว
ดาบแกว่งไกวล้อแสงอาทิตย์ยามอรุณเหมือนพรายน้ำสะท้อนแสงในทะเสสาบ ทหารหนุ่มเคาะประตูสามครา แล้ว
จึงเปล่งเสียงขออนุญาต
" ท่านผู้บัญชาการฯ ครับ สาสน์จากท่านผู้สำเร็จราชการฯ ครับ"
ทหารหนุ่มเดินผ่านประตูไม้บานใหญ่ ตรงไปยังโต๊ะไม้สีดำขลับอันมีกองเอกสารวางอยู่เรียงราย มีชายหนุ่ม
ผู้หนึ่งกำลังอ่านเอกสารทีละหน้าอย่างระมัดระวัง มือข้างขวาจับปากกาขนนกจุ่มลงในขวดหมึกเพื่อลงชื่อบนเอกสารกองใหม่
เจ้าของยศผู้บัญชาการเงยหน้ามองพลทหารที่หยุดยืนตรงวันทยหัตถ์ท่าทางขึงขัง
" สาสน์ว่าอย่างไรหรือครับ"
" ท่านผู้สำเร็จราชการฯ เรียนเชิญท่านไปพบที่สวนสราญครับ"
ปากกาในมือกลับไปอยู่ที่วางเช่นเดิม ปึกเอกสารกลับวางที่กองเก่า ชายหนุ่มเค้าหน้าคมสันแต่อ่อนโยน
ผิวหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครารุงรังราวกับผิวเด็กยิ้ม แล้วเอ่ยตอบผู้ส่งสาสน์
" สักครู่ผมจะไปหาท่านเอง ขอบคุณมาก"
ชายหนุ่มลุกจากโต๊ะคว้าดาบคู่กายสอดในช่องเข็มขัดหลังจากที่ทหารส่งข่าวออกไปแล้ว ดรากูน โซเลทนั่ม
ผู้บัญชาการกองทัพลากูนก้าวออกจากห้องทำงานเดินทอดน่องไปตามระเบียงยาวที่ทอดสู่ตัวปราสาท บรรดานางใน
ค้อมศีรษะพร้อมเอ่ยยศเมื่อเขาเดินผ่าน เสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบาแอบชมรูปโฉมอันหล่อเหลาและคมสันราวกับ
เทพบุตรดังขึ้นเบาๆ แต่พอรู้กัน แม้จะเป็นที่นิยมชมชอบในบรรดาข้าราชบริพารในราชสำนักสักเท่าไร ชายหนุ่มก็มิได้
เหิมเกริมเที่ยวหว่านเสน่ห์ทั่วไป เขาเดินเรื่อยไปตามแนวระเบียงขึ้นสู่ทางเชื่อมตัดผ่านโถงกลางเพื่อตัดเข้าสู่เขต
พระราชฐานชั้นใน อันเป็นที่พำนักของราชวงศ์สุเพรมาสต์ วาลูเอล ราชวงศ์กษัตริย์องค์ปัจจุบันของเมืองลากูนแห่งนี้
พ้นจากระเบียงชั้นในของตึกโอฬาร ด้านในมีทางเดินซุ้มไม้เถาทอดยาว ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปอย่างชำนาญ
และรู้ทางดีด้วยแต่ก่อนเคยวิ่งเล่นในนี้อยู่เป็นนิจ พ้นพุ่มดอกไม้สีขาวสะอาดตานั้นไป เขาแลเห็นใครคนหนึ่งเหนี่ยวสาย
คันธนูแผลงศรออกไปยังเป้าฟางไกลออกไป เสียงแหวกอากาศดัวแว่วเบายามเมื่อดอกศรพุ่งสู่กลางเป้าอย่างแม่นยำ
เมื่อมือธนูหันมาเห็นผู้บัญชาการ เสียงหวานเสนาะโสตกล่าวทักทายเขาอย่างฉันท์มิตร
" พี่ดรากูน อรุณสวัสดิ์ค่ะ ขอโทษนะคะที่เรียกพี่มาด่วนอย่างนี้"
" มิได้ครับ ท่านผู้สำเร็จราชการฯ ถือเป็นหน้าที่ของกระผมอยู่แล้วครับ"
ดรุณีโฉมงามค้อนน้อยๆ ล้อเลียนชายหนุ่มที่ทำท่าทางเจ้ายศเจ้าอย่าง เซเรนา สุเพรมาสต์ วาลูเอล
ผู้สำเร็จราชการแทนกษัตริย์องค์ปัจจุบันแห่งนครลากูนผายมือเชิญเขาไปนั่งที่โต๊ะน้ำชาซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก นางสนองโอษฐ์
รับคันธนูและสายคาดกระบอกธนูไปเก็บ และอีกสองนางนำชุดน้ำชามาบริการอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองนั่งลง บนโต๊ะหินขัดแวววับมีจดหมายใส่ซองวางอยู่ฉบับหนึ่ง
" น้องได้รับจดหมายจากพี่ชายเมื่อวานนี้ ข่าวว่าทหารยามหน้าวังได้รับจากครอบครัวคนตัดฟืนชายป่าสางไพร
เป็นคนนำมาให้ค่ะ"
เขาวางฝักดาบลงข้างตัวแล้วหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน พี่ชายของเซเรนา หรือผู้ปกครองคนปัจจุบันของนครลากูน
ไม่ค่อยได้อยู่ในเขตวังสักเท่าไร นายคนนี้มักชอบแต่งตัวปอนๆ เป็นยาจกตระเวนเที่ยวไปตามในเมือง ในป่าเขามากกว่าจะ
อยู่ทำงานราชการอย่างกษัตริย์ ซึ่งบ่อยครั้งทำให้ข้าราชบริพารพากันปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
ประหลาดใจ สงสัยอยู่ครามครันกับเนื้อความจดหมายที่อ่านอยู่
" แปลก... แปลกจริงๆ นี่ถ้าไม่ใช่ลายมือเจ้าตัว พี่ว่าคงมีคนเขียนปลอมมาทีเดียว"
" ค่ะ พี่ดรากูน พี่ชายเกลียดพิธีรีตองมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วจะให้มาเขียนจดหมายเป็นคุ้งเป็นแควอย่างนี้ น้องว่าผิดวิสัยอยู่"
ชายหนุ่มกางจดหมายลงบนโต๊ะ ชี้ชวนให้หญิงสาวดูอย่างพินิจ
" แถมคราวนี้ยังเขียนบอกมาอีกว่า จะไม่กลับมาที่วังอีกนานจนกระทั่งฤดูหนาว... ถึงจะเที่ยวตะลอนๆ ยังไง
ก็ไม่ควรจะปล่อยให้น้องสาวอยู่รับหน้าเสื่อพวกขุนนางตอนประชุมประจำปีนี่นา.."
ชายหนุ่มกล่าวอ้างถึงกลุ่มขุนนางบางส่วนซึ่งไม่พอใจการปกครองโดยผู้สำเร็จราชการเป็นผู้ตรวจสอบ ทำให้ขุนนาง
บางส่วนที่คิดฉ้อฉลไม่สามารถหาประโยชน์เข้าตนได้ ดรากูนได้ข่าวลับๆ มาว่าพวกนี้แอบซ่องสุมกำลังคิดจะปฏิวัติยึดครอง
ราชบัลลังก์เพื่อล้มล้างระบอบกษัตริย์ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเท็จจริงหรือเป็นแค่โคมลอยปากต่อปากไปเรื่อย ชายหนุ่มเคาะนิ้วคิด
ในใจอย่างพิเคราะห์
" น้องคิดว่า พี่เขาคงต้องการความช่วยเหลือกระมังคะ"
สายตาชายหนุ่มเหลือบมองดรุณีน้อยๆ ด้วยสำรวม หญิงสาววัยยี่สิบต้นดูราวกับเด็กสาววัยกำดัด ผมสลวยประบ่า
สีน้ำตาลผลเกาลัดคลอเคลียพวงแก้มอิ่มสีชมพู นัยน์ตาสีเข้มกลมโตมองทอดไกลออกไปอย่างครุ่นคิด ยามพักผ่อนในเขต
พระราชฐาน พระองค์จะสวมชุดคลุมผ้าซาตินสีขาวสะอาดต่างจากตอนออกว่าราชการในชุดเครื่องแบบสีเข้ม ดูเป็นเวลาที่
พระองค์ได้กลับเป็นตัวของพระองค์เอง
ชายหนุ่มจิบน้ำชาหอมกรุ่นเบาๆ ว่ากันตามตรง เขาเชื่อว่าตอนนี้พี่ชายของเซเรนาต้องเผชิญกับปัญหาสักอย่าง
เพราะมิฉะนั้นแล้วคงไม่ทำผิดวิสัยหลายเรื่องอย่างนี้เป็นแน่ แต่เขาไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างจะมาพิสูจน์ให้กระจ่าง
เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางประกบมือสองข้างกันเป็นสัญญานการครุ่นคิด
" พี่ว่า ... พี่คงต้องไปดูเจ้านี่ที่ป่าสักหน่อยแล้วกระมัง ... กลัวจะไปเที่ยวเถลไถลแล้วหายไปจริงๆ "
ชายหนุ่มไม่ยอมเผยความคิดทั้งหมด เพราะรังแต่จะทำให้ดรุณีเป็นกังวลโดยใช่เหตุ แม้จะเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์
สุเพรมาสต์ วาลูเอล แต่เซเรนาเองก็มิได้ถือตนเป็นเจ้าอย่างเจ้าหญิงทั่วไป หญิงสาวเล่าเรียนวิชาทั้งอาวุธและเวทมนต์คาถา
จากนักปราชญ์แห่งราชสำนัก แม้จะดูเป็นเด็กสาว แต่ฝีมือแผลงศรก็นับเป็นหนึ่งแม้หมู่พลธนูก็เทียบไม่ได้ ในขณะเดียวกัน
เวทย์คาถาก็ไม่น้อยหน้านักปราชญ์แห่งกองทัพเวทย์ทีเดียว แม้จะด้อยเรื่องเวทย์โจมตี แต่เวทย์ป้องกันและรักษาก็เทียบได้
กับปราชญ์แนวหน้าของมหานครเวทย์มนต์ นับว่าเป็นขัตติยนารีที่กล้าหาญกว่าวงศ์อื่นๆ ในวัยเดียวกัน
" ค่ะ น้องเห็นด้วย .. น้องจะสะสางงานให้เสร็จแล้วเตรียมตัวออกเดินทางตามหาพี่ชายกับกองทหารองครักษ์เช้าตรู่พรุ่งนี้เลย"
" พี่ไม่เห็นด้วยเลย องค์หญิง... อย่านำกองทหารออกไปเพียงลำพังเลย"
จอมทัพป้องปรามทันควัน ด้วยรู้ดีว่าพวกทหารในกองเอง ไม่ได้ถูกฝึกมาให้รบในป่าเขาเช่นทหารรับจ้าง นครลากูน
ไม่เคยทำศึกสงครามมาช้านาน ตั้งแต่ครั้งสมัยมหากษัตริย์และพระราชินี พระบิดาและมารดาของเซเรนาและกษัตริย์องค์ปัจจุบัน
หากถูกลอบโจมตีด้วยพวกทรชนหรือโจรป่าเจ้าเล่ห์แสนกล อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหญิงโดยเลี่ยงไม่ได้ เขาจำต้องทัดทานแม้ดรุณี
จะย่นคิ้วกังขาแกมขัดใจ
" พี่จะออกไปเอง คนเดียวทำอะไรสะดวกกว่ากองทหาร พี่เชื่อว่าคงตามตัวพ่อจอมกะล่อนพี่ชายขององค์หญิงได้ไม่ยากหรอก"
" เอาอีกแล้ว พวกพี่ชายนี่อย่างนี้ตลอดทีเดียว ไปก็ไปคนเดียว เที่ยวก็เที่ยวคนเดียว แต่พอเดือดร้อนก็ไม่แคล้วจะวิ่งมาหา"
ดรุณีเชิดหน้าน้อยๆ แสนงอน เธอเองนึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ่อยครั้งที่พวกพี่ชายได้รับอิสระให้ทำอะไรก็ได้ตั้งแต่ยังเยาว์
แต่เธอไม่สามารถฝึกดาบ ออกทัพ หรือไปตรวจราชการตามหัวเมืองต่างๆ ได้ลำพังผู้เดียว หากแต่สาวน้อยรู้จักวางตัวให้ "เป็นผู้ใหญ่"
เหมือนกับที่พระพี่เลี้ยงสาวใหญ่คอยพร่ำสอน (หรืออีกนัยหนึ่งคือเฝ้าบ่นกรอกหู) อยู่เรื่อยมา
" องค์หญิง... แต่ออกป่าอันตรายสารพัด จะคนบ้าง สัตว์บ้าง หรือ..."
" น้องก็โตแล้วค่ะ พี่ดรากูน แล้วพี่ชายก็เป็นพี่ชายของน้องด้วย น้องไม่มีสิทธิ์ห่วงใยเป็นกังวลบ้างเลยหรือคะ"
จอมทัพหนุ่มจนใจจะโต้เถียง เพราะเขาเองก็รู้ว่าแม้จะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันในวังตลอด พี่ชายก็เปรียบเสมือน
ทุกอย่างของเธอ และเขาเองก็รักหวงขนิษฐาองค์เดียวราวกับเป็นดวงสุริยาทีเดียว ใครผู้ใดกล้าดีจาบจ้วงองค์หญิง
หากรอดจากเงื้อมมือเพชฌฆาต "สีเงิน" ไปได้ก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว เขาจึงทำได้เพียงโบกมือขอสงบศึกแล้วเสนอความคิดไป
" งั้นพี่จะตามเสด็จองค์หญิงไปป่าด้วยก็แล้วกัน และถ้าโชคดีก็คงมีผู้ติดตามไปสักคนสองคนด้วยครับ"
จอมทัพตัดความรวบจบทันควัน ด้วยไม่อยากให้ระคายอารมณ์ เพราะเขารู้ว่าองค์หญิงก็เป็นห่วงพี่ชายอยู่ครามครัน
" นะครับ..."
" ค่ะ พี่ดรากูน งั้นพรุ่งนี้เช้า เราสองคนและผู้ติดตามจำนวนหนึ่งจะไปตามหาพี่ชายกันที่ป่าสางไพรนะคะ"
" ครับ แล้วพี่จะให้ทหารส่งสาสน์เรื่องเวลาไปให้ องค์หญิงอย่าลืมพักผ่อนนะครับ"
ดรุณียิ้มล้อเลียนให้ "พี่ชาย" อีกคนของเธอ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อกลับสู่พระราชฐานชั้นใน (ซึ่งฝั่งซ้ายของเซเรนา
ห้ามกองทหารใดๆ นอกจากหน่วยทหารเวทย์มนต์กองกำลังรักษาพระองค์ เข้าสู่เขตวังเด็ดขาด) ชายหนุ่มน้อมส่งเธอ
จนเมื่อชายผ้าซาตินหายลับไปในแนวไม้ดอกขาวนวล จึงได้คว้าจดหมายออกจากสวนสราญกลับไปยังห้องทำงานของตน
ผลงานอื่นๆ ของ trinity-th ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ trinity-th
ความคิดเห็น