เรื่องสั้นโลกร้อน ตอน อูฐสามพันตัว
เมื่อกฎหมายบนโลกไม่สามารถเอาผิดอัลเลนผู้อนุมัติคำสั่งฆ่าอูฐสามพันตัวได้ พวกสัตว์จึงพาอัลเลนมาขึ้นศาลบนโลกพวกเค้า เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ลองอ่านดู
ผู้เข้าชมรวม
469
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว ผมขอสรุปดังนี้ว่า การที่อูฐสามพันตัวเสียชีวิตนั้น เป็นเพราะทางรัฐบาลจำเป็นต้องกระทำเพื่อปกป้องพืชไร่ของชาวบ้านในบริเวณนั้น โดยเราได้เลือกมาตรการที่ให้เหล่าอูฐนั้นเจ็บปวดน้อยที่สุดและการที่อูฐสามพันตัวตายครั้งนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับแผนการปลิดชีพอูฐหนึ่งล้านตัวตามที่สื่อคาดเดาแต่อย่างใด เมื่อหมดคำถามแล้ว ผมขอปิดแถลงการณ์แต่เพียงเท่านี้ครับ”
ท่านรัฐมนตรีเดินฝ่าฝูงนักข่าวที่พยายามถามคำถามที่ท่านไม่อยากตอบและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากถูกถามได้อย่างไม่ยากเย็นนักด้วยความช่วยเหลือของเหล่าบอดี้การ์ด ไม่กี่อึดใจท่านก็ไปนั่งอยู่ในลีมูซีนเปิดแอร์เย็นฉ่ำสบายกาย
“รีบหน่อยนะพอล ผมนัดไอ้ตัวเล็กไว้ จะพาไปเที่ยวสวนสัตว์น่ะ”
“ได้เลยครับท่าน” พอลออกรถ เลือกใช้เส้นทางลัดเพื่อให้เจ้านายไปถึงที่หมายโดยเร็ว
กริ๊ง กริ๊ง..เสียงโทรศัพท์มือถือของท่านรัฐมนตรีดัง ท่านรัฐมนตรีกดรับสาย
“ครับท่าน ผมปฏิเสธไปแล้วครับท่านนายก ไม่ต้องห่วงครับไม่มีปัญหาไม่มีใครรู้หรอกครับว่าเราฆ่าอูฐพวกนั้นยังไง เรากันไม่ให้นักข่าวเข้าไปถ่ายภาพ นักข่าวก็ได้แค่ตีฆ้องร้องป่าวให้พวกรักสัตว์ได้ตูมตามเป็นช่วงๆแค่นั้นละครับแต่ในเมื่อไม่มีภาพเป็นหลักฐานพวกสิทธิสัตว์ก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอกครับ สักพักเด๋วเรื่องก็ซา เหมือนเรื่องคอรัปชั่นของท่านไงครับ ฮ่าฮ่า” ท่านรัฐมนตรีหยอดมุกเรียกเสียงหัวเราะจากปลายสาย แต่พอลคนขับทำหน้าเยเก
ทั้งสองคุยกันต่อสักพักเรื่องทั่วๆไป เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เรื่องหัวหน้าอัลกออิดะบินลาเดนถูกฆ่า เรื่องสุขภาพของเมียท่านนายกรัฐมนตรี เรื่องสุขภาพของน้องเมียท่านนายกรัฐมนตรีจากนั้นก็วางสายไป พอลคนขับรถถือวิสาสะพูดกับเจ้านาย
“ท่านอัลเลนครับผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
รัฐมนตรีอัลเลนสงสัยเล็กน้อย ”ได้สิพอล”
“ท่านไม่สงสารพวกมันหรอครับ”
“ไม่หรอกพอล อัลกออิดะมันสมควรตาย”
“ไม่ใช่ครับท่าน ผมหมายถึงเรื่องอูฐพวกนั้นน่ะครับ.
“อ๋อ ทำไมละพอล ที่เราทำเราก็ทำเพื่อประชาชนนะ เพื่อชาวสวน พ่อแม่นายก็เป็นชาวสวนนี่ น่าจะเข้าใจนะ”
“ใช่ครับ ผมก็ขอบพระคุณมากในส่วนนั้น แต่ผมก็คิดว่าขึ้นชื่อว่าสัตว์ มีชีวิตแล้ว มันก็ย่อมต้องรักชีวิตของมันนะครับ เราแค่ไล่มันไปไม่ได้หรือครับ”
“ไม่เอาน่าพอล ปัญหาก็คือไอพวกอูฐเนี้ยมันปล่อยก๊าซมีเทนที่ทำให้โลกร้อนตั้งหาก และหากเรากำจัดมัน เราก็จะได้คาร์บอน เครดิต ซึ่งสามารถแปรเป็นเงินได้”
“แต่โรงงานของมนุษย์ทำลายสิ่งแวดล้อมมากกว่านั้นหลายเท่าเลยไม่ใช่หรอครับ”
“ขืนสั่งปิดโรงงานก็ตายสิพอล พวกนั้นเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของพรรคนะ นี่พอลฟังนะ มนุษย์เราเป็นสัตว์ประเสริฐนะ เรามีวิวัฒนาการสูงกว่าพวกมัน สติปัญญาก็สูงกว่า ที่สำคัญหาเงินได้เยอะกว่าพวกมันด้วย พวกมันน่าจะดีใจนะที่ได้ตายเพื่อสัตว์ประเสริฐอย่างมนุษย์ แต่ถ้าพวกมันไม่พอใจ ก็ไปฟ้องศาลสิ ถ้าอย่างน้อยมันรู้วิธีร่างคำฟ้องนะ ไม่สิเอาแค่วิธีจับปากกาก็พอแล้ว”รัฐมนตรีอัลเลนพูดแล้วหัวเราะ
“ครับท่าน ผมเข้าใจแล้ว” พอลพูดจบแล้วก็เงียบตลอดการเดินทาง
ถึงบ้านของอัลเลน พอลขอตัวลาไปทำธุระ อัลเลนอนุญาติ อัลเลนเห็นลูกชายทั้งสองของเค้ายืนออกมารอหน้าบ้านแต่งตัวพร้อมที่จะไปสวนสัตว์ เด็กๆเมื่อเห็นพ่อมาก็วิงเข้าไปโอบกอดพ่อกันเสียยกใหญ่เสร็จแล้วก็ขึ้นไปรอในรถ อัลเลนเดินตรงไปหาภรรยาหอมที่แก้มเสียหนึ่งที
“เที่ยวให้สนุกนะค่ะ เด็กๆตั้งตารอวันนี้มากๆเลย” ภรรยาอัลเลนพูด
“ผมเองก็เหมือนกันซูซี่ เด๋วผมจะไปดูเจ้าทิฟฟี่หน่อยแล้วเด๋วเราจะไปสวนสัตว์กันเลย
อัลเลนเดินไปที่บ้านสุนักทำด้วยไม้หยาบๆสีขาว เค้าทำเสียงผิวปากหนึ่งทีแล้วก็ยืนรอการตอบรับแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เค้าจึงผิวปากเรียกอีกทีแต่ก็ไม่มีอะไร เค้าจึงก้มลงไปดูเห็นเจ้าทิฟฟี่นอนหมอบอยู่
“แกเป็นอะไรทิฟฟี่ ไม่สบายหรอ” อัลเลนลูบหัวเจ้าเพื่อนแสนดีพันธ์บีเกิล
อัลเลนรู้สึกแปลกใจที่สายตาของเจ้าทิฟฟี่มองเค้าด้วยความเศร้าศร้อย มันไม่เคยเป็นยังงี้ ปกติมันร่าเริงเหมือนวัยรุ่นอเมริกันเมายาไอซ์ มันชอบออกไปก้อรอก้อติกกับหมาตัวเมียแถวๆนี้ อัลเลนคิดว่าสงสัยเจ้าทิฟฟี่จะอกหักจึงไม่สนใจอะไรนอกจากลูบหัวมันแล้วเดินไปขับรถยนต์พาลูกๆไปสวนสัตว์
อัลเลนพาลูกๆเที่ยวชมสวนสัตว์มากมาย ลูกๆตื่นตาตื่นใจไปกับ สัตว์นานาชนิด ทั้ง ลามะ นกอินทรี ตัวแรคคูน
ลูกๆจูงมืออัลเลนไปดูอูฐ อัลเลนมองมันด้วยสายตาเฉยชา เค้าคิดว่ามันจะรู้มั้ยนะว่าเพื่อนๆของมันจะต้องตายเป็นล้านๆตัวในไม่นานนี้ และสิ่งที่อัลเลนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเจ้าอูฐหันมามองที่อัลเลน อัลเลนคิดว่ามันจ้องตาเค้าอยู่ เค้าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มีน้ำใสๆไหลออกมาจากตาของเจ้าอูฐนั่น
“พ่อดูสิฮะ อูฐกำลังร้องไห้”
ลูกๆของอัลเลนดึงเค้าไปดูใกล้ๆ สักพักอูฐอีกตัวนึงก็เดินเข้ามาหาอูฐตัวที่ร้องไห้ อูฐตัวนั้นก็มองมาที่อัลเลน มันไม่ได้ร้องไห้แต่มันกำลังทำท่าทางโกรธที่สุดเท่าที่อูฐตัวหนึ่งจะทำได้ ลูกๆอัลเลนตื่นตะลึงกับสิ่งที่ไม่เคยพบเห็น แต่อัลเลนกลับรู้สึกแปลกๆ อัลเลนจึงพาลูกๆเดินไปดูสัตว์อื่นๆ เรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้นอีก สัตว์ทุกตัวที่ได้พบเห็นอัลเลนจะพยายามเข้ามาทำร้ายเค้า เจ้าสิงโตที่นั่งอย่างสง่าไม่ว่าใครจะมาชี้ชวนมันอย่างไรก็ตามแต่ทันทีที่อัลเลนเดินผ่านมันกลับกระโดดเข้าไปเหมือนจะตะครุบเหยื่อที่เคียดแค้นมานาน เจ้าไฮยีน่าที่นอนหลับนิ่งสงบตื่นขึ้นมาทันทีที่อัลเลนและลูกๆดูมัน มันจ้องอัลเลนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์แฝงรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม อัลเลนรู้สึกกลัวเหมือนกับฝ่ายค้านเจอหลักฐานคอรัปชั่นชิ้นสำคัญของเค้าทำให้เค้าดิ้นไม่หลุด เริ่มมีผู้คนสังเกตเห็นความผิดปกตินี้แล้ว และเริ่มสังเกตเห็นอัลเลน สมิธ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงธรรมชาติด้วย อัลเลนคิดว่านี่อาจจะเป็นแผนการกลั่นแกล้งของพวกฝ่ายค้านก็ได้ พวกนี้อาจจะเอาเสื้อของเค้าหรือของใช้ที่มีกลิ่นตัวเค้าให้สัตว์พวกนี้ดม พอมันเห็นเค้าก็จะพุ่งเข้ามาทำร้าย อัลเลนจึงพาลูกๆกลับ ลูกๆต่างร้องงอแง แต่อัลเลนบังคับว่าต้องกลับ ลูกๆไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินขึ้นรถอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อถึงบ้านลูกชายทั้งสองของอัลเลนที่ไม่พูดกับพ่อเลยตลอดเวลาที่อยู่ในรถ รีบวิ่งเข้าห้องไป ซูซี่เดินมาถามอัลเลนว่าเกิดอะไรขึ้น อัลเลนจึงเหล่าเรื่องที่สวนสัตว์ให้ฟัง
“อัลเลนค่ะ ฉันว่าคุณคิดมากไปรึป่าว คุณคงเจอเรื่องเครียดมาเยอะๆพักสักหน่อยเถอะค่ะ”
อัลเลนขึ้นไปนอนบนเตียง ซูซี่หยิบน้ำปล่าวและยานอนหลับที่อัลเลนกินเป็นประจำให้อัลเลน กินเสร็จอัลเลนก็ล้มตัวนอนและเค้าก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
ตาอัลเลนยังปิดแต่เสียงอื้ออึงรอบๆหูปลุกเค้า เสียงอื้ออึงนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเหมือนเปลือกตาเค้าที่กำลังเปิดจนเต็มตา อัลเลนตกใจจนเกือบจะกรีดร้อง เค้าพยายามเพ่งสายตาเพื่อให้ดูว่าเค้ามองผิดไปแต่เค้ามองถูกแล้ว เหล่าสัตว์กำลังส่งเสียงโวยวายตะโกนใส่เค้า สัตว์ต่างๆเกือบทุกชนิด กระรอก ม้าลาย กวาง จิงโจ้ สิงโต หมู และก็อูฐซึ่งมีเยอะที่สุด
“ไอ้ฆาตกร เอาชีวิตเพื่อนเราคืนมา” อูฐตัวหนึ่งพูดด้วยความแค้น
“แกทำอะไรสามีฉัน แกต้องชดใช้ !!” อูฐที่นั่งข้างชี้มือ(กลีบเท้า?)มาที่เค้า
อูฐอีกตัวหนึ่งร่ำไห้ “ลูกชายฉันนิสัยดี เค้าขยันอดทน อดน้ำได้เป็นอาทิตย์ กินมังสวิรัติด้วย แต่เค้าถูกฆ่าเหมือนกับเป็นไดโนเสาร์ ในเกมคอมพิวเตอร์” สัตว์รอบข้างได้แต่เงียบฟังเธอร้องไห้ ไม่มีใครกล้าถามเธอว่ารู้จักไดโนเสาร์และเกมคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร
อัลเลนหันมองไปรอบห้อง เค้าพอดูออกว่าที่นี่เป็นห้องพิจารณาคดีของศาล ตรงบัลลังค์ยังว่างไม่มีใครนั่ง โต๊ะเสมียนมีช้างตัวหนึ่งใส่แว่นนั่งพิมพ์ดีดอยู่ ตรงประตูหลังที่นั่งบัลลังค์ผู้พิพากษามีกระต่ายอยู่สองตัวใส่ชุดครุย โต๊ะตรงข้ามเค้าเป็นสิงโตตัวหนึ่งในชุดครุยกำลังพูดคุยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกับม้าลายและไฮยีน่า เจ้าสิงโตเมื่อเห็นอัลเลน มันมองด้วยสายตาอาฆาตและทำท่าจะกระโจนมาที่อัลเลนแต่ม้าลายกับไฮยีน่าที่นั่งข้างเป็นคนรั้งไว้ เจ้าไฮยีน่าเองก็มองเค้าอย่างเจ้าเล่ห์เช่นกันจนอัลเลนจำพวกมันlv’ตัวได้ว่าเคยเจอกันในสวนสัตว์ อัลเลนกลัวมากเค้าพยายามขยับตัวแต่เค้ารู้สึกว่าขาทั้งสองข้างถูกรั้งไว้ด้วยโซ่อัลเลนกระตุกเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล และเจ้าช้างที่เป็นเสมียนก็ยืนขึ้นด้วยสองขาแบบมนุษย์ตะโกนสุดเสียง
“ผู้พิพากษา แฮเรียน ขึ้นบัลลังค์”
เต่าตัวนึงในชุดครุยพร้อมด้วยวิกผมลอนสีขาวแบบผู้พิพากษา พยายามก้าวเดินไปที่บัลลังค์ด้วยความรวดเร็วที่สุดของมัน อัลเลนพอเดาได้แล้วว่าตัวเค้าเองน่าจะเป็นจำเลย พวกเจ้าสิงโตน่าจะเป็นโจทก์ ส่วนเจ้าช้างน่าจะเป็นเสมียน เต่าตัวนั้นคงเป็นผู้พิพากษา แต่เจ้ากระต่าย2ตัวนั้นทำอะไร อัลเลนก็รู้คำตอบเมื่อเห็นการเดินของผู้พิพากษาโทลตี้ อัลเลนคิดว่าคงต้องพิจารณาคดีจนถึงเช้าแน่ถ้าปล่อยให้ผู้พากษาโทลตี้เดิน เจ้ากระต่ายสองตัวเลยอุ้มผู้พิพากษาโทลตี้ไปที่บังลังค์ด้วยความรวดเร็ว เสร็จแล้วก็กลับมาประจำตำแหน่งที่เดิม เจ้าเต่าใส่แว่นตา สำรวจกระดาษที่อยู่ตรงหน้าก่อนพูดด้วยเสียงแก่ๆ
“ปกติแล้วคดีใหญ่เช่นนี้จะให้สัตว์ที่มีอายุมากที่สุดเป็นผู้ตัดสิน แต่เนื่องจากท่านฟองน้ำยักษ์ติดภารกิจในการแสวงหาแรงจูงใจในการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ข้าพเจ้าจึงขออาสาเป็นตัวแทนมาตัดสินคดีนี้ เลขคดี 0003/2554 โจทก์ อัยการไลน์นี่แห่งอาณาจักรเอิร์ธพร้อมด้วยเหล่าญาติของอูฐผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย อัลเลน สมิธ ข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โจทก์เปิดถ้อยแถลงได้”
เจ้าสิงโตในชุดครุยยืนขึ้น โค้งให้ผู้พิพากษา แล้วเริ่มเปิดถ้อยแถลงทำมือไม้ประกอบแบบอัยการผู้ชาญคดี
“ขอเรียนท่านผู้พิพากษา เหล่าญาติผู้เสียหาย และเหล่าอูญผู้เสียหายที่ตอนนี้คงอยู่บนสรวงสวรรค์อาบแดด นั่งจิบน้ำแร่จากโอเอซิสในแก้วไวน์สุดหรูอยู่ขณะนี้ ข้าพเจ้าได้ยืนฟ้องนาย อัลเลน สมิธ ผู้นี้ ผู้ก่อคดีอุกอาจและอุจกรรณ์อย่างไม่น่าให้อภัย ผู้สังหารหมู่อูฐสามพันกว่าตัวด้วยเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าเท่านั้น !!”
“นานกว่าฉันถึงจุดสุดยอดซะอีก” เจ้าหมูในที่นั่งผู้รับฟังคดีพูดแทรก
“หรอ แต่ฉันมีอะไรได้ห้าสิบกว่าครั้งต่อวันเลยนะ” เจ้าสิงโตตัวหนึ่งอวดบ้าง
ผู้พิพากษาแฮเรี่ยนทุบค้อน”เงียบหน่อย ห้ามเกทับเรื่องเซ็กกันในศาล อัยการว่าต่อ”
อัยการไลนี่เริ่มแถลงต่อโดยเปรียบเทียบการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไล่ยิงอูฐสามพันตัวนั้นกับการที่อดอฟ ฮิตเลอร์ฆ่าล้างพวกยิว ทำให้เหล่าอูฐที่มีเชื้อยิว(มีด้วยหรอ?)ต่างร่ำไห้หนัก จากนั้นอัยการไลนี่ก็ปิดคำแถลง เสียงปรบมือกึกก้องของเหล่าผู้มารับฟังมอบให้อัยการ ส่วนเสียงสาปแช่งหลังจากนั้นมอบให้อัลเลน
“จำเลยมีอะไรจะแถลงมั้ย” ผู้พิพากษาแฮเรียนชะโงกคอเต่าไปหาอัลเลน
“มีครับท่าน ผมไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าผมจะขึ้นศาลในประเทศผม ไม่สิ ในโลกของผม เราจะจัดหาทนายให้จำเลยเพื่อสู้คดีครับ”
“เราจัดหาให้คุณอยู่แล้วคุณอัลเลน เพียงแต่ทนายคุณบอกว่าจะมาช้าเล็กน้อย”ผู้พิพากษากล่าว
แล้วเสียงเปิดประตูปังก็ดังพร้อมกับร่างหมาบีเกิลในชุดสูทวิ่งหอบแฮ่กๆตรงมาที่อัลเลน อัลเลนจำได้ทันที
“ทิฟฟี่ แกมาทำอะไรที่นี่”
“ผมก็มาเป็นทนายให้เจ้านายยังไงล่ะ” ทิฟฟี่ยิ้ม
“แก
เป็นได้ไง” อลันตะกุกตะกักถาม จริงๆเค้าอยากถามด้วยว่ามันจบจากมหาวิทยาลัยอะไร ได้เนติฯมั้ยหรือต่อโท แกมีตั๋วทนายหรือยัง และแกผูกไทด์ได้ยังไงแต่รอให้โอกาสเหมาะกว่านี้ดีกว่า
“เป็นได้สิเจ้านายผมมีเอกสารรับรองนะ” มันเปิดกระเป๋าเอกสารโชว์หลักฐานให้อัลเลนดู อัลเลนพึ่งรู้ว่าทิฟฟี่จบกฎหมายที่ฮาร์วาร์ด
“แล้วที่นี้ที่ไหน ฉันมาที่นี่ได้ยัง นายพาฉันออกไปได้ไหม”
ทิฟฟี่วางกระเป๋าเอกสารทำหน้าเครียด”ที่นี่เป็นศาลของอาณาจักรเอิร์ธครับ อาณาจักรของสัตว์ทั้งปวง ที่นี่สัตว์ทุกตัวจะเท่าเทียมกันหมด เจ้านายโดนฟ้องคดีข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สัตว์โดยไม่มีเหตุผลสมควร เลยถูกพาตัวมาที่นี่ ส่วนวิธีกลับออกไปนั้น เจ้านายต้องหลุดคดีหรือชนะคดีเท่านั้นครับ”
“แล้วถ้าไม่ชนะล่ะ”
“เจ้านายก็ต้องติดอยู่ที่นี่จนวันตายยังไงล่ะครับ”
อัลเลนเหงื่อแตกหน้าซีดแววตาเต็มไปด้วยความกังวลเค้ามองหน้าทิฟฟี่หวังว่ามันจะล้อเล่นแต่ทิฟฟี่หน้าตาขึงขังมากจนอัลเลนเชื่อ
“แล้วฉันต้องทำยังไง”
“เจ้านายไม่ต้องทำอะไร ปล่อยเป็นหน้าที่ผม ที่อาณาจักรนี้ผมเป็นทนายแก้ต่างที่เก่งที่สุด เชื่อมือผม”
“ทนายจำเลยพร้อมหรือยัง” แฮเรียนถาม
เจ้าทิฟฟี่ขยับสูทให้ดูดีที่สุดด้วยอุ้งเท้าของมันแล้วยืนขึ้นทำความเคารพศาล “ศาลและพ้องเพื่อนที่เคารพ ข้าพเจ้าได้มาเป็นทนายแก้ต่างให้มนุษย์ผู้นี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคำกล่าวที่ว่า”สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” แต่ที่สำคัญที่สุด ข้าพเจ้าคิดว่าเค้าเป็นผู้บริสุทธิ์
”
สิ้นเสียงของทิฟฟี่มีเสียงโห่ร้องตามมามากมาย บ้างว่าจะถลกหนังทิฟฟี่ บ้างว่าจะจับทิฟฟี่ย่างบาร์บีคิว บ้างก็หาว่าทิฟฟี่รับกระดูกใต้โต๊ะมาเยอะ
โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ !!ผู้พิพากษาแฮเรียนทุบค้อน “ทุกคนเงียบ ห้ามมีการถลกหนังและตั้งเตาบาร์บีคิวในศาล เชิญทนายจำเลยว่าต่อ”
“ข้าพเจ้าขอสรุปเลยว่า หากจะกล่าวหาลูกความของข้าพเจ้า ทางฝ่ายโจทก์ก็ต้องมีพยานหลักฐาน แต่เท่าที่ข้าพเจ้าได้รับรู้ ดูเหมือนว่าฝ่ายโจทก์จะกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานใดๆสนับสนุนเลย ขอจบคำแถลงครับ”
อัยการสิงโตยืนขึ้นแล้วออกปากขอเบิกตัวพยานคนแรกคือ จิงโจ้แม่ลูก
อัยการไลน์นี่ไต่ถามกับแม่จิงโจ้ได้ความว่า มันสองแม่ลูกกำลังเดินเข้าไปในเมืองเพื่อแอบไปหาผลไม้กิน ขณะที่มันกำลังจะเดินเข้าไปในขโมยผลไม้นั้น มันเห็นอูฐตัวหนึ่งที่เคยเรียนด้วยกันที่ไฮสคูลตอนเกรด6กำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง มันจึงกระโดดถอยหลังไปเพื่อดูให้ชัดว่าอะไร แล้วมันก็ตกใจจนแทบทิ้งลูกน้อยออกจากกระเป๋า มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งขับไล่ตามฝูงอูฐฝูงใหญ่ บนเฮลิคอปเตอร์คอยสาดกระสุนมาใส่อูฐให้ล้มตายตัวแล้วตัวเหล่าจนหมด จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็บินกลับไป
ทิฟฟี่ลุกขึ้นยืน ถึงตาเค้าซักพยานโจทก์แล้ว
“คุณจิงโจ้ สิ่งที่คุณพูดมาเป็นความจริงทั้งหมดใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ”
“ไม่โกหกแม้แต่อย่างเดียว”
“ค่ะ”
“สักนิดก็ไม่นะ”
“ดิฉันรับรองค่ะ ด้วยเกียรติของดิฉันเลยว่า ถ้าเรื่องที่ดิฉันเล่านั้นโกหกแม้แต่คำเดียว ก็ถือว่าดิฉันเป็นคนโกหกไม่น่าเชื่อถือและไม่สมควรจะมาเป็นพยานได้เลยค่ะ”
“ดีครับ คุณจิงโจ้ คุณพูดยังงี้ผมก็สบายใจ
คุณช่วยกระโดดถอยหลังให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ?”
คำพูดของจิงโจ้ถูกตัดออกจากการเป็นพยานฐานตามกฎหมายวิธีพิจารณาความ เนื่องจากแม้ว่าคำพูดของมันจะดูน่าเชื่อถือสุดๆก็ตามแต่ตัวมันกระโดดถอยหลังไม่ได้ และแม้มันจะพยายามแก้ต่างเรื่อง ตัวมันเรียนไม่จบไฮสคูลต้องลาออกไปคลอดลูกจึงไม่เก่งการใช้ภาษา แต่เนื่องจากมันได้สาบานไว้ในคอกพยานตามกฎหมายแล้วต้องถือตามนั้น
พยานคนที่2ของโจทก์คืองูหางกระดิ่งง มันเล่าว่ามันเห็นทุกๆอย่างเหมือนที่จิงโจ้เห็นผ่านทางรูทรายที่มันขุดเจาะ มันยังไปแทะอูฐที่ตายไปแล้วตัวหนึ่งกินเป็นอาหารกลางวันเลย
“คุณงูหางกระดิ่งครับ”ทิฟฟี่เดินออกมาซักค้าน”เกิดที่ออสเตรียหรอครับ”
“ไม่ครับ ผมมาจากอเมริกา รัฐเนวาดาครับ”
“คุณมาได้ยังไงครับ”
“มีเครื่องบินขนสัตว์เถื่อนไปขายที่เอเชียแล้วบังเอิญกรงของผมหล่นลงมหาสมุทธและมาเกยที่ออสเตรียครับ”
“งั้นก็แปลว่าคุณมาอยู่ที่ออสเตรียโดยไม่มีเอกสารยืนยันความเป็นพลเมือง?”
เจ้างูเริ่มหน้าซีด”เรื่องนั้นมันเกี่ยวกันด้วยหรอ”
“เกี่ยวสิครับ ตามกฎหมาย ผู้ที่จะขึ้นมาเป็นพยานได้ต้องเป็นสัตว์ สัตว์ต้องมีอาณาเขตที่อยู่แน่นอน แต่คุณงูหางกระดิ่งไม่มีอาณาเขตแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นสัตว์ เมื่อไม่ใช่สัตว์ก็ขึ้นให้การเป็นพยานไม่ได้”
งูหางกระดิ่งหน้าเสีย อัยการพยายามขอค้านแต่ก็ไร้ผล งูหางกระดิ่งจึงต้องตกจากการเป็นพยานไปและต้องถูกส่งตัวไปกงศุลอเมริกาด้วย
ทิฟฟี่เดินกลับมานั่ง อัลเลนรีบเข้าไปถามด้วยความดีใจ
“ทิฟฟี่ยังงี้เราก็มีโอกาสรอดสินะ” อัลเลนดีใจจนลิงโลด
“เหลือพยานอีกคนนึงนะนาย แต่ก็ใช่โอกาสรอดเราสูงมาก เท่าที่ผมรู้พยาน2คนแรกเป็นประจักษ์พยานคือพยานที่น่าเชื่อถือที่สุด ส่วนคนสุดท้ายไม่ใช่ ดังนั้น น้ำหนักความน่าเชื่อถือของคนสุดท้ายย่อมน้อยกว่าสองคนแรกแน่”
อัลเลนได้ยินก็ดีใจ โชคดีจริงๆที่เค้าเลี้ยงเจ้าทิฟฟี่ไว้ คอยก่อนเถอะอย่าให้เค้าออกไปได้นะ ไอ้สัตวพวกนี้เค้าจะสั่งให้อดอาหารให้หมดเลย เสร็จค่อยเอาไปจับทำอาหารเลี้ยงพรรคพวกในพรรคการเมือง
อัยการเบิกตัวพยานคนสุดท้าย อัลเลนถึงกับช็อคเพราะพยานคนสุดท้ายเป็นมนุษย์เหมือนกันกับเค้า
“พอล !!” อัลเลนตะโกน
อัยการซักถามพอล พอลเล่าเรื่องทุกอย่างในรถให้ฟังและนำเทปบันทึกการสนทนาของอัลเลนกับนายกรัฐมนตรีให้ฟัง ทิฟฟี่นั่งกุมขมับ เหล่าคนดูก็ต่างโกรธแค้นถึงคำพูดที่เหี้ยมโหดของอัลเลนในเทป
“ทนายจำเลยมีอะไรจแก้ต่างมั้ย” ผู้พิพากษาถาม
“มีครับท่าน นั้นเป็นเทปปลอมครับ เป็นการดักฟัง เป็นการตัดต่อ ผิดกฎหมายครับ” ทิฟฟี่พูดเสียงสั่นและไม่รู้เรื่อง อัลเลนรู้เลยว่าเจ้าทิฟฟี่กำลังเข้าตาจน
“ศาลพิเคราะห์แล้วว่าเทปนั้น เป็นของจริงมิได้ตัดต่อแต่อย่างใด ทั้งการดักฟังถ้าหากเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแล้วย่อมทำได้ แต่ถ้าจำเลยจะหักล้าง ก็ย่อมต้องอ้างหลักฐาน” ผู้พิพากษาแย้ง
ทิฟฟี่ยืนขึ้น”ลูกความผมขอยอมรับผิด ร้องขอคำสั่งการลดโทษ” อัลเลนสะดุ้งตั้งแต่คำว่าขอยอมรับผิด
“ช้าไปเสียแล้ว” ผู้พิพากษาแฮเรียนส่ายหน้า
ทิฟฟี่นั่งฟุบหน้ากับโต๊ะ
แฮเรียนกระแอมเบาหนึ่งที “หากจำเลยไม่ซักค้าน ศาลก็ขอตัดสินดังนี้”
ทั้งห้องเงียบกริบ
“ตามหลักฐานที่โจทก์กล่าวอ้างนั้นมีมูล จึงถือว่าจำเลยกระทำผิดฆ่าล้างเผ่าพันธ์สัตว์ด้วยเหตุไม่สมควร ขอตัดสินให้จำเลยถูกรับโทษอยู่คุกของเอิร์ธชั่วกัปชั่วกัล ปิดคดี” ผู้พิพากษาแฮเรียนเคาะค้อน
เสียงเฮดังลั่นทั่วห้องพิจารณาคดี ทิฟฟี่ร้องตะโกนขอศาลเมตตา อัลเลนมองไปที่พอลเห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม อัลเลนพยายามจะลุกขึ้นไปทำร้ายพอล แต่ตอนนี้ตัวเค้าถูกหัวกระทิง2ตัวใส่ชุดราชทัณฑ์จับตัวไว้และพาไปที่สถานที่หนึ่ง อัลเลนคิดว่ามันน่าจะเป็นเรือนจำ พอไปถึงห้องที่มีลูกกรงวัวกระทิงก็ไขกุญแจเปิดประตู โยนอัลเลนไปที่ในห้องขัง และก็เดินจากไป อัลเลนซึ่งตอนนี้เริ่มสติแตก ตะโกนลั่นห้องขัง
“ได้แค่นี้เองหรอ กุฆ่าครอบครัวมิงสามพันกว่าตัวแต่มิงแค่ให้กุอยู่ที่นี่จนตาย แค่นี้หรอ !! กุไม่กลัวหรอก กุอยู่ที่นี่ให้มีความสุขเลย” อัลเลนพูดจบก็สะดุ้งตกใจ ที่มีกลีบเท้าใหญ่ๆมาแตะที่ไหล่เค้า
“โวยวายจังเลยนะ เด็กใหม่ละสิเนี้ย พี่ชื่อไบซันนะ น้องชื่ออะไรเนี้ย” วัวกระทิงไบซันตัวใหญ่พูดกับเค้า อัลเลนเริ่มกลัวเพราะรู้สึกเจ้าวัวกระทิงตัวนี้จะพยายามพูดโดยบีบเสียงให้เล็กแบบพวกรักร่วมเพศ
“อ
อัลเลนครับ”
“อัลเลนหรอชื่อน่ารักจังนะ หน้าตาก็น่ารัก ก้นก็น่ารัก” เจ้าวัวมองดูตูดอัลเลนไม่วางตา
อัลเลนรู้ตัวพยายามจะขยับหนีแต่เจ้าวัวทั้งไวและแรงเยอะกว่า สุดท้ายอัลเลนก็ถูกลากเข้าไปในมุมมืดที่มีพวกวัวหนุ่มอีกมากมายหิวกระหายรอเหยื่อตัวใหม่อยู่ อัลเลนไม่ได้ถูกกิน ไม่มีใครรู้ว่าเค้าถูกทำอะไรกันแน่
ผลงานอื่นๆ ของ themanshy ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ themanshy
ความคิดเห็น