ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (แปลแบบดำน้ำ) โอตาคุวันสิ้นโลก [ BL / Yaoi ]

    ลำดับตอนที่ #5 : เจ้าตัวเล็ก

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 60


     ไม่มีอะไรให้ทำในบ้าน  ตอนนี้เหลือเวลามากกว่า 20 วันก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึง  ไม่จำเป็นต้องเริ่มลงมือแปรรูปอาหาร  แต่ก็ไม่ควรเกียจคร้าน  ถ้ายังไง... ไปที่ฟาร์มสุนัขสักหน่อยไหม?


     หยิบมือถือออกมา  แล้วหลัวซวินก็หาฟาร์สมสุนัขในเขตตะวันตกเฉียงใต้เจอ  มีฟาร์มขนาดใหญ่อยู่ 2 -3 ที่  หนึ่งในนั้นมีสุนัขพันธุ์ดีเป็นจำนวนมาก  ชื่อเสียงในออนไลน์ก็ดีเยี่ยม  ถ้าอยากจะซื้อที่นี่น่าจะดีที่สุด


     ขับจินเปยมือสองมุ่งหน้าลงใต้


     ร้านขายสุนัขตั้งอยู่นอกเมือง A ยิ่งตัวเมืองขยายรวดเร็วเท่าไหร่ผู้คนก็ยิ่งต้องออกมาอยู่ด้านนอกมากเท่านั้น  อย่างไรเสียพวกเขาต้องการสถานที่  ยิ่งใกล้ตัวเมืองมากราคาค่าเช่าที่ดินก็ยิ่งมีปัญหามากเท่านั้น


     บนถนนทั้งสองข้างทางสิ่งก่อสร้างน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่เห็นอาคารเลย  หลังผ่านสวนดอกไม้ขนาดใหญ่  และผ่านที่นาที่ได้ทำการเก็บเกี่ยวเรียบร้อย  สองข้างทางก็เต็มไปด้วยมัดกองฟางจากการเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จในทุ่งนา


     ขับรถมาอีกครึ่งชั่วโมง  หลัวซวินก็เห็นป้ายที่สะดุดตาว่า "ซินซิน ฟาร์มสุนัข"


     "ชื่อนี้ใช่ไหม?" หลัวซวินตบไฟเลี้ยว  ขับไปอีกสิบนาทีก็เจอประตูและกำแพง  บนประตูแขวนป้ายว่า "ซินซิน ฟาร์มสุนัข"


     เมื่อเห็นว่ามีคนมาดูสุนัข  ชายหนุ่มอายุราว 18 -19 ปีก็นำทางหลัวซวินเข้าไปข้างใน  ตลอดทางก็สอบถามว่าเขาอยากจะเลี้ยงสุนัขแบบไหน


     "มีเยอรมันเชเพิร์ดไหม?  จะให้ดีคืออายุ 3 - 4 เดือน  คุณภาพเยี่ยม  นิสัยดุร้ายนิดหน่อย"


     "ถ้างั้นไปดูส่วนลูกสุนัขกันไหมครับ?  มาทางนี้เลย  ลูกเยอรมันเชเพิร์ดเพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่เดือนพอดี  อย่ามองว่าราคาเยอรมันเชเพิร์ดถูกลงกว่าเมื่อหลายปีก่อน  สุนัขพันธุ์นี้ยอดเยี่ยมมาก!  เหมาะกับการเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านยิ่งกว่าไซบีเรียนฮัสกี้  และมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าโกลเด้นริทรีฟเวอร์"


     หลัวซวินพยักหน้า  เขาอยากได้สุนัขที่ดุุเล็กน้อยไว้เฝ้าบ้าน  และเยอรมันเชเพิร์ดก็เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดมาก  ฝึกได้เร็ว


     เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้อง  ที่นั่นมีคนอยู่แล้ว 2 -3 คน  ได้ยินว่าหลัวซวินอยากซื้อเยอรมันเชเพิร์ด  ชายอ้วนก็ลุกขึ้น "มากับผมสิ"


     ตลอดทางได้ยินเสียงสุนัขเห่าจากทั้งใกล้ไกล  หลัวซวินเห็นทิเบตัน มาสทิฟฟ์น่าเกรงขามสุดยอดสองตัว - สุนัขพันธุ์นี้เขาเลี้ยงไม่ไหว  ถ้าวันสิ้นโลกมาถึงแล้วหมาของเขากลายเป็นซอมบี้ขึ้นมา  เยอรมันเชเพิร์ดยังพอรับมือได้  แต่ทิเบตัน มาสทิฟฟ์... เขาคงต้องเอาตัวเองเป็นอาหารหมา


     เดินไปตามทางเดินไม่ไกลก็ถึงห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุนัข  อุณหภูมิค่อนข้างสูง  ในห้องมีกรงสุนัขใหญ่ตัวหนึ่งและลูกสุนัขจำนวนนิดหน่อย


     "กรงนี้เกิดได้สามเดือนครึ่ง  กรงนี้น้อยลงมาหน่อย  สองเดือนนิดๆ" ชายอ้วนชี้ให้หลัวซวินดูกรงทั้งสองแล้วแนะนำ "ในกรงนี้ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนน้อย  แต่ก็เป็นสุนัขสายพันธุ์ดี" พูดพลางชี้ไปที่กรงใหญ่ตรงมุมห้อง  มีเยอรมันเชเพิร์ดยืนอยู่  เมื่อเห็นว่ามีคนจะมาพรากลูกมันไปก็แยกเขี้ยวเหมือนอยากเข้าไปขย้ำผู้คนด้วยฟันคมๆ


     หลัวซวินมองกรงลูกสุนัขอายุสามเดือนครึ่งที่มีอยู่แค่สองตัว  และที่อายุสองเดือนนิดๆมีจำนวนมากกว่าคือห้าตัว


     "มีเพดดิกรีไหม?"


     "มีครับ  แม่สุนัขที่อยู่ในกรงเป็นตัวที่ใช้ประกวดแข่งขัน  ลูกก็เลยมีเพดดิกรี" พูดพลางชี้ไปที่กรงสองเดือนนิดๆ "กรงนี้น้อยกว่า 6,800 หยวนไม่ขาย  กรงนี้ที่เหลือสองตัว  ถ้าคุณอยากได้  เพราะว่าแม่สุนัขไม่มีเพดดิกรีราคาก็เลยอยู่ที่ 2,100 หยวนเท่านั้น"


     หลัวซวินในตอนนี้คิดอยากซื้อเยอรมันเชเพิร์ดกลับไปทั้งสองตัว  แต่ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้  ไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นหมาซอมบี้หรือเปล่า  ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้ามีสองตัว?


     "อืม  ผมจะเลือกตัวหนึ่งจากกรงนี้  มีปลอกคอขายไหม?  มีจำพวกยาที่สุนัขใช้ทั่วๆไป  อาหารสุนัขหรืออะไรทำนองนี้มีหรือเปล่า"


     "พวกเรามีทั้งหมด  ถ้าคุณต้องการเดี๋ยวพาไปเลือก"


     หลัวซวินซื้อของอย่างมีความสุข  และเลือกลูกสุนัขที่ดูกระตือรือร้นมากตัวหนึ่ง  ชายหนุ่มส่งหนังสือพร้อมโบชัวร์ฟาร์มให้เขา  ในนั้นมีข้อมูลวิธีเลี้ยงสุนัข  วิธีฝึกสุนัขให้เชื่อง


     อุ้มลูกหมาใส่รถเปยจินที่เต็มแน่นไปด้วยอาหารหมา  หลัวซวินก็เริ่มทำรายการสั่งซื้ออาหารหมาและขนมหมาจากทางออนไลน์อีกจำนวนมาก  ในใจก็อดเจ็บปวดไม่ได้ - เลี้ยงสัตว์นี่มันสิ้นเปลืองเงินทองจริงๆ  แป้งข้าวทั้งหลายยังถูกกว่าของพวกนี้มาก!  ถ้าหมาของเขากลายเป็นหมาซอมบี้ขึ้นมา  เขาคงเจ็บใจตาย!  แล้วอาหารหมาที่เหลือก็คงเป็นเขาเองนี่แหละที่ค่อยๆกินมัน  =  = !


     และเมื่อคิดถึงขนาดตัวของยอรมันเชเพิร์ดตอนโตและปริมาณอาหารที่มันกิน  หลัวซวินรู้สึกเสียใจเล็กน้อย...


     ก้มลง  ในแขนของเขามีลูกยอรมันเชเพิร์ดใช้ดวงตาสีดำแวววาวจ้องมองเขา  เขามองเจ้าตัวเล็กด้วยท่าทางน่าสมเพช  ดวงตานี้ทำให้ใจแข็งไม่ลงเลย...


     "หลังจากนี้แกต้องติดตามฉันนะ  พวกเราทั้งสองต้องพยายามอยู่ให้รอด  หลังจากวันที่ 28 ... ... " คิดถึงชีวิตที่แล้วที่ตายอย่างโดดเดี่ยว  ชีวิตนี้  ถ้าเจ้าตัวเล็กอยู่รอดหลังวันที่ 28 พฤศจิกายน  อนาคตของเขาก็จะมีเพื่อนร่วมใช้ชีวิตไปด้วยกัน!  ใครหรอที่จ่ายเงินเพื่อซื้อหมาป่ามาเลี้ยงเป็นลูกอ่ะ  ไม่เห็นรู้จักเลย?


     ใส่อาหารหมา ยาหมา จานข้าวหมา กรงขนาดใหญ่ และอื่นๆ  หลัวซวินถามเสี่ยวเจ้าที่ช่วยเขาขนของว่า "ตอนผมมาเห็นมีฟาร์มสัตว์หลายที่เลย  มีหมู่บ้านอยู่แถวนี้เหรอ"


     เจ้าซวินพยักหน้าตอบ "ครับ  มีหมู่บ้านอยู่แถวนี้"


     "แถวนี้มีใครขายไก่กับเป็ดไหม?"


     เสี่ยวเจ้าหัวเราะ "เฮ้เพื่อน  ตั้งใจจะซื้ออาหารปลอดสารพิษกลับไปด้วยเหรอ?  แต่ที่นี่ก็ไม่ไกลจากตัวเมืองนะ  ถึงจะเป็นของที่เลี้ยงเองไว้ที่บ้านแต่ราคาก็ไม่ถูกเท่าไหร่หรอก  ถ้าคุณอยากได้จริงๆผมพาคุณไปซื้อได้เจ้าหนึ่ง"


     ฟาร์มสุนัขใช้เวลาทำงานไม่มากและมีผู้คนมากมาย  หายไปสักคนหนึ่งก็ไม่มีใครรู้  ดังนั้นเสี่ยวเจ้าจึงขึ้นรถมากับหลัวซวิน  ทั้งสองพูดคุยกันจึงรู้ว่าครอบครัวของเสี่ยวเจ้าอยู่ในหมู่บ้านนี้  เพื่อนแนะนำให้เขาทำงานในฟาร์มสุนัขดู  หมู่บ้านนี้ทำฟาร์มแบบไม่ใช้เครื่องจักร  แต่ละบ้านก็เลี้ยงที่บ้านใครบ้านมัน  บ้านทุกหลังมีไว้ลานเลี้ยงเป็ด ไก่ ห่าน  และปลูกอะไรบางอย่างไว้กินที่ลานบ้านด้วย


     หลัวซวินคิด  เขาซื้อไก่เป็นสิบตัว  เป็ดสิบตัว  ห่านแคนาดาตัวใหญ่สองตัว  ขอให้ผู้คนเชือดมันให้เขา  กลับไปจะเอาไปทำอาหารแห้งเก็บไว้หรือถ้าเก็บแบบง่ายๆก็แช่แข็ง


     ซื้อไข่ไก่สองตะกร้า  ไข่เป็ดตะกร้าเดียว  แต่เป็นตะกร้าไม้ไผ่สานขนาดใหญ่  สุดท้ายไปที่บ้านของเสี่ยวเจ้าและพบว่าที่ลานบ้านปลูกต้นพริกไทย  ต้นโป๊ยกั๊ก?


     "ขอกิ่งของสองชนิดนี้ให้ผมได้หรือเปล่า?" เขาลืม!  ของพวกนี้สามารถปลูกได้!


     "ที่คุณอยากได้  ซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกที่มีขายนะ?" ถามไปอย่างนัั้น  เห็นหลัวซวินซื้อของทุกอย่างไม่มีต่อราคา  เสี่ยวเจ้าก็ตรงไปตัดกิ่งสามสี่กิ่งมาให้ "ที่บ้านปลูกไว้เฉยๆ  ไม่รู้ว่ารสชาติจะเหมือนที่ขายในร้านหรือเปล่า"


     "ไม่เป็นไร  ที่บ้านของผมเป็นมีชานขนาดใหญ่  อยากลองปลูกเล่นๆดูน่ะ" หลัวซวินรู้สึกยินดีที่ได้รับ  แต่ก็เริ่มคิดถึงอย่างอื่นไปด้วย


     "ถ้าอย่างนั้นอย่างอื่นล่ะ?  บ้านผมเพาะสตอเบอรี่ด้วยนะ?  มันปลูกง่ายและโตเร็วมากๆ  ปีเดียวไม่ต้องทำอะไรก็โตจนกินได้  แล้วก็เอามาปลูกได้อีก" เห็นหลัวซวินสนใจ  เสี่ยวเจ้าจึงคุยกับแม่ของเขาเอาสองสามต้นมาห่อหนังสือพิมพ์ให้


     "ขอบคุณ  ขอบคุณ" หลัวซวินรีบขอบคุณ  ชี้ไปที่หินโม่ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุม  ถามว่า "แล้วนั่นคุณขายไหม?"


     เสี่ยวเจ้าพูดไม่ออก  หลัวซวินเป็นคนเมืองที่เหมือนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร  เป็นทายาทรุ่นที่สองที่สนใจการเกษตร "มันหนักมาก  ย้ายใส่รถของคุณไม่ได้หรอก  ในบ้านผมมีอันเล็กๆที่ใช้มือถือได้อยู่สองอัน  คุณจะเอาไหม?  ตอนนี้มีเครื่องโม่ไฟฟ้า  ใครจะไปใช้ของพวกนี้?"


     เครื่องโม่มือเล็กสองอัน  เครื่องสีไฟฟ้าอันหนึ่ง  เพราะเป็นของมือสองราคาจึงถูกเหลือแสน


     หลัวซวินเช็คกับอินเตอร์เน็ตและพบว่าหินโม่กับเครื่องสีแม้หาซื้อยากสักหน่อย  แต่ถ้าเขาไปที่ตลาดเกษตรก็มีขายเหมือนกัน  หรือที่ร้านค้าเฉพาะเกี่ยวกับการทำเกษตรก็มีขาย  และดีกว่าของที่เขาซื้อมาจากชาวบ้านด้วย


     แม้ว่าเครื่องสีไฟฟ้าจะมีขนาดเล็ก  แต่เสี่ยวเจ้าก็ได้ใช้อยู่ไม่กี่ครั้ง  เรียกว่าหลังซื้อมาก็เก็บไว้ในบ้านเฉยๆ จึงใหม่อยู่มาก


     ได้ยินว่าหลัวซวินเป็นคนเมืองมั่งมีที่ไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร  เด็กชายบ้านข้างๆก็วิ่งมาหาเขา  กระตุกเสื้อ "บ้านของผมมีนกกระทาเป็นๆด้วยล่ะ  คุณอยากได้รึเปล่า?"


     "นกกระทา?" หลัวซวินชะงักแล้วพยักหน้า "ขอผมดูก่อนนะ"


     นกกระทาตัวเล็กๆอยู่ในกรง  ตามที่เด็กชายเล่าคือมันบินมาวางไข่ทิ้งไว้ที่ฟาร์มบ้านเขา  พอเอามาฟักแล้วที่บ้านไม่คิดอยากฆ่ามันมากิน  เด็กชายก็เลยถือโอกาสนี้เอามาขายเสียเลย  ถ้าหลัวซวินตกลงจะได้มีเงินค่าขนม


     หลัวซวินแตะคางคิด  เจ้าสิ่งนี้ตัวเล็ก  แต่ก็วางไข่  ถึงจะไม่ค่อยมีเนื้อเท่าไหร่แต่ก็เป็นเนื้อสัตว์ปีก  ถึงแม้ว่าภายหลังวันสิ้นโลกจะกลายพันธุ์  ตัวมันเล็กแค่นี้เขาน่าจะจัดการได้


     ในกรงมีอยู่แปดตัว  ตามที่เด็กชายพูดมีตัวผู้สองตัว  ที่เหลือเป็นตัวเมีย  หลัวซวินไม่คิดอะไรมากซื้อมันกลับมาเก็บที่รถ  แล้วซื้อไข่เค็มไข่เยี่ยวม้าจากบ้านนี้


     หลัวซวินเก็บของไว้ในกระเป๋าใหญ่  อุ้มลูกหมานั่งข้างคนขับ  ขับจินเปยมือสองกลับบ้าน


     กรงช่วยให้ลูกสุนัขคุ้นเคยกับสภาพแล้วล้อมในบ้าน  หลัวซวินตรวจสอบเงินในบัญชี  และคำนวณว่าเหลือเงินอยู่ประมาณ 2,000 หยวน


     เห็นสินค้าออนไลน์หลากหลายชนิด  หลัวซวินคิดแล้วคิดอีก  ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปกดเงินออกมาให้หมด  แล้วไปที่ตลาดเกษตรเพื่อซื้อข้าว พืชผล ยา และอื่นๆ  และสุดท้ายจะไปขุดดินที่ชานเมืองเพื่อเก็บไว้ใช้ในวันสิ้นโลก


     เช้าวันรุ่งขึ้น  หลัวซวินเติมน้ำในกรงของเจ้าตัวเล็ก  เติมอาหาร  เช็คนกกระทาในกรงดัดแปลงชั่วคราวและให้น้ำพวกมัน  หยิบแจ็คเก็ตแล้วเดินออกไปที่ประตูบ้าน


     เยอรมันเชเพิร์ดตัวเล็กในกรงมองแผ่นหลังของหลัวซวินอย่างน่าสงสาร  ปากส่งเสียงครางหงิงๆ  ทำให้หัวใจคนได้ยินรู้สึกไม่ดี


     จากเมื่อคืนหลังพาเจ้าตัวเล็กกลับมา  หลัวซวินก็ล็อกมันไว้ในกรงอย่างโหดร้าย  นอกจากให้อาหารกับน้ำดื่มก็ไม่ได้สนใจดูแล


     บอกตามตรง  เรื่องเจ้าตัวเล็กหลัวซวินต้องอดกลั้นเป็นอย่างมาก  แต่เขานั้นไม่กล้าใกล้มันตอนนี้จริงๆ  ถ้าหากไม่มีความรู้สึกอะไรให้กับสัตว์แล้ว  เมื่อวันสิ้นโลกมาถึงมันติดเชื้อขึ้นมาเขาก็สามารถฆ่ามันได้อย่างไร้ปราณี  แต่ถ้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน...


     ในหลายแง่  หลัวซินนั้นเปราะบาง  จนกระทั่งตอนนี้เขายังจำชีวิตที่แล้วที่เพื่อนบ้านคนแล้วคนเล่ากลายเป็นซอมบี้  เมื่อคนคุ้นหน้าเหล่านั้นมาหาอาหารถึงหน้าประตูบ้านเขา  รู้สึกเหมือนพังทลายลงมา


     ดังนั้นชีวิตนี้เขาจึงเลือกออกจากเมือง Y  เลือกหนทางด้วยการหยั่งรู้ว่าที่ไหนอันตรายที่ไหนควรหลีกเลี่ยง


     เขาเลือกจะฆ่าซอมบี้ที่ไม่เคยเห็นหน้า  ไม่อยากเผชิญกับคนคุ้นหน้าเมื่อก่อน


     ฉะนั้นเขาจึงไม่กล้าตั้งชื่อเจ้าตัวเล็ก  กลัวว่ามันจะเพิ่มความผูกพัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×