[SHINHWA]Primrose Jasmine tea ชานี้พิเศษแด่เธอ - [SHINHWA]Primrose Jasmine tea ชานี้พิเศษแด่เธอ นิยาย [SHINHWA]Primrose Jasmine tea ชานี้พิเศษแด่เธอ : Dek-D.com - Writer

    [SHINHWA]Primrose Jasmine tea ชานี้พิเศษแด่เธอ

    เขา ที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ เธอ ที่อยากจะรักแต่ไม่สามารถทำได้

    ผู้เข้าชมรวม

    435

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    435

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มี.ค. 57 / 13:31 น.

    แท็กนิยาย

    Shinhwa WanSung Jindy ชินฮวา



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    INTRO



    "คุณคิมเชื่อเรื่อง 49 วันหลังจากที่เราตายได้มั้ยคะ?"

    "เอ๋!! ทำไมถามแบบนั้นละครับ"ชายหนุ่ตกใจกับคำพูดของเธอ

    "ปล่าวค่ะ แค่อยากรู้ว่าคุณคิมเชื่อมั้ย"สาวน้อยยิ้มบางๆให้แทน"ตกลงว่าเชื่อรึปล่าวคะ?"

    "เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งครับ เพราะไม่เคยเจอเลยเรื่องแบบนี้"

    "แต่.....ถึงเวลาที่ต้องเชื่อแล้วละค่ะ"



     

    ป.ล.WanSung นะคะ
    ป.ล.2 เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่อภิมหาโคตะระยาวมากๆค่ะ มั้งนะ? 55555

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      Primrose Jusmin tea 

      KimDongwan x Shin Hyesung(female)











       

      สวัสดีครับ ผมคิม ดงวานเจ้าของร้านชาดอกไม้ที่ขายดอกไม้นานาพันธุ์ ร้านผมเป็นร้านเล็กๆไม่ใหญ่มากและมีลูกค้าพอควร ส่วนมากลูกค้าจะมาในช่วงเช้าถึงเที่ยง ส่วนบ่ายคือเวลาว่างของผมแต่ช่วงนี่จะมีลูกค้าคนหนึ่งมาประจำเสมอๆไม่เคยขาด นั่นคือ"ชิน เฮซอง"



      กริ้ง กริ้ง~~


      "สวัสดีค่ะ คุณคิม"สาวเจ้ายิ้มหวานให้ รู้มั้ยว่ารอยยิ้มเล็กๆน่ารักๆนั่นทำเอาผมใจเต้นสุดๆไปเลย เธอเป็นผู้หญิงน่ารักครับ ปากนิด จมูกหน่อยแต่ตรงแก้มนี่ออกจะมากไปนิด ผมสีน้ำตาลยาวถึงเอวและแต่งตัวคล้ายพวกลูกคุณหนูนิดๆ แต่เธอไม่หยิ่งแถมนิสัยน่ารักสุดๆ ยิ้มเก่ง หัวเราะเก่ง ขี้อาย สรุปแล้วสเปคผมละครับ(ฮา)


      "ครับ สวัสดีครับเฮซอง"ถึงเขาจะเรียกผมด้วยนามสกุลแต่ผมกลับเรียกเขาด้วยชื่อ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดอะไรมากนัก

      "วันนี้ก็มาตรงเวลาเหมือนเดิมนะครับ วันนี้ผมลองทำชาใหม่มาลองดูนะ"ดงวานว่าก่อนเลื่อนถ้วยชาสีขาวสวยมีกลิ่นหอมกรุ่นมาตรงหน้าหญิงสาว หญิงสาวรับมาสูดกลิ่นชาเบาๆ ก่อนจะจิบเล็กน้อย

      "ว้าว!! นี่มัน....เอเดลไวส์ใช่มั้ยคะรสอ่อนๆ แล้วก็ตอนแรกจะขมแต่พอลงคอแล้วรสกลับหวานอย่างไม่น่าเชื่อ"เธอสาธารยายรสชาติตรงหน้า อ้อ ผมลืมบอก เธอเป็นนักชงชากับชิมชาตัวยงเลยครับ บางทีผมก็ให้เธอสอนเทคนิคหลายๆอย่างด้วย

      "ครับ แหม.....เดาถูกซะด้วยนะครับ ฮ่าๆๆๆ"ดงวานหัวเราะแก้เก้อ ผมปิดความเขินอายนี้ไม่ได้เลย ให้ตายสิ "ชานี้เปรียบเหมือนความรักแรกเริ่มนะคะ"เฮซองพูดพลางอมยิ้ม"ที่ตอนแรกอาจดูขมฝาดแต่พอผ่านไปจะเจอความหวานที่พอดี"เธอหลับเปลือกตาบางๆเหมือนนึกคิดบางอย่างอยู่

      "ครับ ผมก็คิดว่าอย่างนั้น"ผมตอบไปอย่างเห็นด้วยเพราะไม่รู้ควรจะพูดยังไงดี"จะรับพริมโรสจัสมินด้วยมั้ยครับ เฮซอง"ผมถามเธอ เธอก็พยักหน้าอายๆนั่นรัวๆให้ผม น่ารักชะมัดเลย

      "นี่ครับ สำหรับคนพิเศษ"ผมเห็นเธอหน้าแดงอย่างปิดไม่มิด

       "ถึงฉันจะทำเป็นทุกชา แต่นี่เป็นชาเดียวที่ทำไม่ได้เลย ไม่ว่าจะลองอีกสักกี่ครั้ง"เธอระบายออกมาเนืองๆ ก็นี่เป็นชาที่ผมคิดขึ้นเองนี่นา

      "ชานี้เป็นชาพิเศษ ต้องใส่ความรักเข้าไปด้วยนะ"

      "ความรัก?"เธอทำหน้างงนิดหน่อย"อา....อย่างนี้นี่เอง"เธอพยักหน้าเข้าใจ เธอจะรู้มั้ยเนี่ย ว่าผมสื่อถึงอะไร ชานี้น่ะ

      "คุณคิมคะ คือฉันอยากจะเรียนทำชานี้น่ะค่ะ ได้มั้ยจะรบกวนรึเปล่าคะ?"เฮซองทำเสียงอ้อนเล็กๆ อยากจะบอกว่ามา 24 ชั่วโมงก็ได้นะครับ 55555

      "ได้สิครับ ช่วงบ่ายที่เฮซองมาบ่อยๆก็ได้"ผมลูบกลุ่มผมนุ่มของเธออย่างเบามือ อ้อ ผมอายุมากกว่าเธอ 2-3 ปีน่ะครับ

      "พอดีฉันอยากจะทำชานี้ให้คนที่ชอบน่ะค่ะ"เธอยิ้ม แต่ผมกลับสะดุดตรงคำว่า"คนที่ชอบ"ของเธอ

      "คนที่ชอบของเธอคงจะดีใจมากเลยนะ ที่เธอทุ่มเทขนาดนี้"ผมฝืนยิ้ม มันเจ็บแปลบๆแถวอกแฮะ

      "ขอบคุณมากค่ะ อ้ะ!!......ฉันต้องไปแล้วเดี๋ยวน้องชายฉันจะรอนาน"เธอยิ้มอย่างดีใจก่อนจะก้มโค้งลาผมและออกจากร้านไปอย่างรีบร้อน เฮ้อ....ใครกันน้าที่เป็นผู้โชคดีคนนั้นของเฮซอง ผมนั่งคิดไปคิดมาด้วยความเหนื่อยแต่ก็ดันมีอีกคนมาทำให้ความคิดผมกระเจิงซะก่อน

      "เฮ้!! ดงวานเป็นอะไรน่ะ นั่งหน้าเบื่อใจลอยอยู่ได้ คุณหนูไม่มารึไง?"เสียงกวนจากหนุ่มหน้าตาดีนาม มินอู ทักขึ้น หรือจะเป็นเจ้านี่กันนะ


      "มาแล้ว ไปแล้ว เมื่อกี้"ตอบไปแค่สามประโยคผมก็เหนื่อยแล้วล่ะ


      "วันนี้มีใบชาใหม่ๆมา นายลองทำดูสิ"มินอูว่าก่อนยื่นวิธีทำชาพันธุ์ใหม่ๆให้ ดงวานรับมาส่งๆไป

      "เออๆ เดี๋ยวจะทำให้กินละกัน"ผมตอบเบื่อๆไปให้

      หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เฮซองก็ไม่ได้มาที่ร้านนี้อีกเกือบเดือน ทำให้ดงวานว้าวุ่นใจมากกว่าเก่า จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอริคที่เป็นเพื่อนก็เห็นใจอยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง จนกระทั่งวันหนึ่งที่ฝนตกหนักและบรรยากาศรอบๆดูหดหู่

      "อา....ฝนตกหนักขนาดนี้เลยแฮะช ดีนะที่เก็บดอกไม้ต้นเล็กๆเข้ามาทันไม่งั้นดอกช้ำหมดแน่ๆ"ดงวานที่กำลังจัดกระถางในร้านบ่นพึมพำไปมา ขณะเก็บดอกไม้ก็เผลอมองไปนอกร้านที่ฝนตกหนัก ดงวานเห็นร่างของผู้หญิงที่ดูคุ้นตา ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำเทลงมา ชุดของเธอออกสีแดงๆคล้ำนั่นมันเหมือนกับ.....





      เลือดที่ติดชุดยังไงยังงั้นแหละ





      ดงวานเผลอผลักประตูออกไปเพื่อไปดูว่าใช่คนที่เขารอคอยหรือเปล่า แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า

      "คงไม่หรอก เธอจะมายืนตากฝนแถวนี้ทำไมกันล่ะ"ดงวานพยายามบอกตัวเอง แต่ก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าร้านดังขึ้น

      กริ้ง กริ้ง~~ ปัง!!!

      เสียงกริ่งร้านที่ดังขึ้นตามด้วยเสียงประตูที่เปิดออกและกระแทกอย่างดัง สายลมพัดโหมกระหน่ำเข้าร้าน และน้ำฝนที่กระเซ็นเข้ามา ดงวานเอามือป้องหน้าก่อนจะเห็นว่าคนที่ประตูคือเฮซองนั่นเอง

      "เฮซอง"

      "คุณคิม...."เธอเอ่ยเสียงเรียบเย็น เนื้อตัวเปียกปอนทำให้ดงวานรีบหาผ้าขนหนูมาคลุมร่างให้ความอบอุ่น และดงวานก็อุ่นใจอีกครั้งเมื่อสีแดงคล้ำที่เข้าใจผิดนั้นเป็นเพียงขี้โคลนเท่านั้น "แล้วเฮซองมาทำอะไรที่นี่ล่ะ แถมไม่มีร่มด้วย"ดงวานถามพร้อมยื่นถ้วยชาอุ่นเธอ

      "ฉัน....หนีคู่หมั้นมาค่ะ"เธอตอบเสียงเบาพลางจิบชาไปด้วย นี่ผมควรดีใจรึเปล่าที่เธอหนีคู่หมั้นมาหาผมเนี่ย

      "อา.....มันไม่ดีรู้มั้ยที่อยู่ๆก็หนีมาเนี่ย พ่อแม่เธอคงเป็นห่วงมากแน่ๆ ฉันจะพาเธอกลับไปหาพวกท่าน"แต่ยังไงก็ต้องพูดแบบนี้ไปก่อนแหละ ถึงจะอยากให้อยู่ยังไงก็ตาม มันเป็นประโยคพื้นฐานเบย์ๆตะหาก

      "ไม่....ไม่นะคะ คุณคิม อย่าส่งฉันกลับเลยค่ะ ขอให้ฉันอยู่ที่นี่สักพักเถอะนะคะ ฉัน...ฉันขอร้องละค่ะ"เฮซองพูดไปพร้อมกำเสื้อผมแน่น พร้อมน้ำตาคลอเบ้า อา...ไม่ได้นะ อย่ายอมแพ้เธอสิ

      "นะคะๆๆๆๆ น้าาาา~~"เธอเริ่มอ้อนหนักแล้วสิ หวา.... "ก็ได้ครับๆ เฮ้อ"ในที่สุดผมก็ยอมแพ้เธอซะแล้ว ก็เธอน่ารักเกินไปนี่ครับ(ชมใหญ่ๆเลยนะ เฮียวาน)

      "เย้!! คุณคิมใจดีที่สุดเลยค่ะ"เธอโผกอดดงวานเต็มแรงแบบไม่ทันตั้งตัวเลยทำให้ดงวานเสียหลักหงายหลัง หน้าทั้งสองห่างกันเพียงคืบ

      "ข....ขอโทษค่ะ ฉ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"เธอพูดตะกุกตะกัก เธอขืนตัวจะลุกขึ้นแต่ดงวานกลับยังกอดเอวเธออยู่ นี่ผมทำอะไรของผมเนี่ย!!!!

      "อ๊ะ...ขอโทษที"ผมต้องจำใจปล่อยเอวบางๆของเธอไป รู้สึกเสียดายนิดๆแฮะ

      "เอ้อ...ถ้างั้นฉันจะไปเตรียมห้องให้กับน้ำอุ่นนะ นั่งรอตรงนี้ไปก่อนละกัน"กำลังจะหันตัวกลับแต่ก็ถูกแขนเล็กๆดึงไว้

      "ฉันมีเรื่องจะขอร้องหน่อยค่ะ"เฮซองพูดหน้าตาจริงจัง

      "อืม...ว่ามาสิ"

      "ตอนฉันอยู่ที่นี่ช่วยสอนทำชาพริมโรสจัสมินด้วยนะคะ แล้วก็....."

      "ช่วยนับวันนี้เป็นวันแรกที่"เรา"เจอกันด้วยได้ไหมคะ?"

      คำขอแปลกๆอย่างที่สองของเธอยังดังก้องในหูของผม เพราะอะไรเธอจึงขอให้วันนี้เป็นวันแรกที่เจอกัน? เฮซองคงมีเหตุผลของเธอแหละมั้ง?

      "รสชาติออกขมไป เธอต้มใบชานานไปนิดนึงนะ"ดงวานออกความเห็นหลังจากชิมชาของเฮซองที่ลองทำดู

      "อา....อีกแล้วสิเนี่ย"เธอทำหน้าผิดหวัง

      "แต่...แต่โดยรวมก็ถือว่าดีนะ"ผมรีบปลอบ ก็ไม่อยากเห็นน้ำตาเธอนี่นา แล้วเธอก็ยิ้มออก

      "เฮ้ๆ!! จะปล่อยให้ฉันยืนหน้าร้านอีกนานมั้ย!!"เสียงมารขัดความสุขดงวานดังขึ้นหน้าร้านที่เพื่อนหน้าหล่อยืนถือกระถางต้นไม้ตะโกนอยู่ ทำให้ดงวานต้องจำใจเดินไปเปิดประตู

      "เอ้าๆ เข้ามาแล้วก็วางไว้ตรงชั้นมุมตรงนั้นนะ"ดงวานชี้ไม้ชี้มือให้มินอูดูก่อนเจ้าตัวจะว่าง่ายเดินไปวางโดยดี

      "นี่ต้นไฮเดรนเยียสินะคะ"เสียงหญิงสาวดังใกล้ๆทำเอามินอูผงะทันทีที่ได้ยิน

      "ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะตกใจ"เฮซองขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

      "เอ่อ...ไม่เป็นไร"

      "เอริคนี่คุณหนูเฮซอง เฮซองนี่มินอูเพื่อนฉันเอง"ดงวานแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน

      "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณมินอู คุณหนงคุณหนูอะไรกันคะ คุณคิมฉันไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย"เธอดุเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปทักทายเอริค ซึ่งมินอูยื่นจับมือตอบ แต่เพียงแค่แตะเขากลับสะบัดออกอย่างแรง

      พึ่บ!!!

      ทั้งเฮซอง ทั้งดงวานต่างทำหน้างงว่าทำไมมินอูต้องแสดงท่าทางอย่างนั้นใส่เฮซอง

      "โทษ..โทษที ฉันคงไม่สบายนิดหน่อยน่ะ" ดงวานลากมินอูมาที่หลังร้านเพื่อถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้

      "แกเป็นอะไรของแก ไอ้มิน วันนี้แกแปลกๆนะ"ดงวานว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง

      "ฉัน...ฉันรู้สึกแปลกๆกับยัยเด็กนั่น แต่คงคิดไปเองแหละมั้ง"เอริคว่า จะไปบอกเพื่อนได้ไงละว่า ตอนที่จับมือเธอน่ะ มันเย็นเฉียบอย่างกับคนตายไปแล้ว!!!

      "หา...แกว่าไงนะ?"

      "เปล่าๆ ไม่มีอะไร"มินอูบอกปัดเพราะไม่อยากให้ดงวานคิดมากเกี่ยวกับเฮซอง"ถ้าไงก็ระวังๆเด็กนั่นหน่อย ฉันไปละ"เอริครีบบอกลาดงวายไปทำงานต่อ มินอูรู้สึกคุ้นๆกับใบหน้าของเด็กสาวเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

      "เออๆ กลับดีๆละ อย่าเที่ยวหลีสาวกลางทางนะเว้ย!!"ดงวานแหย่ตบท้าย แต่สิ่งที่รับมาคือคำว่า"ไอ้บ้า"

      ดงวานหันกลับมาสนใจเด็กสาวอีกครั้งหนึ่งที่ตอนนี้กำลังขมักเขม้นทำชาพิเศษอย่างตั้งอกตั้งใจ เห็นอย่างงี้แล้วมินอูจะให้เขาระวังเรื่องอะไรล่ะ?

      จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบจะเดือนกว่าแล้ว ทุกสัปดาห์เฮซองจะเฝ้าถามดงวานว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว ดงวานก็จะตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เฮซองกลับเป็นตรงข้ามที่ได้ยินคำตอบสีหน้าก็ดูเศร้าขึ้นทันตาและวันนี้ก็วันที่47แล้วที่เธอมาอยู่ใช้ชีวิตร่วมอีกหนึ่งชีวิตกับดงวาน และในวันหนึ่งช่วงที่เฮซองกำลังเตรียมเก็บร้านและดงวานกำลังนั่งเช็คสต๊อกชาก็ได้ยินเด็กสาวถามคำถาม

      "คุณคิมคะ?"เฮซองเป็นฝ่ายเรียกดงวาน

      "ครับ เฮซอง?"ดงวานตอบรับแต่ตาก็ยังคงไล่ลิสชาดอกไม้อยู่

      "คุณคิมเคยได้ยินตำนานที่ว่าถ้าคนเราตายแล้ว วิญญาณจะอยู่ได้อีก49วัน"

      "เอ่อ ก็เคยได้ยินมาบ้างนะครับ แต่เป็นตำนานญี่ปุ่นนี่ใช่มั้ย?"

      "ใช่ค่ะ ตามนั้นเลยแล้วคุณคิมเชื่อมั้ยคะ?"

      "ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะครับ เพราะไม่เคยเจอกับตัวเองเลย"ดงวานตอบตามจริงและหันมาสนใจเฮซองแทนลิสดอกไม้ แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นดวงตาที่ดูจริงจังกับคำถามนี้

      "แต่ฉันเชื่อนะคะ คุณคิมไม่นึกสงสัยหรอคะที่ว่าทำไมฉันถึงหายไปเป็นเดือน"เธอหยอดคำถามใส่ดงวานมี่กำลังตั้งใจฟัง

      "อ่า...ก็อยากรู้นะ แต่คิดว่าคงเรื่องส่วนตัวอย่างเอ่อ....เจอคู่หมั้น"คำหลังดูจะเบาลงไปนิดแต่เธอก็ได้ยิน ก็หลุดหัวเราะมานิดนึง

      "งั้นฉันจะเล่าให้ฟังนะคะถึงความจริง"เธอหลับเปลือกตาบางเหมือนกำลังทบทวนเรื่องราวที่จะเล่า

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      ในตอนนั้นที่กลับออกมาจากร้านของคุณคิม ก็เจอะเข้ากับน้องชายที่มารับพอดี

      "จอนจิน พี่บอกว่าไม่ต้องมารับไง พี่กลับเองได้"ฉันดุน้องชายนิดๆ

      "แม่ให้มารับนี่สิแล้วผมผ่านมาเจอพี่พอดีนี่นา มา ขึ้นรถเร็วเดี๋ยวไปไม่ทันนะพี่ อย่างอนน่าเดี๋ยวไม่สวยนะ"จอนจินหนุ่มหล่อประจำตระกูล ผู้มีศักธิ์เป็นน้องชายกล่าว ก่อนจะดึงพี่สาวผู้น่ารักเข้ามานั่งข้ามคนขับ ไม่นานทั้งสองก็มาถึงที่หมายเป็นคฤหาสน์หลังโตนั่นเอง

      "อุ้ย!! มานู่นแล้ว เฮซอง จอนจิน ลูกรักทางนี้จ้ะ!!"มารดาเมื่อเห็นลูกสาวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็กวักมือเรียกใหญ่

      "คุณแม่มีอะไรหรอคะ ถึงได้ให้จินนี่ไปรับหนูน่ะ"ฉันถามแม่ทันที หวังว่าคงไม่มีเรื่องด่วนขนาดหนักหรอกนะ ส่วนจอนจินนั่งที่โซฟาข้างๆ

      "แหม....มีสิจ้ะลูก เอ้า!! นี่คุณนายมุนจ้ะ เฮซอง"ทำไมอยู่ๆคนนี้ถึงมาที่บ้านกันนะ?

      "สวัสดีค่ะ คุณนายมุน"

      "จ้ะ เฮซองที่แม่เรียกมาวันนี้เพราะจะให้ลูกดูตัวคู่หมั้นไงจ้ะ เป็นลูกชายของคุณนายมุนน่ะจ้ะ ชื่อเอริค"

      "คุณแม่!!!!"อ่ะ....ดันเผลอตวาดเสียงดังซะแล้วสิ

      "เฮซอง ลูกก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะจ้ะ อายุก็25-26แล้วนะลูก"

      "แต่นี่มันเร็วไปนะคะ คุณแม่ หนูยังไม่พร้อม"จะยังไงก็เหอะ ยังไงก็ไม่แต่ง!!!!

      "ทำไมจ้ะ ยังไม่พร้อมตรงไหนกัน ลูกมีทุกอย่างแล้วนี่ ทรัพย์สิน เงินทอง บ้าน ที่ดิน ก็เหลือคนข้างกายลูกนี่แหละ"คุณแม่อธิบาย คนสวยส่งสายตาให้น้องชายช่วย แต่ที่ได้กลับมาคือ"รับๆไปก่อนเถอะพี่"

      "ยังไงหนูก็ไม่แต่งค่ะ!!!"ฉันประกาศเสียงกร้าวรอบๆเงียบกริบ ได้ยินแค่เสียงลมหายใจตัวเองที่ดังเพราะกำลังหัวเสียอยู่เท่านั้น

      "ที่ไม่แต่งเพราะลูกมีคนอื่นรึเปล่า?"คุณแม่จี้จำดำแทบสะอึก ทำไมๆๆๆ

      "ใช่ค่ะ หนูมีคนที่ชอบแล้ว คนเจ้าของร้านชาดอกไม้ไงคะ"ฉันบอกไปถ้าให้แต่งงานแล้วอยู่ด่วยกันตลอดชีวิต ฉันขออยู่กับคนที่ชอบเถอะไม่ใช่คนที่อยู่ๆก็มาเป็นคู่หมั้นแบบนี้!!! ถึงจะเคยเห็นหน้าค่าตาตอนเด็กๆก็เถอะ "แม่ไม่ยอมรับคนๆนั้น จะให้ลูกสาวแม่ไปแต่งงานกับคนบ้านๆนั่น แม่ไม่ยอมหรอกนะ!! ต่อแต่นี้ไปลูกห้ามไปที่นั่นอีกเป็นอันขาด ห้ามออกจากบ้านไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้นจนถึงวันแต่งงานที่จะจัดขึ้น"

      "คุณแม่!!!"เพราะเถียงไม่ออกพูดจบก็วิ่งขึ้นห้องทันที

      "เฮซอง!!! ให้ตายสิลูกคนนี้"มารดาส่ายหน้าเบาๆ

      "ให้ผมไปคุยให้มั้ยครับแม่?"จอนจินเสนอตัวไปเจรจาให้แต่มารดากลับส่ายหน้าว่าไม่ต้อง

      "ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะคุณนายมุน"เธอกล่าวขอโทษแทนลูกสาวที่ทำกริยามารยาทไม่งามต่อหน้าแขกคนสำคัญ

      "ไม่เป็นไรค่ะ คุณนายฉันเข้าใจเธอคงรับไม่ได้กับเรื่องนี้ อ๊ะ!! ตาเอริคกับหนูดี้มาแล้ว มาเร็วๆสิตาริค นี่คุณนายชินจ้ะ"คุณนายอีกล่าวแนะนำชายผู้มาใหม่ทั้งสองคน คนแรกคือว่าที่คู่หมั้น เอริค และอีกคนที่ท่าทางดูค่อนไปทางน่ารักมากกว่าจะหล่อ แอนดี้ 

      "
      สวัสดีครับคุณนายชิน แล้วก็คุณน้องชายจอนจินสินะ"หนุ่มร่างสันทัดยิ้มทักทายจอนจิน พร้อมเจ้าตัวเล็กอีกคน ซึ่งจอนจินผงกหัวตอบรับ


      "จ้ะ เอริค เมื่อกี้น้องพึ่งวิ่งขึ้นข้างบนกลับห้องไปแล้วล่ะ ขอโทษทีนะจ้ะ"

      "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็มาช้าเหมือนกัน ถ้าไม่ขัดอะไรผมขอขึ้นไปดูน้องนะครับ"เจ้าตัวยิ้มให้ก่อนจะขอตัวขึ้นไปด้านบน

      "ผมไปด้วยสิ พี่!!"เจ้าตัวเล็กกล่าวก่อนจะวิ่งตามพี่ชายไป ในห้องนอนสีขาวสะอาดตาเด็กสาวนอนแผ่หลาบนตัวกว้างดวงตาเล็กๆรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้า ทำไมอยู่ๆถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนะแต่กว่าหัวสมองจะคิดเรื่องต่างๆนาๆไปไกลเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

      "ก๊อก ก๊อก พี่เฮซอง~~ นี่ผมแอนดี้นะฮะ เข้าไปน้า"บอกว่าตัวเองเป็นใครก่อนจะโผล่หัวเล็กๆออกมา พอเห็นพี่สาวคนสวยนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเตียงก็ถลาไปหา พร้อมเฮซองที่เปิดอ้อมกอดใส่อีกคนเต็มที

      ไม่เจอกันตั้งนานนะ แอนดี้"เฮซองลูบหัวคนตัวน้อยด้วยความเอ็นดู

      "ฮะ ก็นานแล้วด้วยจนมาวันนี้...พี่เอริคเข้ามาสิ!!"ประโยคหลังเฮซองถึงกับมองไปที่ประตู ก็เจอหนุ่มหล่อร่างสูงที่เคยเจอกันตอนเด็กตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหล่อมากสเน่ห์ไปซะแล้วสิ

      "หวัดดี เฮซอง สวยขึ้นเยอะเลยน้า"เอริคยิ้มทักทายก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง

      "พี่...พี่เอริครู้เรื่องนี้รึเปล่า?"เธอจ้องหน้าไม่วางตา

      "พึ่งรู้เมื่อเช้านี่แหละ ว่าจะให้ดูตัวคู่หมั้นแต่ไม่นึกว่าจะเป็นเธอแอนดี้เป็นพยานได้"

      "จริงฮะ พี่เฮซองผมกับพี่พึ่งรู้เมื่อเช้านี่แหละ"แอนดี้ตะเบ๊ะรับคำยืนยัน

      "พี่เชื่อแล้วแอนดี้ พี่เชื่อแล้ว"เฮซองยิ้มบางๆให้ทั้งสองคน

      ทั้งสามนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติจนเวลาล่วงเลยไปจนเย็นย่ำ

      "ผมไปก่อนนะฮะพี่เฮซอง แล้วผมจะมาหาใหม่น้า~~"เฮซองโบกมือลาทั้งสองคน

      "พี่ไปก่อนนะ เฮซอง"เอริคพูดคำบอกลาก่อนจะจูบลงที่หน้าผากเบาๆ แต่เฮซองต้องแปลกใจอีกครั้งที่แอนดี้โผล่หน้ามาหาอีกรอบและเดินเข้ามาพร้อมปิดประตูลงกลอนอย่างดี

      "เรื่องนี้ผมขอคุยกับพี่สองคนนะฮะ พี่ริคไม่เกี่ยวข้อง เอ่อ.....พี่เฮซองผมขอถามอะไรหน่อยสิฮะ"

      "ว่ามาสิ ถ้าพี่ตอบได้จะตอบนะ"เฮซองลูบกลุ่มผมนุ่มของซอนโฮเบาๆเพราะเจ้าตัวนอนหนุนตักอยู่

      "พี่....มีคนที่ชอบแล้วหรอ?"



      กึก.....

      "อืม ใช่ ว่าแต่ถามทำไมล่ะ?"

      "เมื่อกี้ตอนผมเข้ามาได้ยินตอนพี่ทะเลาะกับแม่พอดี พี่ไม่อยากแต่งงานกับพี่ริคหรอ?"

      "ไม่ใช่ไม่อยากหรอกนะแอนดี้ แต่เพียงพี่....มีคนที่ชอบแล้วเท่านั้นเอง"สาวเจ้ายิ้มบางๆให้ผู้เป็นน้องต่างครอบครัว

      "ถ้างั้น.....เถอะครับ"แอนดี้พูดเสียงเบาจนเฮซองไม่ได้ยิน

      "อะไรนะ แอนดี้"

      "ผมบอกว่าพี่ควรหนีเถอะครับ!!"แอนดี้บอกสิ่งที่อยู่ในใจ เฮซองดูจะตกใจนิดๆกับความคิดของเจ้าตัวเล็กคนนี้ 

      "
      พี่ทำไม่...."


      "ผมจะช่วยพี่เอง พี่เฮซอง"ด้วยแววตาที่มุ่งมั่นของแอนดี้ก็ทำเอาเฮซองใจอ่อน ไม่อยากต่อความ"ถ้าพี่ไม่รัก อยู่ด้วยกันไปก็เท่านั้น"

      "แอนดี้ ขอบคุณนะ พี่จะพยายามออกไปจากที่นี่ แต่ถ้าถึงวันงานแต่งแล้วละก็ ตอนนั้นนายค่อยช่วยพี่นะ ตกลงมั้ยๆ"

      "โอเคฮะ"แอนดี้ตอบตกลง พร้อมยิ้มน่ารักให้คุณพี่สาวคนสวย

      "แอนดี้!!!! พี่กับแม่จะกลับแล้วนะ ลงมาได้แล้ว"เสียงเอริคดังแว่วลอดขึ้นมาชั้นบน

      "คร้าบๆๆ จะไปเดี๋ยวนี้ละพี่ริค ไปนะครับพี่เฮซอง *จุ๊บ*"แอนดี้หอมแก้มเฮซองลาก่อนจะรีบวิ่งลงไปด้านล่างทันที ซึ่งเวลาไม่นานนัก ก็ถึงเวลาอาหารเย็นซึ่งเฮซองปฏิเสธเข้าร่วมมื้อนี้ ทำให้จอนจินต้องเอาอาหารขึ้นมาให้ที่ห้องพี่สาว

      "พี่ฮะ ผมเข้าไปนะ ผมเอาข้าวมาให้"จอนจินถือถาดข้าวเดินเข้ามา ก็เจอพี่สาวนั่งที่หน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปข้างนอก ก่อนจะหันมาหาผู้มาใหม่

      "อ้าว! จินนี่ วางไว้ตรงนั้นละ"

      "พี่....กังวลหรอ?"

      "อื้ม นิดหน่อยน่ะ"แล้วก็หันออกไปมองข้างนอกต่อ ก็มันรับไม่ได้นี่นา ทั้งที่ใช้ชีวิตอิสระตลอดแล้วอยู่ๆก็มาแต่งงาน มันรับไม่ได้อ่าาา

      "ยังไงพี่ก็ต้องแต่งงาน ผมก็เห็นว่าพี่เอริคก็เหมาะสมกับพี่ดีนะ"จอนจินชี้แจงเหตุผล

      "จินนี่ทำไม.....?"เฮซองไม่เข้าใจ ทำไมน้องชายเธอถึงสนับสนุนอีกคนแบบนี้

      "อ้อ.....แล้วก็ผมจะมาทำหน้าที่เฝ้าพี่นับแต่นี้เป็นต้นไปจนถึงวันแต่งงานของพี่กับพี่เอริค"เฮซองใจหายวูบนี่แม่ไม่ไว้ใจขยาดส่งจอนจินมาเฝ้าเลยหรอเนี่ย!!

      "จะให้พี่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง!!! จอนจินนายไม่เข้าใจพี่เลยหรอ?"

      "ผมว่าพี่ใช้อิสระมามากพอแล้วนะ พี่ต้องทำเพื่อแม่แล้วก็ตระกูลบ้างแล้วล่ะ"จอนจินนั่งเก้าอี้หันเข้าหาพี่สาวตน

      "แต่พี่ พี่มีคนที่ชอบแล้วนะ พี่ชอบคุณคิม ขอร้อง ฮึก...จอนจิน....ปล่อยพี่ไปเถอะ อึก"เฮซองขอร้องอ้อนวอนพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงหน้าสวยสะอื้นไห้อย่างหนัก จอนจินทำได้เพียงเบือนหน้าหนี

      "ถ้ายังงั้นผมคงปล่อยพี่ไปไม่ได้แล้วล่ะ"

      "เอ๊ะ ทำไมเดี๋ยวนายคงไม่ได้คิดจะขังพี่ไว้หรอกนะ นี่!!จอนจิน จินนี่ ขอร้อง"เฮซองกำเสื้อเชิ้ตของน้องชายแน่นด้วยท่าทางฉุดกระฉากลากถู

       

      เพี๊ยะ!!!!! เสียงฝ่ามือหนาที่ดังกระทบใบหน้าสวย คนตัวบางใบหน้าหันตามแรงตบ บนแก้มมีรอยแดงน่ากลัวค่อยๆขึ้นรอยขึ้นมา เพราะจอนจินเผลอ....




       

      เผลอตบพี่สาวที่รักที่สุดของตนไปแล้ว....





       

      "ยอมรับความจริงซะเถอะพี่เฮซอง พี่ต้องแต่งงานกับเอริค ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น!!! นั่นคือความจริงตอนนี้ของพี่ ไม่ใข่คนขายชาดอกไม้ที่ร้านโทรมๆนั่น!!!"จอนจินตวาดเสียงดังจนร่างบางๆสะดุ้ง

      "จอน...จิน"เสียงหวานแหบพร่าในลำคอ ตอนนี้เธอไม่มีแม้แรงจะโต้ตอบใดๆอีกต่อไป

      "ผมจะเฝ้าพี่ไว้ และอย่าได้คิดจะออกไปจากห้องนี้เป็นอันขาด"จอนจินถือกุญแจขึ้นมาในมือเหมือนเป็นการตอกย้ำนกที่ไม่สามารถหนีจากผู้เป็นนายไปได้อีกต่อไป แล้วจึงเดินหันหลังกลับไป

      "จอนจิน อย่า!!! ไม่ ขอร้องละ *ตึง ตึง* ได้โปรดเปิดประตู จอนจิน!!!"เฮซองที่ไม่มีแรงก็คลานมาถึงประตูก่อนออกแรงกระหน่ำทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง

      "ฮึก ม่ายยยยยยยยย!!!!!" จอนจินยืนรอดูจนเสียงทุบนั้นหยุดไปเอง



       

      พี่....ผมขอโทษ

      ขอโทษที่ทำร้ายพี่

      ขอโทษที่ขังพี่

      ขอโทษที่ต้องพูดจาทำร้ายจิตใจ

      และ ผมขอโทษ

       

       

      ที่ผม.... ไม่ใช่น้องชายที่พี่ควรจะรักอีกต่อไป.....

       

      แม้ด้านหลังประตูจะมีเสียงคร่ำครวญร่ำไห้ของหญิงสาวผู้เป็นพี่ แต่ใครจะไปรู้ละว่าด้านหน้าของประตูของผู้เป็นน้องชายก็ร่ำไห้ไม่แพ้กัน...



      เวลาทั้งหมดที่อยู่แต่ภายในห้องของเฮซองจบลงเพราะวันนี้ถึงวันแต่งงานของเอริคและเฮซอง ส่วนแอนดี้อาสาที่จะมาช่วยพี่สาวเขาแต่งตัว จอนจินก็ยึ่งกับการจัดงานด้านนอก ในห้องแต่งตัวจึงมีเพียงเฮซองและแอนดี้สองคน


      "พี่เฮซอง พี่อดหลับอดนอนรึเปล่า? หน้าตาพี่ดูไม่ดีเลยไหวมั้ยฮะ?"


      "แอนดี้...."


      "ฮะ?"เจ้าตัวเล็กตอบรับ


      "พี่....จะไปหาเขาได้มั้ย?"เฮซองถามด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกว่าเหนี่ยเต็มทน สายตาเลื่อนลอยเหมือนคนไร้ชีวิต ร่างกายแขนขาเหมือนหุ่นที่ไม่มีจิตใจ แอนดี้ที่เห็นดังนั้นก็อดสงสารไม่ได้ ยังไงวันนี้เขาจะอยากให้พี่มีความสุขไม่ใช่กับพี่เอริค แต่กับคนที่พี่เฮซองรักต่างหาก


      "ต้องได้สิพี่เฮซอง แอนดี้ซะอย่างนะฮะ!!"แอนดี้เก๊กท่าน่ารักๆให้ดู คำพูดของแอนดี้ทำให้เฮซองยิ้มบางๆออกมา ยิ้มอย่างนี้สิถึงจะสมเป็นพี่สาวเรา หึหึ


      "ขอบคุณนะแอนดี้"เฮซองยิ้มพร้อมดึงแอนดี้มากอด ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็กอดปลอบให้กำลังใจเต็มที่ก่อนจะถอยหลังเอามือเล็กๆจับใบหน้าหวานให้มองตน


      "แต่ตอนนี้พี่ต้องยิ้มสวยๆก่อนนะ เอ้า....ยิ้ม ยิ้มหวานๆสิฮะ น่านแหละๆ ฮิฮิ" "จวนจะได้เวลาแล้วค่ะ เจ้าสาวเตรียมตัวนะคะ!!"เสียงของเจ้าหน้าที่จัดงานส่งสัญญาณบอกว่าให้เตรียมตัวออกไปได้แล้ว


      "คร้าบๆ ป่ะ พี่เฮซอง รู้มั้ยวันนี้พี่สวยที่สุดเลยอ่ะ"แอนดี้ชมไม่ขาดปาก


      "ขอบใจนะ แอนดี้ อย่าลืมนะ"


      "อื้ม ผมไม่ลืมหรอก เชื่อใจได้เลย"ทั้งสองเดินไปตามโถงทางเดินที่ตรงไปทางพิธีจัดงาน เฮซองก็นึกอะไรได้


      "อ้อ.....แอนดี้ นี่ถ้าตอนพี่หนีไปแล้วน่ะ ช่วงส่งซองนี้ให้จอนจินทีสิ"เฮซองว่าก่อนจะยื่นเอกสารสีน้ำตาลให้แอนดี้ คนตัวเล็กรับมางงๆพร้อมพยักหน้าให้เป็นคนตอบ


                   ณ ด้านนอกของตัวโถงทางเดินก็จะเป็นสวนที่จัดงานพิธีศักสิทธิ์ที่สุดอย่างงานแต่งงาน ฝ่ายเจ้าบ่าวที่กำลังยืนรออยู่บยแท่นพิธีอย่างใจจดใจจ่อ เจ้าบ่าวอยู่ในชุดสูททักซิโด้เนื้อดีราคาแพง ใบหน้าหล่อเหลาที่น่าหลงใหลของสาวๆหลายคนต้องกินแห้วไปเพราะวันนี้จะมีเจ้าของใบหน้านั้นซะแล้ววันนี้ สักพักร่างของเจ้าสาวที่เห็นไกลลิบๆนั่นกำลังเดินตรงมายังแท่นด้วยท่าทางสง่างาม ร่างบางผิวขาวที่อยู่ในชุดแต่งงานแขนยาวสีขาวบริสุทธิ์นั้นดูผุดผ่องกว่าที่เคย ใบหน้าขาวหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมอ่อนๆพอเป็นพิธี ผมสีน้ำตาลดุจแพรไหมที่เคยยาวถึงกลางหลังนั้นถูกรวบม้วนเข้าไปด้านหลังและตกแต่งด้วยผ้าคลุมผมแบบยาว ประดับด้วยกุหลาบขาวที่ไร้มลทิน เรียกได้ว่า เป็นเจ้าสาวในอุดมคติของใครหลายๆคนเลยทีเดียว และไม่นานเฮซองก็เดินมาถึงแท่นพิธีและอยู่ตรงหน้าเอริค


      "วันนี้น้องสวยมากๆเลยนะ"เอริคกล่าวชมอย่างอดไม่ได้


      "ขอบคุณค่ะ"เฮซองเองก็ทำได้เพียงตอบรับกลับไปอย่างแผ่วเบา สีหน้าไม่ได้ยินดีกับพิธีนี้แต่ก็ยังมีแรงพอฝืนยิ้มอยู่บ้าง


      "คุณเอริคจะรับคุณเฮซองเป็นภรรยามั้ยครับ?"อยู่ๆเสียงของขาทหลวงก็ดังแทรกเข้ามา


      "รับครับ!!"เอริคตอบออกไผอย่างไม่ลังเล ใบหน้าหล่อดูจริงจังกับคำตอบ


      "ส่วนคุณเฮซองจะรับคุณเอริคเป็นสามีหรือไม่ครับ?"บาทหลวงหันหน้ามาฝั่งเฮซองบ้าง แต่กลับไร้ซึ่งคำตอบจากริมฝีปากบาง



      ".................."เฮซองทำได้แต่เพียงแค่เงียบและลังเล ดวงจาสวยดงวูบไหวแลดูเลิ่กลั่ก

      "เฮซอง?"เอริคเรียกเฮซองให้สติกลับมาอีกครั้ง ทั้งงานเงียบและรอฟังคำตอบของเฮซอง มองเห็นทั้งคุณแม่ที่กำลังขมวดคิ้วรอคำตอบ มองเห็นจอนจินที่ทำใบหน้าเจ็บปวดกลายๆ ทำยังไงดีนะ......

      "อึก.....ร"



      ฟิ้ว!!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!



      เสียงระเบิดดังไปทั่วงานพร้อมควันสีขาวที่คลุ้งไปทั่วบริเวณ เฮซองรู้ว่านี่คือสัญญาณของแอนดี้แน่ๆ แต่กลับออกจากตรงนั้นไม่ได้เพราะเอริคจับข้อมือเธอแน่น


      "เธอจะไปไหนน่ะเฮซอง!! มันอันตรายนะ"เอริคจับข้อมือแน่นขึ้นไปอีก


      "ขอโทษนะคะ ฉันคงแต่งงานกับพี่ไม่ได้ ต้องขอโทษจริงๆ"พอพูดจบเฮซองก็รวบรวมกำลังสะบัดแขนจนหลุดก่อนจะตบบ้องหูให้เอริคมึนแลพออกตัววิ่งไปในที่สุด


      "อะ.....เจ้าสาวหนีไปแล้วไปจับมันซี่!!"เสียงของมารดาดังลั่นขึ้นทั่วงานเมื่อเห็นเฮซองวิ่งหนีออกไปจากตัวงานซึ่งจอนจินก็เห็นจึงวิ่งตามไป


      "กลับมานะพี่!!"


      "กลับให้โง่สิจอนจิน ขอร้องปล่อยพี่ไปเถอะ แค่ปล่อยพี่ไปมันยากมากเลยหรอจิน?"


      "ยากสิ เพราะไม่รู้พี่จะกลับมาเมื่อไหร่น่ะสิ"เฮซองหยุดกึกทันทีกับคำพูดของจอนจิน


      "นายพูดเหมือนพี่จะไม่กลับมางั้นแหละ จอนจิน"


      "ผมก็แค่กลัว แต่ถ้าพี่แต่งกับพี่เอริคผมก็ฝากพี่ไว้กับเค้าได้แถมมีแอนดี้ดูแลอีก แต่ถ้าพี่ไปแต่งกับเขาผมจะได้เจอพี่อีกรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมก็แค่กลัว"จอนจินสารภาพความในใจออกมา เฮซองอยากจะยื่นมือไปกอดปลอบแต่เธอตัดสินใจแล้วว่าต้องหันหน้าก้าวเดินต่อไป แต่เพราะชุดที่เกะกะทำให้วิ่งไม่ได้เร็วนัก


      "คุณหนูอยู่นั่น!! ตามไปเร็ว!!"เสียงการ์ดคนหนึ่งตาไวเห็นเฮซองก็รีบรายงานให้พวกที่เหลือรู้ และก็ตามมาด้วยเจ้าบ่าวที่วิ่งเหงื่อท่วมมาหา


      "เฮซองหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!"ว่าที่เจ้าบ่าวตะโกนเสียงลั่น แต่มีรึร่างบางจะหยุดด้วยคำพูดแค่นี้


      "นี่...จิน พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง แต่พี่จะไปหาเขา พี่ขอโทษนะจอนจิน ขอโทษสำหรับทุกอย่าง"ดวงตาคู่สวยรื้นไปด้วยน้ำตา ใบหน้าเจ็บปวดถูกส่งทอดความรู้สึกมาให้น้องชาย


      "พี่....คงเป็นพี่สาวที่เห็นแก่ตัวมากสินะ"ยิ้มทั้งน้ำตาให้คนเป็นน้องชายที่รักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเริ่มออกวิ่งไปข้างหน้าเพราะการ์ดและเจ้าบ่าววิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ วิ่งมาได้สักพักท้องฟ้าก็เริ่มตั้งเค้าและสายฝนเม็ดใหญ่ก็เทลงมาราวกับจะถล่มลงมาให้ได้ การ์ดและเอริคต่างมองหาเฮซองไม่เจอแล้วเพราะทัศนวิสัยถูกบดบังด้วยสายฝนจนมองไม่เห็นข้างหน้า เฮซองที่วิ่งออกมาก็มาหยุดอยู่กลางถนนที่ไม่มีวี่แววรถวิ่งผ่านมา ตอนนี้ไร้ซึ่งทิศทางเพราะตอนนี้ก็เหมือนเฮซองหลงอยู่ในกลุ่มหมอกหนาทึบที่ไร้ซึ่งทางออกนั่นเอง แต่เฮซองรู้สึกว่ามีบางอย่างตรงมาทางเธอ ด้วยความเร็วสูง....

       
       

       

      ปิ๊น ปิ๊นนนนน เอี๊ยดดดดดด!!! โครม!!  

       

       

      "พี่เฮซอง!!!!!!!!"จอนจินที่ตามเสียงของแตรรถที่ดังลั่นมาก็มาเจอกับพี่สาวที่นอนจมกองเลือดอยู่ด้านหน้ารถ ไม่รอช้าร่างกำยำก็เข้าประคองร่างบางทันที ดวงตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ ภาพตรงหน้าเบลอแทบมองไม่เห็น ชุดสีขาวสวยถูกย้อมไปด้วยสีเลือดสดจนน่ากลัว

      "พี่!! พี่ๆๆ อย่า อย่าพึ่งหลับนะพี่!!!"จอนจินจบแก้มเบาๆให้เฮซองรู้สึกตัวตลอด แต่ตอนนี้เฮซองไม่สามารถตอบและขยับตัวได้เหมือนกับรูปปั้นหินที่หนักอึ้ง


      ".........."เฮซองไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เพราะรู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่คอ

      "พี่อย่าตายนะ พี่!! อีกแปปเดียวเดี๋ยวรถพยาบาลมาแล้ว ฮึก"เสียงจอนจินที่พูดไปสะอื้นไปแทบเป็นแทบตาย ร้องไห้ฟูมฟายกอดร่างพี่สาวอยู่อย่างนั้น


      "โธ่เว้ย!! วันนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเกิดอะไรขึ้นเนี่ย"เอริคที่ตามมาถึงกับแทบทรุดเมื่อเห็นว่าที่เจ้าสาวนอนอยู่ในอ้อมกอดน้องชาย

      "เฮซอง เฮซอง เธอได้ยินพี่มั้ยอดทนอีกนิดเดียว อดทนหน่อยนะ"เอริคพูดให้กำลังใจและกุมมือบางพร้อมบีบเบาๆ เอริคพยายามกลั้นน้ำตาให้มากที่สุด เฮซองพยายามยื่นมือเพื่อกดหัวจอนจินให้หูอยู่ในระดับปากเพื่อกระซิบบางอย่าง


      "พี่รักนายนะ จอนจิน"พูดจบร่างบางก็ปล่อยมือตกและหมดสิ้นลมหายใจทันที จอนจินทำได้เพียงค้างกับการกระทำของพี่สาวตน


      "อึก พี่!! อยู่กับผมก่อน พี่เฮซอง ฮึก พี่ผม....ผมยังไม่ได้ขอโทษพี่เลย ตื่นมาคุยกับผมก่อนสิ!! ฮืออออ"จอนจินฟุบหน้าปล่อยโฮทันที เอริคทำได้เพียงหลับตาและหันหน้าหนี พร้อมลูบหลังปลอบคนผู้น้องของคู่หมั้นตนเท่านั้น

       .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      คนที่ช๊อคที่สุดคงเป็นแอนดี้ พอรู้ข่าวก็ล้มทั้งยืนแถมร้องไห้ฟูมฟายทั้งวันทั้งคืน


      "แอนดี้ นายไปพักเถอะ ตรงนี้ฉันจัดการเองละกัน"จอนจินพูดเสียงเอื่อยๆ เพราะกำลังเศร้า แต่ตอนนี้แอนดี้ดูน่าสงสารกว่าเขาและเอริคมาก


      "..........."แอนดี้ไม่ได้ตอบกลับแถมยังเหม่อเอามากๆด้วย แต่อยู่ๆเจ้าตัวก็หงายหลังล้มซะงั้น 




      พึ่บ!!! 




      "
      บอกให้ไปพักก็ไม่เชื่อ ขนาดล้มทั้งยืนเลยนะเนี่ย"จอนจินประคองร่างเล็กที่กำลังหลับตาอยู่ในอ้อมกอด ท่าทางจะเหนื่อยมากเพราะทั้งร้องไห้ หน้าตาก็โทรมเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอน"



      โอะ จินนายช่วยไปส่งดี้ที่ห้องแล้วดูแลให้ทีได้มั้ย?"เป็นว่าที่พี่เขยบอกเมื่อเห็นทั้งสองคน


      "อ่า ได้ฮะ"ตอบรับพร้อมอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นแล้วจึงตรงไปที่ห้องทันที ซึ่งไม่นานเจ้าตัวเล็กก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย


      "อือ ที่นี่?"แอนดี้ขยี้ตาและเริ่มมองรอบๆตัว


      "ห้องนายน่ะ พี่เอริคบอกมา"ชี้แจงไปตามระเบียบ

      "ขอบคุณฮะ อ้อ..... พี่จิน ผมมีบางอย่างจะให้พี่น่ะ"แอนดี้ว่าก่อนจะค้นลิ้นชักห้องหยิบซองเอกสารออกมาส่งให้

      "นี่มันอะไรน่ะ แอนดี้?"

      "พี่เฮซองฝากให้พี่จิน ตอนวันงานแต่ง"แล้วแอนดี้ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนจอนจินนิ่งไปแปปนึง ก่อนจะค่อยๆเปิดซอง ออกมาพบว่ามีจดหมายอยู่สองฉบับ ฉบับหนึ่งให้จอนจิน อีกฉบับหนึ่งจ่าหน้าให้คุณคิมเจ้าของร้านชาดอกไม้ จอนจินไม่รอช้าที่จะเปิดอ่านของตนทันที

       
       

       ถึง จอนจินน้องรักของพี่

       

                  ถ้านายได้อ่านจดหมายฉบับนี้แปลว่าพี่ไม่อยู่ที่นี่แล้ว พี่ขอโทษที่ขัดคำสั่งของแม่และคำเตือนของนายแต่พี่อยากจะอยู่กับคนที่รักมากกว่านะ พี่ต้องขอโทษนายจริงๆ แต่ถึงนายจะตบพี่ พี่ก็ไม่โกรธหรอกนะ อยากให้รู้ไว้เสมอว่าไม่ว่านายจะเป็นอย่างไร พี่ก็รักนายเสมอ พี่อยากให้นายอยู่ต่อไปด้วยตัวเอง ทำอะไรเพื่อตัวเอง สุดท้ายนี้พี่ขอโทษจริงๆ พี่คงเป็นพี่ที่ไม่ดีเท่าไหร่ พี่คงเป็นพี่ที่เห็นแก่ตัวมากไปใช่มั้ยพี่รักนายเสมอจอนจิน

                                                                                                                                                     

                                                                                                              ด้วยรัก

                                                                                                  พี่สาวของนาย เฮซอง

       
       

      เมื่ออ่านจบจอนจินทำได้เพียงแค่ร้องไห้ระบายออกมาเท่านั้นโดยมีแอนดี้ปลอบอยู่ข้างๆ พอทำใจได้แล้วก็มาหารือกับจดหมายอีกฉบับ

      "จะทำยังไงกับฉบับนี้ดีฮะ พี่จิน?"แอนดี้ถามออกไปเพราะมีกระดาษแนบมาด้วยว่าให้"มอบหลังจากผ่านไปแล้วเดือนครึ่ง"

      "ก็คงต้องเอาไปให้แหละ ทำไงได้ล่ะ"จอนจินรับมาและเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      "ไม่คิดว่าเรื่องที่ฉันเล่าจะสอดคล้องกับคำถามก่อนหน้านี้บ้างหรอคะ?"เฮซองพูดเรียบๆส่วนดงวานดูอึ้งๆไป


      "ไม่จริงหรอกน่ะ..." "มันเป็นไปแล้วค่ะ ไม่กลัวฉั........"เจ้าตัวไปได้พูดอะไรต่อเพราะถูดึงรวบตัวไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว


      "ทั้งที่ตัวก็อุ่นขนาดนี้แท้ๆ"ดงวานกอดเด็กสาวให้แน่นขึ้น เฮซองรับรู้ความหนักของมือที่กำลังสั่นไม่หยุด ทำได้แต่เพียงแค่เงียบและกอดตอบอ้อมกอดที่อ่อนโยนเท่านั้น

      "ขอโทษด้วยนะคะ"อยู่ๆเฮซองก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา


      "เธอไม่ผิดหรอก ไม่ผิดสักนิด"ดงวานกอดแน่นขึ้นไปอีก เหมือนกลัวอีกคนจะหายไปต่อหน้าต่อตา ในหัวมันโล่งไปหมด แถมหัวใจรู้สึกเจ็บมากกว่าเดิม หลังจากทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดกันได้แล้ว ทั้งคู่ก็นั่งเงียบกันเป็นเวลานาน


      "ทำไมถึงรู้ตัวล่ะ ว่าเอ่อ....ตายไปแล้วน่ะ"ดงวานถามแต่ท้ายประโยคเสียงกลับเบาลง


      "พอรู้ตัวอีกทีก็ยืนมองตัวเองอยู่ในอ้อมกอดน้องชายแล้วล่ะค่ะ"เธอตอบกลับมาอย่างไม่มีปิดบัง ดวงตาคลอด้วยน้ำใสๆ คงกลั้นเต็มที่ 


      "อ่า.....อืมงั้น...ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว"ดงวานไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีเพราะสับสนไปหมด



      "เหลืออีก2วันที่ฉันจะอยู่กับคุณนะคะ"เธอพูดเตือนด้วยสีหน้าเศร้าๆ

      "นั่นสินะ อีกแค่สองวันที่เธอจะเรียนทำชาให้คนที่เธอชอบ ไปพักเถอะพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ"ดงวานยิ้มบางๆเพราะถึงแม้จะรู้ความจริงที่รับไม่ได้สักเท่าไหร่แต่ก็อยากจะทำให้เหมือนทุกวันที่อยู่ด้วยกันมา(ดงวานไม่รู้ว่าคนที่ชอบนั่นคือตัวเอง)


      "ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้"เธอตอบกลับแผ่วเบาก่อนจะแยกย้ายไปพัก

       

      วันที่ 48

      เช้านี้ทั้งคู่ทำเหมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดงวานก็ยังทำงานและสอนการทำชาไปด้วย จนวันนี้การทำชาก็ยังล้มเหลวอยู่อีกเช่นเคย จนเฮซองคิดว่าคงจะท้อซะแล้ว ยังไงก็จะทำให้ดีที่สุดเพราะพรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว


      "ดึกแล้วนะเฮซอง เธอควรจะนอนได้แล้วนะ ฮ้าววว"มีหาวให้เด็กสาวดูด้วย ซึ่งเธอยังมุ่งมั่นฝึกต่อไป ดงวานส่ายหน้าเบาๆก่อนจะฝากให้ปิดไฟอะไรให้เรียบร้อบด้วย


      "ไม่ใช่นี่นา เฮ้อ"เฮซองชิมชาถ้วยล่าสุดที่พึ่งทำเสร็จไปแต่ก็ล้มเหลวอีกตามเคย เฮซองคิดว่าคงจะทำเป็นถ้วยสุดท้ายของวัน จึงตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือและปราณีต แล้วคราวนี้ลองเติมความหวานด้วยน้ำผึ้งเล็กน้อยและมะนาวอีกนิดหน่อยจนทุกอย่างเสร็จสรรพเหลือแค่ชิมรสชาติเท่านั้น


      "ขอให้ถ้วยนี้สำเร็จด้วยเถอะ"เฮซองค่อยๆยกถ้วยชาอย่างระมัดระวัง แต่ผลปรากฏว่า......


      "อื๋อ อื้ม นี่แหละ!!!! รสชาตินี้เลย ทำได้แล้ว!!"เฮซองดีใจตัวโยนเมื่อทำในสิ่งที่หวังสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือมอบให้กับ"คนที่ชอบ"

       

      วันที่ 49 วันสุดท้าย.....

      "คุณคิมคะ นั่งตรงนี้เลยค่ะตรงนี้ ^ ^ "เฮซองรีบพาดงวานที่ป้ดผ้าปิดตาเดินมานั่งที่โต้ะข้างหน้าต่างตั้งแต่ดงวานยังไม่ตื่นดี พอจัดแจงเสร็จเจ้าตัวก็รีบขกผลงานที่พึ่งจะทำสำเร็จสดๆร้อนๆจากเมื่อคืนมาเสิร์ฟ


      "กลิ่นนี้มัน....."ดงวานไม่ได้พูดต่อเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นกลิ่นชาพริมโรสนั่นเอง


      "ใช่ค่ะ ฉันทำได้แล้ว ลองชิมดูนะคะ"เฮซองเปิดผ้าปิดตาก่อนจะเลื่อนถ้วยชาและขนมกับแกล้มเป็นสโคนแบบดั้งเดิมมาให้ รสชาติหวานละมุนเหมือนที่เคยทานแผ่ซ่านทั่วโพรงปากอย่างที่เคยรับรส ไม่มีรสแปลกเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้เลยสักนิด


      "อร่อย....."ดงวานเผลอหลุดคำชมออกมา เฮซองยิ้มบางๆอย่างภูมิใจ


      "ทีนี้....ก็เหลือแค่ไปมอบให้คนที่ชอบสินะ เฮซอง"ดงวานพูดไปตามที่คิด แต่ในใจรู้สึกหวิวๆแปลกๆไปหมด


      "ฉันมอบไปแล้วค่ะ"เธอยิ้ม"ไม่นานนี้เอง"ดงวานงงๆกับคำพูดของเธอ และเริ่มจะมองอึ้งๆและชี้มาที่ตัวเอง "ค่ะ คุณนั่นแหละค่ะ คนที่ฉันชอบ"เธอยิ้มได้สดใสที่สุดเท่าที่ดงวานเคยเห็นมา แต่ในใจเธอคงร้องไห้คร่ำครวญเมื่อยังไงในวันนี้เธอก็จะหายไปแล้ว

      "ฉันก็มีเรื่องจะบอกเธอเหมือนกัน"ดงวานว่าก่อนจะเลื่อนมือไปจับมือเด็กสาวที่สะดุ้งนิดๆ

      "ฉัน....ก็ชอบเธอเหมือนกัน ชอบ....ตั้งแต่วันแรกที่เจอ"ดงวานสารภาพไป เฮซองก็ก้มหน้าเพราะหน้าคงแดงไปหมดแล้วตอนนี้


      "ขอบคุณค่ะ ที่ชอบฉัน ฉันดีใจมากเลย แต่.....อึก"เธอยิ้มพร้อมมีน้ำตาอาบใบหน้าสวย


      "แต่ยังไงฉันก็ทำตามสิ่งที่ฉันต้องการไปแล้ว"ตอนที่พูดไปร่างกายของเฮซองก็เริ่มจะจางลงนั่นทำให้ดงวานตกใจมาก


      "เฮซองร่างกายเธอ!!!" "ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ"เธอเริ่มจับมือดงวานแน่น"อย่าเสียใจไปเลยค่ะ โชคชะตาคงกำหนดมาแบบนี้"เธอหลับตาพูด ร่างกายเริ่มจากลงทุกทีๆ


      "เฮซอง?"


      "คะ?...!!!"เธอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจเพราะใบหน้าที่ใกล้มากของดงวาน เธอหลับตาเหมือนรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ใบหน้าทั้งคู่ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงจังหวะลมหายใจที่ถ่ายทอดออกมา ริมฝีปากหนาจรดริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา ก่อนค่อยๆเริ่มลิ้มรสหวานในโพรงปากอย่างช้าๆ มีรสชาอ่อนๆติดอยู่ที่ปลายลิ้น ดงวานจูบอย่างเนิ่นนานจนสัมผัสที่ปากนั้นหายไปรู้สึกได้แค่หยดน้ำตาของเด็กสาวเท่านั้นที่เป็นของจริง ณ ตรงนี้ ตรงหน้าเหลือเพียงความว่างเปล่าเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ดงวานยกถ้วยชาขึ้นมาจิบนิดหนึ่งก่อนน้ำตาจะเริ่มไหลและได้รู้ว่าชาถ้วยนี้หอมหวานและอร่อยที่สุดที่เคยดื่มมา

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      สองสามวันต่อมา

       

      "ดงวานๆๆๆ ดงวานเว้ย!!"เพื่อนตัวแสบที่อยู่ๆก็รีบร้อนเอาบางอย่างมาให้เพื่อนสนิทดูหน้าตาตื่นตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


      "อะไรมินอู ฉันยุ่งอยู่นะ"ดงวานบอกปัดๆ ก่อนเพื่อนตัวดีจะยัดหนังสือพิมพ์ฉบับเดือนที่แล้วกว่าๆให้ดู


      "ดูข่าวด้านหน้าดิ!! มันเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนั้นอ่ะ"ดงวานงงๆก่อนจะรับมาอ่านพาดหัวข่าวตัวใหญ่เท่าควายมาดู

      'ดับ!! ทายาทสาวตระกูลดังหนีงานแต่งไปหาคนรัก' และตามด้วยภาพของเด็กสาวที่คุ้นตาอยู่ในอ้อมกอดใครคนหนึ่ง 'รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดน้องชายแล้วล่ะค่ะ'ดงวานนึกถึงคำพูดของบางคนทันที


      "อุบัติเหตุมันเกิดก่อนที่ฉันจะรู้จักเด็กนั่นนี่นา!! งั้น...งั้นเด็กนั่นก็...บรื้ออออ"มินอูทำท่ากอดตัวเองพร้อมขนลุกไปด้วยต่างจากดงวานที่ดูนิ่งเฉยไม่ตกใจ


      "แกดูไม่ตกใจเลยอ่ะ มีอะไรรึเปล่า?"มินอูถามเพราะดงวานดูซึมๆ


      "ฉันก็แค่.....รู้ทุกอย่างหมดแล้วน่ะ"มินอูคิดว่าไม่ควรจะถามอะไรต่อ เพราะคิดว่าถึงจะถามยังไงก็คงเงียบอยู่ดี





      กริ้ง กริ้ง~~


      "ยินดีต้อนรับครับ!!"สองเพื่อนซี้พูดกันอย่างรู้งาน สองลูกค้าชายเดินตรงมาที่เคาเตอร์ทันที ดงวานรู้สึกคุ้นหน้าคนตัวสูงอย่างบอกไม่ถูก


      "เอ่อ ที่นี่ใช่ร้านชาดอกไม้ของคุณคิมรึเปล่าฮะ?"คนตัวเล็กเอ่ยถามเสียงน่ารัก ดงวานพยักหน้าตอบรับ


      "ผมแอนดี้เป็นน้องพี่เฮซองฮะ ส่วนนี่น้องชายแท้ๆชื่อ จอนจิน ฮะ"แอนดี้แนะนำตัวเองก่อนจะแนะนำอีกคน ดงวานก็ถึงบางอ้อว่านี่น้องชายมิน่าพิมพ์เดียวกันเลย


      "เอ่อ ว่าแต่มีอะไรหรือครับถึงมาที่นี่กัน"ดงวานถามถึงธุระทั้งสอง แอนดี้และจอนจินมองหน้ากันก่อนจอนจินจะหยิบจดหมายส่งให้

      "ผมเอานี่มาให้คุณฮะ พี่เฮซองเขาเขียนไว้ให้"แอนดี้บอก ดงวานรับมาพร้อมขอบคุณ

      "ตอนนี้ผมก็จัดการธุระให้พี่เสร็จแล้ว ขอชาแมนดารินที่นึงครับกับเค้กส้มตัวเล็กนายเอาอะไร?"จอนจินมองในเมนูพอสั่งเสร็จก็ยื่นให้แอนดี้ดูต่อ


      "อืม......"แอนดี่นั่งไล่ดูก่อนทำท่าคิดไปด้วย"ผมเอาชาพริมโรสจัสมินละกัน ท่าทางน่าอร่อย แล้วก็ขนมขอเป็นสโคนนะฮะ"แอนดี้ยิ้มให้ดงวาน


      "ครับ รอสักครู่นะครับ"ดงวานบอกก่อนจะจัดเมนูให้จอนจินก่อนแล้วค่อยตามด้วยของแอนดี้ ขณะทำชาของแอนดี้ดงวานก็คิดถึงคนที่เขาคิดชานี้ขึ้นมาให้เป็นพิเศษ

      "มาแล้วครับ ของคุณแอนดี้"


      "ว้าว!! ขอบคุณฮะ"


      "ทานให้อร่อยนะครับ ^ ^ "ดงวานเมื่อเสร็จแล้วก็เก็บกวาดถ้วยจานต่อ


      "เอ่อ คุณคิมฮะ ผมอยากรู้ว่าพี่เฮซองเขาสั่งอะไรตอนมาที่นี่ฮะ" 


      "
      อ่อ แบบเดียวกับคุณแอนดี้เลยครับ"แอนดี้ได้แต่มองของที่ตัวเองสั่งมา



      "สมกับเป็นพี่เฮซองเลย ชานี้ก็เหมือนพี่ซอง ว่ามั้ยพี่จิน?"แอนดี้ยิ้ม ก่อนหันไปถามความเห็นอีกคน


      "อืม รีบกินเถอะ ตัวเล็กเดี๋ยวต้องไปหาพี่เอริคด้วยนี่"จอนจินว่าก่อนจิ้มสโคนยัดปากเล็กๆของแอนดี้ เมื่อทั้งสองทานเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับก่อน ดงวานจึงได้เปิดจดหมายอ่านดู




       ถึง คุณคิม คนที่ฉันชอบ

                               ถ้าคุณได้อ่านจดหมายนี้แปลว่าฉันำด้เข้าใกล้คุณอีกก้าวแล้ว ^ ^ ฉันอยากจะอยู่ใกล้ๆคุณขึ้นไปอีก ฉันไม่รู้ว่าถ้าจดหมายถึงคุณฉันจะเป็นยังไง ยังอยู่กับคุณตอนนี้หรือหายไปจากโลกนี้แล้ว ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันชอบคุณ ชอบที่คุณเป็นคนอ่อนโยน เอาใจใส่ฉันแม้ฉันจะเป็นลูกค้าคนเดียวในช่วงบ่าย คุณก็จะดูแลฉันอย่างดี ขอบคุณที่คุณคิดค้นชานั้นเพื่อฉัน ที่เขียนมานี้ฉันไม่รู้ว่าคุณจะชอบหรือรักฉันสักนิดมั้ย? แต่สุดท้ายนี้ฉันก็อยากจะบอกผ่านจดหมายฉบับนี้ว่า ฉันรักคุณค่ะ เจ้าชายชาดอกไม้ของฉัน ^ ^

       

                                                                                                              จาก

                                                                                                 เฮซอง คนที่แอบรักคุณ



      ดงวานอ่านจดหมายอย่างใจเย็นและกำมันแน่นจดหมายฉบับนี้คือสิ่งย้ำเตือนว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เฮซองทิ้งไว้ให้เขาขอบคุณที่รักผม ขอบคุณแสงสว่างจากดาวหางแห่งเดียวของผม......เฮซอง

       






       

                                                                           END





      _________________________________________________

      จบแล้วค่าาาาา ทำไมไรท์รู้สึกมันน้ำเน่าจัง แต่งเองตัดจบเองไม่งั้นเดี๋ยวไม่จบ 55555 ไรท์เอาซองงี่แต่งชุดเจ้าสาวมาฝากค่ะ




      งามจริงๆเล้ยยยยยยย //อิจฉาาาา

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×