ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟูจิวาระ

    ลำดับตอนที่ #16 : Dating game

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 853
      9
      8 พ.ค. 63



    ทว่า...การมาถึงของทาคาสึคาสะ นิชิโอะ ทำให้หมัดของฮิคารุลอยอยู่กลางอากาศ

    ฮิคารุไม่เคยพบกับทาคาสึคาสะ นิชิโอะ บิดาของคิคุนะมาก่อน ตอนเกิดเรื่องที่เกียวโตเขาก็ไม่เคยเห็นบิดาของคิคุนะแม้แต่แวบเดียว ฮิคารุเคยจินตนาการไว้ว่าบิดาของคิคุนะจะต้องเคร่งขรึม น่ากลัว เป็นที่น่าเกรงขามของหนุ่มๆ ทั่วไปตามแบบฉบับพ่อที่มีลูกสาว

    นับว่าฮิคารุทายไม่ผิด ชายวัยกลางคนในชุดสูทภูมิฐาน ผมดำเป็นมันเงาเรียบแปล้ และเค้าโครงใบหน้าที่ทำให้ตะลึงงันไปได้ชั่วขณะ บิดาของคิคุนะมีใบหน้าเหมือนกันเราราวกับถอดพิมพ์มาจากฟูจิวาระ มิจินากะ บิดาของซาอิ ดวงตาสีม่วงเรียวยาวเป็นประกายแหลมคมคงเป็นเอกลักษณ์ของคนตระกูลนี้

    ผัวะ!! อากิระใช้สันมือฟันเข้าให้ที่ข้อมือฮิคารุ หลังจากหมัดลอยค้างอยู่ห่างจากสันจมูก 1 นิ้วอยู่หลายวินาที ฮิคารุยืนตีหน้าซื่ออยู่ข้างๆ อากิระ ถูข้อมืออยู่ข้างหลังด้วยความเจ็บ อากิระส่งสายตาขุ่นเคืองอย่างร้ายกาจมาให้ แต่เด็กหนุ่มทั้งสองไม่สามารถโต้เถียงได้ ได้แต่เดินตามทาคาสึคาสะ นิชิโอะ เข้าไปในห้องพยาบาล

    ภายในห้อง อดีตเมย์จินในชุดยูกาตะสีดำนั่งตีหน้าขรึมกอดอกอยู่บนโซฟา อาคิโกะภรรยากำลังปอก
    แอปเปิลอยู่ตรงโต๊ะข้างตู้เย็น ส่วนคิคุนะครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง ดวงตาคู่งามจับจ้องที่บาดของตน สลับกับฮิคารุและอากิระ ดวงตาทอแววตื่นเต้นสับสนระคนกัน

    “สวัสดี โคโย” นิชิโอะเริ่มบทสนทนาอย่างมึนตึง

    “สวัสดี ลูกสาวป่วยเข้าโรงพยาบาล ใจคอจะไม่มาดูแลเลยรึ” อดีตเมย์จินกล่าวโทษหน้าตายกับอดีตเพื่อนรัก

    “นายไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์เรื่องในครอบครัวของชั้น โคโย” นิชิโอะกล่าวปฏิเสธหน้าตายเช่นกัน

    “นายเองก็ไม่มีสิทธิ์บังคับให้ลูกของคิเคียวเลิกเล่นหมากล้อม หรือเลิกเป็นมืออาชีพ” โทยะ โคโย กล่าวเสียงทุ้มต่ำ

    ทาคาสึคาสะ นิชิโอะ เลิกคิ้วอย่างสงบ “ชั้นไม่เคยห้ามคิคุนะเล่นโกะ”

    ทาคาสึคาสะ คิคุนะขยับตัวอย่างไม่สบายใจ ฮิคารุก็เช่นกัน ทุกครั้งที่สายตาของเด็กสาวโฉบผ่าน เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังละลายเหมือนเยลลี่ หน้าร้อนผ่าวเหมือนเครื่องทำความร้อน เราทำแบบนั้นเข้าไปได้ยังไงนะ.....เราจูบคิคุนะ...จูบ...มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ....ไม่ใช่เลย.....

    ก่อนที่โคโยจะโต้ตอบอะไร เสียงอ่อนหวานของภรรยาก็ขัดขึ้น

    “แอปเปิลค่ะ” อาคิโกะวางแอปเปิลลงบนโต๊ะด้วยมารยาทงดงาม กระซิบที่ข้างหูสามี “ลูกมองอยู่นะคะ”

    ถึงตอนนี้สายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองก็หันมาทางฮิคารุกับโทยะแทน ทั้งสองโค้งต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ นิชิโอะยิ้มเย็น

    “ขอโทษครับ" อากิระโพล่งออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คำขอโทษสั้นๆ นี้ทำให้ทุกคนในห้องประหลาดใจ

    “ก่อนการแข่งขันวันนี้ผมมีเรื่องผิดใจกับคิคุนะ ทำให้ผมเสียมารยาทกับกระดานวันนี้ เป็นความผิดของผมเพราะผมรู้ว่าท่าน..ท่านสนใจเรื่องการแข่งระหว่างผมกับคิคุนะมาก ผมก็เลย....เล่นให้เธอสับสนที่สุด” น้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย

    “หึหึ เรื่องของเด็กๆ ทะเลาะกันสินะ ถ้าอย่างนี้” โคโยพูดแทรกขึ้น

    “ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกสาวชั้นฝีมืออ่อนด้อยกว่าเธอ ก็เท่านั้นเอง” นิชิโอะพูด

    “ใช่! คุณพ่อพูดถูกแล้ว ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก!” คิคุนะรีบสนับสนุน อากิระก้มหน้ารับอย่างนอบน้อม

    “ถึงจะแพ้โทยะ คิคุนะก็เล่นหมากล้อมได้ดีมากนะฮะ!” ฮิคารุกลั้นใจพูด สายตาของพวกผู้ใหญ่มีแววขำขันเอ็นดู

    นิชิโอะหันไปพูดกับลูกสาว “เรารบกวนครอบครัวโทยะมามากพอแล้ว ขอบคุณซะสิ”

    คิคุนะโค้งให้สองสามีภรรยาโทยะจากบนเตียง เหลือบมองฮิคารุกับอากิระบ่อยๆ ดวงหน้าซีดปรากฏรอย
    สีชมพูจางๆ เด็กหนุ่มทั้งสองรู้สึกกระอักกระอ่วน เค้าต้องรู้แล้วแน่...แล้วจะทำยังไงต่อดี......

    “ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร...” โคโยกล่าวอย่างเมตตา “คงหมดธุระแล้ว ไปเถอะอากิระ” ครอบครัวโทยะเตรียมตัวออกจากห้อง มารดาของอากิระสะกิดถาม

    “กลับด้วยกันมั้ยจ๊ะ น้าจะไปส่ง” 

    “เอ่อ...คือว่า..." ฮิคารุจะปฏิเสธแต่เปลี่ยนใจเพราะคิดว่ามันเสียมารยาท

    “นายคงคิดว่าชั้นเป็นพ่อที่แย่มาก แต่ชั้นมีเหตุผลของตัวเอง” นิชิโอะพูดกับโคโย อดีตเมย์จินตอบกลับด้วยประโยคที่ดูเหมือนจะมีแต่ทั้งคู่ที่เข้าใจ

    “นายลืมคำสั่งเสียของคิเคียวไปแล้วหรือไง?”

    ด้วยปัญหาสุขภาพของอดีตเมย์จิน ครอบครัวโทยะไปไหนมาไหนด้วยรถตู้ขนาดเล็กที่มีคนขับรถประจำตัว 

    “ทำไมอาจารย์ถึงบอกว่า พ่อของคิคุนะบังคับให้คิคุนะเลิกเล่นโกะล่ะฮะ”

    โคโยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบ “ไม่ได้บังคับตรงๆ คนโง่เท่านั้นที่จะบังคับหรือสั่งโดยตรงให้ลูกของตัวเองฝืนทำอะไร โดยเฉพาะในสมัยที่ปู่กับแม่ของหนูคิคุนะยังมีชีวิตอยู่"

    "เพราะฉะนั้น เจ้านั่นก็เลยใช้วิธีปลูกฝังให้ลูกโตมาเป็นพวกแพ้ไม่เป็น ทั้งเชื่อมั่น ทั้งยึดติดกับภาพลวงของคำว่าชัยชนะ ทั้งเรื่องส่งให้ไปอเมริกา ถูกหล่อหลอมด้วยแนวความคิดของโลกตะวันตก มันอาจดีในเชิงธุรกิจ แต่ไม่ใช่กับหมากล้อม มันสวนทางกัน นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เด็กคนนี้ถึงทำใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีทางชนะอากิระ”

    ฮิคารุเข้าใจประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ก็พอจับใจความสำคัญได้กับคำว่า’ แพ้ไม่เป็น’ มืออาชีพที่ทำใจกับความพ่ายแพ้ไม่ได้ก็ทนอยู่ในวงการไม่ได้ ในวงการหมากล้อม คนที่ชนะได้ซัก 70 ใน 100 กระดานก็ถือเป็นมือระดับ top แล้ว คำว่าแพ้อยู่ในชีวิตของนักหมากล้อมส่วนใหญ่มากกว่าชนะเสียอีก

    “ผมไม่ได้ศึกษาถ่องแท้หรอกนะฮะ แต่ผมว่าปรัชญาตะวันออกมันล้าสมัยกว่าตะวันตก ทุกวันนี้อะไรๆ ก็เป็นตะวันตกไปหมด อย่างโกะที่เป็นเครื่องมือของปรัชญาตะวันออกก็มีคนเล่นน้อยลงเรื่อยๆ” ฮิคารุแสดงความเห็น

    “แนวความคิดทุกอย่างย่อมต้องเปลี่ยนแปลง คนที่นำมาปรับใช้ได้จะทันสมัยตลอดไป คนที่นำมาปรับใช้ไม่ได้จะล้าสมัยตลอดไป” อดีตเมย์จินผู้ผ่านโลกมามากกล่าวตอบ

    อันที่จริงฮิคารุพอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทาคาสึคาสะ นิชิโอะ กับ โทยะ โคโย มาบ้าง ด้วยว่าอากิระฟังมาจากแม่แล้วเอามาเล่าให้ฮิคารุฟังอีกต่อหนึ่ง 

    โคโยกับนิชิโอะเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเรียนไคโอ แต่ภายหลังห่างกันไปเพราะนิชิโอะหันไปเอาดีทางสายธุรกิจ ส่วนโคโยไปเอาดีทางโกะ ทั้งสองเริ่มผิดใจกันตั้งแต่นิชิโอะไม่เห็นด้วยที่โคโยจะไปเป็นมืออาชีพ ด้วยว่านิชิโอะเห็นตัวอย่างจากพ่อของตัวเอง ซึ่งเป็นมืออาชีพที่ไม่ประสบความสำเร็จและต้องทนเห็นคนรุ่นใหม่ฝีมือดีกว่าข้ามหัวไปตลอด แต่โคโยก็ไปเป็นมืออาชีพ แถมยังไปได้ดีเกินคาด ในสมัยยังหนุ่มใจร้อนนั้น ไม่แปลกที่โคโยจะคิดว่านิชิโอะ ‘อิจฉา’ ทำให้ทั้งสองไม่ถูกกันเท่าไหร่ บวกกับหลายปีผ่านไปทั้งสองมีชื่อเสียงในวงสังคมในฐานะ ‘นักหมากล้อมชั้นนำของญี่ปุ่น’ กับ ‘นักธุรกิจชั้นน้ำของญี่ปุ่น’ บริษัทในเครือตระกูลทาคาสึคาสะ พยายามขอเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้ นิฮอน คิอิน (สมาคมโกะญี่ปุ่น) แต่ได้รับการทัดทานจากนักเล่นโกะขวัญใจประชาอย่างโคโย ทำให้ต้องถึงขั้นเปิดบอร์ดประชุม แสดงความคิดเห็นกัดกันผ่านสื่อตลอด ทั้งยังไม่นับรวมที่บริษัทลูกของตระกูลทาคาสึคาสะยังให้การสนับสนุน ลีกระดับชาติของจีนอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งในใจของนักเล่นโกะญี่ปุ่นทุกคนก็ ‘ต่อต้านหน่อยๆ’

    นี่เป็นสาเหตุ แต่ถึงอย่างนั้น ฮิคารุก็คิดว่าคำว่าเพื่อนกัน ยังไงก็ตัดไม่ขาด

    กลางดึกคืนนั้น โปรสองดั้งนอนก่ายหน้าผากเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียง คิดถึงแค่เรื่องของคิคุนะแล้วรีบสลัดออกไป พรุ่งนี้เรายังมีแมตช์ต้องแข่ง.... ทว่าพลันริมฝีปากนุ่มๆ ของเธอก็วิ่งเข้ามาในหัวอีก เวลาแบบนี้..ถ้าซาอิยังอยู่ก็ดี ฉลาดๆ อย่างซาอิ น่าจะรู้ว่าสมควรทำยังไงต่อไป.....

                                              

    หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ ฮิคารุกับอากิระก็ยุ่งติดต่อกันหลายวัน อากิระติดแข่งลีค ส่วนฮิคารุมีแข่งโอเทะไอ นอกเหนือจากงานแข่งก็ไปที่บ้านอาจารย์โมริชิตะทุกวัน ตอนนี้เขากลายเป็นศิษย์รักของอาจารย์โมริชิตะ ถูกอาจารย์เคี่ยวเข็ญให้ประชันกับโทยะ อากิระ ซ้ำร้ายยังจะออกเงินส่วนตัวให้ไปเก็บตัวเรียนวิชาโกะที่เมืองจีนแบบคุณอิสึมิซะอีก สร้างความกดดันทวีคูณให้กับฮิคารุ

    ช่วงปลายปีมีการแข่งขันโอเทะไอค่อนข้างถี่กว่าการแข่งขันประเภทอื่น เพราะช่วงต้นปีจะเป็นการสรุปผล ติดประกาศว่าใครได้เลื่อนดั้งบ้างก่อนจะประกาศผลอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม

    คนอื่นมีท่าทีสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นวายะ โอจิ คุณอิสึมิ คุณซาเอกิ คาโดวากิ ทุกคนมีคะแนนสะสมพอจะเลื่อนดั้งได้กันหมด รวมทั้งคนที่ไม่ต้องพูดถึงคือโทยะ

    “เมื่อไหร่ญี่ปุ่นจะเปลี่ยนระบบเป็นแบบเกาหลีซะทีว้า...” วายะบ่นทั้งๆ ที่ตัวเองก็สามดั้งเข้าไปแล้ว “พวกเกาหลีอ่ะ ไม่ต้องมานั่งเลื่อนทีละดั้งแบบพวกเราหรอก ถ้าเก่งจริงเอาชนะพวก 9 ดั้งได้เค้าก็ให้ 9 ดั้งไปเลย อย่างโคยงฮาดิ 9 ดั้งตั้งแต่อายุ 16 จนตอนนี้เป็นไง เป็นแชมป์ถ้วยชุนรันไปแล้ว ต่อไปชั้นว่า มือหนึ่งของโลกแหง”

    “หมอนั่นมันอัจฉริยะเกินคน” โอจิพูดขรึมๆ แต่ก็ไม่วายสนับสนุนสำนักโทยะ “แต่ฝั่งเราก็มีโทยะ”

    “ชั้นว่าโคยงฮายังเหนือกว่าโทยะ” วายะสรุป ชัยชนะในแพร์โกะเรียกความฮึกเหิมให้ดั้งหนุ่มพอดู

    เย็นวันศุกร์ ฮิคารุกำลังยืนคุยอยู่กับวายะและโอจิ หลังจากถูกคนอื่นๆ ที่อายุเกินสิบแปดทอดทิ้งไปเที่ยวผับกันหมด หลังจากที่คุยกันว่าจะแวะไปกินราเมนอร่อยซักชาม คิคุนะในชุดนักเรียนก็เดินเข้ามา

    “สวัสดีทุกคน” เธอเอ่ยทัก

    “อ้าว หวัดดี”

    “สวัสดีครับ”

    “ส...สวัสดี หายดีแล้วเหรอ?” คราวนี้ฮิคารุเก็บอาการหน้าแดงได้ไม่มิดด้วยซ้ำ

    “ไม่ได้ป่วยแล้วจะหายดีได้ยังไง” เธอเสียงเบาลงอย่างประหลาด

    “แล้ว....มีธุระเหรอ?”

    “เปล่า แค่มาหาคนเดินหมากด้วย”

    “เย็นป่านนี้เนี่ยนะ”

    “อือ”

    “ไม่ไหวมั้ง....” ฮิคารุมองดูพวกมืออาชีพที่ทยอยกลับกันจนเกือบหมด สมาคมใกล้ปิด การแข่งขันที่ยังแข่งไม่เสร็จยังมีอยู่รายการเดียวคือฟูจิลีคที่กำลังฟาดฟันกันอยู่ชั้นบน

    “งั้นไปดูแข่งชั้นบนกันเถอะ” คิคุนะยิ้มอย่างกระตือรือร้น วันนี้อากาศไม่ดีนัก ฝนตกฟ้ามืด บรรยากาศบนชั้น 5 ก็เงียบฉี่ ทั้งสองหลบมุมดูเชิงอยู่ก่อน ไม่อยากพรวดพราดเข้าไป สักครู่หนึ่งก็เห็นแสงแฟลชวูบ เสียงปรบมือของคนประมาณ 10 คน เสียงพูดคุยแสดงความยินดี

    นักเล่นโกะอายุประมาณรุ่นอาจารย์โองาตะ เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายินดี ฮิคารุจดจำออกว่าเป็นมือระดับ 7 ดั้งที่ฟอร์มดีสุดๆ ปีนี้ อากิระเดินตามออกมาด้วยสีหน้าปกติ

    “โทยะคงแพ้มั๊ง”

    “สงสัยจะใช่”

    “ไม่น่าเชื่อ คู่แข่งเก่งขนาดนั้นเชียว”

    “ใครจะรู้....”

    อากิระไม่ทันสังเกตฮิคารุกับคิคุนะในซอกหลืบขณะที่เดินปลีกตัวออกมา ถอนหายใจหนักด้วยความเหนื่อย

    “หวัดดี โทยะ” ฮิคารุทักขึ้นก่อน โปร 4 ดั้งทำหน้าเซอร์ไพรซ์

    “คิคุนะซัง สบายดีแล้วเหรอ?”

    “อืมม์....." เด็กหญิงแค่รับคำ เสียงเบากว่าตอนพูดกับฮิคารุเสียอีก

    ศึกชิงนางปะทุขึ้นโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

    “งั้น...ซักเกมมั้ย?” ฮิคารุถามคิคุนะ เธอพยักหน้า แล้วหันไปถามโทยะด้วยเสียงกระด้างกว่ามาก “แล้วแข่งเป็นไงมั่ง?”

    “ก็แพ้ ขอบคุณที่ถาม” อากิระไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

    ฮิคารุชักชวนคิคุนะให้ไปนั่งเล่นกันที่ชั้นสองซึ่งยังไม่ปิด อากิระเดินตามไปด้วยเหตุผลว่าว่าง หลังจากนั้นคู่แข่งชั่วชีวิตทั้งสองก็แข่งขันกันเอาใจเธอจนกลายเป็นสงครามย่อมๆ

    เริ่มจากเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง (ฮิคารุได้ก่อน) หยิบน้ำชามาให้ (อากิระได้ก่อน) เล่น (กับฮิคารุ) ชวนไปทานอาหารเย็น (อากิระ) คิคุนะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างสงครามประสาท เธอพยายามทำตัวปกติที่สุด แต่จนแล้วจนรอด รอยจูบที่ประทับริมฝีปากยังคงตามมาหลอกหลอน ทำให้เธออ้าปากพะงาบเป็นปลาทองเพื่อจะถาม แต่ความอายสะกดกลั้นให้กล่องเสียงหยุดทำงาน

    ทั้งสามไปดินเนอร์กันที่ร้านพิซซ่าหัวมุมถนน น่าแปลกที่มีคนไม่มากนักทั้งๆ ที่เป็นเย็นวันศุกร์ ฮิคารุได้เลื่อนเก้าอี้ให้คิคุนะนั่ง

    “สั่งเลย ชั้นเลี้ยงเอง” อากิระชิงบอกตัดหน้า

    “อยากทานอะไร” ฮิคารุเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมของเส้นผมยาวสลวย ช่วยเด็กหญิงพลิกหน้ากระดาษเมนู

    “เอ่อ...คือ...” คิคุนะมีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่เคยเห็นเพื่อนทั้งสองที่ไม่เคยคิดเรื่องอะไรนอกจากโกะมีพฤติกรรมประหลาดแบบนี้มาก่อน

    “เอาน้ำอะไร น้ำเปล่าหรือ....” อากิระถามขึ้น

    “เอาโคล่า”

    “โคล่าสองครับ” โปรสี่ดั้งกับสองดั้งพูดออกมาพร้อมกันแล้วมาเขม่นใส่กันทีหลัง

    คิคุนะมองฮิคารุสลับกับอากิระ ถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้

    “วันนี้นายสองคนเป็นอะไร?”

    “เปล่านี่” ฮิคารุตอบทันควัน

    พิซซ่ามาถึง ทั้งคู่แย่งกันคว้ามีดตัดพิซซ่า หนุ่มผมบลอนด์ฉวยได้ก่อน เขาบรรจงตักพิซซ่าให้คิคุนะ ให้ตัวเอง แล้วก็โยนส่งๆ ให้อากิระแทบโดนหน้า ซึ่งเขาก็แก้แค้นกลับด้วยการส่งแก้วโคล่าให้แล้วทำหกใส่พิซซ่า ฮิคารุโดยไม่ตั้งใจ

    คิคุนะกลอกตา สองคนนี้จะทำตัวงี่เง่าไปถึงไหน เธออึดอัดจนแทบลุกหนีอยู่รอมร่อ ก้มหน้าก้มตากิน พยายามระมัดระวังไม่หยิบอะไร แต่ด้วยความกังวลบวกกับความระมัดระวังเกินเหตุ เด็กหญิงก็ทำพลาดจนได้ แก้วน้ำโคล่าเจ้ากรรมดันหลุดจากมือ กระฉอกเปื้อนกระโปรงสีเทา แล้วร่วงลงไปกลิ้งหลุนๆ อยู่ใต้โต๊ะที่เจิ่งนองด้วยน้ำสีน้ำตาล อากิระกับฮิคารุลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้นัดหมาย คนนึงหยิบผ้าเช็ดหน้า ส่วนอีกคนนึงหยิบกล่องกระดาษ คิคุนะเด้งขึ้นมาจากเก้าอี้ราวติดสปริง

    “นาย! สองคน! อย่าเข้ามาใกล้ชั้นอีก แม้แต่ก้าวเดียว” เธอถอยห่างออกมา ถอยไปจนใกล้ประตูแล้วจ้ำอ้าวจากไปโดยไม่สนใจจะเช็ดรอยเลอะบนกระโปรง ปล่อยให้ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่หลายวินาทีด้วยความรู้สึกผิดซ้ำสอง การกระทำเหล่านี้ทำให้เรื่องราวแย่ลงไปอีก

    “เราต้องคุยกัน” อากิระเสียงเครียด นั่งลงจัดการกับพิซซ่า

    “คุยอะไร ไม่เห็นรึไง นายทำเค้าหนีไปแล้ว” ฮิคารุกล่าวอย่างหงุดหงิด

    “นั่นสมควรจะเป็นเราทั้งคู่” อากิระสวนกลับ “ชั้นจะไม่บอกให้นายถอย เพราะการตัดสินใจอยู่ที่คิคุนะ เราสองคนได้แต่พยายาม”

    “เฮอะ! แต่ถ้าคิคุนะไม่อยู่ตรงนี้ให้พยายามแล้วจะทำไง เราต้องหาวิธีที่ไม่หลอนเค้าขนาดนี้” ฮิคารุพูดอย่างดุดัน

    ทั้งคู่ก้มหน้าก้มตากินพิซซ่าไปพักใหญ่ ดวงตาที่มองพิซซ่านั้นเหมือนดวงตายามแข่งโกะที่พร้อมจะฉีกคู่ต่อสู้เป็นชิ้นๆ

    “ฉันได้ความคิด” อากิระพูดช้าๆ อย่าไตร่ตรอง “ถ้าเราเข้าหาคิคุนะพร้อมกัน แล้วมานั่งขัดขากันเอง เค้าก็จะรู้สึกแย่ แล้วเราทั้งคู่จะเสียคิคุนะไป ถูกมั้ย?”

    “ถูกต้อง”

    “เพราะฉะนั้นเราต้องผลัดกันเข้าหาคิคุนะ”

    “ยังไง ว่ามา”

    “เราสองคน ผลัดกันเดทกับคิคุนะคนละ 1 วัน แล้วให้เค้าเลือก”

    พรวด!! ฮิคารุขย้อนโคล่าออกมาหมดปาก เบิ่งตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าแผนการแบบนี้จะออกมาจากปากของคนอย่างอากิระ เขาทำท่าคัดค้านสุดฤทธิ์

    คิคุนะไม่ใช่ของเล่น!!” เขาเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมามอง

    “หรือนายมีวิธีที่ดีกว่า” อากิระย้อนถาม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของฮิคารุหรี่ลงอย่างใช้ความคิด

    “ไม่ตกลง” ฮิคารุตอบ “ยังไงคิคุนะก็ไม่แฮปปี้แน่ๆ ถ้ารู้เข้าทีหลัง”

    “คิคุนะไม่จำเป็นต้องเลือกเราคนใดคนหนึ่ง เค้าจะไม่เลือกเลยก็ได้” อากิระเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น เฝ้ารอคำตอบของฮิคารุ

    “บอกแล้วไง คิคุนะไม่ใช่ของเล่น” ฮิคารุย้ำอย่างมีอารมณ์

    “งั้นนายก็ตกลงจะเล่นแบบนี้ต่อไป ไล่ต้อนคิคุนะจนขวัญกระเจิง ก็ดี ชั้นคงไม่มีโอกาสชนะนายนอกจากบอกความจริงกับคิคุนะเรื่องที่....”

    “สรุปว่านายจะเลือกเล่นวิธีเลวๆ อย่างนี้เหรอ”

    “ก็มีวิธีแฟร์แล้วนายไม่เอานี่”

    “นี่ไม่ใช่เกม”

    “นี่แหละเกม ชีวิตก็คือเกม”

    “ตกลงก็ได้” ฮิคารุตอบหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ยังไงเขาก็ได้เปรียบโทยะในทุกด้าน จากที่ประเมินเขาไม่เห็นเลยว่าเขาจะแพ้เจ้าโทยะได้ยังไง แต่ความเป็นนักเล่นโกะสอนให้เขาระแวงไว้ก่อนเสมอ คู่ต่อสู้ที่ยังลงแข่งถึงแม้จะรู้ว่าแข่งยังไงก็แพ้นี่แหละที่น่ากลัว 

    “ดูว่าใครได้เริ่มก่อน” อากิระหยิบเศษกระดาษมาเขียนตัวเลขแล้วคว่ำลงอย่างรวดเร็ว ฮิคารุทายโดยอัตโนมัติ 

    “คี่”

    อากิระเปิดกระดาษ เลขที่เขียนไว้คือ 5

    “นายเริ่มก่อน”

    “หึ เริ่มก่อนได้เปรียบ” เลือดลมในตัวเขาเริ่มวิ่งพล่าน ซีพียูในหัวเริ่มการทำงาน คิดคำนวณแผนการ เขาถูกท้าทายมากเกินไปแล้ว โดยเฉพาะกับศัตรูที่ไม่มีคำว่ายอมแพ้ให้ง่ายๆ อย่างโทยะ

    “เหรอ ชั้นถือกฎหัวเราะทีหลังดังกว่า” อากิระยอกย้อน

    Let’ s the game begin.

                                                   




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×