ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อมณลดา สาปต้องรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ - ประกายสายตา 100 %

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 137
      0
      13 ก.ย. 66


    บทนำ - แสงนัยน์ตา


    ใกล้แค่ไหนคือไกล ต่อให้ภพชาติไหน ก็ไม่มีวันได้ครองคู่กัน’

     

    ชนม์ชนิดาภาตัดสินใจย้ายออกจากบ้านที่มีเนื้อที่กว่า 50 ไร่ บ้านที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกตารางนิ้ว บ้านที่เต็มไปด้วยของมีค่าหายากมากมาย บอกความร่ำรวยของคนที่ครอบครอง มีแม้กระทั่งสนามกอล์ฟ และแน่นอนว่าเธอเป็นเพียงลูกสาวแม่บ้านที่รับใช้คนในตระกูลนี้

    ใช่ ชนม์ชนิดาภา เป็นเพียงลูกสาวคนงานเท่านั้น!

    แม้ว่าคนพวกนั้นจะเอ็นดูเธอมากก็ตาม

    ชนม์!”

    เสียงเรียกที่ฟังแล้วออกจะแตกตื่นตกใจ ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะโผล่พรวดมาที่ประตูบ้านสองชั้น บ้านไม้อันร่มรื่นและรายรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้าและข้างบ้านมีสวนดอกไม้งดงามคล้ายบ้านในแถบชนบท แม้จะอยู่ในบริเวณเดียวกับคฤหาสน์หลังโอ่อ่าที่มีการปลูกสร้างให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าแม่บ้านและคนทำงานที่นี่ทุกคนจะมีบ้านพักราวกับบ้านตัวเองอย่างนี้ได้

    นั่นเพราะชนม์ชนิดาภาและแม่ได้รับอภิสิทธิ์พิเศษต่างหาก แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ...เจ้าของร่างสูงกว่า 180 เซนติเมตร กำลังยืนหอบแฮ่กด้วยสีหน้าที่ซีดขาวเพราะเหนื่อยจากการวิ่งมาอย่างรีบร้อน

    นาคเทพ วิ่งมาจากหนทางไหนไม่รู้ แต่วินาทีที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยชุดสูท ในมาดของ CEO บริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งเนื้อทั้งตัวประดับไปด้วยของแพงหูฉี่แบบที่เธอไม่อาจเทียบได้ด้วยเลย

    ชนม์ชนิดาภามองเขา มือของเธอจับหูกระเป๋าลากเอาไว้แน่น เธอตัดสินใจออกจากบ้านหลังนี้โดยบอกกล่าวพ่อแม่ของเขาแล้ว รวมถึงแม่ตัวเอง และแน่นอนว่าพวกท่านยังอยากให้เธออยู่ที่นี่ต่อไป

    ทุกคนทำหมือนว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวคนงานแต่เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวคนหนึ่ง แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร...ในเมื่อทั้งเธอและแม่ทำงานแลกกับเงินที่ครอบครัวของนาคเทพคอยจุนเจือมาเกือบทั้งชีวิต

    หญิงสาวไม่พูดอะไรออกมา นอกจากก้าวขาและลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า แม้นาคเทพจะขวางทางเอาไว้หน้าประตูก็ตาม แต่เธอไม่สน

    ชนม์!” เสียงของเจ้านายหนุ่มดุดันขึ้น มือสองข้างของเขาเกาะขอบประตูสองด้านแน่น นาคเทพมองเธอตาถลึงออกมาด้วยความโกรธจัด ประมาณว่า…หากอยากลองดีก็เอาสิ แต่ถึงชนม์ชนิดาภาจะกลัวเขาจับหัวใจมากแค่ไหน ในคราวนี้...นาคเทพก็ไม่สิทธิ์มาขวางทางเอาไว้

    ถอยไปเถอะค่ะ เรื่องนี้ชนม์คุยกับคุณป้าและคุณลุงแล้ว พวกท่านอนุญาตให้ชนม์ไป” แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม ชนม์ชนิดาภาไม่ได้พูดออกไป เธอรู้ว่านาคเทพเองก็รู้ว่าพ่อแม่ของเขาคงรั้งเธออย่างถึงที่สุดแล้ว แต่ไม่อาจห้ามได้

    แต่พี่ไม่เห็นรู้เรื่องว่าชนม์จะไป! และพี่จะไม่ยอมให้ชนม์ไปไหนทั้งนั้น”

    บางเรื่อง พี่นาคก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของชนม์ สิ่งที่พี่นาคควรรู้และใส่ใจให้มากที่สุด...คือเมียและลูกของพี่ต่างหาก”

    หญิงสาวไม่ได้พูดจาประชดประชันขายหนุ่มแต่อย่างใดเลย เพราะเธอกับเขาไม่มีความสัมพันธ์อย่างอื่นมาเกี่ยวข้องนอกจากเจ้านายและลูกน้องที่คอยทำหน้าที่ของตัวเองไปวันๆ และถึงเธอจะรู้อยู่เต็มอกว่านาคเทพชอบเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทว่ายิ่งเขาเข้าใกล้มันก็เหมือนมีบางอย่างผลักเธอให้ถอยห่างออกมาตลอด

    ความรู้สึกนี้มันกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุและเวลา เพราะหากย้อนกลับไปตอนที่พบเจอกันนั้น เธอกับนาคเทพสนิทสนมกันราวกับพี่น้องที่คลานตามกันออกมาด้วยซ้ำ

    ทว่าพอโตขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยิ่งดิ่งลงเหว จนถึงขั้นอยู่ร่วมบ้านเดียวกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

    ขณะที่คนทั้งคู่สบตากันด้วยความมุ่งมั่นเพื่อจะเอาชนะ ประเภทไม่มีใครยอมใครก่อน ก็มีลมวูบหนึ่ง พัดเข้ามาปะทะกับร่างของนาคเทพ จนเขาแทบปลิวและปล่อยมือจากขอบประตู

    ลมลูกนี้พัดรุนแรงมากปานพายุ มือทั้งสองข้างที่เกาะขอบประตูเพื่อขวางกั้นชนม์ชนิดาภากำลังต้านทานพลังไม่ไหว แต่เขาไม่ยอมแพ้ ออกแรงเพิ่มอย่างสุดกำลังเท่าที่ตนจะทำได้

    นาคเทพเม้มริมฝีปากแน่น ต่อให้มีอุปสรรค แต่ความดื้อดึงของเขาก็ไม่มีอะไรมาต้านทานได้เช่นกัน ในเมื่อลมวูบนั้นมาจากการสั่งฟ้าสั่งฝนได้ มันก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าประกายสายตาของชนม์ชนิดาภาเลย

    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือฝีมือของเธอ เวลานี้หญิงสาวกำลังโกรธจัดและไม่อาจควบคุมพลังที่มีอยู่ในตัวเองได้ เธอเรียกลมพายุมาเพื่อพัดพาเขาออกไปจากชีวิต และ ณ เวลานี้ดวงตาของเธอกำลังเปลี่ยนสีไปจากเดิม

    ดวงตาของชนม์ชนิดาภา ปกติแล้วเป็นสีน้ำตาล แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีน้ำเงินไปแล้ว

    “ชนม์บอกให้พี่นาคถอยไปไง!“ หญิงสาวแผดเสียงดังขึ้น พร้อมกับน้ำตา “พี่นาคก็รู้ว่าชนม์ไม่ใช่คน..”

    ชนม์ชนิดาภาทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ก่อนที่เธอจะเอาหน้าฟุบลงกับหัวเข่าที่ชันขึ้น และก้มหน้าฟูมฟายอยู่แบบนั้น และในตอนนั้นแหละที่พายุค่อยๆ สงบลง

    นาคเทพเห็นสภาพชนม์ชนิดาภาแล้ว เขาก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก ชีวิตของชนม์ชนิดาภามีความหมายและความผูกพันธ์บางอย่างที่เชื่อมใจระหว่างเขากับเธอเอาไว้ด้วยกัน บางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคือ พรหมลิขิตหรือว่า เวรกรรม จากชาติปางก่อน

    ถึงนาคเทพจะชอบเธอ รักเธอ และหวงแหนเธอมากแค่ไหน แต่เขากลับไม่อาจปกป้องชนม์ชนิดาภาคนที่ตนรักสุดหัวใจได้ ปล่อยให้คนในบ้านทำร้ายเธออย่างไม่น่าให้อภัย หรือว่า...การปล่อยให้เธอไปอย่างที่ใจเธอต้องการมันจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

    “พี่ขอโทษนะชนม์ ขอโทษจริงๆ ที่พี่ช่วยชนม์ไม่ได้เลย” นาคเทพเดินเข้ามาหาชมน์ชนิดาภา ก่อนจะสวมกอดเธอไว้ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ อย่างคนที่ตัดสินใจทุกอย่างดีแล้ว “เอาล่ะ ถ้าชนม์จะไปพี่จะไม่ดื้อดึงรั้งชนม์อีก ถ้าที่นั่นมีความสุข พี่ก็ยินดีกับชนม์ด้วย”

    ไม่ใช่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายเจ็บปวดเพียงคนเดียวเสียเมื่อไหร่ บางทีคนที่เจ็บปวดกว่าอาจเป็นคนที่เธอไม่เคยแยแสมองกันเลยก็ได้ นาคเทพแอบซ่อนสายตาที่แดงก่ำเอาไว้ เขาทั้งพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ และฝืนยิ้ม แม้หัวใจจะปวดหนึบมากก็ตาม

    เมื่อเขาอ่อนข้อให้อย่างที่ไม่เคยยอมให้ใครมาก่อน ชนม์ชนิดาภาก็เงยหน้าขึ้น จังหวะเดียวกับที่นาคเทพคลายอ้อมกอดของเขา และกำลังรอให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองสบตากันเป็นครั้งสุดท้าย

    “อย่างร้องไห้เลยนะ..” เป็นนาคเทพเองที่แววตาสั่นไหวระริกคล้ายกำลังจะเสียน้ำตา การอกครั้งใหญ่ทั้งที่ตนมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีพยายานรักร่วมกันหนึ่งคนด้วย แต่ทำไมเขาถึงรัก ปรินวรา ได้ไม่ถึงครึ่งที่รักชนม์ชนิดาภาเลย

    ทำไมกัน?

    ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ยังคงไหลเป็นทางอาบแก้มหญิงสาวอย่างเงียบ แม้ว่าตนเองจะเจ็บปวดราวกับถูกคมมีดนับหมื่นเล่นทิ่มแทงหัวใจ แต่สิ่งที่ทำให้ชนม์ชนิดาภาสบายใจได้คือการฝืนยิ้มให้

    “พี่ขอโทษถ้าที่ผ่านมา พี่ทำให้ชนม์ลำบากใจในหลายเรื่อง” เขาบอก “แต่พี่อยากให้ชนม์รู้อะไรไว้สักอย่าง ต่อให้ชนม์ไม่ใช่คน หรือเป็นคนที่ต้องคำสาป หรือแม้แต่คนทั้งโลกจะหันหลังให้ชนม์ ชนม์ช่วยอย่าลืมได้ไหม....ว่ายังมีพี่ที่ยืนรอชนม์อยู่ตรงนี้ พี่จะรักชนม์ของพี่ตลอดไป รัก...อย่างที่ไม่มีใครในโลกจะรักชนม์ได้อีก”

    ...และพี่จะแก้แค้นทุกคนที่ทำให้ชนม์เจ็บอย่างสาสม!

    นาคเทพพูดด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยนก่อนจะสวมกอดชนม์ชนิดาภาด้วยความอบอุ่นอีกครั้ง การจากลาของเธอจะต้องไม่มีแค่เขาที่เจ็บปวด แต่คนอื่นก็ต้องเจ็บปวดไม่ต่างกัน

    “ขอบคุณนะคะพี่นาค” ชนม์ชนิดาภากอดนาคเทพตอบ อย่างไรเสียเขาและเธอก็สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าจากนี้เป็นต้นไปเธอจะต้องค้นหาคำตอบและตัวตนที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในตัวเอง เธออาจจะต้องเผชิญความกลัวอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่การที่ตนและนาคเทพเคลียร์ความบาดหมางในใจลงได้ มันเป็นอะไรที่ทำให้ชนม์ชนิดาภาสบายใจที่สุด

    นาคเทพไม่ได้ตอบอะไร ใบหน้าที่ยังแนบชิดอยู่กับไหล่ของหญิงสาว นัยน์ตาของเขาเองก็มีประกายสีแดงฉานวาบขึ้นมาเช่นกัน

    ถ้าชนม์ชนิดาภาไม่ใช่คน เขาเองก็คงไม่ต่างจากเธอ!

     

     


     แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม

    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×