ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงชิดใจ

    ลำดับตอนที่ #6 : เพียงชิดใจ :: บทที่ 05 ตอน โอกาส(จีบ) 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 62



    เพียงชิดใจ
    (นวนิยายรักชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูดอกรักผลิบาน)

    12 Flowers in Season for Your Winter Wedding

    || บทที่ห้า ||

    _____________________________________________________________________

    โอกาส (จีบ)



    “มีใครมาจีบคุณจันทร์หรือครับ” พอเห็นหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจของเด็กสาว อรรถการก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “หรือว่าคุณจันทร์กำลังแอบชอบใคร ถึงได้ถามอาแบบนี้”

    “เปล่าเลยค่ะ จันทร์แค่อยากรู้เฉยๆ” คนในชุดนักศึกษารีบส่ายหน้าให้กับคำถามของอรรถการทันที ยิ่งพอเห็นสายตาของเลขาฯ ผู้ภักดีต่อเจ้านายเหล่มองเธอผ่านกระจกมองหลังด้วยแล้ว เพียงชิดจันทร์ก็ยอมเปิดปากบอกความจริง “ก็เรื่องที่จันทร์มีเรื่องกับรุ่นพี่ที่มหาลัยฯ ไงคะ อาแดนเล่าให้อาอรรถฟังมั้ยคะ”

    “อาพอทราบมาบ้างครับ คุณแดนพอเปรยๆ ให้ฟังบ้างนิดหน่อย”

    อรรถการโกหกเด็กสาวเต็มปากเต็มคำ เพราะเขาไม่ได้แค่พอทราบมาบ้างอย่างที่บอกกับเพียงชิดจันทร์ แต่เขารู้เรื่องทั้งหมดดีมากด้วยซ้ำ นั่นเพราะชายหนุ่มได้รับคำสั่งจากดรัณให้ไปสืบประวัติคนที่มีเรื่องกับหลานสาว คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมประวัติทุกคนเพื่อเอาให้เจ้านายดูอย่างละเอียด

    “ตอนนี้คลิปที่มีเรื่องกันว่อนเน็ตไปทั่วเลยค่ะ ดังข้ามมหาลัยฯ เลย จันทร์เองก็เห็นแล้ว น้าช้องเอามาให้ดู และก็ได้อ่านคอมเมนท์แล้วด้วย” หญิงสาวทำหน้ายุ่งเมื่อนึกถึงคำพูดของคนอื่นที่วิพากวิจารณ์เธอในแง่ลบ ทั้งที่คนพวกนั้นไม่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเธอและเรื่องที่เกิดขึ้นเลย

    “คุณจันทร์อย่าใส่ใจคำพูดคนอื่นเลยครับ” อรรถการพูดปลอบใจคนหน้าใส

    เธอเองก็ไม่อยากคิดมากกับคำพูดของคนอื่น แต่ก็ทำใจเมินเฉยปล่อยผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้เหมือนกัน เพียงชิดจันทร์รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนสวย รูปร่างก็ไม่ได้อรชรอ้อนแอ้นน่ามอง แต่งตัวก็แสนเชย แต่เธอแค่เป็นตัวของตัวเอง มันผิดด้วยหรืออย่างไร

    หญิงสาวไม่รู้ว่าโลกมันหมุนเร็วไป หรือว่าเธอเดินตามคนอื่นช้าไปกันแน่ ถึงได้ไม่เข้าใจกับตรรกะที่ว่าคนสวยย่อมมีชัยและอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่น ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของความรัก ปัจจุบันคนเรามองกันที่รูปลักษณ์ภายนอก มากกว่านิสัยใจคอที่อยู่ภายในแล้วหรือ ถึงได้ตัดสินคนแค่สิ่งที่สายตามองเห็นเท่านั้น

    “จันทร์ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของคนอื่นหรอกค่ะ แต่จันทร์แค่สงสัยว่าถ้าผู้ชายสักคนจะรักผู้หญิงไม่สวยเขาจะดูแย่ในสายตาคนอื่นหรือเปล่าคะ หรือว่าผู้หญิงที่ไม่สวยจะไม่มีสิทธิ์มีคนรักเหมือนกับผู้หญิงที่สวยๆ ได้เลย” ถึงจะบอกว่าไม่ใส่ใจกับคำพูดของคนอื่น แต่ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกมาของหญิงสาวดูมีความกังวลมาก “หลายคนบอกว่าจันทร์ไม่มีอะไรดีเทียบแฟนเขาได้เลย แต่จันทร์เรียนเก่งนะ”

    “พูดแบบนี้คุณจันทร์คงไม่คิดจะลงไปเป็นคู่แข่งกับเด็กผู้หญิงคนนั้นหรอกใช่มั้ยครับ”

    “ไม่ค่ะ จันทร์ไม่คิดแย่งแฟนใคร มันผิดศีลธรรม”

    “คุณจันทร์คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วครับ แต่อาอยากจะบอกคุณจันทร์ว่าคุณจันทร์ยังเด็ก คนรอบข้างคุณจันทร์ก็เด็กๆ ทั้งนั้น เลยคิดและตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่ตัวเองมองเห็น”

    อรรถการคิดเช่นนั้น เขาเองผ่านวัยยี่สิบต้นๆ มาก่อน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเด็กวัยนี้มีความคิดความอ่านอย่างไร ตอนวัยรุ่นคนเรามักจะมองและตัดสินคนอื่นจากภายนอก คนที่มีหน้าตา รูปลักษณ์โดยรวมดูดีจะได้รับความสนใจจากคนรอบข้างมากกว่าคนอื่น

    อรรถการเอ็นดูเพียงชิดจันทร์เหมือนน้องเหมือนหลานคนหนึ่ง เลยไม่อยากให้หญิงสาวเก็บคำพูดของคนเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์จนทำให้ตัวเองต้องคิดมาก

    “อาอรรถว่าจันทร์เด็กหรือคะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่เลขาฯ คนสนิทของอาตัวเอง

    “อาอยากให้คุณจันทร์มองอะไรที่ไกลกว่านี้สักหน่อย คนเราไม่ได้ชอบใครสักคนที่หน้าตา รูปร่าง หรือฐานะชาติตระกูลหรอกครับ เอาเข้าจริง...เราต่างก็แค่ต้องการคนที่เข้าใจพร้อมจะอยู่กับเราได้ในทุกสถานการณ์” อรรถการใช้ความเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า อธิบายให้หญิงสาวฟังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พอโตขึ้นความคิดของเราก็จะเปลี่ยนไป ไม่ได้ชอบใครที่หน้าตา แต่จะมองลึกเข้าไปถึงนิสัยใจคอของคนนั้นต่างหาก”

    “เหมือนเพื่อนๆ ที่รักจันทร์ เพราะจันทร์เป็นจันทร์ใช่มั้ยคะ”

    “ใช่ครับ หน้าตา รูปร่าง อาจเป็นองค์ประกอบแรกที่ทำให้เราสนใจใครสักคน แต่ความจริงแล้วเรื่องของความรู้สึกมันซับซ้อนมาก พูดแบบตรงๆ คุณจันทร์ก็เคยเจอแฟนอานี่ครับ อานุชไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย แต่อานุชเรียบร้อย ขยัน ใจเย็น ทำอาหารอร่อย และยอมรับในข้อเสียของกันและกันได้...อาถึงรักอานุช แต่ถ้าอานุชทำตัวร้ายกาจ ขี้เหวี่ยงขี้วีน สร้างแต่เรื่องให้อาปวดหัว อาก็คงไม่คิดจะแต่งงานกับอานุชหรอก” อรรถการพูดถึง นุชวราภรรยาของตัวเอง

    “ต่อให้อานุชสวยมากๆ น่ะหรือคะ”

    “ความสวยไม่ใช่คำตอบของชีวิตคู่นะครับ สวยแต่นิสัยไม่ดีก็ไม่มีผู้ชายคนไหนโอเคหรอก” อรรถการยิ้มขำ เมื่อเห็นเด็กสาวพยักหน้าเข้าใจตาใสแป๋ว “คุณจันทร์เป็นเด็กน่ารัก คนรอบข้างทุกคนก็รักคุณจันทร์ทั้งนั้น ทั้งครอบครัวของคุณจันทร์เอง คุณแดน คุณย่า และคนที่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณจันทร์ ทุกคนที่อาพูดมาล้วนรักคุณจันทร์ในแบบที่คุณจันทร์เป็น เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นรักที่ไม่หวังอะไรตอบแทน รักด้วยหัวใจจริงๆ”

    “จันทร์เข้าใจแล้วค่ะ จันทร์จะไม่สนใจคำพูดของคนอื่นอีก แต่จันทร์จะสนใจคนที่รักจันทร์เท่านั้น” หญิงสาวยิ้มออกมา เธอรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่ได้พูดคุยกับอรรถการ

    “เอาเป็นว่าอาจะรายงานให้คุณแดนกับคุณดาริณรู้เป็นบางเรื่องนะครับ เอาเท่าที่จำเป็นจริงๆ”

    “อาอรรถใจดีจังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”



     

    วันต่อมา

    “สองคนนี้เป็นอะไร ทำไมขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าขนาดนี้ล่ะ”

    เพียงชิดจันทร์ถามสองแฝดทันทีที่เจอหน้ากัน วันนี้พวกเธอมีเรียนช่วงบ่ายเลยนัดเจอกันที่แคนทีนก่อน

    “ก็ไม่ได้นอนน่ะสิ” มณิหาทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนสาว พอวางกระเป่าสะพายลงเอาไว้บนโต๊ะปุ๊บ เธอก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีด้วยความง่วง

    “เห้อ ฉันไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเลยอ่ะจันทร์” มณิสรที่เดินตามฝาแฝดตัวเองมา ในมือมีแก้วกาแฟดื่มจนพร่องไปกว่าครึ่งแก้ว ก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างมณิกาด้วยใบหน้าที่อิดโรยไม่แพ้กัน “เพื่อนเครียด”

    “พวกแกเครียดเรื่องอะไร” เพียงชิดจันทร์มีสีหน้างุนงง “เพิ่งผ่านช่วงสอบกลางภาคไปเองนี่”

    “ไม่ใช่เรื่องสอบ เรื่องสอบไม่เครียดขนาดนี้” มณิกาเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ ก่อนจะมองหน้าใสๆ ของเพื่อนสาว “เมื่อคืนฉันสองคนนั่งกดบัตร Fan Meeting ของพี่ทานต์น่ะสิ”

    “แล้วเป็นไงรู้มั้ย ฉันกับไอม่านนั่งรอเวลา ถ่างตารอเลย แต่สุดท้ายก็กินแห้วทั้งคู่ ไม่มีใครจองได้” มณิสรพูดด้วยสีหน้าเซ็งสุดชีวิต

    “เปิดจองบัตรกี่ใบ” เพียงชิดจันทร์ถามอย่างสนใจ เธอไม่ได้สนใจนักร้องคนโปรดของเพื่อนสาวเลย แต่สนใจที่มณิสร เพื่อนที่ไม่ค่อยจะชอบใครแบบจริงจังทำหน้าเซ็งสุดชีวิตแบบนี้

    “งานพี่ทานต์น่ะเหรอ จัดแบบแนบแน่นแค่ร้อยคนเอง เสียดายอ่ะ” มณิสรบอกเพื่อน

    “ความจริงเราน่าจะมีสิทธิพิเศษบ้างเนอะ ในฐานะที่เรียนที่เดียวกันก็ได้” มณิกาแสดงความคิดเห็น แม้จะเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตาม

    “จริง ฉันเห็นด้วย” มณิสรตอบรับด้วยน้ำเสียงหมดอะไรตายอยากตามฝาแฝดของตัวเอง “เราควรได้สิทธิ์นั้น”

    เพียงชิดจันทร์มองเพื่อนสาวทั้งสองคนสลับกันไปมา เธอทั้งสงสาร เห็นใจ และนึกขำในเวลาเดียวกัน กับมณิกาน่ะไม่เท่าไหร่...เพราะมณิกาเป็นสาวสายละมุน ร่าเริง ชอบใครรักใครก็เชียร์ออกนอกหน้าอย่างเห็นได้ชัด และเธอก็มักได้ยินชื่อเสียงของนักร้องคนดังจากปากมณิกาบ่อยจนชินหู

    แต่กับมณิสร สาวหน้าหวานทะเล้นที่นิสัยและบุคลิกแตกต่างกับหน้าตาโดยสิ้นเชิงนี่สิ เพียงชิดจันทร์ไม่เคยเห็นมณิสรชอบใครมาก่อนเลยในชีวิต...โดยเฉพาะผู้ชาย ภาพที่เห็นจนชินตาคือเพื่อนของเธอตั้งท่าพร้อมจะมีเรื่องกับทุกคนมากกว่า ความแสบสันก็มาเป็นที่หนึ่ง เรื่องลับฝีปากก็เหมือนกัน มณิสรปากคมเสียยิ่งกว่าตระไกร

    ทว่าสีหน้าผิดหวังระคนอิดโรยอ่อนแรงเพราะนอนน้อยของเพื่อน ก็บ่งบอกได้ชัดว่ามณิสรคงชอบนักร้องคนนี้มาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมนั่งรอกดบัตรงาน Fan Meeting จนดึกดื่น

    “วันนี้พี่ทานต์มาเรียนมั้ย อยากถามแบบตัวต่อตัว” มณิสรฉุกคิดขึ้นได้

    ถึงเธอจะไม่มั่นใจว่าจะได้บัตรงาน  Fan Meeting แต่เพราะทยากรเรียนที่เดียวกับตัวเอง บังเอิญเจอกันก็บ่อยครั้ง ความหวังในใจอันน้อยนิดจึงเริ่มมีประกายความหวังขึ้นมาบ้าง ทว่าถึงอย่างนั้นถ้าเจอกันแบบ ตัวต่อตัวเธอก็เขินอายเกินกว่าจะเดินดุ่มๆ เข้าไปถามเขาอยู่ดี

    ในขณะที่กำลังคิดหาวิธีว่าจะเจอทยากรได้อย่างไรอยู่นั้น เหมือนฟ้าประทานพรทันตา จู่ๆ นักร้องหนุ่มคนดังก็เดินผ่านตึกคณะฯ ของพวกเธอราวกับว่าสรรค์ดลใจ เห็นใจแฟนคลับที่กดบัตร Fan Meeting ไม่ได้ให้ได้พบเจอทางสว่าง

    “เห้ย พรหมลิขิต!” มณิสรทำตาโตเท่าไข่ห่านพร้อมกับสะกิดมณิกาให้หันไปมองตามสายตาตัวเอง

    แต่สายตาของเพื่อนสาวทั้งสองคนก็ทำให้คนที่นั่งฟังเพลินๆ อย่างเพียงชิดจันทร์มองตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้

    ทยากรเป็นนักร้องหนุ่มที่กำลังมีชื่อเสียงและเป็นขวัญใจวัยรุ่น เพียงชิดจันทร์มองร่างสูงท่ามกลางแสงแดดจัด เขากำลังเดินผ่านตึกคณะฯ ของเธอไปโดยใช้หนังสือที่ถือติดมือมาด้วยบังหน้าเพื่อเป็นร่มเงาหลบแสงแดดอันร้อนจัด

    เพียงชิดจันทร์คิดในใจว่าวันนั้นที่เธอเดินชนเขาที่ร้านอาหาร ทยากรอยู่ในชุดสบายๆ เขาก็ดูดีมากแล้ว แต่วันนี้ ตอนนี้ ชายหนุ่มอยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กับกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง ขนาดเขาแต่งตัวไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ก็ยังดูดีมากไม่ต่างจากวันนั้นเลย

    แต่วันนี้เขาดูสดใส และน่ารักกว่าวันนั้นมาก

    “คนนั้นน่ะเหรอ พี่ทานต์ที่พวกแกคลั่งไคล้กัน” เพียงชิดจันทร์ถามเพื่อนทั้งสองคนที่มองตามรุ่นพี่คนดังตาไม่กระพริบเพื่อย้ำความแน่ใจ

    “แก โคตรบังเอิญเลยอ่ะ” มณิสรหันมามองเพียงชิดจันทร์ตาเชื่อมด้วยความปลาบปลื้มดีใจ สองข้างแก้มมีสีแดงเรื่อขึ้นอย่างน่ามอง

    “เขินอะไรขนาดนั้นไอเมี่ยง” เพียงชิดจันทร์ยิ้มขำเพื่อนตัวแสบประจำกลุ่ม “ร้อยวันพันปีแกเก่งกล้าสามารถกับทุกเรื่อง นี่แค่ผู้ชายเดินผ่านแกก็หวั่นไหวแล้วเหรอเมี่ยง”

    มณิสรไม่ตอบคำถามเพียงชิดจันทร์ ไม่สนคำแซว แต่กลับทำหน้าเขินอายเหมือนอยากจะกรีดร้องดีใจ แต่ต้องกลั้นเสียงแห่งความปลาบปลื้มนั้นเอาไว้สุดฤทธิ์สุดเดช

    “พี่ทานต์นี่เกิดมาเป็นเนื้อคู่ฉันแน่นอน พูดถึงปุ๊บ ก็โผล่มาปั๊บ”

    “อ่ะ พี่ทานต์เขาโผล่มาแล้ว แกก็ไปถามเรื่องบัตรดิไอเมี่ยง” มณิกาผลักฝาแฝดตัวเองให้ไปถาม

    ด้วยความที่เป็นแฟนคลับทยากรมานาน...มณิกาอยากเข้างานนี้จริงๆ เนื่องจากตั้งแต่ทยากรเข้าวงการบันเทิง จนเริ่มมีชื่อเสียง และตอนนี้ก็โด่งดังเป็นที่รู้จักของประชาชน นักร้องหนุ่มก็เพิ่งจะจัดงานของตัวเองครั้งแรกในชีวิต ทว่ามณิสรคนที่เคยเก่งกล้าสามารถกับทุกเรื่อง กลับส่ายหน้าหวือทันที

    “ไม่เอา ฉันเขิน” ไม่พูดเปล่า แต่พวงแก้มกลับยิ่งขึ้นสีจัดจนเห็นได้ชัด จากนั้นมณิสรก็โยนภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงไปให้มณิกาแทน “แกไปสิม่าน”

    “ไม่เอา ฉันก็เขินเหมือนกัน” มณิกาส่ายหน้าปฏิเสธแทบจะทันทีเหมือนกัน

    เธอชอบทยากรมากพอๆ กับที่มณิสรที่คลั่งไคล้อีกฝ่าย เพราะทั้งน้ำเสียงที่เท่ กอปรกับรูปลักษณ์เปี่ยมเสน่ห์ชวนมอง ทำให้เธอและมณิสรตั้งตัวเองเป็นแฟนคลับตัวยง ติดตามผลงานของนักร้องหนุ่มมาตลอด แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีใครกล้าเข้าไปถาม เข้าไปใกล้ นั่นเพราะกลัวตัวเองเขินจนเก็บอาการไม่อยู่

    พอทั้งสองคนเริ่มเกี่ยงกันไปมา ประกอบกับทยากรกำลังจะเดินห่างออกไปเรื่อยๆ โอกาสตรงหน้าที่มีกำลังจะดับลงในไม่ช้า จึงทำให้ทั้งสองสาวซึ่งตัดสินใจได้ในวินาทีสุดท้ายแทบจะพูดออกมาโดยพร้อมกัน

    “ไอจันทร์ แกไป”

    “ไปไหน?” คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความงุนงง เพราะอยู่ดีๆ งานก็เข้าเธอเสียอย่างนั้น

    “ไปถามพี่ทานต์คนดีให้พวกเราหน่อยสิจ๊ะ น่านะ” มณิสรยิ้มหวานเอาใจเพื่อนสุดฤทธิ์ “ลุกเลยแก เร็วๆ เดี๋ยวพี่ทานต์หนีหายไปก่อน”

    “ฉันเนี่ยนะ!

    “อืม!

    สองสาวฝาแฝดลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน จนในที่สุดเพียงชิดจันทร์ก็ทนแรงกดดันแกมขอร้องของเพื่อนไม่ไหว ยอมช่วยเพื่อนรักทั้งสองคนเพื่อให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งตารอคอย

    เพียงชิดจันทร์กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากแคนทีน หญิงสาวเดินไปตามทิศทางที่ร่างสูงเพิ่งเดินผ่านไป พอเจอตัวทยากร...เพียงชิดจันทร์ก็เร่งฝีเท้า ก่อนวิ่งไปดักหน้าชายหนุ่มเอาไว้

    “พี่ทานต์” หญิงสาวเรียกชื่อคนตรงหน้า ในขณะพยายามกอบโกยเอาอากาศหายใจเข้าปอด “พี่ทานต์ใช่มั้ยคะ”

    คนถูกเรียกอึ้งไป ทยากรนึกว่าตัวเองตาฝาดด้วยซ้ำที่เห็นเพียงชิดจันทร์มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมเรียกชื่อเขา ร้อยวันพันปีเขาทำได้แค่เดินผ่านใต้ตึกคณะฯ ของหญิงสาวหวังเพียงมองเห็นเธอแค่ไม่กี่วินาที แกล้งจอดรถเอาไว้ใกล้ๆ กับคณะฯ ของเพียงชิดจันทร์บ้างล่ะ แต่ตอนนี้คนที่เขาชอบยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

    นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

    “อ้าว น้องคนที่เดินชนพี่วันนั้นนี่” ชายหนุ่มแกล้งถามเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ในใจตื่นเต้นมาก “มีอะไรหรือเปล่า”

    พอเห็นหญิงสาววิ่งตามมาเหนื่อยๆ ชายหนุ่มเลยจับหนังสือในมือคอยพัดวีคลายร้อนให้ นี่ถ้าเขารู้ว่าเธอจะตามมาล่ะก็...คงจะเดินช้ากว่านี้อีกสักนิด

    “เราพักหายใจก่อนก็ได้” ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวหอบก็ไม่ได้คิดจะเร่งถามเธอในทีเดียว กลับกันเขายืนใช้หนังสือในมือพัดให้จนเพียงชิดจันทร์หายเหนื่อย แม้ใบหน้าใสๆ ของเธอจะยังมีเหงื่อซึมออกมาก็ตาม “โอเคขึ้นมั้ย”

    “จันทร์หายเหนื่อยแล้วค่ะ พี่ทานต์คะ...คือเพื่อนจันทร์ให้มาถามค่ะ” หญิงสาวถามออกไปในที่สุดทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาอาจกำลังจะรีบไปเรียนเธอก็เลยเปลี่ยนใจที่จะไม่ถามต่อ “พี่ทานต์กำลังจะไปเรียนใช่มั้ยคะ อย่างนั้นจันทร์ไม่รบกวนดีกว่า”

    เพียงชิดจันทร์เห็นว่าใกล้หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว หากเธอยังรั้งให้ชายหนุ่มคุยกับเธอต่อ...เขาอาจจะขึ้นไปเรียนสาย และอาจารย์ประจำวิชาอาจจะเช็คชื่อให้ชายหนุ่มขาดเรียนทั้งที่เขามาเรียนก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงรู้สึกผิดมาก

    เพียงชิดจันทร์มีท่าทีลังเลใจครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วหญิงสาวจึงตัดสินใจหมุนตัวกลับไปทางเดิมที่เพิ่งวิ่งมา เนื่องจากเธอไม่อยากเป็นสาเหตุทำให้ทยากรต้องเดือดร้อนและเสียเวลายืนคุยกับเธอจนไม่ได้ขึ้นเรียน

    คนหน้าใสตั้งใจว่าจะเดินกลับไปบอกเพื่อนทั้งสองคนว่าทยากรต้องรีบไปเรียนเลยไม่ได้คุยอะไรกัน แต่ในจังหวะที่เธอหันหลังหนี ตั้งท่าจะเดินจากไปเฉยๆ ทั้งที่ไม่มีคำกล่าวลาใดๆ ชายหนุ่มก็รีบรั้งข้อมือหญิงสาวเอาไว้ก่อน

    “ดะ...เดี๋ยวสิ” ทยากรรีบรั้งอีกฝ่ายไว้เพราะเขายังไม่ได้คุยกับเธอเลย โอกาสเดินเข้ามาหาเขาถึงที่แล้ว...ถ้าปล่อยมันหลุดลอยไป ไม่รีบเอื้อมมือคว้าเอาไว้ เขาคงเสียดายมาก “พี่พอมีเวลา”

    หญิงสาวหันกลับมาหาร่างสูงโดดเด่น เธอรู้สึกตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็ถูกนักร้องหนุ่มคว้าข้อมือหมับเอาไว้

    ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนถึงเนื้อถึงตัวเธอมาก่อน พอหยิงสาวถูกทยากรจับข้อมือเอาไว้หนาแน่นแบบนี้ เพียงชิดจันทร์เลยอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้

    เพียงชิดจันทร์ปรายสายตามองไปยังข้อมือตัวเองที่ถูกชายหนุ่มจับอยู่ เธอไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจ เพียงแต่สายตาของหญิงสาวกลับเต็มไปด้วยคำถามมากกว่า

    “คือ...พี่จะดึงเราเข้ามาหลบในร่มน่ะ ยืนคุยกันกลางแดดร้อนจะตายไป” พูดจบทยากรก็จับจูงพาหญิงสาวเข้าไปยืนใต้ร่มไม้ใหญ่ แม้ว่าจะเป็นการแก้ตัวก็ตามที แต่พอพาเธอเข้าไปหลบในร่มไม้แล้ว ชายหนุ่มก็ปล่อยมือหญิงสาวทันที “ว่าแต่เรารู้จักพี่ด้วยเหรอ”

    “ตอนแรกจันทร์ก็ไม่รู้จักพี่หรอกค่ะ” หญิงสาวยอมรับตามตรง

    “ว่าแล้วเชียว” คนดังแอบรำพึงรำพันกับตัวเองออกมาอย่างน้อยใจ ก่อนจะมองคนตรงหน้าแล้วส่งยิ้มอบอุ่นให้ “แล้วสรุปว่าเรารู้จักพี่ได้ยังไง”

    “เพื่อนจันทร์เอา MV เพลงของพี่มาให้ดูค่ะ เพลงใหม่ที่พี่ทานต์เพิ่งปล่อยออกมา จันทร์เลยเพิ่งรู้ว่าพี่เป็นนักร้อง”

    “อ๋อเหรอ” ทยากรพยักหน้ารับรู้ แต่ก็แอบยิ้มอย่างเขินอาย “แล้วนี่เราวิ่งตามพี่มามีอะไร ทำไมไม่เรียกล่ะ วิ่งตามมาก็เหนื่อยแย่สิ”

    ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องสนทนาด้วย แต่อย่างไรเขาก็อดดีใจไม่ได้ที่เพียงชิดจันทร์ดูผลงานของเขา

    “คือเพื่อนจันทร์น่ะค่ะ ให้จันทร์มาถามพี่ทานต์เรื่องงาน Fan Meeting Mr.ทานตะวัน พอดีว่าเมื่อคืนเพื่อนจันทร์กดบัตรไม่ทันค่ะ เลยอยากจะถามว่าพี่ทานต์จะเพิ่มบัตรหรือเพิ่มรอบมั้ย”

    “พี่ยังไม่แน่ใจเลย” คนตัวสูงขมวดคิ้วเข้าหากันนิดหน่อย ก่อนคิดหาวิธีทำให้เพียงชิดจันทร์มาร่วมงานของเขา หรือไม่ก็หาทางเข้าหาเธอเพื่อจะได้สานต่อความสัมพันธ์กัน “เอาอย่างนี้ดีมั้ย พี่ขอเบอร์เราเอาไว้ก่อน ถ้าพี่คุยกับผู้ใหญ่เรื่องขอบัตรเพิ่มให้ได้ความยังไง พี่จะโทรบอก”

    “งั้นเอาเบอร์เพื่อนจันทร์ไปนะคะ พี่ทานต์มีอะไรจะได้คุยกับเจ้าตัวเองเลย”

    ทยากรรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย เขาทั้งขำทั้งสงสารตัวเอง เพียงชิดจันทร์ใสซื่อมาก นี่ขนาดเขา ทอดสะพานขอเบอร์เธอเองขนาดนี้แล้ว หญิงสาวยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าลองถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น พวกเธอเหล่านั้นคงรีบยื่นโทรศัพท์ให้เขาแล้ว

    “พี่ไม่รู้จักเพื่อนเราเลยนะ แต่เราสองคนรู้จักกันแล้วนี่...ใช่มั้ยครับน้องจันทร์” เขาว่าพลางยิ้มจนตาหยีลง

    “คะ?”

    “พี่เห็นเราเรียกแทนตัวเองว่าจันทร์นี่นา ชื่อจันทร์ใช่มั้ย?”

    “อ๋อ ค่ะ”

    “เห็นมั้ย เรารู้จักกันแล้ว เอาเบอร์เรานั่นแหละ” ชายหนุ่มพยายามที่จะขอเบอร์เธอ และเขาคิดว่าถ้าได้ติดต่อกับเพียงชิดจันทร์โดยตรง เขาจะเริ่มปฏิบัติการจีบเธอเลย “พี่จะถามบัตรเผื่อเราด้วยไง จันทร์จะไปงานพี่ด้วยใช่มั้ย”

    “แต่จันทร์ไม่...”

    หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธว่าเธอคงไม่ไปร่วมงานนี้ แต่ทยากรก็รีบพูดแทรกขึ้นเพราะเขาอ่านใจเธอออก จากนั้นนักร้องหนุ่มคนดังเลยรวบรัดตัดความเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน

    หากเพียงชิดจันทร์ไปงานนี้ด้วย เขาคงมีกำลังใจทำงานขึ้นมาก

    “เราไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก” ชายหนุ่มไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธของเธอเลย “เอาเป็นว่าถ้าพี่ได้เรื่องยังไงแล้วจะโทรหานะ พี่ไปเรียนก่อน...สายแล้ว”

    “ค่ะ”

    เพียงชิดจันทร์ได้แต่รับคำชายหนุ่มอย่างงงๆ อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เธอปล่อยให้ทยากรเดินจากไปอย่างที่เธอไม่มีโอกาสปฏิเสธเขาได้เลย

     



    ในช่วงเย็น

    “ยิ้มอะไรจ๊ะพ่อคุณทูนหัวของพี่ อารมณ์มาดีเชียว”

    ดาวศุกร์เอ่ยทักเด็กในสังกัดของตัวเอง เธอนัดเจอทยากรที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เนื่องจากคืนนี้ทยากรมีงานอีเวนท์บริเวณๆ  ใกล้กับย่านนี้ ผู้จัดการส่วนตัวอย่างเธอเลยต้องดูแล เอาใจใส่ พาทยากรมาทานอาหารก่อนจะขึ้นงานโชว์ตัว และจะได้เข้าไปในงานพร้อมกันเลย

    อีกอย่างเธอมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับชายหนุ่มด้วย

    “รู้มั้ยครับ วันนี้ผมมีความสุขมาก” ร่างสูงของนักร้องหนุ่มเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามกับผู้จัดการส่วนตัว ทยากรยิ้มกว้างอย่างมีความสุขล้น และเขาไม่สามารถกักเก็บความรู้สึกนี้ไม่ให้แสดงมันออกมาได้เลย

    “เจอน้องคนนั้นอีกแล้วเหรอ” ดาวศุกร์แซวอย่างรู้ทัน

    “ครับ วันนี้น้องวิ่งเข้ามาหาผมด้วยนะ” พอนึกถึงใบหน้าใสๆ กับดวงตากลมๆ ของเพียงชิดจันทร์ ทยากรก็อดที่จะยิ้มเป็นปลื้มออกมาไม่ได้

    ตอนนี้ชายหนุ่มยิ้มจนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็น คนบ้าไปแล้ว

    “อ้าว ก็ไหนเราบอกพี่ว่าน้องคนนั้นไม่รู้จัก ไม่สนใจเราไง” ดาวศุกร์ถามอย่างสงสัย

    “น้องไม่รู้จักผมหรอกครับพี่ดาวศุกร์ แต่เพื่อนน้องเขารู้จักผมดีเลย น่าจะเป็นแฟนคลับผมด้วยซ้ำ เลยส่งจันทร์มาถามผมเรื่องบัตรงาน Fan Meeting” ทยากรบอกผู้จัดการส่วนตัวถึงเหตุการณ์วันนี้

    ทว่าถึงอย่างนั้นความรู้สึกเต็มตื้นในอกก็ยังคงกรุ่นอยู่ในใจและยากที่จะจางหายไป เพียงชิดจันทร์จำชื่อเขาได้ และเธอรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำอะไรอยู่ อีกทั้งหญิงสาวยังเคยดูผลงานของเขาแล้วด้วย

    แค่นี้ทยากรก็ดีใจมากแล้ว

    “งานที่จะมีขึ้นพี่ว่ากระแสเราดีมากเลยนะทานต์ ปล่อยบัตรไม่กี่นาทีเอง บัตรก็หมดเกลี้ยงแล้ว” พอพูดถึงงานของนักร้องหนุ่มที่กำลังจะมีขึ้นในไม่ช้านี้ ดาวศุกร์ก็อดภาคภูมิใจในตัวทยากรไม่ได้

    ทยากรได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับที่เหนียวแน่น เขาเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอดก็คอยส่งเสริมทำให้ชายหนุ่มขึ้นแท่นกลายเป็นศิลปินที่มีคนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในเวลานี้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างเธอภูมิใจตัวเด็กที่ปั้นมากับมือได้อย่างไร

    “พี่ดาวศุกร์ครับ ผมขอเพิ่มบัตรสักสามใบได้มั้ยครับ ผมอยากให้จันทร์มางานนี้ด้วย และน้องก็มีเพื่อนสนิทสองคน” ทยากรพูดเข้าประเด็นทันที และถ้าดาวศุกร์อนุญาตยอมให้ทั้งสามสาวมาร่วมงาน เขาจะได้เอาเรื่องนี้โทรไปหาเพียงชิดจันทร์ และมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกัน “ถ้าได้ผมจะโทรไปบอกน้องเลย”

    แค่คิดทยากรก็ตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจได้แล้ว

    นักร้องหนุ่มไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดเพียงชิดจันทร์ถึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากมายนัก ทั้งที่ตัวเขาเองก็ได้ร่วมงานกับคนสวยมาก็ไม่น้อย เจอคนน่ารัก หรือสาวสวยสุดเซ็กซี่มาก็มาก แต่ก็ยังไม่มีสาวคนไหนสามารถทำให้เขาใจสั่นได้มากเท่ากับเพียงชิดจันทร์เลย หรือเป็นเพราะว่าเพียงชิดจันทร์เป็น รักแรกของเขา

    ภาพลักษณ์เด็กตัวขาวเรียบร้อย กระโปรงยาว ใส่แว่นหนา ทว่ามีรอยยิ้มสดใส เป็นดาเมจที่รุนแรงต่อหัวใจเขามากมายเหลือเกิน

    “พี่อยากให้นะทานต์ แต่ถ้าเราทำแบบนั้นคนอื่นจะว่าเราลำเอียงได้ แฟนคลับคนอื่นก็อยากได้บัตรเข้างานทานต์เหมือนกัน ถ้าพี่อนุญาตให้สักคนสองคน...เดี๋ยวก็เกิดเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมา พี่ไม่อยากมานั่งแก้ข่าวหรือปล่อยให้เรามีภาพลักษณ์ในทางเสียหาย เดี๋ยวนี้คนก็ยิ่งอินดราม่าไปกับทุกเรื่องอยู่ด้วย พี่เน้นขายงานคุณภาพนะ ไม่เน้นขายข่าวคาวๆ”

    ดาวศุกร์เห็นใจทยากรอยู่มาก และเธอไม่ได้อยากใจร้ายกับชายหนุ่มเลย แต่ถ้า กฎไม่เป็นไปตามกฎ ผ่อนปรนในสิ่งที่ถูกจัดการเอาไว้อย่างดีแล้ว ทยากรอาจเสียหายและกลายเป็นประเด็นสังคมขึ้นมาได้ ยิ่งเป็นคนดังก็ยิ่งถูกจับตามอง

    เรื่องบัตรเข้างานไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่าถ้าเกิดเป็นประเด็นดราม่าในโลกสังคมออนไลน์ขึ้นมา จนบานปลายกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต แฟนคลับที่คอยสนับสนุนชายหนุ่มก็จะพลอยเสียความรู้สึกตามไปด้วย หรือแฟนคลับบางคนอาจเลิกสนับสนุนทยากรเลยก็ได้ เรื่องงานที่จะเกิดขึ้นมันไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องความรู้สึกของแฟนคลับมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากจริงๆ

    “แต่ผมอยากให้น้องมาด้วยนี่นา” ทยากรบอกอย่างนึกเสียดาย แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้เอาแต่ใจเพราะเข้าใจสิ่งที่ดาวศุกร์เป็นห่วงดี ตัวเขาเองเป็นบุคคลสาธารณะ...จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะคนที่สนับสนุนเขาจนทำให้เขาโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ “แต่ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจในความหวังดีของพี่”

    “แต่ถ้าทานต์อยากให้น้องไปร่วมงานด้วยจริงๆ พี่เองก็พอมีวิธีอยู่” ดาวศุกร์ครุ่นคิดหาวิธีเพื่อให้เด็กในสังกัดของตนมีกำลังใจในการทำงาน

    “ยังไงครับ?” ทยากรถามอย่างสนใจ

    “ก็ลองถามน้องว่าสนใจมาช่วยเป็นสตาฟในงานมั้ย เราจัดงาน..พี่เองก็คิดว่าในงานควรจะมีเกมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทานต์กับแฟนคลับบ้าง เพื่อความใกล้ชิดสนิทสนม จริงๆ ทางเราจะให้ฝ่ายครีเอทีฟคิดเกมให้ก็ได้ แต่วิธีนี้ก็เป็นข้ออ้างที่ดีที่เราจะเจอน้องเขาได้บ่อยๆ และไม่มีใครสงสัยด้วย” ดาวศุกร์บอกแผนการของเธอ “วิน-วินทั้งสองฝ่าย”

    “เอาไว้ผมจะลองถามจันทร์ดูอีกทีนะครับ”

    นักร้องหนุ่มเห็นด้วยกับความคิดของผู้จัดการส่วนตัวและคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีทีเดียวที่จะรักษาความรู้สึกของทุกฝ่ายเอาไว้ได้ เพื่อนของเพียงชิดจันทร์ได้มางานตามต้องการ เขาเองก็ได้เจอเพียงชิดจันทร์ มีข้ออ้างเจอหน้าเธอ แต่ทยากรไม่มั่นใจเลยว่าเพียงชิดจันทร์กับเพื่อนๆ ของเธอจะยอมมาเป็นสตาฟในงาน บางทีทั้งสามสาวอาจจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ก็ได้

    ในระหว่างที่รับประทานอาหารก่อนจะไปงานนั้น จู่ๆ ดาวศุกร์ก็เอ่ยเรื่องสำคัญกับทยากรขึ้นมาโดยไม่มีการเกริ่นนำล่วงหน้า มันเป็นเรื่องของเด็กสาวที่ทยากรกำลังให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้ และเธอได้ข้อมูลของเพียงชิดจันทร์มาแล้ว

    “ทานต์ พี่ได้ข้อมูลเด็กคนนั้นมาแล้วนะ” ดาวศุกร์เอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับสังเกตท่าทีของนักร้องหนุ่มไปด้วย แต่พอเห็นสีหน้าเหมือนอึ้งไปเหมือนไม่ทันได้เตรียมใจรับฟัง กอปรกับแววตาที่เริ่มมีความกังวลปะปนหน่อยๆ ดาวศุกร์ก็รีบเผยยิ้มออกมาก่อน เนื่องจากเธอเกรงว่าทยากรจะเสียขวัญไปมากกว่านี้ “พี่ไฟเขียวให้เราคบกับน้องได้”

    คนฟังนิ่งอึ้งไปราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

    “จริงเหรอครับพี่ดาวศุกร์!” พอประมวลคำพูดและดึงสติที่หลุดลอยไปกลับมาได้ นักร้องหนุ่มก็ถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรยิ้ม ควรตื่นเต้น หรือดีใจสุดชีวิตกันแน่ เพราะความรู้สึกของเขามันกำลังผสมปนเปกันไปหมดจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลย “โอ๊ย ผมดีใจที่สุดในโลกเลย”

    คนที่กำลังทานข้าวอยู่ถึงกับวางช้อนส้อมในมือลง มือไม้อยู่ไม่สุข ไม่รู้จะจัดวางเอาไว้ตรงไหนดี ทยากรคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่เขามีความสุขมากและคงจดจำไปตลอดทั้งชีวิต ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงใบหู ใบหน้าขาวผ่องมีสีระเรื่อที่สองข้างแก้ม แววตามีประกายพริบพราวอย่างคนมีความสุขจนล้นหัวใจ

    “พี่พูดจริงไม่คืนคำด้วยนะ อนุญาตให้คบกันแต่ก็ต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ว่าแต่...น้องคนนั้นชื่อจันทร์ใช่มั้ย เท่าที่รู้มาประวัติน้องไม่ธรรมดาเลยนะ ทานต์นี่ตาถึงมาก” ดาวศุกร์เอ่ยชมคนตรงหน้า

    เธอสืบประวัติเพียงชิดจันทร์มาแล้ว เรียกได้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นเสมือน เพชรแท้หรือไม่ก็ ช้างเผือกที่ถูกซ่อนตัวจนไม่มีใครหาเจอ เพียงชิดจันทร์มีประวัติเป็นที่น่าพอใจมาก หญิงสาวมีผลการเรียนดี เป็นเด็กดี แทบไม่มีเรื่องเสียหายเลย และถ้าทั้งสองคนชอบพอกันจริงๆ ผู้จัดการส่วนตัวอย่างเธอก็จะช่วยสนับสนุน ไม่ขัดขวางทางรักอย่างแน่นอน

    “ผมรู้จักแค่ชื่อน้อง รู้ว่าน้องเรียบร้อย และน่าจะเรียนเก่ง ที่สำคัญผมไม่เคยเห็นว่าน้องคบกับใครเลย”

    ทยากรบอกดาวศุกร์ตามตรง เขาไม่ได้รู้จักกับเพียงชิดจันทร์ลึกซึ้งไปถึงประวัติครอบครัวของหญิงสาว เพียงแต่เพียงชิดจันทร์เป็นผู้หญิงที่เข้าตา เขาเลยแอบมองดูเธออยู่ห่างๆ มีโอกาสก็แอบแวะเวียนสร้างสถานการณ์ให้บังเอิญเจอกันบ้าง เดินสวนกันบ้าง ซึ่งที่ผ่านมามันไม่ได้ผลเลย

    “พี่ให้คนไปสืบมาเลยรู้ว่าน้องจันทร์ของเราน่ะเรียนเก่งมาก ได้ทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตรจนจบปริญญาตรี อีกทั้งที่บ้านก็มีฐานะไม่ธรรมดา เป็นลูกหลานนักธุรกิจที่มีสาขากระจายทั่วประเทศ เรียกว่าเป็นลูกหลานคนดังกันเลยทีเดียว และน้องมีกิจการของตัวเองด้วยนะ เท่าที่พี่รู้มาก็มีร้านรองเท้า แต่น่าจะทำร่วมกับคนในครอบครัวนั่นแหละ”

    ดาวศุกร์เล่าประวัติของหญิงสาวเท่าที่เธอรู้มาให้ทยากรฟัง ซึ่งเรื่องพวกนี้ชายหนุ่มไม่เคยรับรู้มาก่อนเลย พอรู้แบบนี้แล้วก็อดชื่นชมหญิงสาวในใจไม่ได้ว่าเธอทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง และมีสมอง

    “แต่จันทร์ทำตัวธรรมดามากเลยนะครับ ดูไม่รู้เลยว่าเป็นลูกหลานตระกูลดัง ในตัวไม่เห็นน้องใช้ของแพงสักชิ้น” ตอนที่คุยกันเมื่อตอนกลางวัน ชายหนุ่มแอบลอบมองพิจารณาจากการแต่งตัวของหญิงสาว เขาสังเกตเห็นว่าบนเนื้อตัวเธอไม่มีเครื่องประดับสักชิ้นเลย แต่งตัวก็ธรรมดาสุดๆ

    “พ่อแม่เขารวยมาก แต่อย่างว่าแหละนะ...คนที่มีอยู่แล้วก็เลยชินกับสิ่งที่ตัวเองมีไง มีจนไม่รู้จะมียังไง ส่วนคนไม่มีก็อยากจะอวดเหลือเกิน”

    “ผมหวังว่าจะผ่านด่านครอบครัวน้องเขานะครับ”

    พอรู้ว่าประวัติหญิงที่หมายปองไม่ธรรมดา ทยากรก็แอบภาวนาในใจว่าฟ้าจะเปิดทางให้เขาเข้ากับครอบครัวของเพียงชิดจันทร์ได้อย่างสบายๆ อย่าได้มีอุปสรรคใดๆ เข้ามาทำให้ยุ่งยากใจเลย

    “พี่เปิดโอกาสให้เราแล้ว ก็เหลือแต่เรานั่นแหละ” ดาวศุกร์บอก และเธอคงช่วยทยากรได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือก็ต้องอาศัยใจ ความกล้า และโชคของชายหนุ่มเอง “ฝั่งอาของน้องจันทร์นี่เขาเป็นมาเฟียด้วยนะ”

    “อย่าขู่สิครับ”

    “แต่ก่อนหน้านี้น้องจันทร์ของเรามีเรื่องกับเด็กในมหาลัยฯ เดียวกันด้วยนี่”

    “เรื่องคลิป ผมพอรู้มาบ้าง แต่ผมไม่เชื่อครับ” นักร้องหนุ่มบอกตามตรง

    คลิปนั้นถูกเผยแพร่ไปทั่วมหาลัยฯ ตอนแรกที่เห็นทยากรตกใจมาก เขาดูคลิปนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ และเลื่อนดูความคิดเห็นของแต่ละคนด้วย

    ตอนนั้นชายหนุ่มเป็นห่วงหญิงสาวอยู่ไม่น้อยเพราะมีแต่คนแสดงความคิดเห็นในแง่ลบ โจมตีเธอสารพัด แต่โอกาสเจอกันตอนนั้นก็มีน้อยมาก อีกทั้งยังไม่ได้รู้จักกัน เขาเองจะเข้าไปวุ่นวายก็ใช่ที่ ดีไม่ดีเพียงชิดจันทร์จะยิ่งถูกจับตามองมากกว่าเดิม

    “ฝั่งนั้นออกมาชี้แจงแล้วนี่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน” ดาวศุกร์สืบจนละเอียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอทั้งสงสารและเห็นใจเพียงชิดจันทร์ที่ต้องมาเจอเรื่องไร้สาระซึ่งดูท่าว่าจะบั่นทอนสุขภาพจิตอยู่ไม่น้อย “อีกอย่างประวัติของเด็กที่น้องจันทร์ของเราไปมีเรื่องด้วยก็ไม่ธรรมดาเลย ยิ่งเพื่อนของนิลเนตรนั่นเรียกว่ามาเหนือเมฆเชียวล่ะ”

    “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างน้องครับ ถ้าผมกับน้องสนิทกันมากกว่านี้สักหน่อย...ผมจะออกตัวปกป้องน้องเอง”




    ...Loading 100 %...




    ตอนนี้เกลียดความหลงน้อง(หนูจันทร์) ของพี่ทานต์มาก
    ดีใจออกนอกหน้ามาก อยากจะ.แหมมมมมมม ให้ดังๆ เหลือเกิน
    พี่ทานต์น่ารักมากมายขนาดนี้ แล้วสุดท้ายทำไมหนูจันทร์ถึงได้ลงเอยกับคนอื่น
    สงสัยกันมั้ยคะ เอ้า ! ถ้าสงสัยก็ต้องลุ้นกันต่อไปค่ะ
    เพราะเรื่องครบรสมาก นัวมากอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน
    และบอกเลยว่าพี่ทานต์จะดีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ดีแบบไม่มีเบื่อ
    ส่วนพี่นัทเขาก็รักคนของเขาไปเรื่อยๆ เหมือนกัน
    แต่ว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองคนจะมารักกันได้ยังไง ขอทิ้งเป็นปริศนาเอาไว้นะคะ?











    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 
     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×