ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงชิดใจ

    ลำดับตอนที่ #7 : เพียงชิดใจ :: บทที่ 06 ตอน ดอกรักผลิบาน 100 %

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.62K
      89
      7 ม.ค. 65


    เพียงชิดใจ
    (นวนิยายรักชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูดอกรักผลิบาน)

    French Romance Wedding

    || บทที่หก ||

    _____________________________________________________________________

    ดอกรักผลิบาน


    วันนี้ทยากรมีเรียนช่วงบ่าย

    ทว่าถึงอย่างนั้นด้วยการที่โดนปลูกฝังให้เป็นคนตื่นเช้ามาตลอด ชายหนุ่มจึงตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า มันอาจเป็นเวลาที่สายสำหรับใครบางคน แต่สำหรับทยากรนั้นเวลาเช่นนี้ถือว่ายังเช้าสำหรับเขาอยู่ เพราะถ้าหากวันไหนเขามีงานโชว์ตัว หรือมีงานร้องเพลงจนต้องเลิกงานดึกดื่น ทยากรจะตื่นสายกว่านี้

    แต่เพราะเมื่อวานชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน กว่าจะอาบน้ำอาบท่าและข่มตาหลับลงก็ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว ยิ่งวันนี้มีเรียนในช่วงบ่าย เวลานี้ก็เลยถือว่ายังเช้ามากสำหรับคนทำงานกลางคืนแบบเขา

    ชายหนุ่มเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เวลานี้มารดาของเขาคงอยู่ในครัว ท่านคงกำลังเตรียมอาหารเช้า หรือไม่ก็ทำขนมเพื่อส่งลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เขากับพี่สาวเห็นจนชินตา

    ทยากรเดินอย่างเงียบเชียบ ร่างสูงยืนพิงกรอบประตูห้องครัว มองดูมารดาที่กำลังก้มๆ เงยๆ เตรียมของทำขนม กลิ่นอาหารเช้าหอมฉุยบ่งบอกว่ามารดาของเขาคงทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ชายหนุ่มยิ้มตาพราวก่อนจะค่อยๆ ย่องเข้าไปสวมกอดคนที่รักสุดหัวใจจากทางด้านหลัง

    แม่ครับ ทำอะไรครับ”

    ชายหนุ่มทักทายมารดาในเช้าวันใหม่ด้วยการกระชับอ้อมกอดที่เอวท่าน ก่อนจะหอมแก้มคนที่สะดุ้งตัวโยนฟอตใหญ่ให้ชื่นใจ

    แม่ก็กำลังจะทำขนมส่งลูกค้าน่ะสิ แล้วเรามากอดแม่แบบนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ‘ทิพย์รดา’ เอี้ยวไปมองลูกชายของตัวเอง ท่านยิ้มขำเพราะรู้นิสัยทยากรดีว่าหากอีกฝ่ายมากอด มาหอม มาอ้อนแบบนี้...นั่นแสดงว่าต้องอยากได้อะไรเป็นพิเศษแน่ๆ

    ทยากรปล่อยกอดมารดา คนตัวสูงเกาคอแก้เก้อเมื่อโดนจับได้

    ชายหนุ่มหลบมายืนข้างๆ คนเป็นแม่ สายตากวาดมองดูอุปกรณ์ทำขนม และวัตถุดิบต่างๆ ที่ทิพย์รดาเตรียมเอาไว้

    ทยากรเห็นภาพตรงหน้าเป็นประจำ และไม่เคยรู้สึกสนใจอะไรเลยนอกจากอยากทานฝีมือของท่าน ส่วนมากเขากับพี่สาวมักจะปักหลักอยู่หน่วย ‘ทดลองชิม’ มากกว่า เคยช่วยมารดาหยิบจับบ้างนิดหน่อย แต่ครั้นจะให้ลงมือทำเองคงไปไม่รอด และคงเละไม่เป็นท่า

    ทว่าหลังจากที่ผู้จัดการส่วนตัวอย่างดาวศุกร์ยอมไฟเขียวเรื่องความรัก ยอมให้เขาคบหากับเพียงชิดจันทร์ได้นั้น ทยากรก็เริ่มสนใจการทำขนมซึ่งเป็นอาชีพหลักของที่บ้านขึ้นมาทันที

    ใช่! เขาคิดว่าจะทำขนมจีบเพียงชิดจันทร์ และนี่คงเป็นวิธีเข้าหาหญิงสาวที่ดีที่สุดเท่าที่เขาคิดได้

    ผู้หญิงกับขนมเป็นของคู่กัน

    แม่ช่วยสอนทานต์ทำขนมหน่อยได้มั้ยครับ” ชายหนุ่มหันไปบอกมารดา ทั้งที่เขายังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มหยิบจับอุปกรณ์จากส่วนไหนก่อน เขาไม่มีพื้นฐานการทำขนมเลย “ทานต์อยากลองทำบ้าง”

    ทยากรใช้เวลาคิดหาวิธีเข้าหาเพียงชิดจันทร์แทบจะทั้งวันทั้งคืน ตอนแรกชายหนุ่มคิดจะใช้เรื่องงาน Fan Meeting เข้าหาเธอ แต่คิดไปคิดมาถ้าจบงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอก็อาจจะจบลงตามไปด้วย

    นักร้องหนุ่มยังไม่ได้โทรไปบอกเธอเรื่องงาน Fan Meeting เลย แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม นั่นเพราะทยากรยังไม่อาจสะกดจิตใจตัวเองไม่ให้ไม่ตื่นเต้นเวลาได้ยินเสียงหญิงสาวได้ ชายหนุ่มทั้งตื่นเต้น ประหม่า ที่จะโทรไปหาเพียงชิดจันทร์และไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงกับเธอดี

    ทยากรคิดอยู่นานมากว่าจะจีบเพียงชิดจันทร์แบบไหนให้ละมุนที่สุด จนสุดท้ายเขาก็ได้บทสรุปให้กับตัวเองว่าจะทำขนมให้เธอ คอยส่งขนมให้หญิงสาวทุกวัน เพียงชิดจันทร์จะได้เห็นความตั้งใจดีและความจริงใจของเขาว่าเขาชอบเธอจริงๆ ไม่ได้มาเล่นๆ หรือจีบเธอแบบทิ้งๆ ขว้างๆ

    คนอื่นอาจมองว่าวิธีนี้ดูเด็กเกินไป แต่สำหรับทยากร...เขาว่ามันน่ารักดี

    เราจะทำให้เหนื่อยทำไม อยากกินอะไรทานต์ก็หยิบในร้านไปสิ หรือหยิบในตู้เย็นก็ได้ เอาไปเผื่อเพื่อนๆ กับพี่ดาวศุกร์ด้วย แม่ไม่ว่าหรอก” ทิพย์รดาบอกลูกชาย นั่นเพราะเธอไม่อยากให้ทยากรต้องมาลำบากช่วยทำขนมหลังขดหลังแข็ง

    ทยากรทำงานช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวมามากแล้ว ร้านขนมที่เพิ่งต่อเติมเมื่อไม่กี่ปีก่อนก็เงินที่ลูกชายหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงทั้งนั้น พอเห็นว่าวันนี้มีเรียนสายแล้วลูกชายตื่นเช้า ทิพย์รดาเลยอยากให้ทยากรพักผ่อนให้หายเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมากกว่า

    ทานต์อยากทำเองนี่นา” ชายหนุ่มยังยืนยันความตั้งใจจริงกับมารดาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหน่อยๆ จนทิพย์รดาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของลูกชาย คนเป็นแม่เหล่มองคนช่างอ้อนอย่างมีเลศนัย แต่ร่างสูงกลับยิ้มหวานเอาใจ

    แปลกๆ นะเราเนี่ย” ทิพย์รดาจ้องมองคนยิ้มหวาน ทำตาใสซื่อใส่ “หรือทานต์จะทำไปให้ใคร”

    คนเป็นแม่ตั้งท่าคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชายตัวดี แต่ทยากรยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมามากกว่านั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ก่อนจะปรากฎร่างบางของหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับทยากร ใบหน้าละหม้ายคล้ายกัน ซึ่งเธอยังอยู่ในชุดนอน ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

    ตั้งใจทำให้สาวสิแม่ อาการแบบนี้จะมีอะไร”

    ทาริกา’ ที่โผล่หน้าเข้ามาในครัวทันได้ยินบทสนทนาระหว่างมารดากับน้องชายก็รีบพูดแทรกขึ้น และอาการยิ้มเขิน หัวเราะกลบเกลื่อนของทยากรก็เป็นคำตอบได้ดีมากทีเดียว

    พี่ทรายรู้ทัน”

    ทิพย์รดาคาดโทษลูกชายไว้ในใจ เธอคิดว่าจะสอบสวนเรื่องนี้อีกสักหน่อย แต่ก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน

    คนเป็นแม่มองไปยังพี่คนโตของบ้าน ทาริกาอายุห่างกับทยากร 3 ปี หญิงสาวเรียนจบหมาดๆ แต่เธอโชคดีที่ทั้งลูกสาวและลูกชายมีการงานที่มั่นคงทำ มีรายได้หาเลี้ยงชีพมากพอก่อนที่จะเรียนจบคว้าใบปริญญาเสียอีก

    ทยากรเป็นศิลปิน เป็นนักร้อง นักแสดง ส่วนทาริกาเก่งเรื่องศิลปะ เป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพที่มีรายได้สูงไม่แพ้กับดารานักแสดงเลย ทาริกามีความสนใจเรื่องความสวยความงามมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บวกกับพรสวรรค์และพรแสวงที่ส่งเสริมกันในตัวเอง เลยทำให้ทาริกาก้าวเข้ามาในวงการนี้ได้อย่างง่ายดาย

    เริ่มแรกทาริกาเริ่มจากการอัดคลิปแต่งหน้าของตัวเองลง YouTube เหมือนทยากรที่ร้องเพลงอัดคลิป จนมีคนติดตามมากมาย เธอได้รับเชิญให้ออกงานต่างๆ พิสูจน์ฝีมือ จนกระทั่งตอนนี้หญิงสาวกลายเป็นช่างแต่งหน้าคิวทอง ที่ใครๆ ต่างก็อยากได้เธอไปร่วมงานด้วยทั้งนั้น

    กลับมาเมื่อไหร่ น่ะเรา” ทิพย์รดาถามลูกสาว

    ทาริกาบินไปเกาหลีเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เพื่อไปทำงานให้กับงานแฟชั่นโชว์งานหนึ่ง ทาริกานิสัยออกห้าวหน่อยๆ เหมือนผู้ชายนิดๆ ไม่ค่อยได้ใส่ใจตัวเองมากนัก และนั่นทำให้เธอละเลยความรู้สึกของคนรอบช้างไปด้วย เวลาไปไหนมาไหนทาริกาก็บอกทิพย์รดาแค่ตอนไป เช่นเดียวกับครั้งนี้...หญิงสาวหายไปสองอาทิตย์ ไม่ค่อยโทรกลับมาหามารดาสักเท่าไหร่ นี่ขนาดกลับมาถึงไทยแล้ว เธอก็ไม่คิดจะรายงานมารดาสักคำ

    ทรายมาถึงเมื่อคืนค่ะแม่ ลงเครื่องปุ๊บก็กลับมาบ้านเลย” หญิงสาวบอกพร้อมกับเปิดตู้เย็นในห้องครัว หยิบขนมเค้กออกมาแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ “แต่ทรายถึงบ้านดึกมาก เลยไม่อยากรบกวนแม่”

    เมื่อคืนหลังจากที่เหยียบสนามบินในประเทศไทยแล้ว ทาริกาก็เรียกแท็กซี่ตรงดิ่งกลับมาที่บ้านเลย หญิงสาวถึงบ้านดึกมากแล้ว พอมาถึงบ้านก็ปิดสนิท มารดาของเธอเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเป็นนิสัย เธอเลยไม่อยากรบกวน จัดการเปิดบ้าน หาอะไรทานง่ายๆ ก่อนอาบน้ำเข้านอน

    คนเคี้ยวขนมในปากตุ้ยๆ ไม่ทันระวัง ครีมจากขนมเค้กเลอะริมฝีปากดูมอมแมม ทิพย์รดาเห็นความไม่เรียบร้อยของลูกสาวก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่า เธอรู้ว่าทาริกาไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย ออกจะกระโดกกระเดกเสียด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากให้ลูกสาวรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองบ้าง

    อย่างน้อยๆ ก็ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง

    เลอะหมดแล้วเนี่ยเรา กินอะไรระวังหน่อยสิลูก” ทิพย์รดาเอื้อมมือไปเช็ดคราบครีมบนริมฝีปากให้ลูกสาว “ทราย! เราเป็นผู้หญิงนะ หัดรักษาภาพลักษณ์ตัวเองบ้าง”

    ทรายไม่ใช่คนดังนี่คะ” หญิงสาวเถียงกลับ

    พออบรมกิริยามารยาทให้ลูกสาวเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ทิพย์รดาก็ไม่ลืมที่จะหันมาคาดคั้นเอาความจริงจากลูกชายต่อ

    ทานต์ แล้วที่พี่เราพูดใช่เรื่องจริงหรือเปล่า” ทิพย์รดาถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเธอ ซึ่งทาริกาเองก็มองน้องชายด้วยความอยากรู้

    จริงครับ ผมจะทำขนมไปให้รุ่นน้องที่มหาลัยฯ”

    สวยมั้ย?” ทาริกาถามด้วยความอยากรู้ ดวงตาใสๆ เบิกกว้างขึ้นอย่างสนใจ

    น่ารักมากกว่าครับ” ทยากรตอบคำถามพี่สาวพร้อมรอยยิ้ม นัยน์ตาคู่คมพราวระยับ ก่อนจะหันไปคุยกับมารดาต่อ “ถ้าทานต์จีบน้องติด ทานต์จะพาน้องมาเจอแม่นะครับ”

    โห อะไรกัน โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเลยเนอะแม่เนอะ ทานต์ไวไฟอ่ะ พอเรียนใกล้จบก็หาสาวมาไหว้แม่แล้ว” ทาริกาบ่นอุบ ใบหน้าสวยๆ ยับยุ่ง “ทีทรายยังไม่เห็นมีใครเลย”

    แล้วเราไม่พาหนุ่มๆ มาไหว้แม่บ้างล่ะ” พอได้ยินเสียงโอดครวญของลูกสาวคนโต ทิพย์รดาก็ถามกลับทันที นั่นเพราะเธอไม่เชื่อว่าในชีวิตของทาริกาที่ทำงานไปโน้นที นั่นที จะไม่มีผู้ชายแวะเวียนเข้ามาในชีวิตเลย คงติดอยู่ที่ลูกสาวเธอมากกว่า เลือกมากเสียจนผู้ชายหายหมด “ถ้าทรายจะพาหนุ่มๆ มาบ้านบ้าง แม่ก็ไม่ได้ว่าสักหน่อย”

    ทิพย์รดาเป็นคนใจดี ใจเย็น ท่านเข้าใจในความเป็นไปของโลก และไม่เคยคิดขัดขวางเรื่องความรักของลูกๆ เลย หากลูกรักใคร ชอบใคร ท่านก็ยินดีรับอีกฝ่ายเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างเต็มใจ เพราะเชื่อมั่นว่าลูกๆ คงคัดสรรคนรักกันมาเป็นอย่างดีแล้ว

    ไม่เห็นมีใครมาจีบทรายเลยแม่ แล้วทรายจะพาใครมาบ้านได้ล่ะ”

    แม่ว่าเพราะเราเลือกมากเองต่างหากมั้ง” ทิพย์รดามองลูกสาวกึ่งจับผิด แต่ใบหน้าที่ยังแลดูอ่อนกว่าวัยมากกว่าอายุจริงนั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

    คนพวกนั้นคงกลัวพี่ทรายกินหัวน่ะแม่” ทยากรได้ทีพูดสมทบมารดาด้วยถ้อยคำพอให้พี่สาวได้เจ็บๆ คันๆ “ดุขนาดน้องหมายังหลีกทาง”

    เดี๋ยวเหอะ!” พอโดนน้องชายจิกกัด ทาริกาก็ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้เลย หญิงสาวเอื้อมมือไปฟาดที่แขนของน้องชายเต็มแรง ทิพย์รดาเห็นว่าลูกทั้งสองกำลังตั้งท่าจะทะเลาะกัน เธอจึงรีบห้ามทัพ

    เราเองก็เดี๋ยวเหอะ ตื่นมาข้าวปลาไม่กิน มาถึงก็เอาขนมเข้าปากก่อนเลย เดี๋ยวอ้วน หุ่นเสียหุ่นพังขึ้นมา เราจะมาโทษแม่ไม่ได้นะ” ทิพย์รดาปรามลูกสาวเมื่อเห็นทาริกากำลังจะงับขนมเข้าปากอีกคำหนึ่ง “ไปกินข้าว ขนมน่ะเอาไว้ทีหลัง”

    แหม! ก็ทรายคิดถึงขนมฝีมือแม่นี่นา” พอโดนดุ หญิงสาวก็บอกมารดาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเอาใจ “ขนมที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าแม่ทำเลยนะ”

    เห้อ แต่ละคนอ้อนแม่กันเก่งจริงๆ” ทิพย์รดายอมใจลูกทั้งสองคน เธอไม่เคยชนะลูกเลยสักครั้งเพราะสุดท้ายก็ยอมตามใจ ต่อให้ดุยังไง ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครกลัวเธอเลยสักคน “เราน่ะเอาไงฮึทราย จะกินข้าวก่อน หรือจะอาบน้ำก่อน แม่จะได้เตรียมให้”

    ทานก่อนก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มจนตาหยี “ทรายยอมตามใจแม่ก็ได้”

    โอเค งั้นเราทานข้าวเช้ากันก่อน” ทิพย์รดาวางมือจากวัตถุดิบในการทำขนม แล้วเดินมาที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาสั่งลูกชาย “ส่วนเรานะตาทานต์ กินข้าวกินปลาเสร็จแล้วอยากช่วยแม่ทำขนมก็ได้ เดี๋ยวแม่สอนให้”

    ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มยิ้มหวานให้มารดา ก่อนจะช่วยท่านจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้า เตรียมจานแล้วตักข้าวให้ทุกคนในบ้าน

    ภาพเบื้องหน้าของทยากรสวยหรูดังฝัน แต่ใครจะรู้ว่าลึกๆ แล้วครอบครัวของนักร้องหนุ่มไม่ได้สมบูรณ์แบบเลย

    ทยากรคิดว่าตนเองโชคดีที่ได้โอกาสทำงานเร็วกว่าคนอื่นเลยสามารถแบ่งเบาภาระช่วยเหลือครอบครัวให้มีความสุขโดยที่มารดาไม่ต้องทำงานหนักเพื่อส่งเสียเลี้ยงดูเขากับพี่สาวเพียงลำพัง กลับกันนั้นตอนนี้เขากับพี่สาวส่งเสียและดูแลมารดา

    ทยากรเปิดร้านขนมเล็กๆ ให้ทิพย์รดาด้วยเงินที่เขาหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ชายหนุ่มต่อเติมบ้านให้ด้านหน้าเป็นร้านขนม และยอมให้มารดารับออเดอร์จากลูกค้านิดหน่อย เพื่อให้ทิพย์รดาไม่เหงาเวลาท่านต้องอยู่บ้านคนเดียว ส่วนทาริกาจะเป็นคนให้เงินเดือนมารดา เวลาว่างจากการทำงาน หญิงสาวจะพามารดาไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ไหว้พระบ้าง หรือไม่ก็อยู่เป็นเพื่อนท่านช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ

    ครอบครัวของนักร้องหนุ่มมีแค่สามคน นั่นคือทิพย์รดา ทาริกา และตัวเขาเอง ส่วนพ่อนั้นเลิกรากับแม่ไปตั้งแต่พวกเขายังเด็กมาก ทว่าถึงอย่างนั้นด้วยความที่ทิพย์รดาเข้าใจอะไรง่าย ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้เร็ว และไม่ถือโทษโกรธเคืองสามี...ทั้งคู่เลยจบชีวิตคู่ลงได้สวยงามกว่าคู่อื่น และยังเป็นเพื่อนกันได้

    สามีของทิพย์รดาเลือกอนาคตตัวเองเป็นสำคัญ เขายอมยกลูกทั้งสองคนให้ทิพย์รดาดูแลในฐานะแม่ หลังจากตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศอย่างถาวร พ่อก็บินไปอยู่ที่นั่นและแทบไม่เคยกลับมาที่ประเทศไทยอีกเลย แต่ในฐานะพ่อคนหนึ่ง ท่านก็ยังมีความรับผิดชอบ ให้เงินส่งเสียเลี้ยงดูทั้งทาริกากับทยากรจนทั้งคู่เรียนจบประถม

    ทว่าครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่ได้ทำให้ทาริกาและทยากรนึกโทษโชคชะตาเลย มิหนำซ้ำยังเติบโตมาด้วยความรักในแบบที่ทิพย์รดาทุ่มเทเลี้ยงดูให้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แม้ว่าครอบครัวจะขาดผู้นำอย่างพ่อไปก็ตาม

    .............................................

    ในช่วงบ่าย

    มีคนฝากขนมมาให้น้องที่ชื่อจันทร์ครับ”

    นักศึกษาร่างใหญ่ ใส่แว่นหนา ดูท่าทางเป็นเด็กเรียนเต็มประดาเดินเข้ามาหาสามสาวที่กำลังจะเดินเข้าสู่ตึก

    ทยากรไหว้วานให้เพื่อนของเขาถือขนมที่ตนเองตั้งใจทำมาให้เพียงชิดจันทร์ไปให้หญิงสาว เขายังไม่อยากเปิดตัวตอนนี้และอยากทำให้หญิงสาวมั่นใจในตัวเขาก่อน ถึงจะยอมเฉลยว่าคนที่แอบชอบเธอมานานแสนนานนั่นก็คือเขาเอง

    สามสาวหันมาพร้อมกันและมองคนถือกล่องขนมมาให้เป็นตาเดียว เพียงชิดจันทร์มีท่าทีตกใจและแปลกใจมากกว่าพอๆ กับมณิกา ส่วนมณิสรนั้นจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง

    ใคร!” มณิสรถามคนเอาขนมมาส่งให้ด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ขณะที่เพียงชิดจันทร์ยื่นมือรับกล่องขนมนั้นเอาไว้แล้วค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายน้อยๆ เป็นเชิงขอบคุณ

    บอกไม่ได้ครับ เขาขอปิดเป็นความลับก่อน” คนมาส่งขนมส่ายหน้าปฏิเสธทันที พอส่งขนมให้หญิงสาวเสร็จแล้วเขาก็รีบเดินหนีไป ซึ่งในขณะนั้นทยากรแอบซุ่มมองท่าทีของเพียงชิดจันทร์อยู่ ณ มุมหนึ่งของอาคาร

    จันทร์ อะไรยังไงไหนเล่า” พอหนุ่มเด็กเรียนเดินจากไป มณิสรก็หันมาหาเพื่อนสาวตัวดี ซึ่งเธอรู้สึกว่าพักนี้เพียงชิดจันทร์ดูจะเสน่ห์แรงไม่น้อยถึงมีหนุ่มๆ คอยส่งขนมให้ “แกไปหว่านเสน่ห์ใครมาฮึ”

    เล่าอะไรของพวกแก ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครส่งมาให้” เพียงชิดจันทร์ตอบเพื่อน ตัวเธอเองยังทั้งงงทั้งตกใจเลยที่จู่ๆ ก็มีคนเอาขนมมาให้ถึงที่แบบนี้ ซึ่งหากถามว่าเธอรู้จักใครเป็นพิเศษหรือเปล่า หญิงสาวก็นึกไม่ออก เพราะตอนเรียนเธอก็อยู่กับมณิกาทั้งวัน แค่ตอนพักก็ได้เจอมณิสรบ้างประปราย “ฉันอยู่กับพวกแกตลอด กลับบ้านก็อยู่กับย่า”

    เพียงชิดจันทร์นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอมีความสนิทสนมกับเพื่อนชายคนไหนเป็นพิเศษ เพราะนอกจากดรัณซึ่งเป็นคุณอาของเธอแล้ว เธอก็แทบไม่มีเพื่อนผู้ชาย หรือผู้ชายคนไหนเข้ามาวนเวียนในชีวิตเลย

    ก็เล่าเรื่องที่แกไปมูอะไรมาไงยะ ฉันจะได้ไปมูบ้าง” มณิสรคาดคั้นแกมอำเพื่อนเล่นก่อนที่สีหน้าจริงจังเมื่อครู่นั้นจะเปลี่ยนเป็นยิ้มขำอย่างจงใจแซว

    มณิสรเป็นเพื่อนเป็นเพียงชิดจันทร์มาตั้งแต่ทั้งคู่เข้ามาเรียนที่นี่ ตอนนี้เรียนจะจบกันอยู่แล้ว เธอก็เพิ่งเห็นว่ามีคนมาชอบพอเพื่อนสาวจนถึงขั้นส่งของมาให้นี่แหละ

    ฉันไม่ได้มูอะไรทั้งนั้นแหละ” เพียงชิดจันทร์ส่ายหน้าปฏิเสธหวือ เธอไม่เคยต้องมูเตลูกับเทพเจ้า หรือเล่นของเพื่อให้ตัวเองมีเสน่ห์เรียกความสนใจจากเพศตรงข้าม หญิงสาวเน้นตั้งใจเรียนให้จบและยังไม่ได้คิดจะมีความรักในตอนนี้ด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องขนม...เธอเองก็ยังงงไม่หาย แต่ครั้นจะปฏิเสธน้ำใจคนให้เธอก็ทำไม่ลงเหมือนกัน “แล้วก็เลิกยิ้มแบบนั้นใส่ฉันได้แล้วเมี่ยง ฉันเขินนะ”

    เออๆ เลิกแหย่แกแล้วน่า” มณิสรยอมหยุดแกล้งเพื่อน “แต่ฉันอยากรู้อ่ะว่าใครส่งขนมมาให้แก นี่เขาชอบแกจริงๆ ใช่มั้ยจันทร์ ไม่ใช่ว่าพวกพี่นิลแกล้งหาเรื่องอะไรแกอีกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”

    ถึงในใจจะรู้สึกยินดีกับเพื่อนสาวที่มีหนุ่มๆ เข้ามาให้ความสนใจเป็นสีสันของชีวิต แต่มณิสรก็อดสงสัยไม่ได้จนพาลคิดไปถึงรุ่นพี่จอมหาเรื่องอย่างนิลเนตร เพราะตอนที่อีกฝ่ายเข้ามาขอโทษเพียงชิดจันทร์นั้น นิลเนตรดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่เลย

    อย่าไร้สาระน่าเมี่ยง มีคนรักคนชอบจันทร์ก็ดีแล้วไง” มณิกาไม่อยากให้เพียงชิดจันทร์คิดมากจนไม่สบายใจ เลยต้องหันไปปรามฝาแฝดของตัวเอง “เรื่องพี่นิลก็เคลียร์กันไปแล้ว และจะเป็นฝีมือพวกพี่นิลไปได้ยังไง คงไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้นหรอก”

    แหม! จะไปรู้เหรอยะ เผื่อแม่ดาวคณะฯ นั่นยังแค้นฝังหุ่นไอจันทร์ อะไรก็เกิดขึ้นได้” มณิสรโต้มณิกากลับอย่างมีอารมณ์ พลางนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่นิลเนตรควงนราธรเข้ามาขอโทษเพื่อนของเธอที่ร้านขนม “เห็นหวงผู้ตัวเองยิ่งกว่าจงอางหวงไข่”

    ไม่หรอกมั้ง” เพียงชิดจันทร์ตัดบทเพื่อนเพราะเธอไม่อยากคิดในแง่ร้ายเกินไป

    แต่ก็ฟังที่ไอเมี่ยงพูดไว้หน่อยก็ดีนะจันทร์ ถึงไม่ใช่พวกพี่นิลอะไรนั่น แต่เราก็ต้องแน่ใจว่าคนที่ส่งขนมมาให้แกเป็นคนที่หวังดีกับแกจริงๆ ไม่ใช่พวกโรคจิต หรือคนคิดไม่ดีกับแกน่ะ”

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มณิกาเริ่มรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของมณิสร เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อน และอยากให้เพียงชิดจันทร์เจอกับคนดีๆ ที่คู่ควรด้วย

    เอาเป็นว่ารอบหน้าถ้ามีคนมาส่งขนมให้แกแล้วฉันอยู่ด้วย ฉันจะเค้นคอถามเองว่าใครฝากมา” สาวช่างลุยอย่างมณิสรออกปากอาสา “เอาให้รู้ดำรู้แดงไปเลย”

    ก็ดี” มณิกาสมทบคำพูดอย่างเห็นด้วย “ถ้าเขาจริงใจกับแกก็ควรเปิดเผยตัวตนนะ มาทำลับๆ ล่อๆ แบบนี้ ใจคอไม่ดีเลย”

    นี่พวกแกพูดซะฉันไม่กล้ากินขนมเลยนะ”

    เพียงชิดจันทร์มองขนมในมือ ในใจนึกลังเลอย่างบอกไม่ถูก ขนมมีหน้าตาน่ารับประทาน แต่คำพูดของเพื่อนทั้งสองคนก็ทำเอาเธออดระแวงไม่ได้เลย

    ……………………..

    “หืม อร่อยแฮะ”

    ในที่สุดสามสาวก็ตัดสินใจทานขนมที่ได้รับมาในช่วงพักเบรกตอนเรียนคาบบ่าย ขนมเจ้าปัญหานี่แทบจะกลายเป็นขนมร่วมสาบานระหว่างเพื่อนเลยก็ว่าได้ เพราะต่างคนต่างก็ไม่กล้าลองชิมก่อน ฉะนั้นทั้งสามสาวเลยตัดสินใจที่จะชิมขนมพร้อมกัน เพราะถ้าเป็นอะไรขึ้นมาก็จะได้เป็นไปพร้อมๆ กัน

    เพียงชิดจันทร์เอาขนมเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ อย่างตั้งใจชิมรสชาติและเธอรู้สึกว่ารสชาติทุกอย่างลงตัวมาก มีความละมุนลิ้น และยังไม่หวานเกินไปด้วย

    อร่อยจนอยากถามเลยว่าซื้อร้านไหน ร้านดังยังไม่รสชาติดีเท่านี้เลย” มณิกาบอกอย่างเห็นด้วย เธอเองก็ชอบทานขนม แต่ขนมชิ้นนี้มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากจริงๆ และเธอเชื่อว่ายังไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตินี้จากร้านขนมร้านไหนมาก่อน

    แสดงว่าคนให้ต้องตั้งใจให้มาก” มณิสรตักขนมอีกคำเข้าปาก “งั้นแสดงว่าเขาก็ชอบแกจริงๆ น่ะสิจันทร์ โอเค! ฉันให้เค้าผ่านเลยเพราะขนมอร่อย”

    อะไรกันไอเมี่ยง นี่เราจะตัดสินเค้าแค่ขนมชิ้นเดียวเนี่ยนะ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” มณิกามองค้อนใส่ฝาแฝดตัวเอง เอาเข้าจริงเธออดหมั่นไส้ฝาแฝดตัวเองไม่ได้ที่มณิสรเข้าข้างคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามากกว่าต้องชนะคนรักของเธอ “ยังไม่เห็นหน้ากันเลย ไอจันทร์เองก็ไม่รู้จักเขาสักหน่อย อีกอย่างเกิดเขาเป็นคนไม่ดีขึ้นมาล่ะ”

    เพียงชิดจันทร์มองเพื่อนแล้วยิ้มขำ ทั้งสองคนเถียงกันเป็นเรื่องปกติ หญิงสาวคิดว่าเธอโชคดีมากที่ได้สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิท ซึ่งถ้าไม่มีฝาแฝดสองพี่น้องอย่างมณิกาและมณิสรนี้ชีวิตของเธอคงจืดชืดไม่ต่างจากต้มจืดเลย

    ทั้งมณิกาและมณิสรเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเพียงชิดจันทร์ คอยให้ความช่วยเหลือเพียงชิดจันทร์ในหลายด้าน ส่วนเพียงชิดจันทร์เองเรียนเก่ง...หญิงสาวก็เลยช่วยติวหนังสือให้เพื่อนตอบแทนกันไป คบกันแบบเกื้อกูลกัน ส่งมอบมิตรภาพอันดีให้กัน และทั้งสามสาวคิดว่ามิตรภาพที่พวกเธอมีให้กันนั้นจะไม่มีวันจบลงง่ายๆ อย่างแน่นอน

    เออ...จันทร์ แล้วพี่ทานต์โทรมาหาแกบ้างป่ะ พี่เขามีเบอร์โทรแกนี่นา” พอเห็นเพื่อนสาวเงียบไป มณิสรเลยได้โอกาสเอ่ยถามเรื่องบัตรงาน Fan Meeting ของทยากรที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งเรื่องยังไม่คืบหน้าไปถึงไหนเลย “เรื่องบัตรงานแฟนน่ะ”

    ไม่นะ พี่ทานต์ก็เงียบๆ ไปเลย” ตั้งแต่วันที่เธอวิ่งตามทยากรเพื่อไถ่ถามเขาเรื่องงาน Fan  Meeting ที่จะจัดขึ้น นักร้องหนุ่มก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเลย “ฉันว่าพวกแกเลิกหวังเหอะ พี่เขาเป็นคนดังบัตรคงหมดแล้วหมดเลย ไม่มีเพิ่มหรอก”

    นี่ก็ทำใจไว้แล้วแหละ รู้หรอกน่า พี่ทานต์ดังขนาดนั้น เขาจะให้เรามีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นได้ยังไง ต่อให้เรียนที่เดียวกันก็เหอะ คนอื่นที่เรียนที่นี่ก็คงอยากได้บัตรเหมือนกันนั่นแหละ” มณิสรบอกอย่างปลงตก

    เพิ่งเห็นว่าแกเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็วันนี้แหละเมี่ยง” พอเห็นฝาแฝดตัวเองทำหน้าสลดลง ไม่ต่อปากต่อคำหรือออกความคิดเห็นยาวเฟื้อย มณิกาก็อดแซวสาวขาลุยไม่ได้ ก่อนจะเบี่ยงไปคุยประเด็นอื่นกับเพียงชิดจันทร์แทน “เออ ลืมบอกจันทร์ไปเลย อาทิตย์หน้าพี่แต๊งค์จะลงแข่งงานฟุตบอลกีฬาสัมพันธ์ของมหาลัยฯ ด้วยนะ แกไปเป็นเพื่อนเชียร์พี่แต๊งค์กับฉันหน่อยสิ”

    อะไรกัน! ฉันนั่งหัวโด่อยู่นี่นะไอม่าน ทำไมแกไม่ชวนฉันด้วย” มณิสรโวยขึ้นมาอย่างนึกฉุน

    แกจะไปทำไม ไปบั่นทอนกำลังใจพี่แต๊งค์เปล่าๆ” มณิกาทำหน้ายุ่งใส่อย่างขัดใจ

    ฉันจะไป!” มณิสรยืนยันเสียงแข็ง ก่อนจะพูดประโยคหลังด้วยสายตาพริบพราวมีประกาย “งานประจำปีนี่นา ตัวแทนปี 4 ของ มอเรามีพี่ทานต์ด้วย”

    งานกีฬาสัมพันธ์’ เป็นประเพณีของทางมหาลัยฯ ที่เพียงชิดจันทร์กับเพื่อนๆ เรียนอยู่ร่วมมือกับทางมหาลัยฯ ที่ต้องชนะเรียนอยู่ ทุกปีทั้งสองสถาบันจะจัดการแข่งขันกีฬาเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีของสองมหาลัยฯ และปีนี้ตัวแทนของทางมหาลัยฯ ที่สามสาวเรียนอยู่นั้นมีทยากรร่วมลงแข่งด้วย

    สรุปแกไปนะจันทร์” มณิกาถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงเว้าวอนเต็มประดา หญิงสาวเกรงว่าพอเพียงชิดจันทร์รู้ว่าต้องชนะลงแข่งด้วย...เพียงชิดจันทร์อาจจะไม่อยากไปเพราะเพื่อนๆ ของต้องชนะก็จะต้องพลอยติดสอยห้อยตามกัน และเพื่อนของเธอคงไม่สะดวกใจที่จะต้องเจอกับนราธรอีก

    ไปด้วยก็ได้” เพียงชิดจันทร์ตกปากรับคำเพื่อนทั้งสองคนทำให้มณิกาพลอยยิ้มออกอย่างโล่งอก “แล้วแข่งที่ไหนล่ะ”

    แข่งรอบแรกคงแข่งที่มหาลัยฯ พี่แต๊งค์ก่อนแหละ”

    จากที่ดูประกาศจากทางเว็บไซด์ของมหาลัยฯ และฟังจากต้องชนะบอกเล่านั้น นี่เพิ่งเป็นการแข่งขันรอบแรก โดยทั้งสองสถาบันได้ร่างกฎการแข่งขันฟุตบอล...เป็นกฎพิเศษที่ถูกตั้งขึ้นมาใหม่ หากฝ่ายไหนชนะ 3 เกมก่อนก็เป็นฝ่ายครองถ้วยงานกีฬาสัมพันธ์ประจำปีไป ซึ่งการแข่งขันรอบแรกนั้นทางแต่ละสถาบันจำเป็นต้องส่งนักศึกษาปี 4 ของแต่ละคณะลงแข่งขันประเดิมสนาม ส่วนรอบที่ 2 ก็จะเป็นการแข่งขันของนักศึกษาปีที่ 3 และรอบต่อไปก็เป็นการแข่งขันของนักศึกษาปีที่ 2 และ 1 ตามลำดับ

    ไปรอบนี้จะเจอพี่นัทป่ะวะ ขืนเจอหน้ากันอีกเดี๋ยวยายรุ่นพี่ขี้หวงก็มาโวยวายใส่ไอจันทร์อีก” มณิสรอดสงสัยและเป็นห่วงเพื่อนสาวไม่ได้ เนื่องจากต้องไปต่างมหาลัยฯ มิหนำซ้ำต้องชนะก็ดันเป็นเพื่อนซี้ของนราธร การเลี่ยงที่จะเจอหน้ากันคงเป็นเรื่องยาก

    คงเจอกันแหละ เพราะพี่นัทก็ลงแข่งด้วย” มณิกาบอกเสียงอ่อนลง “แต่ฉันให้พี่แต๊งค์เตรียมที่นั่งไว้ให้เราแล้ว แกสบายใจได้เลยจันทร์”

    เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวรู้สึกลำบากใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก มณิกาจึงบอกต้องชนะล่วงหน้าให้เขาเตรียมที่นั่งเอาไว้ให้พวกเธอ และต้องชนะเองก็รับปากหนักแน่นแล้วว่าจะไม่ให้เพื่อนของเขากับเพียงชิดจันทร์ต้องมีเหตุบังเอิญมาใกล้กันอีก

    ฉันไม่มีปัญหาอะไรกับใครซะหน่อย พวกแกอย่าห่วงเกินเหตุน่า”

    ถึงปากจะบอกออกไปแบบนั้น แต่ลึกๆ แล้วเพียงชิดจันทร์ก็อดหวั่นในใจไม่ได้ เธอไม่มีปัญหากับใครก็จริง แต่เธอเดาใจแฟนสาวของนราธรไม่ออกเลยว่าพายุอารมณ์หึงของนิลเนตรนั้นจะสงบลงจริงๆ อย่างที่อีกฝ่ายเคยบอก หรือว่ามันสงบเพื่อเตือนการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่กันแน่

    เพียงชิดจันทร์ฝืนยิ้มบางๆ กลบเกลื่อนความกังวลในใจเพื่อไม่ให้ทั้งมณิกาและมณิสรต้องพลอยลำบากใจไปด้วย

    ฉันห่วงแต่แกนั่นแหละม่าน แกจะเชียร์ถูกมั้ย พี่แต๊งค์กับขวัญใจแกอยู่กันคนละทีมนะ”

    ……………………………..

    เพียงชิดจันทร์นั่งอ่านหนังสือทบทวนสิ่งที่เรียนมาในวันนี้อยู่ในห้องนอนมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าแล้ว หญิงสาวพับหนังสือที่อ่านเพื่อพักสายตา แล้วเดินไปเปิดโทรทัศน์ดูเป็นการพักผ่อนสมองที่ตึงเครียด แต่ยังไม่ทันที่เพียงชิดจันทร์จะได้ดูรายการเกมโชว์ที่เปิดเอาไว้ดี เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน

    T_Sunflower :: น้องจันทร์

    หญิงสาวกดเปิดข้อความดังกล่าวขึ้นมาดู คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันหน่อยๆ นั่นเพราะเธอไม่คุ้นชินกับโปรไฟล์ของบุคคลที่เพิ่งส่งข้อความมาทักทายกันเลย และรูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายก็เป็นดอกทานตะวันสดใสท่ามกลางแสงแดดร้อนแรง

    P_ChidJun :: ใครคะ?

    หญิงสาวพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ก่อนจะเลื่อนไปดูหน้าแรกก็เห็นว่าคนที่ทักเธอมานั้นเพิ่งจะขอเพิ่มเธอเป็นเพื่อนเอง

    T_Sunflower :: พี่เอง

    T_Sunflower :: พี่ทานต์ไง จันทร์จำพี่ได้มั้ย

    อีกฝ่ายตอบกลับมา และเพียงชิดจันทร์ก็จำเขาได้ในวินาทีนั้น

    P_Chidjun :: จำได้สิคะ สวัสดีค่ะพี่ทานต์

    เพียงชิดจันทร์ตอบกลับไป แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมา ข้อความที่หญิงสาวส่งไปให้ชายหนุ่มนั้นขึ้นว่าเขาอ่านแล้ว และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็มีสายเรียกเข้า หญิงสาวตัดสินใจกดรับแทบจะทันที

    สวัสดีค่ะ” เพียงชิดจันทร์กรอกเสียงตัวเองลง จากนั้นปลายสายก็ตอบกลับมา

    [จันทร์ พี่ทานต์เอง]

    ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานๆ จากต้นสาย...ทยากรก็ยิ้มจนแทบหุบปากไม่ลง มิหนำซ้ำหัวใจของเขายังเต้นแรงไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว

    ค่ะพี่ทานต์”

    [พี่ขอโทษนะที่หายไปหลายวันเลย] ทยากรตอบกลับมา [พี่จะโทรมาเรื่องบัตรงานน่ะ เรายังจำได้ใช่มั้ย?]

    ทยากรกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง เขายกเรื่องงาน Fan Meeting ขึ้นมาเป็นเหตุผลเพื่อไม่ให้เพียงชิดจันทร์สงสัยหรือต้องลำบากที่จะคุยกับเขาตามลำพัง ทั้งที่เขาคิดกับเธอแบบอื่นโดยการเอาเรื่องงานเข้ามาบังหน้า

    ค่ะ จันทร์เข้าใจ พี่ทานต์คงทำงานยุ่งๆ”

    [งานพี่ยุ่งมากจริงๆ] ชายหนุ่มลอบยิ้มให้กับตัวเอง [จันทร์ บัตรหมดแล้วจริงๆ ถ้าพี่ให้พวกเราเป็นกรณีพิเศษ คนอื่นจะมองว่าพี่ลำเอียงได้ ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ไม่อยากให้มีข่าวดราม่า] ชายหนุ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จันทร์เข้าใจและก็เห็นด้วย ถ้าต้องทำให้พี่ทานต์ไม่สบายใจก็อย่าดีกว่าค่ะ” หญิงสาวเข้าใจว่าเขาเป็นนักร้อง เป็นคนดังที่กำลังมีชื่อเสียง ถูกสังคมจับตามอง ถ้าการกระทำของเธอกับเพื่อนๆ ส่งผลกระทบและเสี่ยงที่จะทำให้ทยากรเสียหาย เธอกับเพื่อนๆ ก็คงไม่สบายใจเหมือนกัน “เอาเป็นว่าจันทร์จะบอกเพื่อนๆ ให้นะคะ”

    [แต่ถ้าไปในนามของทีมงานจันทร์สนใจรึเปล่า] ทยากรเห็นว่าเพียงชิดจันทร์พูดตัดบทและอีกไม่นานเธอคงขอตัววางสายไป เขาจึงรีบรั้งเอาไว้

    เพียงชิดจันทร์ไม่อยากให้เขาเสียหาย เสียชื่อเสียง แต่ทยากรกลับอยากให้เธอไปงานที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้

    ความต้องการของหัวใจช่างสวนทางกันเหลือเกิน

    จันทร์ขอลองถามเพื่อนๆ ก่อนได้มั้ยคะ” หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบเขา “จันทร์เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพื่อนๆ ของจันทร์จะโอเคหรือเปล่า”

    [ถ้าเพื่อนๆ ตอบตกลงจันทร์บอกพี่นะ นี่เบอร์พี่โดยตรงเลย จันทร์โทรหาพี่ได้ตลอดเวลา] นักร้องหนุ่มทั้งรั้ง ทั้งอ้อนอย่างมีความหวังเล็กๆ ในใจ ทั้งอ่อยในคำพูด เขาพยายามทำทุกวิถีทางแล้วที่จะทำให้เขากับหญิงสาวได้อยู่ใกล้กันมากที่สุด [แต่จันทร์ต้องมาด้วยนะ จันทร์สัญญากับพี่แล้วว่าจะมา]

    ค่ะ จันทร์ไม่ผิดสัญญา”


    ...Loading 100 %...




    แค่นี้คะแนนพี่ทานต์ก็นำพระเอกอย่างพี่นัทไปไกลโขแล้วนะ
    ทิ้งห่างมาก มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าพี่นัทแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
    พี่ทานต์ยังจะขยันทำแต้ม ทำขนมจีบน้องอีก
    เออ นี้ถ้าหนูจันทร์ไม่รักไม่ชอบพี่ทานต์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนแล้ว






    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×