คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สาปต้องรัก :: บทที่ 2 - วาสน์ 40 %
“ใช้คูปองนี้ก็ได้ ครับป้า”
“นี่!” เหมือนทิวาทำเสียงไม่พอใจ พลางช้อนสายตามองอีกฝ่าย ดวงตาของเธอแข็งกร้าวอย่างไม่สบอารมณ์ กำลังสบสายตาอีกคู่ คนด้านหลังเธอตัวสูงกว่ามาก และยากที่จะปฏิเสธว่าเขาหน้าตาดีมาก ทั้งดูเท่และเนี๊ยบในเวลาเดียวกัน แต่หญิงสาวกลับไม่ชอบใจเลยที่เขาทำเหมือนว่าเธอเป็นคนไม่มีอันจะกิน อีกอย่างเรื่องของเธอ...เธอดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นที่อีกฝ่ายจะต้องเสนอตัวเองเข้ามาสอด
ทว่าชายหนุ่มที่เสนอความช่วยเหลือนั้น กลับไม่สนใจในน้ำเสียงและท่าทางฉุนเฉียวของหญิงสาว มิหนำซ้ำเขาทำเพียงแค่ไหวไหล่เล็กน้อย ประมาณว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขา
ป้าขายอาหารรับบัตรจากมือชายหนุ่มไปกดอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะส่งคืนให้ โดยไม่ได้ทันสังเกตเห็นสถานการณ์ที่ ‘มาคุ’ ตรงหน้าตนด้วยซ้ำ
“นี่จ้ะพ่อหนุ่ม ป้าคิดรวมไปกับข้าวของเราแล้วนะ”
“ขอบคุณครับ”
“ขอบใจนะ แต่ทีหลังนายไม่ต้องยุ่งหรอก ฉันเดินไปแลกเงินเองได้ ไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย” เหมือนทิวาทำหน้าบึ้งตึง ด้วยใบหน้าของเธอค่อนไปทางดุๆ อยู่แล้ว ถึงจะสวยในลุคทันสมัย ประเภทพวกคุณหนูบ้านรวย จอมเหวี่ยง แต่ก็น้อยคนที่จะกล้าเข้ามาทำความรู้จักกับเธอก่อน
“ถ้าไม่พอใจ ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ โอนเงินคืนได้นะ จะเอาเบอร์พร้อมเพย์ไหมล่ะ?”
ชายหนุ่มพูดอย่างไม่คิดอะไร ตรงข้ามกับเหมือนทิวาที่พอได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวก็ถึงกับเบะปาก เหยียดยิ้ม ยืนกอดอก ก่อนจะจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างดูถูกดูแคลน
ให้ตายเถอะ! หน้าตาก็ดีนะ แต่...
“นี่! มุกจีบสาวนายน่ะมันเห่ยไปหน่อยไหมยะ ถ้าคิดจะจีบฉัน...ก็หาวิธีที่ดีกว่านี้หน่อยสิ หรือว่า...” เหมือนทิวาเปลี่ยนท่าเป็นเท้าเอว จงใจต่อว่าอีกฝ่าย
“หรืออะไร?”
“หรือนายเป็นพวก ‘นักตกทอง’ กันล่ะ ลงทุนน้อย แต่หวังผลกำไรสูงเสียดฟ้า อี๋!....แบบนี้ไม่ไหวนะ”
จะคิดอะไรก็ตามใจเถอะ ชายหนุ่มมองหน้าเธอยิ้มๆ ไม่ได้คิดต่อความยาวด้วย
“คร้าบๆ”
เหมือนทิวาเห็นสีหน้ายียวนกวนโทสะของเขา เธอก็ยิ่งอารมณ์เสีย แต่ตนไม่มีเวลามากพอมาทะเลาะกับใคร เพราะความหิวมันกำลังทำให้เธอหน้ามืด วิงเวียน หญิงสาวคว้าจานอาหารที่ตนสั่งกลับไปที่โต๊ะ โดยหารู้ไม่ว่าคนที่มองตามหลังเธอนั้น อดขำออกมาไม่ได้
น้องสาวแกแสบสมคำบอกเล่าจริงๆ เลยว่ะ ไอนาคเอ้ย!
วาสน์ ได้แต่ส่ายหัว แต่เขาไม่คิดจะถือโทษโกรธอะไรเหมือนทิวา นอกเสียจากหันไปหยิบจานอาหารของตน แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองเช่นกัน
“นี่มายด์ เมื่อกี้แกยืนคุยกับใครน่ะ? หล่อละลาย มาดคุณชายม๊ากมาก~” พริมลักษณ์ ถามเพื่อนด้วยความสนอกสนใจ
แต่ใครบ้างจะไม่สน..
ในเมื่อผู้ชายที่เหมือนทิวายืนคุยด้วยนั้น หล่อ ออร่าพุ่งกระจาย ไหนจะความสูงเกิน 180 เซนติเมตรของเขา ไหนจะหน้าตาที่เหมือนพวกนายแบบผสมกับพระเอกหนังจีน คิ้วของเขาพาดตรงเฉียงรับกับดวงตาเรียว จมูกโด่งยาว หน้าเรียว มีมุมสันคมคายชัดเจน แต่งตัวก็เนี๊ยบไปทุกกระเบียดนิ้ว
เชื่อเหอะว่า ถ้าเป็นน้องใหม่ปี 1 ตำแหน่งเดือนคณะมหาลัยฯ คงอยู่แค่เอื้อม
“นั่นสิ เห็นคุยกันนานสองนานเชียว ฉันกับยายพริมก็นั่งลุ้นกันอยู่ว่าเขาจะขอเบอร์แกตอนไหน แล้วแกจะใจอ่อนให้เบอร์นายนั่นไปหรือเปล่า?” อัญวลี (อิง) เสริม “สรุปแกใจอ่อนอ่อนให้เบอร์ ให้ไลน์ เขาไปไหม?”
“ให้กับผีนะสิ!” เหมือนทิวาย่นจมูก “ฉันว่าถึงจะหน้าตาดี แต่แบบน่าจะเป็นพวกนักตกทองน่ะ ช่างเหอะๆ ฉันหิวแล้ว” เธอไม่อยากจะสนใจอีกฝ่าย แต่เพื่อนตัวดีก็ยังวกกลับมาพูดเรื่องหมอนั่นให้ชวนอารมณ์เสียอีก
“แล้วถ้าเขาไม่ใช่นักตกทองล่ะ ถ้าเขามีฐานะเท่าเทียมกับที่บ้านแก ถ้าเขามาจีบจริงๆ แกจะปฏิเสธหรือไง งานดีนะเว้ย! ปล่อยไปเสียดายของ” พริมลักษณ์ถาม ย้ำและนั่นทำให้เหมือนทิวาอดคิดไม่ได้
“เอาไว้ถ้าเราเจอกันอีกที ในเวลาที่รู้ตัวตนกัน ฉันก็จะถือว่าเป็นพรหมลิขิตแล้วกันนะ” เหมือนทิวาพูดส่งๆ แบบคนไม่ได้คิดมาก แต่ใจหนึ่งก็แอบคิดว่า...ไม่มีทางที่ พรหมลิขิตจะเล่นตลก วนให้มาเจอกันอีกครั้งหรอก
“ก็นะ ฉันพอจะเข้าใจแกได้ ก็บ้านรวย มีพร้อมทุกอย่าง หน้าตาแกก็ดี หนุ่มที่ไหนก็อยากเข้าหาเป็นธรรมดา เลยไว้ใจคนยากใช่ไหมล่ะ” พริมลักษณ์ยิ้มสดใส “ก็ดีแล้วล่ะ นี่ถ้าฉันมีพี่ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างพี่ชายแกนะ ก็คงมาตรฐานสูงเหมือนกัน พี่นาคน่ะแสนดีที่หนึ่งเลยเนอะ ว่าไหมอิง”
พริมลักษณ์เอาไหล่ไปกระแซะอัญวลีอย่างหยอกเย้า แต่ในใจลึกๆ ตนรู้ดีว่าอัญวลีแอบชอบนาคเทพมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
จะว่าไปก็หลายปีมาแล้ว
“อะ..อ่อ ใช่...ถ้าแกจะหาแฟนสักคนก็ควรหาผู้ชายที่ดีอย่างพี่นาคนั่นแหละ” อัญวลียิ้มจางๆ นั่นเพราะเธอรู้ดีว่านาคเทพกับเธอไม่มีอะไรเหมาะสมกันเลยสักอย่าง แล้วที่สำคัญคือเหมือนทิวาค่อนข้างหวงพี่ชายตัวเองมากด้วย
เธอไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน จนมองหน้ากันไม่ติด เลยเลือกที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกตัวเองเอาไว้ข้างใน แต่เพียงผู้เดียว
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
ชนม์ชนิดาภาไม่ได้กลับบ้านเพราะเธอต้องอยู่ทำบอร์ดงานวิชาการเช่นเดียวกับนักศึกษาคนอื่นๆ ซึ่งแต่ละสาขาจะส่งตัวแทนมารับผิดชอบงานในส่วนนี้
หญิงสาวโทรบอกมารดาแล้วว่าตนจะต้องนอนค้างที่บ้านของเพื่อน ซึ่งก็คือบุญสิตางค์ (แบม) และบุญยวีร์ (บีม) ซึ่งบ้านของสองคนนี้อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่นัก ที่สำคัญทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนสนิทของชนม์ชนิดาภาอีกด้วย
งานจัดบอร์ดวิชาการไม่ได้มีอะไรยากเย็นเลย แต่ต้องอาศัยความใจเย็นเข้าสู้สักหน่อย ชนม์ชนิดาภานั้นรับหน้าที่ทำพวกของตกแต่งบอร์ด ส่วนเพื่อนอีกสองคนทำเรื่องข้อมูลที่จะใช้ในการติดแสดง
เวลาผ่านเลยไปเข้าช่วงเย็น แต่ใต้ตึกหอประชุมยังคราคร่ำไปด้วยนักศึกษามากมาย ชนม์ชนิดาภาเพิ่งทำดอกไม้ และตัดโฟมเพื่อทำป๊อบอัพ แต่ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังก้มหน้าก้มตาทำอย่างตั้งใจนั้น ตรงหน้าของเธอก็มีเสียงเคาะโต๊ะดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง
“คะ?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเป็นผู้ชายตัวสูง หน้าเหมือนพวกพระเอกนิยาย เขากำลังยิ้มให้ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“โทษทีที่ขัดจังหวะนะ แต่พี่ขอถามนิดนึงสิ แบบว่าไอของพวกนี้น่ะ...” เขาใช้นิ้ววนๆ ตรงกองของประดับบอร์ด “พอจะแบ่งให้พี่บ้างได้มั้ย แบ่งขายก็ได้นะ”
“ของพวกนี้หรือคะ?”
“ใช่ คือแบบว่าที่สหกรณ์ของ มหาลัยฯ เราน่ะ มันหมดเกลี้ยงเลย พวกกระดาษสี โฟมก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ถ้าจะซื้อก็ต้องออกไปร้านขายเครื่องเขียนข้างนอก แต่เย็นแบบนี้รถติดเป็นตังเมแน่ พี่เลยอยากขอแบ่งซื้อของพวกนี้จากเราหน่อย”
ชนม์ชนิดาภาลังเลใจนิดนึง แต่เธอยังไม่ทันให้คำตอบอีกฝ่าย เพื่อนสองคนที่เดินไปปริ้นงานก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง หน้าของทั้งคู่มันแพลบแสดงอาการอ่อนล้า และเหนื่อยหน่ายเต็มทน
“อ้าว ทำไมเดินกลับมาหน้าอย่างนั้นล่ะ?”
“โหย อย่าให้พูด แถวยาวจนจะออกขอบชายแดนไทยอยู่แล้ว ไหนว่านักศึกษา ม.เรารวยไง เหอะ..ทำไมไม่ยกเครื่องปริ้นมาเองวะ จะมาต่อแถวแย่งคนจนอย่างเราทำไม!”
แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
ความคิดเห็น